มลพิษทางอากาศและน้ำ!!!!!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Catt Bewer, 13 มีนาคม 2007.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ไปเที่ยวเกาะเต่ามา เจอน้ำเสียที่ปล่อยลงสู่ทะเล บริเวณหาดทรายรี ทำให้บริเวณนั้นเริ่มจะดำ เลยถ่ายรูปมา กะว่าจะหาที่แจ้งซะหน่อย เผื่อจะได้ทำการแก้ไข
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2007
  2. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>โรงเหล็กปล่อยฝุ่นควันป่วยถุงลมโป่งพองอื้อ</TD></TR><TR><TD vAlign=top>11 มิถุนายน 2550 01:44 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] ชาวบ้านพัฒนานิคม จ.ลพบุรี ตะลึงไม่เคยสูบบุหรี่ แต่ต้องเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เชื่อสูดดมฝุ่นควันจากโรงงานเหล็กนาน 6-7 ปี พบบางรายป่วยเป็นโรงผิวหนัง เคยร้องเรียน อบต.เข้าตรวจสอบแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น


    เรื่องราวความทุกข์ของชาวบ้านที่เกิดจากมลพิษของโรงงานเหล็ก จนทำให้คนที่เคยมีสุขภาพแข็งแรงกลับต้องป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสนม โพธิ์รัตน์ อายุ 52 ปี ชาวบ้าน หมู่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับโรงงานเหล็กว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ได้ไปพบ ศ.น.พ.ประพาฬ ยงใจยุทธ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลศิริราช ทำให้ทราบว่า เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่
     
  3. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>รง.มักง่ายแอบทิ้งสารเคมีเหม็นคลุ้ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#b4c1d6><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=center> </TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"รง.มักง่ายทิ้งถังสารพิษ ก๊าซไข่เน่า"


    เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ร.ต.ท.สุภัทร เหมจินดา ร้อยเวรสน.ลาดพร้าว

    รับแจ้งมีผู้นำสารเคมีมาทิ้งและเกิดรั่วไหล

    ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง ในซอยลาดพร้าว 101 แยกซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 13 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและมูลนิธิร่วมกตัญญู

    พบสารเคมีบรรจุในถังเหล็กหลายขนาดทั้ง 200 ลิตร

    และถังพลาสติก 50 ลิตร จำนวน 10 ถัง ส่วนใหญ่มีสนิมเต็ม บางถังผุจนทะลุ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายใบที่จมอยู่ในคูน้ำข้างถนนมีกลิ่นคล้ายแก๊สไข่เน่า เมื่อสูดดมเข้าไปมากๆ ทำให้เกิดอาการคอแห้งและคลื่นไส้

    จากการตรวจสอบข้างถังพบข้อความภาษาอังกฤษ

    ระบุเป็นหัวเชื้อกลิ่นผลไม้ต่างๆ เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ แตงโม ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีกล่องใส่ขวดหัวเชื้อกลิ่นผสมอาหาร ตราดาว ของบริษัท อาร์แอนด์บี ซัพพลาย จำกัด ซึ่งมีโรงงานอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยสารดังกล่าวหมดอายุตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ข้างขวด ทางพนักงานบริษัทดังกล่าวแจ้งว่า ไม่เคยนำสารเคมีไปทิ้งแต่อย่างใด

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าวใดๆ ทั้งสิ้น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    จากการสอบสวนผู้ที่พักอยู่ในซอยดังกล่าวทราบว่า

    ถังดังกล่าวมีคนแอบเอามาทิ้งไว้นานประมาณเดือนเศษแล้ว โดยในช่วงกลางคืนไม่มีใครเห็น แต่ตอนแรกไม่มีกลิ่นเหม็นจึงไม่มีใครสนใจ ต่อมาเมื่อ 2 วันก่อนได้มีชาวบ้านในซอยไปเก็บเอาถังมาตัดปากออกเพื่อจะเอาถังเหล็กไปขาย แต่พอตัดถังออก ก็พบว่าข้างในเป็นครีมมีกลิ่นเหม็นรุนแรงออกมา และมือที่เปื้อนสารก็มีอาการคันจนทนไม่ไหว บางคนต้องไปหาหมอ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว

