เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

จิตยิ้มดูวีดีโอแล้วแล้วพิจารณาตาม ถ้าหากเราไม่รู้ความจริงของแก่นแท้เราจะไม่เชื่อเลยว่าโลกเราจะถูกภัยพิบัติมาทำลายได้ เหมือนไม่เราเชื่อ หรือเราอยากจะหลอกตนเองภัยพิบัติใหญ่จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ซึ่งความจริงของสรรพสิ่งนี้ เป็นพลังงาน แม้มนุษยเราก็เป็นพลังงาน กำเนิดจากพลังงาน ดาวเคราะห์โลกดวงนี้และทุกสรรพสิ่งที่มองเห็นความจริงข้างในล้วนเป็นพลังงานด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ทุก ๆ อย่างล้วนเป็นพลังงานและกำเนิดมาจากพลังงาน เมื่อตัวอย่างใน VDO นี้ถูกทำลาย หากเรามองลึกลงไปแล้วก็เป็นพลังงานแห่งการทำลายล้างนั่นเองค่ะ มนุษย์ที่อยู่และเป็นเพียงแค่หลงไปว่าเป็นตัวตน แต่ธรรมชาติไม่ได้มองว่าเป็นตัวตน เป็นตัวเป็นตน เป็นธรรมชาติคือพลังงาน ที่มีการสร้างใหม่ รักษา และทำลาย ไปตามวัฏฏะที่ควรจะเป็นไป

แต่โชคดีหน่อยค่ะ ที่โลกของเรามิได้โดดเดี่ยว มีผู้ดูแลระบบ หากโลกนี้ถูกทำลายไป จักรวาลจะเสียความสมดุลทั้งระบบเอกภพ จะต้องมีการปรับความสมดุลใหม่ทั้งระบบ โลกจึงต้องมีการจัดการปรับระดับความสมดุลใหม่นะค่ะ

 

จะต้องโสดตลอดกาล ถ้ามีคู่ก็จะต้องพรากจากกัน

ในใจกลัวตลอดเวลา เป็นความกลัวที่จับจิตจับใจ เมื่อคิดอยากจะมีคู่มาเมื่อใด ความกลัวนี้จะแล่นสู่หัวใจในทันที

การบันทึกรหัสบุรพกรรมในจิต....

ความเงียบทำให้เห็นพลังงานกรรมที่บันทึกอยู่ในจิต เรียกว่า รหัสบุรพกรรม ที่จะดำเนินเนื้อเรื่อง คือ ตอนแรกเกิดรักชอบพอกัน ด้วยเหตุนี้นิสัย หรือคนย่อมพอใจสิ่งที่ดีกว่า หรือ สิ่งที่เหมือนกันมากกว่าย่อมดึงดูดกัน สิ่งที่เหมาะสมกันย่อมดึงดูดกัน ทำให้อีกฝ่ายอยากตีตัวออกห่างไปหาคนที่เหมาะสมกว่า ดีกว่าและย่อมหาวิธีการกำจัด ด้วยการพูดหรือกระทำให้เราออกไปจากชีวิต หรือออกไปจากกลุ่มด้วยกลัวว่าผู้หญิงอีกฝ่ายหนึ่งจะรับไม่ได้

นี่คือรหัสกรรมที่บันทึกไว้ในจิต มีผลต่อชีวิตและความรัก เป็นอุปสรรคที่เธอผิดหวังและไร้คู่ครองตลอดไป

นี้เป็นเรื่องจริง ๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอต้องแบกรับบทนี้ตลอดมา และตลอดไป จนกว่า.......

 

#ReSkill , super trend in 5G period.

 

อยากแบ่งปันค่ะ เป็นข้อคิดดี ๆ ที่สะกิดใจตนเอง...
และ...บทความต่าง ๆ ที่นำมาลงไม่เกี่ยวกับผู้ใดทั้งสิ้นนะคะ
เพราะจิตยิ้มไม่มีความวิเศษที่จะคาดการณ์หรือรู้เรื่องราวที่แท้จริงของใครได้ เพียงแต่นำเรื่องบุรกรรมเก่าที่เกิดขึ้นในใจแล้วนำมาลงไว้ เพื่อจะนำคำของสิ่งศักดิ์กล่าวเรื่อง "พลังงานกรรม" ไว้อย่างไรนะคะ...

