หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ

 

โอ๊ย!พี่ให้เค้าไปทั้งเส้นเลย เดี๋ยวไปขอกลับมาสักครึ่งก็ยังดี:'(

 

นำพระบูชามาให้ชมกันครับ

​

 

พระชุดงาแกะ

ข้อมูลนี้กระผมได้ไปขออนุญาตผู้สร้างงาแกะหลวงปู่พิศดู และสัมภาษณ์ มาอย่างดีเพื่อเป็นอีกข้อมูลที่จัดเจนเกี่ยวกับงาแกะหลวงปู่พิศดูครับ
ด้วยน้านันลูกศิษย์คนใกล้ชิดหลวงปู่ (คนที่หลวงปู่เรียกว่า ไอ้คนสำคัญ) เมื่อตอนที่หลวงปู่แข็งแรงเป็นคนสร้าง การสร้างงาแกะหลวงปู่นั้น มีคนที่ศรัทราองค์หลวงปู่ซอยตะเคียนทองมีโคนงาร้อยปีประมาณ 1 คืบ อยากเอางานี้แกะเป็นรูปเหมือนหลวงปู่มาไว้บูชา จึงได้นำงานี้มาให้น้านันคนใกล้ชิดหลวงปู่สมัยนั้น แล้วบอกถึงความประสงค์ในการสร้าง จากนั้นน้านันได้นำงานี้ไปขออนุญาตหลวงปู่ และได้นำงาแท่งนี้ไปให้หลวงปู่ดูก่อนแล้วน้านันก็ได้ขอหลวงปู่ว่า “ หลวงปู่ผมขออนุญาตนำงาชิ้นนี้ไปแกะเป็นรูปเหมือนหลวงปู่นะครับ ” หลวงปู่ได้พูดขึ้นว่า “ เออดี เราจะได้มีรูปงาแกะเป็นของเราเอง ”
จากนั้นน้านันก็ได้หาช่างแกะงาที่มีฝีมือเพื่อแกะงาแท่งนี้เป็นรูปเหมือนหลวงปู่ ซึ่งก็ได้ใช้รูปที่หลวงปู่ให้มาหลายๆรูปเอาไปให้ช่างแกะงาดู เพื่อจะได้แกะงารูปเหมือนหลวงปู่ได้เหมือนที่สุด เพราะการแกะงานั้นแกะยากนักเพราะเนื้องานั้นจะมีเสี้ยน และแข็ง งาที่ตัดแล้วส่วนที่หนาๆนั้น จะนำไปแกะเป็นรูปเหมือนหลวงปู่ ส่วนงาตัดแล้วที่บางๆ จะนำไปแกะเป็นพระสมเด็จและรูปนางกวัก
เมื่อแกะเสร็จแล้วน้านันได้นำงานี้ไปให้หลวงปู่ดู หลวงปู่บอกว่า “ โอ้สวย แกะได้เหมือนเราเลย แกะได้สวย และเหมือนเรา”