    ต่อมานายสุเมธา วิเชียรเพชร ผอ.ส่วนปฏิบัติการฉุกเฉินและฟื้นฟู

    กองควบคุมมลพิษ พร้อมด้วยนางอินจิรา นิยมธูร ผอ.กองสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กทม. พร้อมคณะร่วมตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือวัดไอระเหยของสารเคมี วัดบริเวณถังที่ถูกเปิดออก พร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสารดังกล่าวน่าจะเป็นสารที่ใช้ผลิตกลิ่นสังเคราะห์

    สำหรับผสมอาหารส่วนถัง 200 ลิตร

    เป็นสารไวไฟประเภทแอลกอฮอล์โดยจากการวัดค่าที่ถังที่ถูกแกะออกพบปริมาณก๊าซ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่าสูงถึง 300 พีพีเอ็ม ซึ่งเป็นอันตรายมาก หากสูดดมเข้าไปนาน 30 นาที จะทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งในชั้นนี้ตนได้ปิดกั้นบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย โดยยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายถังสารเคมีได้

    เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายไปไกลกว่าที่เป็นอยู่

    จึงทำได้เพียงนำผ้าใบมาปิดคลุมเอาไว้ เพื่อไม่ให้กลิ่นฟุ้งกระจาย และจะประสานบริษัทที่รับจ้างกำจัดสารเคมี มาตรวจสอบและเก็บไปทำลายอีกครั้ง นอกจากนี้ก็จะได้ประสานสำนักงานเขตแจ้งความกับสน.ลาดพร้าวเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสารเคมีต่อไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผู้นำจีนแฉมลพิษมังกรถึงจุด
     
  5. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปักกิ่งเล็งสกัดรถ 1 ล.คันออกจากถนนหวังลดมลพิษ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 กรกฎาคม 2550 07:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วอลสตรีทเจอร์นัล
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ที่มนุษย์เราเข้าใจว่า "การพัฒนา"นั้นหมายถึง การพัฒนาทางวัตถุ แบบทุนนิยม ยิ่งมีวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้มาก ยิ่งมีความสุขมาก

    แต่เป็นก้าวเดินที่ผิดพลาดของมวลมนุษยชาติอย่างร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์

    หากพวกเราทุกๆคนรู้จักที่จะเริ่มต้นพัฒนา"จิตใจ"กันก่อน โลกก็คงไม่เป็นแบบนี้
     
  7. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    ADBชี้-"เอเซีย"เสียเงิน ทำความสะอาดมลพิษมหาศาล



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ประเทศในเอเชียต้องจ่ายค่าทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมหาศาล เนื่องจากขาดเงินลงทุนในการปกป้องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งเงินค่าทำความสะอาดนั้น "สูงกว่า" เงินที่ป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นไหนๆ

    ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย หรือ ADB ระบุว่า เอเชียต้องจ่ายเงินค่าทำความสะอาดมลพิษในแม่น้ำลำคลองรวมทั้งน้ำใต้ดิน เพราะไม่ได้ลงทุนในระบบสาธารณูปโภคอย่างพอเพียงในการกำจัดมลพิษนั้น

    เช่น ที่ประเทศจีน รัฐบาลต้องจ่ายเงินถึง 35,000 ล้านบาท ในการทำความสะอาดลำธารซูโจวที่ไหลผ่านนครเซี่ยงไฮ้ และน้ำในลำธารนี้เคยเป็นอันตรายต่อชาวเมือง

    บทเรียนของลำธารซูโจวทำให้รัฐบาลจีนตระหนักว่า การจ่ายเงินเพื่อทำความสะอาดนั้น "สูงกว่า" การป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษหลายเท่านัก

    นางเอมี่ เหลียง ผู้เชี่ยวชาญของ ADB กล่าวว่า การที่ไม่ปกป้องสิ่งแวดล้อมจนทำให้แม่น้ำลำธารเน่าเหม็น สร้างมลพิษให้กับเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง ก่อผลเสียให้อย่างมหาศาล ซึ่งผลเสียนี้จะขยายวงกว้างออกไปอีก ถ้าโรค "ไทฟอยด์" หรือ "อหิวาตกโรค" ระบาด

    ชาวเอเชียประมาณ 2,000 ล้านคน หรือประมาณ 66% ของประชากรทั้งหมดในเอเชีย ไม่มี "สุขอนามัย" ที่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่สะอาด ระบบกำจัดน้ำเสีย

    ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพนี้ ไม่ใช่กระทบต่อ "คนจน" อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงภาคเศรษฐกิจโดยรวม เช่น ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามา ส่งผลให้สูญเสียเงินตรา และยังทำให้ผลผลิตตกต่ำลง อย่าง อินเดีย สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 8,000 ล้านบาทต่อปี เพราะบ้านเมืองขาดความสะอาด

    http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03tec01240850&day=2007-08-24&sectionid=0326
     
  8. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=585 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาวระยองฮือปิดถนนค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน</TD></TR><TR><TD vAlign=top>3 กันยายน 2550 23:14 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] ชาวระยองกว่า 5 พัน ฮือปิดถนนค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เชื่อเป็นต้นตอสร้างมลพิษในชุมชน เรียกร้องผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ด้าน บ.ไออาร์พีซี แจงยังไม่ได้ยื่นซองประกวด เผยสร้างโรงไฟฟ้าต้องจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม-ทำประชาพิจารณ์ก่อน


    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กันยายน ที่บริเวณริมถนนสุขุมวิท หมู่ 5 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ตรงข้ามบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ชาวบ้านจาก ต.ตะพง ต.เชิงเนิน ต.บ้านแลง ต.นาตาขวัญ และจาก อ.เมือง จ.ระยอง กว่า 5,000 คน รวมตัวต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะมีการประมูลในเดือนธันวาคมนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านเชื่อว่า บริษัท ไออาร์พีซี จะชนะการประมูล เนื่องจากมีการเตรียมพื้นที่ในการก่อสร้างไว้แล้ว
    ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ไออาร์พีซี ได้นำรถพ่วงบรรทุกน้ำมันมาจอดเรียงรายหน้าโรงงานเต็มพื้นที่ โดยมีตำรวจชุดปราบปรามจลาจล พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.อ.เมืองระยอง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น.นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้มาสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าบริษัท ไออาร์พีซี
    นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำผู้ชุมนุม ชี้แจงว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการเตรียมประมูลของบริษัท ไออาร์พีซี เพราะถ้ามีการเปิดซอง มั่นใจว่าบริษัท ไออาร์พีซี จะต้องได้ก่อสร้างอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในชุมชนและติดกับพื้นที่เกษตรกรรมถึง 3 ตำบล
    "การจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 โรง กำลังการผลิตโรงละ 1,600 เมกะวัตต์ รวม 2 โรง 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ชาวระยองก็ต้องประสบปัญหามลพิษมากพออยู่แล้ว หากมีการเพิ่มโรงไฟฟ้าเข้ามาอีก ชาวระยองรับไม่ได้แน่นอน เพราะจะต้องมีโรงงานอื่นๆ ตามมาอีก เหมือนกับที่มาบตาพุด" นายสุทธิ กล่าว
    นายสุทธิ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลากลุ่มชาวบ้านได้เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้มาตลอดนับตั้งแต่ทราบข่าว แต่โรงงานไม่เคยออกมาชี้แจง หรือสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้าน ดังนั้นวันนี้จึงนัดชุมนุมใหญ่กดดันให้โรงงานออกมายืนยันว่าจะไม่มีการเปิดซองประมูลอย่างเด็ดขาด หากไม่ทำตามนี้ ก็จะใช้มาตรการกดดันอย่างไม่สิ้นสุด
    หลังจากการปราศรัยของบรรดาแกนนำที่ร่วมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าดำเนินมาถึงช่วงบ่าย ปรากฏว่ายังไม่มีผู้บริหารของบริษัท ไออาร์พีซี ออกมาชี้แจง ทำให้กลุ่มชาวบ้านไม่พอใจ ลุกฮือปิดถนนสุขุมวิททั้ง 3 ช่องทาง พร้อมตะโกนเรียกร้องให้ผู้บริหารบริษัทออกมาชี้แจง ต่อมา พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาบริษัท ไออาร์พีซี กล่าวว่า บริษัทซื้อซองประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินจากกรมธุรกิจพลังงาน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากประเมินแล้วว่าบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานของประเทศ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2550-2564 ซึ่งจะเป็นการช่วยประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยทางการจะเปิดให้ยื่นซองราคาในวันที่ 19 ตุลาคม 2550 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ยื่นซองประมูล เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด เนื่องจากต้องมีการดำเนินการใน 2 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1.การจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ 2.การทำประชาพิจารณ์ของประชาชนในพื้นที่ ในกรณีของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากปรากฏออกมาว่าทำไม่ผ่าน หรือทางการไม่อนุมัติ บริษัทก็จะไม่ลงทุนแน่นอน