ข้อคิดดี ๆ ที่อยากแบ่งปัน.....

น้ำที่ใสสะอาดเกินไปไร้ปลา คนที่ซื่อตรงเกินไปก็ไร้เพื่อน



ข้างนอกเป็นกระทิง คิดเป็นระบบแบบอินทรีย์ ตรวจสอบออดิตแบบหมีและอินทรีย์
เข้าใจการสู้ของกระทิง คิดกว้างแบบอินทรีย์ มีแบบแผนแบบหมี ร่วมแรงฟื้นฟูเพื่อนแบบหนู

หลายครั้งคนเราก็ยึดถือเหตุผลความถูกต้องจนมองข้ามความรู้สึกของคนที่เรารัก ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าเสียดายเหลือเกิน เพราะสุดท้ายแล้วคนที่สูญเสีย และต้องเสียใจก็ไม่พ้นตัวเรานั่นเอง

ในชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้งชัดในทุกเรื่องเพราะน้ำที่ใสสะอาดเกินไปไร้ปลา คนที่ใสสะอาดเกินไปไร้เพื่อน

ทะเลาะกับคนในครอบครัว ต่อให้ชนะ ความผูกพันก็หมดไป
ทะเลาะกับคนรัก ต่อให้ชนะ ความรักก็จืดจางไป
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ มิตรภาพก็สูญหายไป
ทะเลาะกันเพราะเหตุผล ที่เสียหายคือความสัมพันธ์ ที่เจ็บปวดคือตนเอง
สีดำก็คือสีดำ สีขาวก็คือสีขาว ให้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอะ
วางอคติและความยึดติดของตนลงเสีย คุณก็จะกลายเป็นคนใจกว้างขึ้นมาในทันที

คนอื่นช่วยเรา เราจะจำชั่วชีวิต

เราช่วยคนอื่นจงอย่าจำใส่ใจ

น้ำใสสะอาดเกินไปย่อมไร้ซึ่งมัจฉา หัวหน้าที่เข้มงวดเกินไป ย่อมไร้ซึ่งบริวาร

วางอคติ และ ความคิดของตนลง คุณจะกลายเป็นคนใจกว้างขึ้นมาทันที

บางเรื่อง ยอมเปิดทางให้เขาหนึ่งศอก สักวันเขาจะเปิดทางให้คุณหนึ่งวา

เพราะมีหู ก็ต้องได้ยินทั้งคำดี-คำร้าย เพราะมีตาก็ต้องได้เห็นทั้งดี และร้าย

อย่าเก็บทุกเรื่องที่พบที่เห็นมาคิดมาก เรื่องดีๆ ก็เก็บไว้ เรื่องไม่ดีก็ปล่อยผ่าน

ใครดี ใครไม่ดี แค่รู้ก็พอ

ได้ยินอะไรมา แค่ฟังก็พอ

เรื่องบางเรื่อง แค่มองก็พอ

ไม่ต้องเอาตัวเราเข้าไปข้องเกี่ยวให้ทุกข์ใจ

คนใจกว้าง คือ คนที่มีความขัดแย้งในชีวิตน้อย หากเป็นเช่นนั้นแล้วย่อมมีความสุขมาก เป็นคนที่ผู้คนอยากคบหา ชีวิตจึงรื่นรมย์ด้วยเสียงหัวเราะของมิตรสหาย เป็นคนที่มีความสมานฉันท์กับผู้คน จึงสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้โดยได้รับความช่วยเหลือจากทั่วสารทิศ


https://www.gotoknow.org/posts/611667

และ...

https://read555.com/น้ำใสเกินไปก็ไร้ปลา/

 

ไฮ

 

#โงบะรีบเข้ากรุง!

