เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    ขอโมทนาสาธุสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณอ้องนะคะ อานิสงฆ์ของคุณที่ทำได้ถึงขนาดนั้น มาจากการฝึกฝนแล้วก็น่าจะเป็นเพราะคุณทำกรรมดีมากในชาติก่อน จึงส่งผลให้คุณได้อภิญญา ณ จุดนี้ ขอให้คุณพบแต่สิ่งดี ๆ ตลอดไปนะคะ
     
  2. สบู่เลือด

    สบู่เลือด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +391
    อ่านแล้วได้รู้อะไรใหม่ๆเพิ่มเยอะเลยค่ะ อนุโมทนาในความเมตตากรุณาของเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ
     
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    กลิ่นสาปของกายมนุษย์

    คนทุกเชื้อชาติ ทุกที่สิ่งที่แตกต่างคืออาหารการกิน
    และสิ่งที่กินก็หนีไม่พ้น คือเนื้อสัตว์
    คนแขกอยู่ใกล้คนจีนจะรู้สึกเหม็นกลิ่นหมู
    คนจีนใกล้แขกจะรู้สึกเหม็นกลิ่นวัวและเครื่องเทศ

    ถ้าเราอยู่ใกล้ใครที่มีกลิ่นกายแรงๆ เราจะอึดอัดเวลาอยู่ในลิฟท์จะชัดเจน
    คนจึงดับกลิ่นด้วยความหอมของน้ำหอมแต่ละชนิด

    ความเป็นสัตว์บางชนิดเช่นสุนัข จมูกสามารถรับกลิ่นดีกว่ามนุษย์ถึง๕เท่า
    แยกแยะในสิ่งละเอียดแตกต่างระหว่างกลิ่นเจ้านาย กลิ่นศัตรูที่มาทับกลิ่นมัน
    และได้กลิ่นกายสาวของสุนัขหอมลอยไกลมาเกือบ๒กิโล

    มนุษย์มีกลิ่นสาปสางอยู่ภายในกระจายไปไกลแต่ดับกลิ่นด้้วยสบู่ของหอม
    มีจิตวิญญาณประเภทหนึ่งคือเทพ
    เทพที่ผุดขึ้นมาจากบุญล้วนๆ มีสภาพกายละเอียด รับรู้ในสิ่งที่ละเอียดไปทั้งมิติ
    ของรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ลุ่มลึกไปทุกอณู

    จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจับเทพมานั่งอยู่หน้ามนุษย์ที่ไม่มีศีล มีธรรม

    สิ่งที่ท่านบอกคือ" บ่ออุจจาระขนาดใหญ่กระจายกลิ่นแบบเต็มๆ รับรู้ไปถึงขนาดจะแทบสัมผัสว่า นี่ไม่ใช่กลิ่นแต่เหมือนโดนอุจจาระปาเข้าจมูกไปเต็มๆ

    สิ่งที่ตามมาคือ กลิ่นสาปสางของสัตว์เน่าที่อยู่ในกายมนุษย์ ซึมซาบออกมาจากรูขุมขนกระจายออกมาทุกอณูเหมือนกลิ่นเป็นก้อนๆเหมือนลมกลิ่นสาปกระทบแบบเต็มๆ"

    อ้องถามท่านว่า"ท่านยังใช้จมูกสูดดมอีกหรือ ท่านไม่มีสภาพของมหาภูตรูป๔ครอบอยู่ ย่อมไม่แสวงหาอากาศมาดำรงค์ชีพ สิ่งที่ทำให้มีชีวิตคืออำนาจของบุญ เสวยปีติ สุขอยู่ ทำไมจึงไปสูดดมเอากลิ่นเช่นนี้ได้อีก"

    ท่านตอบว่า"ขึ้นชื่อว่าโลกแล้วก็คือทุกภพภูมิ ที่ไหนมีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
    ที่นั่นก็คือโลก เพียงแต่ว่าโลกมีตั้งแต่อย่างหยาบคืออบายไปจนสูงสุดคือพรหม
    เป็นมิติ เป็นวงจิต เป็นภพ ไม่ว่าจะเสวยบุญ เสวยบาปก็คือต้องอยู่ที่โลกนั้นๆ

    ไม่ต่างจากประเทศในโลกมนุษย์ที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไปคือรวยมาก
    กับจนมาก

    ท่านเรียกว่าภพแต่ละแห่ง มีความสามารถแตกต่างกัน

    เช่นสัตว์ที่อบายจะมีความสามารถทนความร้อนที่เผาพลาญกายได้ในระยะหนึ่ง
    เพราะเสวยบาปจึงมีกายที่หนา เหนียว แข็ง อึด บึกบึน รับรู้ผัสสะแต่สิ่งหยาบ เพื่อรับสภาพที่ต้องรับกรรมแบบสาหัสสากัลย์

    ส่วนเทพมีสภาพกายที่อ่อนนุ่ม เบา สบาย รับรู้ผัสสะที่ละเอียด ตรงกันข้ามกับสัตว์ในอบาย

    ทุกๆภพจึงยังมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปตามวิบาก ตามกรรมที่หนุนส่ง

    การที่ยังรู้กลิ่นได้ก็เพราะความเคยชินเพราะท่านอยู่กับความหอมของศีล
    เมื่อมารับผัสสะกระทบของมนุษย์ที่ไม่มีศีลจึงทำเอาท่านแย่และรีบไป

    สีลคนฺโธ อนุตฺตฺโร กลิ่นศีลหอมบริสุทธิ์แท้ มนุษย์ที่มีกลิ่นสาปแต่มีศีลย่อมถูกศีลที่รักษา ปกคลุมด้วยกลิ่นศีลดั่งน้ำหอมที่บริสุทธิ์เหมือนดั่งไม้จันทน์หรือกฤษณา
    หอมตลบฟุ้งกระจายไปทั่ว
    ยามเมื่อพูดคุยจึงไม่รู้ถึงกลิ่นอื่นใดเลยเพราะกลิ่นศีลมีอำนาจมาก
    หอมทวนลมไปไกล กระจายฟุ้งจนปวงเทพเทวาอยากอยู่ใกล้หรือมาคุยและไม่อึดอัด
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สิ่งที่ใช้ตามนุษย์ดูไม่ได้

    เรื่องที่น่าแปลกก็คือ
    บางครั้งทำไมเราจึงรู้สึกถึงความอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้คนบางคน
    หรือมีความรู้สึกปลอดภัย ชุ่มชื่น สบายใจ

    อ้องจะขออธิบายเรื่องกระแสที่รับรู้ได้ด้วยผัสสะหรือรับรู้ได้ด้วยการมองที่เหมือนใช้ตาแต่ไม่ใช่ตา อ้องว่ามันเหมือนกับผุดเข้ามาในความรู้สึก ไม่ใช่ตามอง

    คนทุกๆคนมีจริตนิสัยที่แตกต่างกันออกไปและคนทุกๆคนที่ยังมีจิตแห่งปถุชนก็ย่อม
    มีคิดดี คิดชั่ว สลับหมุนวนเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ

    แต่คนที่มีศีลมีคุณธรรมจะมีสิ่งที่เตือนตนคือสำรวมระวังรักษา

    ส่วนคนที่ไม่มีศีลไม่มีธรรมจะปล่อยความคิดของตนไปตามอำนาจของกิเลส
    โดยไม่รู้จักควบคุม สำรวมระวังรักษา มีคิดดี คิดชั่วอยู่ตลอดเวลา

    เราจึงจะเห็นว่าคนมีศีลจะมีสภาพพลังงานที่บางคน มั่นคงเสมอ หนักแน่น
    สำหรับผู้ที่อบรมสติ ภาวนา อยู่เสมอ สติที่ก่อเกิดยิ่งมีสภาพที่บางครั้ง
    ทรงกำลังอยู่ในอารมณ์แห่งศีล สมาธิ ปัญญา ได้นานอยู่หลายขณะ

    เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนแต่ละคนมีสภาพจิตภายในเป็นเช่นไร
    ก่อนอื่นก็คือ"รู้เค้าก็ต้องรู้เราก่อน"

    เราจะต้องรู้จักเรื่องพลังงานของจิตเสียก่อน ว่าจิตมีอำนาจมากถ้ารู้จักนำมาใช้
    พลังงานที่จิตใช้ทำได้มี ด้วยการ ส่ง แผ่ ดึงดูด ควบคุม และรับรู้สัมผัสทางใจ ผุดขึ้นมาด้วยแวบเข้าไปรู้ ไปเห็น

    จิตทุกชนิดมีพลังงานและเมื่อสัมปยุตต์กับอารมณ์ชนิดใด ย่อมปรากฏรัศมี
    แสงสี เพราะไม่ต่างกับพลังงานไปจุดกับเชื้อฟืนแต่ละชนิด ไฟแต่ละกอง
    ไม้ฟืนแต่ละชนิด ย่อมให้ความสว่าง สีสรรแตกต่างกันออกมา

    ถ้าถามอ้องว่า คนธรรมดารับรู้ไม่ได้หรือ
    อ้องตอบว่า"ได้ และรับรู้เสมอด้วย แต่รับรู้ด้วยผัสสะกระทบ ไม่ใช่การมองเห็น"

    คุณเคยรู้สึกไม๊เวลาอยู่ใกล้คนบางคนจะมีความรู้สึกเช่นนี้

    รู้สึกคนๆนี้เซ็กซี่ ยั่วยวน ชวนวาบหวาม ทั้งๆที่หน้าตาก็งั้นๆแต่เหมือนรับกระแส
    อ่อนๆ แบบอบอุ่นที่ยั่วยวนใจ ใจที่กลางอกมันจะรู้สึกถึงความซาบซ่าส์ เหมือนถูกเรียกร้องให้ดู ให้สัมผัส
    อ้องขอบอกว่า ให้รีบๆห่างๆจากคนนั้นโดยเร็ว เพราะคนๆนั้นกำลังหื่น มีราคะจิตมาก ปรารถนาในการเสพกาม คิดแต่เรื่องกามราคะ และใจภายในคนนั้น
    เค้ากำลังเรียกร้องหาสิ่งที่จะมาระบายฟืนที่ลุกแผดเผาใจเค้าอยู่เพื่อให้อารมณ์นั้นดับไป นี่คือ จิตราคะ.........สัมผัสด้วยใจ แต่ถ้ามองด้วยตาในจะเห็นรัศมี
    สีเหลือง สีส้ม สีแดงสด ถ้าราคะจิตยิ่งมากสียิ่งเข้มข้นและมีสีเหลื่อมหม่นผสม
    แผ่ออกมาในรูปของพลังงาน

    พลังงานชนิดนี้จะไปปลุกพลังงานของคุณให้ตื่น เหมือนเชื้อฟืนเรียกร้องเชื้อฟืนอีกกองหนึ่งให้เข้ามาหา คุณจึงรู้สึกเหมือนยั่วยวนใจ เพราะเค้ากำลังส่งใจมาหาคุณ ทั้งๆที่เค้าไม่ได้มองคุณ

    เดี๋ยวมาต่อครับ สิ่งที่ใช้ตาดูไม่เห็น ใช้สัมผัสกระแสเอา แต่ถ้ามีตาในดูจึงเห็น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2009
  5. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    โกรธแบบรุนแรง อาฆาตแบบยาวนาน ระวังด้วย

    นิสัยแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน แต่คนที่มีนิสัยที่เจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด
    เอาแต่ใจ นี่ยังไม่เรียกว่า เสียหายมากนัก แต่ถ้าหาก เจ้าอารมณ์ฉุนเฉียว
    และมีแรงโกรธแบบรุนแรง ขอเหอะ...

    คือการที่คนเราโกรธมันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ แต่โกรธแรงและบ่อยนี่ส่งผลต่อ
    วิญญาณภายในด้วยเพราะ จิตที่ไปสัมปยุตต์กับอารมณ์ชนิดใดก็ตามย่อมสร้างเชื้อ
    สะสมเชื้อชนิดนั้นๆ เอาไว้ที่จะรอวันส่งผล

    ทุกครั้งที่เราโกรธแบบแรงจัด จิตมันจะไปสร้างภพ สะสมภพ ด้วยแรงสั่นสะเทือนของพลังงานชนิดหนึ่ง วงจิตหยาบ ภพหยาบ บางคนโกรธนาน นี่น่ากลัว
    บางคนโกรธอาฆาต สาบแช่ง นี่ยิ่งน่ากลัวสุดๆ คือกลัวว่า ไม่พ้นนรกขุมลึกๆ

    จิตยิ่งหยาบยิ่งจมลึก จิตยิ่งละเอียดยิ่งลอยสูง สิ่งนี้คือพลังงานขั้วบวก ขั้วลบ

    มันเหมือนเราไปช๊าตพลังงานไฟฟ้าให้ภพหนึ่งที่รอวันจุดระเบิด

    คนที่อยู่ใกล้อ้องๆมักจะเตือนเค้าว่า....

    อย่าโกรธรุนแรง เรียกสติตนกลับมา อย่าสะสมภพหยาบ นี่คือกิเลส กรรม รอวิบากส่งผล โกรธไม่ได้โง่ โมโหไม่ได้บ้า แต่ไปนรก

    เพราะความโกรธ ศีลหายเกลี้ยง คุณธรรมไม่เหลือหลอ จ้องเบียดเบียนอยู่เต็มที่
    รอวันจะเอาคืน แถมไปตรึกนึก เก็บเอามาอาฆาตแค้น

    สิ่งที่น่าเห็นใจคือ ความรักที่กลายมาเป็นความแค้น
    อ้องรู้สึกเห็นใจแต่ก็คงขอเตือนว่า..
    เค้าทำให้เจ็บช้ำน้ำใจก็พอเพียงแล้ว ใยให้เค้าถีบเราลงนรกอีกด้วยเล่า...