และจากนั้นน้านันก็ได้เอาถุงงาแกะนี้นำไปไว้ใต้ที่นอนหลวงปู่ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2547 พอครบ 1 เดือนเต็มน้านันก็ได้ขึ้นไปยังกุฏิหลวงปู่เพื่อที่จะไปเอางาแกะที่หลวงปู่นอนทับไว้ พอน้านันของาคืนหลวงปู่ก็ได้พูดขึ้นว่า “ จะเอาไปแล้วเหรอ เออ งั้นเดียวก่อน ไอ้คนสำคัญนี่ต้องเอาให้ดี ” และหลวงปู่ก็ได้เมตตาอธิฐานจิตเป็นกิจจะลักษณะโดยเอาถุงงาแกะทั้งถุงใส่อุ้งมือพร้อมพนมมือแล้วหลวงปู่ก็บริกรรมคาถา นานเป็นชั่วโมง ๆ ขณะนั้นคนบนกุฏิหลวงมีประมาณ 10 คน ต่างคนก็พนมมือฟังหลวงปู่สวดด้วยความปีติและหลวงปู่ก็ไม่ได้สนใจใครเลยท่านก็สวดของท่านไป เมื่อเสร็จแล้วหลวงปู่ก็ได้ยื่นงาแกะให้กับน้านัน และหลวงปู่ก็บอกว่า “เอ้า ดีแล้ว เอาไป” หลังจากนั้นน้านันได้นำงาแกะส่วนหนึ่งคืนให้หลวงปู่เพื่อแจกลูกศิษย์สมัยนั้น และได้นำไปให้เจ้าของงาจำนวนหนึ่ง งาแกะชุดนี้ส่วนหนึ่งได้นำแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ยุคต้นๆของหลวงปู่และลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ไว้ใช้ งาแกะรูปเหมือนนับเป็นสุดยอดพระเครื่องหลวงปู่อีกรุ่นหนึ่งที่น่าเก็บสะสม
จำนวนการสร้าง
งาแกะรูปเหมือนหลวงปู่ จำนวน 43 องค์
งานแกะรูปพระสมเด็จ จำนวน 16 องค์
งาแกะรูปนางกวัก จำนวน 2 องค์
ส่วนงาแกะพิมพ์พระปิดตามี 3 องค์ เป็นงาแท่งเดียวกัน แต่แกะคนละครั้งโดยหลวงปู่ได้อธิฐานจิตให้ หลังจากที่นำงาแกะชุดแรกกลับมาแล้วเป็นเดือนครับ

*หมายเหตุ
พิมพ์พระสมเด็จทุกองค์จะแกะเป็นเลข 139 ด้านบนทุกองค์ เหตุผลนั้นผมได้สอบถามคนสร้างได้ความว่า เจ้าของงาอยากได้พิมพระสมเด็จที่มีเลข 1 สามตัว 1 องค์ เลข 3 สามตัว 1 องค์ และเลข 9 สามตัว 1 องค์ เอาไว้ใช้เอง ช่างแกะงาเข้าใจผิดนึกว่า ให้แกะเลข 139 ทุกองค์ เลยออกมาเป็นแบบนั้นหล่ะครับ ส่วนเลข 50 ด้านล่างเป็นโค๊ด โดยเริ่ม เลข 1 ตั้งแต่แกะรูปเหมือนต่อไปเรื่อยๆจนถึงพระสมเด็จ
ส่วนพิมพ์นางกวัก เป็นเลข 9 ทั้ง 2 องค์ พิมพ์พระปิดตาไม่มีโค๊ด
ส่วนที่เห็นเป็นกำไลงานั้น อันนั้นเป็นโคนงาแท่งที่ใช้แกะพระชุดงาเกะครับ






พระปัจเจกโพธิ ลอยองค์ เนื้อหินแก้วจุยเจีย
พระปัจเจกโพธิชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 พร้อมๆกับพระปัจเจกโพธิเนื้อผง รุ่นสมปรารถนา โดยคณะศิษย์ท่านครูบากฤษดา สร้างขึ้นโดยการนำหินแก้วจุยเจียมาแกะเป็นรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าแบบลอยองค์ ได้จำนวนทั้งหมด 10 องค์ พระทุกองค์มีรันหมายเลขที่ใต้ฐาน และนำเข้าขอเมตตาจากท่านครูบากฤษดาอธิษฐานอัญเชิญบารมี และท่านได้เมตตาจารอักขระที่ใต้ฐานให้ และนำเข้าขอเมตตาจากองค์หลวงปู่พิศดูช่วยอธิษฐานให้ด้วยครับ..