 

ผลกรรมในมิติทางพลังงานของมนุษย์

กลไกในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ ที่เรียกว่า "จิต" สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เกิดพลังงานใหม่

การสั่นสะเทือนของจิตมนุษย์ ก็คือ "คลื่นจิต" ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก หรือ ด้านลบ อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอนุภาคของคลื่นจะมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นชนิดบวกหรือลบตามไปคุณสมบัติของคลื่นพลังงานนั้น ๆ เสมอ

ด้วยเหตุนี้นี่เองจึงสามารถกล่าวได้ว่า ผลกรรม หรือผลลัพธ์ในการกระทำทางพลังงานด้านแก่นแท้ของมนุษย์ จะเริ่มต้นจาก "การสั่นสะเทือน" ของจิต หรือตาที่สาม(จิตหยาบ) เมื่อมี "การรับเอา" สิ่งเร้าแวดล้อมมาเป็นเงื่อนไขของการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนั่นเอง

กรรมคืออะไร?

กรรม คือ พลังงานที่เกิดจากคลื่นความคิด และความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นอารมณ์หรือความอยากใด ๆ ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตในกายมนุษย์เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้านั้น ๆ โดยจิตวิญญาณจะขับเคลื่อนพลังงานนั้นออกมาภายนอก แล้วจับกลุ่มรวมตัวกันคล้ายฟองอากาศหรือเมฆหมอก เคลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ บนสนามแม่เหล็กโลก สู่สนามพลังงานจักรวาล

พลังงานกรรมแต่ละกลุ่มจะแยกกันตามคลื่นการสั่นสะเทือนของจิตเป็นเรื่อง ๆ ไม่ปะปนกัน

ในความจริงแล้ว มนุษย์จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมไว้ด้วยว่า การสั่นสะเทือนทางจิต มันมิได้มีการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกอยู่อย่างเดียว แต่ยังมีการสั่นสะเทือนทางการนึกคิดของจิตเองผสมผสานกับการเกิดอารมณ์รู้สึกอยู่อีกด้วย

ค่ะ รหัสบุรพกรรมแม่เหล็ก ที่ดั่งเป็นเงาตามตัวมีลักษณะเป็นอย่างไร เดี๋ยวจิตยิ้มจะนำมาลงให้พิจารณาค่ะ

 

คลื่นพลังงานกรรมดังกล่าว เมื่อถูกขับเคลื่อนสู่สนามพลังงานนอกร่างกายคนเราเรียบร้อยแล้ว มันจะสั่นสะเทือนอยู่อย่างนั้นเพื่อรักษาคุณสมบัติของตัวมันเองเอาไว้โดยไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่ากรรมดีซึ่งเป็นคลื่นพลังงานด้านบวก หรือกรรมชั่วซึ่งเป็นคลื่นพลังงานด้านลบก็ตาม

พลังงานกรรมใด ๆ จึงมีคุณสมบัติคงที่ ไม่มีความเป็นอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีปัจจุบัน คงมีแต่การดำรงอยู่เพื่อรอให้มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของนั้น กำจัดหรือชดใช้มันตลอดกาลนาน โดยกรรมเหล่านั้นจะคอยติดตามมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของตลอดไป แม้จะตายไปก็จะยังดำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

โดยปกติแล้ว คลื่นความคิดของจิตมนุษย์ และคลื่นพลังงานทางอารมณ์จะผลักดันออกมาภายนอกร่างกายอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองบุคคลอื่นด้วยการแสดงออกและการกระทำอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังงานเหล่านี้เกิดเร็วและสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าความเร็วแสง มนุษย์จึงมักจะจำกันไม่ได้ว่า ในแต่ละวันตนเองได้สร้างคลื่นพลังงานกรรมอะไรเอาไว้บ้าง (แต่ไม่ทุกคนนะคะ ผู้ที่ฝึกจิตดีแล้ว หากจิตมีอะไรผิดปกติไปจากธรรมชาติของ จิตความผิดปกติที่เกิดขึ้น จะแล่นสู่อารมณ์ใจและรับรู้ได้ว่าคืออะไรทีผิดปกติไปค่ะ)