    คุณเคยรู้สึกไม๊...
    ยามที่คุณอยู่ใกล้คนบางคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย คุณจะรับรู้ถึงความอึดอัด คับแคบ ถูกกดข่มใจ คุณจะรับรู้ไปถึงความหนาวๆร้อนๆ เหมือนกระแสพลังงานเป็นก้อนๆมากระทบแบบแข็งๆ ร้อนๆ อึดอัด น่ากลัว
    ถ้าคุณรับรู้สึกเช่นนั้น...
    คนๆนั้นเป็นคนที่โกรธ อาฆาตชิงชัง สะสมเชื้อฟืนแห่งนรกภายในจิตที่รอวันเผาผลาญวิญญาณตนเอง ขอบอกนะครับ อย่าให้เค้าดึงดูดคุณด้วยความเชื่อ
    ความศรัทธาที่เต็มไปด้้วยนรกภูมิ
    บุคคลที่สอนคนให้จงเกรียดจงชัง บุคคลที่สอนให้คนเคียดแค้น บุคคลที่สอนให้คนลุกขึ้นมาจับอาวุธห้ำหั่นกัยและกัน

    พวกนี้คือเจ้าแห่งขุมนรก ไม่ใช่ยมบาล แต่เป็นหัวหน้าฝูงชน พวกนี้มีอำนาจมาก
    พลังงานการสื่อการชักนำระดับชาติ ระดับโลก พูดถูกเป็นผิดได้ พูดอย่างไรคนก็เชื่อถือได้
    ถอยห่างออกมาเถอะครับ....
    อย่าไปสะสมเชื้อฟืนในใจเราเลย จงนึกถึงว่า เรามีสรณะที่พึ่งคือพระรัตนตรัยในใจเราอยู่แล้ว อย่าให้เกิดการดึงดูด เรียกร้องให้ลงนรกเลย

    ความโกรธจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะกายก็ร้อนรุ่ม ใจก็เร่าร้อน มีอบายเป็นที่ตั้ง
    เพราะไปสะสม ไปช๊าตไฟในวิญญาณของตนเอง
    นี่คือการรับกระแสความรู้สึก แต่ถ้าใช้ตาในมองมันจะผุดขึ้นมาให้เห็นว่า

    จิตคนนี้สัมปยุตต์อารมณ์โทสะขนาดไหน เพราะรัศมีกระจายออกเป็นวงกว้าง ขยายขนาดไหนตามอำนาจคนที่สะสมเชื้อนี้มา สีสรรที่ปรากฏแดงเข้ม ออกเหลืองแก่ ยิ่งเข้มมาก ยิ่งอาฆาตรุนแรงดั่งกะแม่มดที่พร้อมจะสาบแช่ง
    ทั้งเห็นแก่ตัว และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนทำคือสิ่งถูก ยิ่งมีสีหม่นน้ำตาลแก่ปรากฏ

    ยิ่งแสดงถึง โกรธ อาฆาต และจ้องทำลายแล้ว ขอให้ห่างเอาไว้ในทันที
    อย่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่เต็มไปด้วยโทสะ คุณจะถูกดึงดูดเข้ากลุ่ม
    ถ้าคุณธรรมน้อย พลังจิตน้อย รักษาศีลน้อย คุณจะโดนกลมกลืนเหมือน

    หาเหาใส่ตนเอง ไปอยู่กับไฟ กระโดดเข้ากองเพลิง
    ไม่ต่างกับคนที่ยังไม่มีราคะแต่ไปดูหนังโป๊
    ไม่ต่างกับคนที่ร่มเย็นแต่ไปอยู่กับเพื่อนพาล เห็นถูกเป็นผิด

    ขอนะครับ... อย่าสะสมเชื้อฟืนชนิดนี้ เพราะแสบเผ็ดร้อน ทำลายวิญญาณ ทำลายห้วงเวลา หยุดอยู่กับภพที่เลวร้ายอย่างนานแสนนาน ไม่คุ้มกันเลยครับ
     
  6. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    สวัสดีครับอาอ้อง...

    .. อาครับผมมีเรื่องด่วนเลยครับอา ช่วยตอบเร็วๆได้มั้ยครับอา...

    ..คือเมื่อคืนวานนาะครับอาที่บ้านผม มีลมแรงมากเลยซึ่งไม่เคยมีมา ผมออกมานั่งที่หน้าบ้าน ผมคิดว่ามันคงเป็นลางอะไรไม่รู้ ผมบอกในใจว่า อย่าให้เกิดอะไรกับเราเลย และจู่ ๆ มะพร้าวก็หล่นตุ๊บ ลงมาใส่หลังคาบ้าน จนผมตกใจหมดเลย ..

    ... เมื่อวานเป็นไรไม่รู้ครับอา ผมไม่ได้สวดคาถาชินบัญชรเลย พอตกค่ำ..

    ปามาณหกทุ่มกว่าได้ แม่ผมเห็นเงาดำๆ มายืนอยู่เท้าแม่ผม และวมาบอกให้แม่ผมลุกขึ้นมา แม่บอกบอกว่าไม่ลุกแล้วแม่ก็เอาเท้ายันผีออกไป... แล้วซักพักแม่ก็ไปปิดหน้าต่าง..

    ..มันเป็นเหตุการณ์อะไรครับอา มันเป็นลางร้ายหรือป่าว หรือว่าเขาจะมาทวงเอาวิญญาณ อาตอบทีได้มั้ยครับ ด่วนเลยครับอา ร้อนใจมาก มีวิธีแก้มั้ยครับ
     
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    รับรู้ด้วยความรู้สึก ผุดขึ้นมาเหมือนเงาฉายแสง

    การที่เราเฝ้าดูจิตในจิตตามรู้อยู่เสมอ ทำให้เราทันจิตที่แวบเข้าไปรู้สภาวะธรรมของ
    ขันธ์ที่ปรากฏ การที่เราทันจิตตน เราจะเห็นว่าจิตที่แวบเข้าไปรู้อารมณ์แล้ววางมันลง
    ต้องอาศัยสติที่มีกำลัง มีใจที่เป็นกลาง

    การที่เราจะรู้จิตที่เกิดดับแท้จริง แถมเกิดดับเร็วกว่าแสง จิตต้องตั้งมั่น มีกำลัง
    และมีอุเบกขาธรรมเป็นตัวเชื่อมโยง จิตที่กลายมาเป็นใจ จะเที่ยงธรรมที่จุดอุเบกขา

    มองความจริงที่ผ่านแวบเข้ามาเหมือนสายลม แสงแดดระยิบ เงาฉายส่อง
    สิ่งที่เราจะรับรู้จิตผู้อื่นก็เหมือนเรารับรู้จิตเราอย่างถูกต้องเที่ยงธรรม

    ดังนั้นการที่เราเห็นจิตตนเหมือนเงาฉายแวบเข้ามา เหมือนสายลมพัดผ่านหาย
    เหมือนแสงแดดระยิบระยับ จิตผู้อื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน

    อ้องเองเป็นฆราวาส ครูอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุ ท่านจะไม่มาพูดละเอียดยิบเพราะจะเข้าขั้นอวดตนเอง แต่อ้องเข้าขั้น ด่าตนเอง...เพราะสิ่งที่เข้าไปรู้ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ ไม่ได้เรียกว่าเก่ง ไม่ได้เป็นบ่อยๆเพราะยังติดกามคุณ๕
    ยังทำดี ทำชั่ว และอ้องก็ไม่ทนงเพราะมันจะทำลายปัญญาอ้องเองซะก่อน

    การที่เราจะรับรู้จิตเห็นเรื่องแปลกๆ มันจะเหมือนไม่ได้ใช้ตา แต่มันเร็วมาก
    เกิดขึ้นเร็วมาก เพราะจิตของคนเราเกิดดับเร็วมาก เราจะเห็นชั่วแวบเหมือน
    เงาของรูปนามผุดเข้ามาและหายไป แต่เราจะรู้ชั่วแวบขณะว่า

    คนๆนั้น จิตสัมปยุตต์อารมณ์เช่นใด เพราะจะเหมือนเงาที่เราชำนาญในการดูเงาตนเองมาก่อนแล้ว

    ไม่รู้จะเข้าใจกันไม๊นะครับแหะๆ...
    คือบางครั้งอ้องจะเหมือนเห็นเงาแวบเข้ามาเป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่อ้องจำได้ว่า
    จิตชนิดนี้กำลังปรุงโมหะอยู่ นั่นก็เพราะอ้องเคยเห็นเงาแห่งโมหะตนเองบ่อยๆ

    อ้องจึงเห็นเงาโมหะคนอื่นได้เช่นกัน จิตที่สัมปยุตต์กับโมหะจะมีลักษณะทึมๆ
    มัวๆ เทาอ่อน เหมือนพยัคเมฆ ระยิบเหมือนแสงแดดสัมผัสด้วยใจรู้สึกอ้าว อบ
    อึดอัด ตรงนี้วิญญาณอสูรกายเวลามาจะมีเงาดำและกลุ่มควันทมึนสีดำเข้ม สีเทา มีผลต่อจิตวิญญาณภายในของเราทำให้อึดอัด แน่น ถ้าโดนกดทับ

    ครูอาจารย์ที่เห็นจิตของศิษย์ที่ไปสัมปยุตต์กับอารมณ์โมหะจึงจะเตือนว่าหลงเผลอเข้าไป และปรุงแต่งโมหะสำทับจมแช่กับอารมณ์ เพราะโมหะคืออกุศล
    ที่มนุษย์ล้วนเข้าไปจมแช่ตลอดชีวิต

    บุคคลบางคนถ้าจิตเรามีกำลังดีพอเราจะเห็นแสงแวบสว่างสะอาดขาวใสฟุ่งเข้ามากระจายกว้างอออก แผ่เป็นวง ยามที่สัมผัสจะรู้ถึงความสดชื่น เย็นใจ สบายใจ เหมือนเราพึ่งตื่นนอนยามเช้ารับรู้อากาศที่สดใสสะอาดอย่างสดชื่น
    นี่คือกลิ่นศีล และรัศมีแห่งคุณธรรม ไม่เสมอเหมือน บางคนกว้างกระจายไกล
    นี่คือการสะสมพลังงานของศีล คุณธรรม เมื่อสัมผัสรูปรัศมีจะรู้ถึง
    ความน่ารัก ความสดใส ความปลอดกัย ความสดชื่น ความน่านิยมยินดี

    เพื่อนๆก็มีศีล มีคุณธรรมเช่นกัน แต่แตกต่างกันไปตรงที่การสะสมแต่ละท่าน
    คนที่อยู่ใกล้จะรู้ถึงความชื่นใจ มีสุข ปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ท่านครับ

    บุคคลบางคนทำสมาธิตนเองสม่ำเสมอ ทำความรู้สึกตนเองไม่ปล่อยให้กามคุณ๕ครอบงำ มีศีล มีคูณธรรมแถมยังมีกำลังของสมาธิที่รักษาเอาไว้ ด้วยการสำรวมสติ บุคคลคนนั้นจะมีรูปรัศมีสว่างสะอาดปกคลุม แผ่ความเย็นกระจายออก

    วิญญาณร้ายเข้าใกล้ไม่ได้ รัศมีระยิบระยับเป็นกระกายที่สะอาดสดใส สว่างเป็นกระกายระยิบ เมื่อสัมผัสด้วยใจจะรับรู้ถึงความน่าเคารพ ความน่าเกรงขาม
    ความน่าศรัทธา ความสบายและร่มเย็น นี่คือ ศีล คุณธรรมและสมาธิ มาไหลรวมกันในคนๆหนึ่ง จึงมีกระแสดึงดูดที่น่าเคารพศรัทธา

    บุคคลบางคนอบรมสติ ปัญญาก่อเกิดเห็นความจริงของธรรมชาติตามจริง
    ด้วยสัมมาสมาธิ มีสัมมาสติเป็นเครื่องรู้ มีอุเบกขาธรรมเป็นตัวเชื่อม มองความจริงด้วยสัมมาทิฎฐิ มีความเพียรชอบปรากฏ มีองค์มรรคทั้งหมดเคลื่อนไหว
    เห็นแจ้งซึ้งอริยสัจ ละเหตุด้วยมหาสติแม้ชั่วขณะหนึ่งก็ลื้อภพลื้อชาติ

    จิตที่กลายมาเป็นใจและเข้าไปรู้ความจริงก็คือปัญญา เมื่อสัมผัสจะรับรู้ถึงความน่าบูชา น่ายกย่อง รูปดาวประกายพรึก แสงสว่างกระจายเป็นแวววาว
    เป็นกลวยแสง เป็นดวงดาว สะอาดสดใส มีความโปร่งโล่ง มีความบริสุทธิ์สดใส มีศีลแห่งอริยมรรคปรากฎ ครูอาจารย์ที่เห็นจิตของศิษย์จะบอกได้ว่า
    คนนี้เจริญสติเก่ง ทำวิปัสสนาดี มีปัญญาดี

    รูปลักษณะแสงสี การสัมผัส การรับรู้ จะผุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท่านต้องเร็วต่อจิตตน จึงเห็นจิตผู้อื่นได้ ส่วนอ้องเอง แค่หางอึ่ง เป็นๆหายๆ รู้บ้างไม่รู้บ้างแต่เข้าใจจึงเขียนอธิบายมาให้อ่านกันดู

    รู้จิตเราเท่าทันก็รู้จิตผู้อื่นครับ....
     
  8. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    อาตอบทีครับ

    สวัสดีครับอาอ้อง...

    .. อาครับผมมีเรื่องด่วนเลยครับอา ช่วยตอบเร็วๆได้มั้ยครับอา...

    ..คือเมื่อคืนวานนาะครับอาที่บ้านผม มีลมแรงมากเลยซึ่งไม่เคยมีมา ผมออกมานั่งที่หน้าบ้าน ผมคิดว่ามันคงเป็นลางอะไรไม่รู้ ผมบอกในใจว่า อย่าให้เกิดอะไรกับเราเลย และจู่ ๆ มะพร้าวก็หล่นตุ๊บ ลงมาใส่หลังคาบ้าน จนผมตกใจหมดเลย ..