พระขรรค์ รุ่นแรก
พระขรรค์ชุดนี้ ทางคณะศิษย์ขององค์หลวงปู่ ได้ขออนุญาติสร้างเพื่อไว้บูชากันเอง ซึ่งแรกเริ่มนั้นองค์หลวงปู่ได้สั่งให้หามีดสวยๆจากตลาดมาให้ท่านอธิษฐานเป็นมีดหมอเพื่อไว้ป้องกันอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งทางคณะศิษย์ก็ได้หามาถวายให้ท่านอยู่พอสมควร พอเสร็จท่านก็แจกจ่ายไปจนหมด แต่มีดชุดนั้นไม่ได้มีเอกลักษณ์ชี้ชัดว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่องค์หลวงปู่อธิษฐานให้
เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้ขออนุญาติจัดสร้างพระขรรค์ชุดนี้ขึ้นมา เดิมทีตั้งใจจะทำ 200 ชุด โดยออกแบบให้มีลักษณะของมหาอาวุธชั้นสูง ทั้งสี่ประการ คือ พระขรรค์ แก้ว(มณี) วัชระ จักร ให้อยู่ในเล่มเดียวกัน และขอเมตตาให้องค์หลวงปู่อธิษฐานให้.. แต่ด้วยความที่ช่างหล่อนั้นล่าช้า และทำงานออกมาไม่เป็นที่ถูกใจ เพราะไม่แข็งแรง เนื่องจากบริเวณตรงด้ามกับใบพระขรรค์นั้นไม่ได้หล่อเป็นเนื้อเดียวกัน แต่กลับเอาตะกั่วไปเชื่อมให้ติดกันแทน จึงได้มีการสั่งให้หล่อใหม่ แต่ได้เก็บตัวอย่างของพระขรรค์ที่ทำขึ้นมาแล้วไว้จำนวนหนึ่ง จากจำนวนที่องค์หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตเอาไว้แล้ว ได้เล่มใหญ่ 20 เล่ม และเล่มเล็กอีกประมาณ 40 เล่ม ที่เหลือได้นำไปให้ช่างหล่อหลอมใหม่ แต่ด้วยความที่ช่างขาดการใส่ใจจึงทำให้งานหล่อพระขรรค์ชุดใหม่นี้ล่วงเลยไปจนองค์หลวงปู่อาพาธ จึงยังไม่ได้สานงานนั้นต่อ ตราบจนองค์หลวงปู่ละสังขารลง แต่เนื้อชนวนและพระขรรค์ที่องค์หลวงปู่ได้เมตตาอธิษฐานไว้แล้วนั้นยังอยู่ ซึ่งต่อไปอาจจะได้ทำการหล่อหลอมเพื่อไว้บูชาในการต่อไปโดยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบขึ้นใหม่.. พระขรรค์ในชุดนี้จึงได้มีเพียงแค่ เล่มใหญ่ 20 เล่ม และเล่มเล็กอีกเพียงประมาณ 40 เล่มเท่านั้น และได้ทำการตอกโค๊ตอักขระขอมตัว " ธะ " กำกับที่ด้ามพระขรรค์ทุกเล่ม และเล่มใหญ่มีรันหมายเลขตั้งแต่ 0-19 กำกับเอาไว้ให้ได้รู้กันครับ..








ยังมีข้อมูลวัตถุมงคลบางอย่างที่องค์หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตไว้ และเป็นของที่สร้างแบบมีมาตรฐาน จึงขอลงข้อมูลเอาไว้ให้ศึกษาครับ..



พระเกศ..
พระเกศนี้ เดิมทีตั้งใจจะนำมาทำเป็นฝาปิดที่ด้ามพระขรรค์รุ่นแรก(เล่มใหญ่)ขององค์หลวงปู่ แต่ด้วยความที่เคยลงเอาไว้ว่า พระขรรค์รุ่นแรกที่องค์หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตไว้แล้วนั้น ขาดความเรียบร้อย คณะศิษย์จึงได้ตกลงกันว่าจะนำพระขรรค์นั้นไปหลอมขึ้นพิมพ์ใหม่(แต่จะมีเพียง 20 เล่มเท่านั้นที่ไม่ได้หลอมใหม่).. หากแต่ฝาปิดที่ได้เข้าพิธีพร้อมกับพระขรรค์ชุดแรกนั้น ไม่ได้นำไปหลอมด้วย ทางคณะศิษย์จึงได้นำเข้าพิธีพร้อมกับพระมหาอุปคุตจิ๋ว รุ่นพระชนะมาร และนำไปตอกโค๊ดและแจกแบ่งกันไปใช้ตามแต่ใครจะเห็นชอบอย่างไร บ้างก็นำไปเลี่ยมห้อยคอ บ้างก็นำไปฝังหลังล็อกเก็ต บ้างก็นำไปเป็นหัวเชื้อชนวนหล่อพระ เพราะถือว่าเป็นของที่ทันองค์หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิต และหล่อหลอมมาจากชนวนต่างๆมากมายแบบเข้มข้นสุดๆ
จำนวนสร้างทั้งหมดประมาณ 200 องค์ ขนาดความสูง 1.7 ซ.ม. ซึ่งด้วยลักษณะที่เหมือนพระเกศพระพุทธรูป จึงได้พากันเรียกวัตถุมงคลนี้ว่า " พระเกศ.. " ก็ถือว่าเป็นของมงคลที่ควรบันทึกเอาไว้ด้วยครับ..