ยังจะมีผู้ใดอยู่อีกหรือเมื่อเกิดอารมณ์พอใจไม่พอใจใครในเรื่องอะไรแล้ว จะไม่มีการสั่นสะเทือนเป็นการนึกคิดถึงเรื่องนั้นคนนั้นที่ตนพอใจไม่พอใจ และมีด้วยหรือที่มนุษย์จะไม่มีการคิดต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน หรือหลบเลี่ยงบุคคลนั้น เงื่อนไขนั้น หากมีอารมณ์ด้านลบเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น

 

กฎแห่งกรรมคืออะไร?

การเกิดภพชาติของมนุษย์ ล้วนเป็นไปตามพลังงานที่เป็นบุรพกรรม หรือวิบากกรรมของจิตวิญญาณในกายมนุษย์แต่ละคน เป็นตัวผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งลักษณะของกรรมส่วนใหญ่ที่มนุษย์ต้องเผชิญ มักจะเป็นเรื่องราวของเหตุการณ์ สถานการณ์ และบุคคลที่เป็นปัญหา วิบากกรรมเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคกีดกันไม่ให้มนุษย์นั้นรู้ความจริงในการมีสองภาคของตนเองด้วย

ความมีสองภาคในรูปธรรมตนเองของมนุษย์ คือ จิตวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานกลุ่มหนึ่งที่ถูกส่งเข้ามาอาศัยอยู่ภายใน คือ "แก่นแท้ที่แท้จริง" กับ กายมนุษย์หรือสังขาร คือ "เงาของตัวเราเอง" และนี่คือ กฎแห่งกรรมประการแรก โดยมนุษย์ผู้มีกรรมมากจะเข้าใจผิดคิดว่ารูปธรรมสังขารของตนนั้น คือ"ตัวตนที่แท้จริง" จึงเกิดการหลงรูปเงาของตน จนสร้างกรรมใหม่ทับซ้อนเพิ่มขึ้นมาอีกมากมายในภพชาตินั้น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้สิ้นสุด ด้วยอำนาจพลังงานกรรมที่ตนสะสมไว้ จนหาทางหลุดพ้นไปจากวงเวียนกรรมได้ยากกว่าคนอื่น ๆ

บทเรียนกรรมทุกบทที่มนุษย์ต้องเผชิญในชาตินี้ จึงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วในชาติก่อนเสมอ ยกเว้นกรรมใหม่ที่มนุษย์สร้างไว้ในชาตินี้ ซึ่งมนุษย์จะต้องเผชิญกับมันในชาติต่อ ๆ ไป เมื่อกรรมนั้นมาถึง

กรรมที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ คือ พลังงานกรรมด้านลบ และผลกรรมทั้งด้านบวกและลบ คือตัวการก่อให้เกิดกฎแห่งกรรมขึ้นซ้อนกฎของจิตจักรวาลไว้อีกชั้นหนึ่ง โดยไม่มีใครควบคุมมัน

 

#จิยิ้ รักโละ ฉลับสั่นเทือนปะสมดูล

 

เช้านี้เฝ้าดูจิต ได้เห็นความทุกข์จากอารมณ์ค่ะ ทุกข์ที่จะต้องต่อสู้กับอารมณ์กิเลสที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในใจ รู้ค่ะเป็นความไม่ชอบใจ เป็นลักษณะที่เราตัดสินใจว่าเจอเหตุการณ์นี้ไม่ชอบเลย พอเจอกระทบปุ๊บอารมณ์ภายในเกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ ถึงแม้จะวางเฉยด้วยทางกาย และวาจา แต่ภายในไม่เฉยเลยค่ะ มันพลุ่งพล่านอยากจะแสดงออก และก็จะรู้ด้วยนะคะว่าถ้าแสดงออกจะแสดงอย่างไร เพราะที่ผ่านมาแสดงออกหรือกระทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ถ้าเจอในเหตุการณ์แบบนี้

เวลาที่เราต้องต่อสู้กับความพลุ่งพล่านอยู่ในใจมันทรมานมาก ทั้งอึดอัดและคับข้องใจ เหมือนกับเป็นการทรมานตนเอง แต่ที่จริงแล้ว นั่นคือ...ด่านแรก...ของการต่อสู้กับกิเลส คือ ความอดทน เพราะรู้มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดลับในการกำจัดกรรม คือ ความอดทน ด่านแรก...