    ... เมื่อวานเป็นไรไม่รู้ครับอา ผมไม่ได้สวดคาถาชินบัญชรเลย พอตกค่ำ..

    ปามาณหกทุ่มกว่าได้ แม่ผมเห็นเงาดำๆ มายืนอยู่เท้าแม่ผม และวมาบอกให้แม่ผมลุกขึ้นมา แม่บอกบอกว่าไม่ลุกแล้วแม่ก็เอาเท้ายันผีออกไป... แล้วซักพักแม่ก็ไปปิดหน้าต่าง..

    ..มันเป็นเหตุการณ์อะไรครับอา มันเป็นลางร้ายหรือป่าว หรือว่าเขาจะมาทวงเอาวิญญาณ อาตอบทีได้มั้ยครับ ด่วนเลยครับอา ร้อนใจมาก มีวิธีแก้มั้ยครับ
     
  9. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบตั๊ม

    น้องตั๊มครับ

    วิญญาณนะสู้แม่ตั๊มยังไม่ได้เลย นี่ไม่ใช่วิญญาณร้ายหรอกครับ
    ถ้าร้ายนะมากกว่านี้เยอะ...

    ทำใจสบายๆ รักษาศีลที่เราไม่เคยทำมาก่อน สวดมนต์ภาวนาที่เราไม่เคยทำมาก่อน ก็ให้สิ่งที่เค้าคอยดูแลเราด้วย อุทิศให้เค้าด้วยนะ ไม่มีอะไรหรอก

    ก็แค่มาขอ เราที่ไม่เคยมีอำนาจของศีลแล้วเกิดจิตตั้งใจในกุศลขึ้นมา
    นี่ละสิ่งดีละ ตั๊มกลัวผีเหรอ...

    ถ้ากลัวก็รักษาศีลจิตจะแผ่ความเย็นออกมาปกคลุมกาย และถ้าไม่อยากเจอก็บอกเจ้าที่เอาไว้ว่าไม่ต้องการให้ใครมาเยือนแต่จะอุทิศให้เสมอๆ

    ตั๊มอาจจะเริ่มทำได้ในวงขนาดบ้าน รอบบ้านไปก่อน
    แผ่เมตตา และอุทิศกุศลนะ
    ศีลที่รักษา สวดมนต์ ภาวนา มีกุศลมีอำนาจมาก เรียกวิญญาณให้เข้ามาหา
    เพราะเห็นสิ่งดี ส่วนที่อยู่ในบ้านที่ไม่ดีกำลังจะถูกตั๊มขับออกไปด้วยเพราะศีล เพราะคุณธรรมของตั๊มเอง บ้านจะเริ่มร่มเย็นเป็นลำดับ

    กลัวอะไรละครับ คนสำนึกตนฮึ...

    ความดีจะขับเอาสิ่งไม่ดีที่มีอยู่ออกไป ให้เพียรชอบในการรักษา สำรวม
    แผ่เมตตา สวดมนต์ ภาวนา บ้านจะประสพสุข สิ่งดีๆจะเข้ามาในไม่ช้า
    ปวงเทพจะมาเยือน อีกไม่นานจะฝันดีมีชัยทีเดียว

    นี่แค่เริ่มพวกที่อยู่ไม่ไหวเพราะทนต่อศีลและคุณธรรมตั๊มมาลองฤทธิ์ก็แค่นั้น
    เค้าเข้าหาตั๊มไม่ได้ก็เข้าหาคนอื่น ตอนนี้ก็ต้องม้วนเสื่อออกซะแล้ว

    เพียรชอบให้เพิ่มขึ้น ทำใจให้ร่มเย็น ทำดีให้ถึงพร้อม ไม่ทำชั่วทั้งปวง
    สิ่งร้ายจะหายไป สิ่งดีจะเข้ามา ภัยพาลจะหมดฤทธิ์ เพราะแพ้คนมีศีลมีธรรม
    เช่นตั๊มที่เริ่มมีจิตสำนึกไง ทำดีแล้วกลัวอะไรกันนักละฮึ...มีของดีก็ใช้ซิ

    สวดมนต์ ทำใจร่มเย็นแผ่ปกคลุมบ้านซะ ศีลและคุณธรรม และบทสวด
    แห่งพระพุทธคุณมีอำนาจมาก เมื่อรวมกำลังเข้ากัน สิ่งร้ายก็หายเรียบจ๊า...

    อนุโมทนาทำดีแล้ว รักษาเอาไว้นะ
     
  10. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    ขอบคุณครับอา

    แต่...โฮ้ย... ทำผมเกือบใจหายอะๆ อยู่กับร้อยวันพันปีมีเคยมา... ตั้งแต่ผมหัดทำสมาธิดันมาได้แฮะๆ "ขอบคุณครับอา" นึกว่าผีจะมาเอวิญญาณซะอีก

    ... วันนี้ยังไงก็ ต้องเจอพระคาถาชินบัญชร 3 จบ ...

    ... ไปแระครับอะ...^^
     
  11. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ขอน้อมอนุโมทนาบุญกุสล ที่นำบทความดีๆมาให้อ่านกันนะค่ะ ยาวมากแต่จะค่อยๆอ่านไป เพิ่มพูนความรู้และปัญญาค่ะ มีเวลาก็จะแวะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจให้ทำความดีต่อไป และขออานิสงค์ที่ท่านได้ทำในครั้งนี้ด้วยการนำสิ่งดีๆมาบอกกล่าว จงส่งผลให้ท่านมีสติปัญญาเฉียบคม สามารถแก้ไขปัญหา อุปสรรค และวิกฤต ทุกอย่างไปได้ด้วยดีและทุกๆครั้ง ขอให้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป สามารถก้าวพ้นวัฎสงสาร และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้นะค่ะ

    ลืมบอกไปค่ะ ว่าสวดบทพระคาถาชินบัญชรทุกคืนค่ะ ถ้าวันไหนเป็นวันหยุดหรือวันพระ ก็จะสวดทีละ 9 จบ บางทีก็สวด 108 จบ (ช่วงเข้าพรรษา ใช้นับลูกประคำสวด) แต่ก็ไม่เคยเจอปาฎิหารย์อะไรเหมือนกันนะค่ะ เพียงแต่สวดแล้วมีความปิติขนลุกซู่ซ่าทุกครั้ืง แต่อย่าลืมที่สมเด็จโตท่านเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อไม่ถึงเวลาขออะไรก็ยังไม่ได้ เมื่อถึงเวลาแล้ว เทวดาฟ้าดินก็ฉุดไม่อยู่เลยทำใจค่ะ เพียงแต่มีศรัทธาในพระคาถาว่าศักดิ์สิทธิ์ ขลังจริงๆก็พอแล้วค่ะ เคยดูภาพยนต์ ประวัติของสมเด็จพระุพุฒาจารย์โต ยิ่งทำให้เราอยากสวดมากขึ้นค่ะ นำบทเพลงของพระคาถาชินบัญชร มาฝากนะค่ะ ตามลิงค์ไปได้เลยค่ะ

    http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/6034
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2009
  12. คนดีเมืองหาดใหญ

    คนดีเมืองหาดใหญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +243
    อ่านมาสองวันแล้วว่าจะถามคุณอ้องในเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจ คือการท่องคาถาชินบัญชร ซืงเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถท่องได้ทุกสถานที่ที่เราต้องการมั้ยคะ เห็นบางคนบอกว่าคาถานี้จะไปทำร้ายกับจิตวิญญานที่อยู่รอบตัวเรา แล้วจะทำยังไงดีคะถ้าเป็นอย่างนี้เพราะตัวเองก็ชอบสวดบทนี้เสมอแม้กระทั้งขับรถ แต่ก็ไม่อยากทำให้จิตวิญญานใดที่อยู่รอบตัวเราต้องทรมานและเดือดร้อนกับคาถาที่เราสวดค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พระคาถาไม่ได้ทำลายสรรพสัตว์ให้พินาศ(คนดีเมืองหาดใหญ่)

    พระคาถาไม่ได้ทำร้ายสรรพสัตว์ให้พินาศแน่นอน

    หลวงพ่อโตท่่านก็ไม่เคยทำลายอะไรและนำไปใช้ในทางทำลายด้วยครับ

    พระคาถาจะศักดิ์สิทธิ์ได้อาศัยด้วย ศีล ศรัทธา สมาธิและคุณธรรมภายใน

    ศีลคือความปกติของจิตที่ไม่เบียดเบียน
    ในขณะที่เราสวดมนต์มีสติรู้อยู่ ศีลย่อมปรากฏ
    สำรวจได้ด้วยใจ

    เราสำรวจใจได้ครับว่าใจเราสะอาด บริสุทธิ์ เมื่อศีลปรากฏเกิดขึ้นจะเกิดรัศมี
    คลุมกายและจิตภายใน
    มีลักษณะสว่าง สะอาดระยิบระยับสดใส
    มีรูปลักษณะน่านิยมยินดีในศีล
    สัมผัสได้ด้วยความชุ่มชื่นร่มรื่นร่มเย็นอยู่ภายใน

    เริ่มต้นเราสำรวจใจ ใจก็ปรากฏอยู่แล้วว่า ไม่ได้จ้องเบียดเบียน
    ความเย็นของศีลที่ปกคลุมกายและจิตที่ปรากฏ
    จะต่างกับความร้อนแห่งกายบาป

    สิ่งสองสิ่งเป็นธรรมคู่ตรงข้ามกัน คือ กายแห่งศีล(เย็น สะอาด สดชื่น ร่มเย็น สดใส)
    หิริ(มีความละอาย)จึงสำรวม
    โอตัปปะ(มีความกลัวบาป กลัวเบียดเบียน)
    จึงระวังและรักษาด้วยสติ

    กายแห่งบาป(ร้อน อึดอัด คับแคบ มัวหมอง )
    นี่เป็นกายของอสูรกาย เปรตผุดขึ้นมาเพราะบาปอกุศลล้วนๆ

    อ้องเปรียบเทียบสองสิ่งนี้คงเห็นแล้วนะครับว่า
    สิ่งไหนร้อน สิ่งไหนเย็น

    พระคาถาเริ่มต้นจาก สิ่งเย็นภายในใจ
    ที่แผ่ปกคลุมกายและจิตก่อน
    จึงมีรูปลักษณะสว่างสดใส ขาวนวล อ่อนโยน
    ร่มเย็นกระจายแผ่ออกตามคุณอำนาจของสติ มีศีลที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง

    เราสวดมนต์ ใจเราตั้งมั่นในบทสวด จิตจดจ่อแต่บทสวดที่จดจำได้ขึ้นใจ
    ไม่เคร่งเครียด ไม่จริงจัง สบายๆเหมือนสายน้ำค่อยๆไหลเข้าไปอย่าง อ่อนโยน
    และมั่นคงทีละน้อย

    การสวดมนต์ทำให้สมาธิปรากฏเกิดขึ้น.....
    เพราะจิตสัมปยุตต์กับสมาธิ อยู่กับอารมณ์เดียว ปราศจากนิวรณ์ปรากฏ
    จิตจะเริ่มรวมกำลัง จดจ่อกับบทสวดไม่คลาดเคลื่อน

    อ้องสวดมนต์....
    อ้องมีความพึงพอใจ ชอบใจในบทสวดเพราะเชื่อมั่น เพราะศรัทธา สำรวจใจ
    ไม่มีทำลายใคร

    ศีลปรากฏเพราะมีสติรู้
    อ้องเพียรชอบในการสวดมนต์ ไม่อยากนำ ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่หวังผลอะไรทั้งสิ้น
    แต่สวดเพื่ออบรมสติ เจริญสติอยู่

    ขณะสวด จิตไหล...
    ไปหาเหตุอันใด จิตส่งออกไปที่ไหน แวบไป ก็ตามรู้จิต
    เพราะเหตุจากการสำรวมในศีล สำรวมในกาย วาจา ใจ จึงบริสุทธิ์ รู้และวางอารมณ์ที่ปรากฏ

    สวดมนต์ก็เป็นทั้งสมาธิปรากฏ เพราะจดจ่อ และมีวิปัสสนาปรากฏ เพราะรู้ตามจริงของขันธ์ที่เปลี่ยนแปลง
    ไหลไปมาอยู่เสมอ บังคับจิตไม่ได้ มีเหตุก็ไหล ก็ตามรู้เอา

    เมื่ออ้องสวดมนต์ได้พักนึงจิตที่จดจ่อกับบทสวดทำให้จิตรวมกำลัง
    สมาธิปรากฏ
    รูปลักษณะสมาธิที่สัมปยุตต์กับจิตมีลักษณะน่าเคารพ ศรัทธา
    น่าเกรงขาม น่ายกย่อง สัมผัสได้ด้วยใจมีความชุ่มชื่นประกายสว่าง เย็นจิต เย็นใจ

    อ้องพิจารณาสิ่งที่ปรากฏและวางอารมณ์ด้้วยการไม่ใส่ใจ ไม่ยินดี ไม่เพลิดเพลิน
    จิตก็กลับมาอยู่บทสวด กำลังของสมาธิก็ยิ่งแนบแน่น จิตก็เริ่มรวมและจับแน่นอย่างมีกำลัง ไม่หวั่นไหวเหมือนแรกเริ่ม มากขึ้น

    เมื่อศีลปรากฏ เมื่อมีกำลังสมาธิปรากฏ เมื่อใจอยู่กับพุทธคุณ
    อำนาจแห่งพุทธคุณก็ปรากฏ.....รักษาตามตำแหน่งที่ใจเราไปตั้งเอาไว้
    แนบกาย แนบจิตภายใน

    อ้องอธิบายมาในลักษณะที่เพื่อนๆจะมองเห็นได้ว่า...