เท่าที่ทราบนั้นชนวนหล่อพระขรรค์ กับพระเกศนี้ จะมีชนวนดังนี้..

- พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ธัมมะจารี ที่ชำรุดจำนวนมาก และก้านชนวน ขี้สว่านที่เจาะรูพระกริ่งธัมมะจารีจำนวนมาก (ชนวนพระชุดนี้มีอะไรบ้าง คิดว่าหลายท่านคงทราบกันดี)
- พระกรุสุพรรณหลังผานชำรุด
- พระกรุวัดเก๋งจีนชำรุด
- เงินรูสมัยเก่า จำนวนมาก
- ก้านชนวนพระยอดธงเปิดโลก ของหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม
- ชนวนพระขรรค์ และมีดหมอสายฟ้ามหาปราบไตรจักร ของหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม
- เม็ดกริ่งธัมมะจารี จำนวนมาก
- แผ่นยันต์ขององค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี
- แผ่นยันต์ของพระเกจิ ครูบาอาจารย์หลายองค์มาก
- กำไรจักรพรรดิ์ตราธิราช เนื้อเงิน หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน
- ชนวนพระนารายณ์ทรงครุฑ หลวงปู่กาหลง
- เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุด เครื่องรางของขลังของพระเกจิ ครูบาอาจารย์ จำนวนมาก
- ฯลฯ...

 

โอ้วพี่บัติไปบูชามาแต่เมื่อใด

 

เพิ่งได้มาครับ หลวงปู่ท่านมาโปรด คงอยากให้พี่มีเก็บไว้บูชา เพราะเป็นครั้งแรกที่เช่าพระบูชาเลยครับ

 

พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้า
สุดยอด..ศิริมงคลวัตถุแห่งยุค​