จึงต่อสู้กับอารมณ์กิเลส ด้วยความอดทน อดทนไว้ก่อน ไม่ต้องแสดงออก ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร แม้ข้างในจะทรมาน (ทรมานเพราะว่าอะไรหรือคะ ก็การขัดขืนกับกิเลสนะค่ะ) แต่ข้างนอกกายวาจา ใจ ไม่แสดงออกไปก็ยังดีกว่า

เคล็ดลับในการกำจัดกรรม

1. ความอดทน เป็นพลังงานอันลึกลับภายในของมนุษย์ที่เกิดจากพฤติกรรมทางอารมณ์แบบหนึ่ง แล้วถูกปลดปล่อยออกมาภายนอกในรูปของการกระทำและการแสดงออก เพื่อการต่อสู้และการเผชิญหน้ากับอุปสรรคใด ๆ ที่มนุษย์กำลังประสบกับมันอยู่ สู่รางวัลความสำเร็จที่มั่นหมายในปลายทางข้างหน้า

"จงไม่ทำสิ่งใดเยี่ยงมนุษย์ทั่วไป ในการสร้างความสำเร็จเพื่อการกำจัดกรรมของตนเอง ด้วยการต่อต้าน หรือต่อสู้ เพื่อต้องการเอาชนะพวกเขาเหล่านั้น ด้วยพฤติกรรมใด ๆ อันเกิดจากพลังงานด้านลบ โดยหวังความสะใจ พอใจ หรือเสียงปรบมืจากคนรอบข้างอยู่อย่างนั้น และเมื่อพบว่าความยากลำบากแล้วถอยหนีโดยเด็ดขาด

เรื่องการถอยหนี ตนเองนะคะถอยหนีมาตลอดเมื่อเจอสภาวะที่ไม่ชอบใจ เป็นคนชอบหนี แต่พอมาเจอคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าให้ใช้ความอดทน อย่าถอยหนี จริงค่ะ เพราะทุกครั้งที่เราถอยหนี เราก็ไม่เคยหนีพ้นกรรมที่เราต้องเจอได้เลยค่ะ ไม่ชนะกิเลสวันนี้ วันหน้าก็ต้องไปเจออีก แต่เราใช้ความอดทนที่จะเรียนรู้ด้วยสติทำให้เราเกิดปัญญาเห็นปัญหาและการแก้ได้อีกด้วยค่ะ

เพราะอะไรหรือคะ?

คำกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ... รหัสบุรพกรรม ...

ในชีวิตประจำวัน ที่สังเกตุได้จากอารมณ์หยาบ ๆ รายวัน มนุษย์จะแสดงอารมณ์รู้สึกนึกคิดของตนต่อสิ่งเร้าที่เป็นเงื่อนไขผ่าน "ความอยาก-ไม่อยาก" หลากหลายลีลา

อยากทำ - ไม่อยากทำ
อยากคุย - ไม่อยากคุย
อยากด่า - ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
อยากหนีหน้า - ไม่อยากจากไป

อารมณ์สึกนึกคิดตามตัวอย่างเหล่านี้ เป็นรหัสบุรพกรรมทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของมนุษย์ เมื่อจิตหยาบ(ตามที่สาม) สร้างมันขึ้นมาแล้วจะถูกบันทึกไว้เป็น รหัสบุรพกรรมแม่เหล็ก อันประกอบด้วยอนุภาคของคลื่นความถี่ที่มีค่าประจุไฟฟ้ากำกับไว้ กับคลื่นความถี่ที่เป็นเรื่องราวข้อมูลของเงื่อนไขที่นำไปสู่การตัดสินใจของมนุษย์ในเรื่องนั้น กรณีนี้ว่า อยากอย่างไร - ไม่อยากอย่างไร ตัดสินใจด้วยปัญญา หรือตัดสินใจสิ่งที่เป็นความผิดบาปต่อมนุษย์หรือสิ่งอื่นเสียมากกว่า

รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กที่สั่งสมไว้ที่จิตหยาบ จึงเป็นรหัสทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดพร้อมข้อมูลของการตัดสินใจที่ผิดพลาดในอดีตของมนุษย์ในกรณีนั้นเรื่องนั้น นั่นเอง

ก็เหมือนกันกับที่จิตยิ้มเล่าให้ฟังนะคะ เมื่อใดที่เรามีอารมณ์รู้สึกเกิดขึ้นและบันทึกลงสู่ในจิตแล้ว อารมณ์นั้นจึงต้องเป็นคุณสมบัติของจิตเรา เป็นผลกรรมของเรานี่เอง เราจึงปฏิเสธไม่ได้เลย ก็เราทำไว้ สั่งสมไว้ อย่างไรเราก็ต้องได้รับเช่นนั้น เราจะขัดขีนขับข้องใจไม่ต้องการ หรือทุกข์ดิ้นรนขัดขืนที่ไม่อยากให้เกิดก็ไม่ได้ ก็ต้องมีสติรู้และเข้าใจเพื่อกำจัดผลกรรมนั้น ถ้าเราไม่เข้าก็นอกจากกรรมยังอยู่ไม่หายไปไหน เราก็ยังสร้างอัตตาตัวตนรองรับสร้างภาระให้กับตนเองเข้าไปอีกค่ะ

ดั่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้....ในโอวาทปาติโมกข์ นะค่ะ

ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง,

รางวัลที่ได้รับจากบทบาทการต่อสู้ และการเผชิญหน้ากับสภาวะกรรมจากบุคคลเหล่านั้น ต้องอาศัยการสะสมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากพลังจิตใจที่สูงส่งของตนเอง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดจากพลังงานความรักที่มนุษย์มีอยู่แล้วทุกรูขุมขน นั่นคือ พลังความอดทน อันลึกล้ำภายใน ที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

❤ จงฝึกความอดทนต่อบุคคลที่ยุ่งยาก ซึ่งกระทำไม่ถูกต้องต่อตัวเรา

❤ จงอดทนต่อสถานการณ์ใด ๆ ที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจนสำหรับตัวเรา

❤ จงอดทนต่องานหนัก หรือความทุกข์ยากใด ๆ ที่ต้องเผชิญ

❤ จงอดทนต่อความเจ็ยปวด ความทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจที่ตนได้รับจากการกระทำของบุคคลอื่น โดยไม่คิดแค้น พยายาท หรือ ต่อสู้ แต่จงมอบความรักให้แก่พวกเขาเป็นสิ่งตอบแทน

❤ จงอดทนต่อสิ่งแวดล้อมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมต่อตัวเรา ด้วยการฝ่าฟันมันไปอย่างองอาจ

เชื่อไหมคะ จิตยิ้มเจอมาทุกด่าน ทุกสถานการณ์ค่ะ แต่..ไม่เคยใช้ความอดทนเลย ผลปรากฎล้มเหลวค่ะ จึงต้องฝีกฝืนขัดดัดนิสัยกันใหม่ค่ะ

และต่อไปจะนำข้อมูลว่าทำไมจิตวิญญาณจะต้องนำรหัสบุรพกรรมเก่านี้นี้ติดตัวไปสู่การเปิดภพชาติใหม่ต่อไปเช่นนั้นหรือ?

 

ใคร ๆ อาจมองแล้วว่าเป็นไปได้อย่างไร? นอกจากไม่โกรธตอบแล้ว ยังมอบพลังความรักให้ไปอีก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า....