    กายและจิตขณะที่สวดมนต์แม้สวดจบไปแล้ว
    อำนาจแห่งความเย็น สะอาด สดใส สว่างสดชื่น ร่มเย็น เบาใจ
    ได้กระจายออกไปแล้ว และยังปรากฏอยู่แม้สวดจบไป สรรพสัตว์ที่เดือดร้อนที่สัมผัสได้

    จะรับรู้ว่า คนๆนี้ น่านิยม น่ายกย่อง น่าเข้าหา น่าเคารพ อบอุ่น เป็นที่พึ่ง
    นี่คือสิ่งสัมผัสได้

    และเค้าก็มองเห็นรัศมีสีสรรคุณธรรมเราได้อีกด้วย คือมีประกายอ่อนสดใส
    ขาวนวลเพราะศีล เพราะคุณธรรม มีรัศมีกระจายออกระยิบระยับด้วยกำลังของสมาธิ

    สิ่งนี้ละคือเรียกร้องให้เค้าเข้ามาหา ขอความช่วยเหลือ....ไม่ได้ทำลายอันใดเลย
    หลวงพ่อโตท่านเห็นสิ่งนี้เหมือนที่อ้องบอกนี่ละ ท่านจึงนำเอาบทสวดนี้มาเผยแผ่ ให้เราช่วยสรรพสัตว์

    แต่คนที่ไม่เข้าใจ ไม่เคยรับรู้ มักคิดกันไปว่าทำลาย...

    การเข้าหาของพวกอสูรกาย เปรตนั้น

    เนื่องจากเป็นกายบาปจึงมีสภาพของความร้อน อึดอัด คับแคบ มัวหมอง ตามที่อ้องเขียนมา
    เมื่อเค้ารีบร้อนและเข้าหาไม่เป็น
    แถมเราก็ไม่แผ่อำนาจชนิดนี้เกื้อหนุนเค้า

    อ้องบอกได้ว่า เพื่อนๆที่มีอำนาจชนิดนี้ คือ ดาราแสนจะโปรดปรานของเค้าในอีกมิตหนึ่ง
    แต่การที่เค้ามาแตะ มาหา ก็เพราะขอร้องให้เราช่วยเหลือ เพราะเค้าสัมผัสได้ เค้ามองเห็นกัน

    แต่สภาพกาบบาป กายบุญที่แตกต่างกัน ทั้งกาย ทั้งกำลัง
    ความร้อนที่มีกำลังน้อย เมื่อมาผัสสะความเย็นที่มีกำลังมาก วิญญาณจะร้องว่า ร้อน.....
    จริงๆไม่ได้ร้อนนะครับ มาถูกความเย็น

    เมื่อเค้าร้อนเพราะแตะต้อง ที่อ้องเห็น ไม่ได้ทำลายอันใดเลย คือเห็นเค้าแสบร้อนเท่านั้น
    และบทสวดมนต์ที่3ของพระคาถา
    จะปลุกเราให้ตื่นจากความหวาดกลัว เพราะมีสติปรากฏ เมื่อใจมีสติ หายหวาดกลัว เราก็จะช่วยอนุเคราะห์

    ตามอำนาจของเราต่อไป...

    บทสวดมนต์ไม่ได้ขับไล่สรรพสัตว์ ไม่ได้ทำลาย แต่เรียกมาต่างหาก

    ท่านที่มีวิญญาณมาเยือนบ่อยๆ ก็เพราะกายและจิตท่านเป็นกายบุญที่มีสภาพ
    ส่องสว่างไสวไปทั่ว เพราะศีล คุณธรรม สมาธิที่ท่านสวดมนต์

    ดังนั้นหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว ถ้าพบกำลัง พบจิตรวม มีอำนาจพอแล้ว
    ให้แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ด้วยครับ....

    เพราะถ้าไม่แผ่ เค้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงตัวคุณ แม้เค้าจะต้องเจ็บตัวก็ตาม

    จุดตรงนี้ละ...ที่ไม่เข้าใจ จึงไปบอกว่าทำลายสรรพสัตว์ให้พินาศครับ

    อนุโมทนาครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2009
  14. seedgogo

    seedgogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,177
    ค่าพลัง:
    +4,020
    อนุโมทนา สาธุ ครับ ขอบคุณ คุณอ้องมากนะครับ อ่านมา 3 วัน เข้าใจโลกขึึ้นเยอะเลย

    thank you หลายๆ
     
  15. jiwcrop

    jiwcrop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +792
    อนุโมทนาบุญในธรรมทาน และปกิณกะํธรรมทั้งหลาย รวมถึงบุญทุกบุญที่คุณชัีชวาล เพ่งวรรธนะ ด้วยนะครับสาธุ อ่่านนานมากครับ มีข้ามไปบ้างนิดหน่อย แต่ก็เก็บข้อมูล ไว้เยอะมากหลายร้อยหน้าเลยทีเีดียวครับ เนื้อหาละเอียดหาอ่านได้ไม่ค่อยง่ายนักครับ ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ ในส่วนเรื่องพุทธภูมิผมก็ขอเอาใจช่วยนะครับ สาธุในเจตนาอันยิ่งใหญ่ที่จะรื้อขนสัตว์โลก ผ่านทะเลทุกข์ครับ สาธุ

    และหลักการให้ทานที่คุณชัชวาล เขียนตรงกับที่ ข้อความนี้ครับ

    22. หลักปรมัตถทาน 3 ข้อ<o>:p></o>:p>
    ก. ต้องไม่เสียดายในทานที่ทำ<o>:p></o>:p>
    ข. ต้องไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น<o>:p></o>:p>
    ค. ต้องไม่อธิษฐานขออะไรทั้งสิ้น นอกจากพระนิพพาน<o>:p>

    </o>:p>

    พิมพ์จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น”<o>:p></o>:p>
    โดย....หลวงพ่อฤาษี (พระราชพรหมยานมหาเถระ)<o>:p></o>:p>
    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี<o>:p></o>:p>
    รวบรวมโดย.... พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    ซึ่งเป็นพระโอวาทที่สมเด็จองค์ปฐมต้นพระองค์ทรงประทานมาให้ครับ สาธุ

    นำมาจากโพส

    สิ่งที่ต้องจำไว้ในการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์



    teporrarit <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1970176", true); </script>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่ โพสครับในวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2009
  16. Obtimus-KoAutobot

    Obtimus-KoAutobot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมมีปัญหาในการฝึก เมื่อก่อนเคยนั่ง นานประมาฯ1-2 ชั่วโมง จนผ่านทุกทรมาณกายแล้ว แต่ผมไม่เข้าใจสภาวะนี้ คือ ผมนั่งแล้วกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกจน ลมหายใจแผ่วเบา เลี้อยๆๆ จนเหมื่อนจะตัวเองจะไม่หายใจ แต่สติยังมีอยู่ จนขนทั้งเนื้อ ทั้งตัวลุก 2-3 คลั้ง แล้วก้เหมื่อน จิตกำลังจะจมดิ่ง (เหมื่อน ตก เหว) เลยถอนออกมา จาก สมาธิ ไม่เข้าใจเลยว่าเป็น สมาธิ หรือ อะไร เลยกลัวกับการนั่ง ไปเลยครับ-------ผมฝึกมาได้2-3 เดือนแล้วเป็นอย่างนี้ เลยไม่นั่ง แต่ยังสวดมน ก็เริ่มฝัน แปลกๆ ผี มั้ง คนตายมาหา มั้ง แล้วก็ สะดุงตื่นมา ตอน ดึกๆๆ ดืนๆๆจนกลัวไปเลยเพราะว่าปกติจะไม่เคย ตื่นตอนกลางคืนเลยครับเลยรู้ได้ว่าแปลกๆ หยุด!!!!!! การนั่งทันทีไม่ไหวแล้ว เหมื่อน ดึงดูดกับสิ่งที่มองไม่เห็น ยอมรับว่ากลัวจริงๆ ปล......ใครก็ได้ช้วยอธิบาย ที และ ขอคำแนะนำหน่อยครับ ใจจริงผมชอบมากในการนั่งสมาธิ เพราะเวลาที่ร่างกายกับจิตนิ่ง จะรู้สึกสงบมาก ชอบ.. แต่หนักเข้า ผมขอตัวครับกลัว!!!
     