พระกริ่งมังกรฟ้า ชุดนี้เป็นวัตถุมงคลที่องค์หลวงปู่พิศดูร่วมอธิษฐานจิตไว้ด้วยหลายวาระ จึงขอยกมาแสดงไว้ในหน้ากระดานแห่งนี้ด้วย เพื่อความสมบูรณ์แบบในข้อมูล ที่สมควรนำเข้าบันทึกเอาไว้อย่างยิ่ง เพื่อการศึกษา.. ตามข้อมูลที่ผมพอทราบมา
พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้าสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2549 จัดสร้างตามดำริของท่านครูบากฤษดา สุเมโธ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้สมทบทุนร่วมสร้างวิหารทานต่างๆของทางวัดสันพระเจ้าแดง โดยท่านครูบาได้นำเอาชนวนมวลสารวัตถุมงคลทุกรุ่นของท่านตั้งแต่การสร้างยุคแรกสมัยยังเป็นสามเณร(วิเศษ)จนถึงปัจจุบัน มาหลอมรวมในเนื้อพระกริ่งมังกรฟ้านี้ ทั้งยังได้ชนวนมวลสารจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และจากครูบาอาจารย์ต่างๆอย่างคับคั่ง ทั่วทั้งแผ่นดินในหลายยุคสมัย ทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะ จีน ธิเบตอันเป็นปฐมกำเนิดของตำนานพระกริ่ง ท่านได้รวมชนวนมวลสาร แร่ธาตุต่างๆทั้งหมด หล่อหลอมรวมอยู่ในพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้าชุดนี้ล้วนๆ รวมทั้งประกอบพิธีหล่อหลอมชนวนทั้งหมดเป็นแท่งๆ และนำมาเสกตั้งธาตุปรับกระแสก่อน จึงนำมาเทเป็นองค์พระโดยกรรมวิธีเทหล่อแบบโบราณ โดยได้ควบคุมงานทุกอย่างด้วยองค์ท่านเองทั้งหมด
พระชุดนี้เดิมทีคณะศิษย์ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีเททอง คาดการกันว่ากระแสเนื้อขององค์พระจะต้องออกมาแบบวรรณะคล้ายเนื้อทองแดงหรือแบบเนื้อนวะ แต่พอเทเป็นองค์พระโดยสมบูรณ์แล้วกลับต้องแปลกใจไปตามกันหมด เนื่องจากกระแสเนื้อขององค์พระกลับออกเป็นสีทองอร่ามทุกองค์ มองเผินๆอาจคล้ายเนื้อทองเหลือง แต่หากสังเกตุดีๆแล้วจะทราบได้ชัดเลยว่าไม่ใช่..!! เพราะต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พระชุดนี้กระแสนั้นออกคล้ายเนื้อทองมหาสัมฤทธิ์ หรือที่เรียกกันว่า เนื้อทองสัมฤทธิ์ม้าฬ่อ (โล่โก๊ะแตก) ซึ่งเป็นเนื้อสูตรเดียวกันกับพระกริ่งจีนนอก สมัยราชวงศ์ถัง แต่จะแตกต่างกันตรงที่ว่า เนื้อของพระกริ่งมังกรฟ้าจะมีความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักมาก และที่ผิวมีวรรณะอยู่หลายกระแสนั่นเอง ตามที่ท่านครูบาท่านได้ตั้งจิตอธิษฐาน " ให้พระกริ่งชุดนี้บังเกิดมีฉัพพรรณรังสี " ที่สำคัญที่สุดพระกริ่งมังกรฟ้านี้จะเกิดฉัพพรรณรังสีให้เห็นได้ตามผิวขององค์พระ และจะเปลี่ยนแปลงไปตามบุญบารมีของผู้ครอบครอง
สำหรับวัตถุมงคลชุดนี้ได้ชื่อว่าพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้า ก็เนื่องมาจาก เป็นอีกสมญานามหนึ่งของท่านครูบากฤษดา ที่พระบูรพาจารย์และผู้ศรัทธาชาวจีน ฮ่องกง เรียกขานท่านในนามพระเถระมังกรฟ้า(เทียนหล่งซีฝู) และท่านก็ยังมีสำนักอยู่ที่ฮ่องกง ที่ลูกศิษย์รู้จักกันดีในชื่อ "สำนักมังกรฟ้า" เพราะฉะนั้นพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์รุ่นนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าเปรียบเสมือนองค์แทนของท่านครูบากฤษดา อีกนัยยะหนึ่งมังกรยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีบุญญาธิการสูง เช่นพระเจ้าจักรพรรดิ์ และมังกรฟ้ายังเป็นสิ่งคู่บารมีขององค์พระมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้ที่ได้ก้าวล่วงเข้าสู่ความเป็นพระอริยะมหาโพธิสัตว์ขั้นปรมัตถบารมี(บารมีเต็ม) อาทิ พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม พระมหาไภษัชยคุรุพุทธ ...ฯลฯ เป็นต้น