คลื่นพลังงานบวก คลื่นพลังงานความรักอันบริสุทธิ์ (ความรักความเมตตา อดทน อดกลั้น ให้อภัย) ที่เป็นคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นคลื่นพลังงานชนิดเดียวที่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนขั้นสูงสุดในจักรวาล เพราะเป็นอำนาจทางแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดเดียวกัน

ก็เพราะเหตุนี้หรือเปล่าคะ การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ายังโลกธาตุให้หวั่นไหว คิดว่านะค่ะ

ค่ะ....ถ้าเราได้อ่านพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า แม้กระทั่งตอนบำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์ โดยเฉพาะกับพระเทวทัต นอกจากพระพุทธองค์จะใช้ความอดทน อดกลั้น และให้อภัยแล้ว พระพุทธองค์ก็ยังใช้พลังงานแห่งความรักและความเมตตา มอบให้แก่เขาเหล่านั้นไปด้วยเลยค่ะ และยังเคยซึ้งใจจนน้ำตาไหลเลยนะคะ ที่ได้ฟังธรรมจากการเทศน์กรณีที่ นางจินมาญวิกา กล่าวตู่พระพุทธองค์ แล้วพระองค์ตรัสกับนางไว้ ตั้งสติฟังอย่างตั้งใจ เหมือนได้ฟังสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าว คำนั้นช่างไพเราะและงดงามยิ่งนัก หัวใจสมบูรณ์ความรักจนประมาณมิได้ ฟังปิติหัวใจมากเลยค่ะ

 

ผู้ที่เข้าถึง.
อภัยทาน.
จะไม่โกรธใครเลย .

 

เมื่อเช้านี้ที่วัดค่ะ จิตยิ้มได้เข้าใจสภาวะธรรมมาอย่างหนึ่ง..

พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ "ผู้ไม่เข้าไปหาย่อมหลุดพ้น"

เข้าไปหาอะไร?

เข้าไปหาอารมณ์
เข้าไปเกาะเกี่ยวอารมณ์
เข้าไปเป็นอารมณ์

เข้าไปหาอารมณ์ พอรู้สึกกระทบกับเงื่อนไขแล้วเกิดเป็นความรู้สึก ซึ่งสติตามไม่ทันไปรู้อารมณ์ขึ้น ไม่ปล่อยวางอารมณ์ เข้าไปเกาะเกี่ยว และเข้าไปอยู่ในอารมณ์ ยามใดที่เป็นความรู้สึกขึ้นมาแล้วนั้น จิตวิ่งแล่นเข้าไปสู่อารมณ์ทันที จึงมีความรู้สึกพอใจไม่พอใจเกิดขึ้นค่ะ แค่รู้สึกนั้นก็จะทุกข์แล้ว ยิ่งไปแช่ในอารมณ์คือเกาะเกี่ยวเอาไว้แต่ยังไม่แสดงออก แช่ในอารมณ์และจมในอารมณ์อยู่อย่างนั้น ก็เกิดทุกข์ที่แช่อยู่จมอยู่และมีความดิ้นรน เมื่อใดที่ระเบิดออกมาเป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมก็เกิดเป็นอารมณ์วิบากกรรม

ผลของแบ่งออกเป็น.....

1.กิเลสวัฏฏ (เข้าไปหาอารมณ์ ,เข้าไปเกาะเกี่ยวอารมณ์)
2.กรรมวัฎฎะ (เข้าไปเป็นอารมณ์)

ผลกรรมของมนุษย์คืออะไร?

สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ผลกรรมในที่นี้ หมายถึง ผลจากการคิดและการกระทำของมนุษย์ต่อผู้อื่น ซึ่งเกิดจากพลังงานทางอารมณ์และพลังงานทางการคิดของจิต ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือโดยประมาทก็ตาม พลังงานกรรมนั้น ๆ จะแผ่ออกมาภายนอกร่างกายมนุษย์ ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันและเคลื่อนที่แทรกซึมไปบนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่สนามพลังงานจักรวาล การแผ่คลื่นพลังงานกรรมจะมีลักณะคล้ายการแผ่รังสีจากจุดศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ที่กระจัดกระจายออกไปโดยรอบ ซึ่งพลังงานกรรมดังกล่าว จะเคลื่อนที่ไปบนโครงข่ายสนามพลังงานแม่เหล็กโลก เชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว และไปได้ไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะคาดคิด

ถ้าเป็นคลื่นพลังงานทางอารมณ์และการคิดของจิตด้านบวก เช่น การคิดดี พูดดี ทำดี ที่เป็นพฤติกรรมส่วนผสมของความรัก จะมีอำนาจสั่นสะเทือนด้านบวก อันเป็นพลังงานชนิดเดียวกันที่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนสูงสุดในจักรวาล เพราะเป็นอำนาจทางไฟฟ้าแม่เหล็กชนิดเดียวกัน

พลังงานกรรมด้านบวก เมื่อแผ่ไปถึงสนามพลังงานจักรวาลแล้ว จะถูกซึมซับสะสมไว้ เมื่อมากพอจะสะท้อนกลับสู่ตัวเราตามโครงข่ายสนามแม่เหล็ก ซึ่งห่อหุ้มตัวเราไว้อีกครั้งหนึ่ง และมนุษย์สามารถน้อมนำมาได้ด้วยพลังอำนาจจากจิตใต้สำนึก ผ่านบุรพกรรมแม่เหล็กภายในเซลล์ร่างกาย ซึ่งมันทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบไฟฟ้าแม่เหล็กของร่างกายมนุษย์

แต่....ถ้าเป็นคลื่นพลังงานทางอารมณ์และการคิดในด้านลบ หรือ ลักษณะของการแสดงออกหรือการกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นพลังงานคนละชนิดกับสนามพลังงานทั้งหมดในจักรวาล เมื่อมนุษย์แผ่กระจายมันออกไป ทันจะถูกผลักให้สะท้อนกลับคืนมาสู่ตัวมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันทันที

อำนาจการผลักสะท้อนกลับจะรวดเร็วหรือรุนแรงเพียงใดขึ้นอยู่กับคลื่นความถี่ของพลังงานด้านลบที่ถูกแผ่ออกไปเป็นสำคัญ

การได้รับผลกรรมดีของมนุษย์ จึงมักช้ากว่าการได้รับผลจากการกระทำชั่วก็เพราะเหตุที่กล่าวนี้

นี้หรือเปล่าค่ะ ที่เปรียบกรรมเหมือนดั่งบูมเมอแรง กว้างไปไกลเท่าไหร่ก็กลับมาคงเดิม

และจิตยิ้มก็มาคิดนะคะว่า..ทำไมการกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล หรือ การสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าที่ใช้การหลั่งน้ำสิโณทกในการเป็นสักขีพยานในการสร้างบารมี ในวันที่พระพุทธองค์ทรงชนะมารในวันที่ตรัสรู้



ได้มีน้ำจากพระแม่ธรณีหลั่งไหลมาเป็นสักขีพยานในการสร้างบารมีนับเอนกอนันต์นะค่ะ

อาจเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า น้ำประกอบด้วยโมเลกุลของไฮโดเจนกับอ๊อกซิเจน จะมีความว่องไวต่อพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามากที่สุด และน้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นสื่อให้กระบวนการทางชีวภาพของมนุษ์ น้ำจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของระบบในร่างกายมนุษย์ เพราะกายมนุษย์เราเป็นระบบพลังงานภายในเซลล์ของร่างกายแม่ระบบไฟฟ้าสนามแม่เหล็กนะค่ะ และน้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปฏิกริยาโต้ตอบกับพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กภายนอกร่างกาย เช่น จากสนามแม่เหล็กโลกเชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลที่ห่อหุ้มรอบร่างกายมนุษย์บนโลกอีกด้วยนะค่ะ คิดว่าอย่างไรคะ?

 

เพียงแค่จิตรวมใหญ่อาการแผ่นดินไหวก็เกิดกับผู้นั้นแล้ว...ยิ่งตอนที่จิตจะถอนออกมายิ่งเหมือนฟ้าลั่นนี้แหละ

 

# "ควม." จิยิ


* อาจจะต้องหา ผช. ที่ถึก เปน
กำมากอง มาก่อง