  17. คนดีเมืองหาดใหญ

    คนดีเมืองหาดใหญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +243
    ขอบคุณคุณอ้องมากค่ะที่ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการสวดมนต์ ทุกครั้งที่สวดมนต์เสร็จก็จะแผ่เมตตาทุกครั้งค่ะ ขออนุโมทนา ด้วยนะคะ
     
  18. Obtimus-KoAutobot

    Obtimus-KoAutobot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    ตอนนี้อ่านได ถึงหน้า4 แล้วครับละเอียดมาก เนื้อหา อาร์ครับอบากให้ ดู case study สมาธิที่ผมเขียน หน่อยครับ ว่าเป็นยังไง ปรับแก้ไข ยังไง ดี .....
     
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    กดข่มและหนีอารมณ์

    เมื่อกายเกิดปัสสัทธิ กาายจะเริ่มเบาและจิตจะเริ่มรวมกำลังเพื่อผ่านภวังค์จึงมีสติ
    ซึมสลับรู้สึกตัว ในขณะที่จิตเริ่มรวมจะเหมือนวูบหรือดื่ิ่งหรือตกเหวลง
    เมื่อผ่านภวงัค์จิตจะเริ่มลูบเข้าไปจับในอารมณ์ที่ดูกรรมฐาน

    ความรู้สึกภายใน ถ้าประกอบด้วยสติรู้ จะเหมือนเรานั่งคนเดียวแบบเงียบๆ
    ในท่ามกลางป่าสงัด เพราะจิตทิ้งกายเข้ามาตรึกนึกอารมณ์ที่เพ่งจ้อง

    ความกลัวสำหรับบางคนอาจจะเกิดมาจาก ความไม่ชำนาญ และเป็นอารมณ์ใหม่
    เหมือนคนไม่เคยดำน้ำทะเล เหมือนคนไม่คยอยู่แบบสันโดษเงียบสงบ
    ท่ามกลางป่าสงัด

    เมื่อเป็นสิ่งใหม่ ใจจะเกิดสงสัย หวาดระแวงภัย และจิตจะเข้าไปปรุงแต่งอารมณ์ใหม่ ทิ้งอารมณ์กรรมฐานเพราะเผลอหลง ไปจมแช่อารมณ์ใหม่ที่ไม่เคยสัมผัส

    เราแก้ไขด้วยเรียกสติ เหมือนคนดำน้ำทะเลครั้งแรกและเกิดกลัว เหมือนคนที่ไม่เคยอยู่ป่าช้าต้องเข้าไปอยู่ เหมือนคนที่ไม่เคยอยู่ที่มืดสนิทแต่ต้องเผชิญกับความจริง

    บุคคลที่ฉลาด มีปัญญา จะไม่หนีความจริง แต่ปลุกปลอบใจตน หันหน้ากลับมาสู้ความจริง ว่าสิ่งที่กลัวคือกลัวอะไร พิจารณาด้วยปัญญาในขณะที่มีสติ
    จะพบว่า สิ่งที่กลัวคือสิ่งใหม่ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มีสภาวะที่วังเวง
    สงัดเงียบ ไม่ได้กลัวนรก กลัวความมืด แต่กลัวในสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก

    ที่คาดคิดว่าอาจจะมีสิ่งใดปรากฏ

    จิตจะเริ่มปรุงแต่ง จนลืมสติ ลืมอารมณ์กรรมฐาน ความสงสัย ความลังเล อารมณ์แห่งความกลัวเป็นนิวรณ์ชนิดหนึ่งของโทสะ หวาดระแวงภัยจนทำให้
    จิตกระเจิดกระเจิง

    เราปราบความกลัวด้วยปัญญา เข้าไปรู้ความจริง มีสติไม่หวั่นไหว
    ถ้าหากไม่สู้เมื่อทำสมาธิครั้งใด สัญญาชนิดนี้จะตามมากวนจิต ทำให้เข้าสมาธิไม่ผ่านอารมณ์ชนิดนี้ในทุกๆครั้ง เพราะจิตมันหวาดระแวง

    เราดูหนังผีครั้งแรก ในจุดที่ตื่นเต้น ... เราจะปรุงแต่งรูปแบบต่างๆว่า
    ผีจะมาท่าไหน อย่างไร
    คุณเป็นคนที่ปิดตาดูหนังผี คุณก็จะไม่ทราบเลยว่า ผีมาแบบไหน

    แต่ถ้าคุณเปิดตาดู รู้กับความจริง มันจะหลอนคุณได้ครั้งเดียว
    เพราะครั้งต่อๆไป ถ้าคุณดูหนังผีเรื่องนี้ซ้ำๆ คุณจะเห็นว่า สิ่งที่กลัว
    คือกลัว ในสิ่งที่คิดปรุงแต่งไปเอง เพราะไม่ชินกับสิ่งใหม่นั่นเอง

    นิ่งสยบความเคลื่อนไหว...
    จำไว้นิดคือ เผลอหลงไป สติหาย ปรุงแต่งอารมณ์ใหม่สมาธิหด เพราะลืมกรรมฐาน เพียงมีสติรู้ว่าเผลอและกลับมาดูกรรมฐานในอารมณ์ที่ดูอยู่
    ความกลัวจะถูกปัดออกไปครับ

    ส่วนเรื่องวิญญาณมาเยือนเยอะๆ สำรวจในสิ่งที่ดีของเราและแผ่เมตตา
    อุทิศกุศล ให้เค้านะครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  20. Obtimus-KoAutobot

    Obtimus-KoAutobot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมจะจำ และ จะนำไปใช่เพื่อเข้าถึง สมาธิมากกว่านี้ ครับ ถ้ามีอะไรติดขัดจะนำมาปรึกษา ครับ ขอ อนุโมทนา กับ บุญที่คุณชัชวาล เพ่งวรรธนะ ได้กระทำมา และ ก็ต้องขอบคุณ บทความดีๆๆ ที่ได้เตียน สติให้กับหลายๆบุคคลที่ได้ประโยชน์ใน การอ่านบทความของคุณชัชวาลนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...