และพระกริ่งชุดนี้ท่านครูบายังได้ตั้งใจอธิษฐานจิตทุกวันยาวนานเป็นพิเศษกว่า 5 ปี ในระหว่างนั้นเมื่อท่านมีกิจนิมนต์เข้าพิธีที่ไหนท่านก็จะนำไปร่วมพิธีนั้นๆด้วย เพื่อให้บังเกิดความหลากหลายในอิทธิมหาพุทธานุภาพอย่างเปี่ยมล้นเป็นที่สุด และเวลาที่ท่านครูบามากราบเยี่ยมองค์หลวงปู่พิศดูที่วัดเทพธารทองท่านยังได้นำพระกริ่งชุดนี้ติดมาด้วยแทบทุกครั้ง เพื่อขอบารมีองค์หลวงปู่ร่วมอธิษฐานฝากกระแสเอาไว้ด้วยอีกหลายวาระ และเมื่อคราวที่วัดเทพธารทองได้จัดสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ธัมมะจารี ท่านครูบาก็ยังได้นำพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้า เข้าพิธีพุทธาภิเษก พร้อมกันในตลอดราตรีของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 อีกด้วย โดยมีองค์หลวงปู่พิศดูเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยท่านครูบากฤษดาเป็นผู้ร่วมสวดพุทธมนต์พระธัมจักรกัปปวัตตนสูตร พระบารมี 30 ทัศน์ และสวดพุทธมงคลคาถาสำคัญต่างๆ ซึ่งจะช่วยหนุนนำส่งเสริมกันกับองค์หลวงปู่ได้อย่างลงตัวที่สุด
ในพิธีพุทธาภิเษกกระทำอย่างเรียบง่ายที่สุด แต่ดูมีความขลังศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นครั้งแรกที่องค์หลวงปู่ท่านได้ตั้งใจใช้สายสิญจน์ในการประกอบพิธีอธิษฐานจิต (ปกติเพียงสวดมนต์ให้เท่านั้น)
พุทธลักษณะของพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์มังกรฟ้า มีอยู่ด้วยกัน 3 พิมพ์ คือ
พิมพ์พระกริ่งใหญ่ มีลักษณะอิ่มเอิบสมบูรณ์ เหมาะมากสำหรับไว้แช่ในน้ำเพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ ขนาดความสูง 4.6 ซ.ม.
พระกริ่งพิมพ์กลาง ขนาดความสูง 4.2 ซ.ม. ครับ องค์นี้สำหรับใช้บูชาติดตัว เพราะขนาดกำลังพอเหมาะ
ส่วนอีกพิมพ์หนึ่งเป็นพระชัยวัฒน์ ขนาดความสูง 1.4 ซ.ม. ขนาดองค์เล็กมากเหมาะสำหรับสุภาพสตรี เด็ก และผู้ที่ชอบพกพระชุดเล็ก
จำนวนสร้าง ทั้งหมด รวมกันทั้งสามพิมพ์เพียง 900 องค์เศษ
และเมื่อคราวที่วัดเทพธารทองได้สร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ธัมมะจารีขององค์หลวงปู่พิศดู ท่านครูบากฤษดาก็ยังได้เมตตามอบชนวนพระกริ่งมังกรฟ้านี้ให้มาเป็นชนวนในการหล่อหลอมอีกด้วย..
เพราะฉะนั้น ชุดพระกริ่งมังกรฟ้า และชุดพระกริ่งธัมมะจารี จึงอาจกล่าวได้ว่าดีเยี่ยมทุกประการ องค์ครูบาอาจารย์ทั้งสองท่าน ได้ ร่วมกันสรรค์สร้างสุดยอดศิริมงคลวัตถุที่ทรงคุณค่าที่สุดแห่งยุคอีกชุดหนึ่ง ยังให้บังเกิดผลอานิสงส์ทั้งในทางโลกและทางธรรม มีคุณครอบจักวาล ด้วยอิทธิบารมีมหาพุทธานุภาพที่เปี่ยมล้น เป็นวัตถุสมบัติทางพระศาสนา เพื่อมวลมนุษยชาติไว้กราบไหว้บูชาสักการะหมายเป็นที่พึ่งทางกายและใจ..

 

กราบหลวงปู่พิศดู กราบหลวงปู่สี

กราบขอขมากรรม ต่าง ๆ หากลูกได้ล่วงปรามาส หลวงปู่ หลวงปู่ทุก ๆ ท่าน ด้วยลูกไม่มีเจตตนาใดเพียงแต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอโปรดอโหสิกรรมแก่ลูกด้วยเถิด

 

นี่เลยที่คิดจะถามคุณทุเรียทอด

" ของ ปฏิกูล(ของหลวงปู่)นี้(พร้อมกับชี้ให้ดู) หากใครบูชาด้วยเห็นเป็นของสำคัญก็เป็นประโยชน์ได้ ช่วยให้ได้ผลก็ได้ แต่โดยมากคนจะมองข้ามตรงนี้กัน เห็นเป็นของน่ารังเกียจ "

หากแม้นวาสนามีไม่ถึง มิได้วัตถุมงคลหลวงปู่ ลูกก็มิได้ลบหลู่หรือหมางเมินต่อ ธาตุ 4 ของหลวงปู่ไม่หากแม้นมีวาสนา ได้นำมาบูชา คูตร มูตร นำ้ลาย น้ำหมาก น้ำเลือด น้ำเหลือง ผ้าเช็ดมือ เช็ดเท้า หรืออื่นใด เหล่านี้ของหลวงปู่ลูกก็ถือว่าเป็นมงคลทั้งสิ้น ด้วยชีวติและจิตใจ

ของพระอรหันต์ ทุกสิ่งศํกดิ์สิทธิ์และเทวดาคุ้มครองหมดครับ ผมคิดอย่างนั้น

 

ถ้ามีแจกก็อย่าลืมผมด้วย แหละ
เข้ามาอ่านประจำครับ แต่ไม่ได้โพสต์

จะหาพระมหาอุปคุตของหลวงปู่ได้ที่ไหนบ้างครับ อยากได้ไว้บูชาซักอีกงค์
กราบแทบเท้าหลวงปู่

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน เข้ามาทักทายกันเหมือนเคย พระบูชาขององค์หลวงปู่ช่างสวยงามจับใจจริงๆเลยครับ จะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของไหมหนอ สาธุ

 

กราบหลวงปู่พิศดูครับ

 

หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ

 

ผมชอบมากๆเลยครับกับประโยคข้างบนนี้.......กราบหลวงปู่พิศดูครับ

 

เข้ามาอ่านใหม่ เลยเข้าใจเลย โดนโทรตามคืน ฮ่า ๆๆๆ

 

555ส่งคืนมาให้ไว เพราะหยิบใส่ผิดกล่อง หาตั้งนานว่าหายไปไหน ยังดีนะนึกได้อิๆๆๆ:'(

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ ด้วยครับ

 

ขอบคุณมากครับที่ติดตามมาโดยตลอด พระอุปคุตขององค์หลวงปู่นั้น รอฟังข่าวดีครับ ไม่แน่..!! อาจมีแจกสำหรับผู้โชคดี ถ้าผมได้จากพระอาจารย์ท่านนั้น และถ้าท่านอนุญาตินะครับ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องในอนาคตเราก็ไม่อาจจะกะเกณได้ แต่อย่างน้อยคงต้องรอหลังจากวันประชุมเพลิงพระสรีระองค์หลวงปู่ผ่านพ้นไปก่อนนั่นแหละครับ เพราะถ้าได้มาจริงๆ และเอามาแจกตอนนี้คงดูไม่เหมาะสมเป็นที่สุดครับ อนึ่งพระชุดนี้ได้เคยเอามาแจกให้ญาติโยมที่วัดป่าคลองกุ้งบ้างแล้วโดยพระอาจารย์ท่านนี้(ท่านอยู่ที่ อ.แก่งหางแมว และเป็นลูกศิษย์เอกขององค์หลวงปู่ครับ) พระทุกองค์ที่ทุกท่านเคยได้ไปในตอนนั้นแจกกันฟรีๆไม่มีเช่าหรือว่าตั้งราคาทำบุญครับ บอกให้ก็ได้ว่า เป็นพระอุปคุตใบมะขาม แต่ตอนนี้พระอาจารย์ท่านนี้ไม่อยู่ อีกนานกว่าจะกลับครับ



.

 

สวัสดีครับคุณ จันท์คับ ขอบคุณมากที่ติดตามมาโดยตลอดครับ

 

อนุโมทนา....สาธุครับ