    -->[​IMG]
    ชาวระยองกว่า 5 พัน ฮือปิดถนนค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เชื่อเป็นต้นตอสร้างมลพิษในชุมชน เรียกร้องผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ด้าน บ.ไออาร์พีซี แจงยังไม่ได้ยื่นซองประกวด เผยสร้างโรงไฟฟ้าต้องจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม-ทำประชาพิจารณ์ก่อน
    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กันยายน ที่บริเวณริมถนนสุขุมวิท หมู่ 5 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ตรงข้ามบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ชาวบ้านจาก ต.ตะพง ต.เชิงเนิน ต.บ้านแลง ต.นาตาขวัญ และจาก อ.เมือง จ.ระยอง กว่า 5,000 คน รวมตัวต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะมีการประมูลในเดือนธันวาคมนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านเชื่อว่า บริษัท ไออาร์พีซี จะชนะการประมูล เนื่องจากมีการเตรียมพื้นที่ในการก่อสร้างไว้แล้ว
    ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ไออาร์พีซี ได้นำรถพ่วงบรรทุกน้ำมันมาจอดเรียงรายหน้าโรงงานเต็มพื้นที่ โดยมีตำรวจชุดปราบปรามจลาจล พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.อ.เมืองระยอง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น.นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้มาสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าบริษัท ไออาร์พีซี [​IMG]
    นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำผู้ชุมนุม ชี้แจงว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการเตรียมประมูลของบริษัท ไออาร์พีซี เพราะถ้ามีการเปิดซอง มั่นใจว่าบริษัท ไออาร์พีซี จะต้องได้ก่อสร้างอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในชุมชนและติดกับพื้นที่เกษตรกรรมถึง 3 ตำบล
    "การจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 โรง กำลังการผลิตโรงละ 1,600 เมกะวัตต์ รวม 2 โรง 3,200 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ติดกับชุมชน เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ชาวระยองก็ต้องประสบปัญหามลพิษมากพออยู่แล้ว หากมีการเพิ่มโรงไฟฟ้าเข้ามาอีก ชาวระยองรับไม่ได้แน่นอน เพราะจะต้องมีโรงงานอื่นๆ ตามมาอีก เหมือนกับที่มาบตาพุด" นายสุทธิ กล่าว
    นายสุทธิ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลากลุ่มชาวบ้านได้เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้มาตลอดนับตั้งแต่ทราบข่าว แต่โรงงานไม่เคยออกมาชี้แจง หรือสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้าน ดังนั้นวันนี้จึงนัดชุมนุมใหญ่กดดันให้โรงงานออกมายืนยันว่าจะไม่มีการเปิดซองประมูลอย่างเด็ดขาด หากไม่ทำตามนี้ ก็จะใช้มาตรการกดดันอย่างไม่สิ้นสุด
    หลังจากการปราศรัยของบรรดาแกนนำที่ร่วมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าดำเนินมาถึงช่วงบ่าย ปรากฏว่ายังไม่มีผู้บริหารของบริษัท ไออาร์พีซี ออกมาชี้แจง ทำให้กลุ่มชาวบ้านไม่พอใจ ลุกฮือปิดถนนสุขุมวิททั้ง 3 ช่องทาง พร้อมตะโกนเรียกร้องให้ผู้บริหารบริษัทออกมาชี้แจง ต่อมา พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาบริษัท ไออาร์พีซี กล่าวว่า บริษัทซื้อซองประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินจากกรมธุรกิจพลังงาน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากประเมินแล้วว่าบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานของประเทศ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2550-2564 ซึ่งจะเป็นการช่วยประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยทางการจะเปิดให้ยื่นซองราคาในวันที่ 19 ตุลาคม 2550 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ยื่นซองประมูล เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด เนื่องจากต้องมีการดำเนินการใน 2 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1.การจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ 2.การทำประชาพิจารณ์ของประชาชนในพื้นที่ ในกรณีของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากปรากฏออกมาว่าทำไม่ผ่าน หรือทางการไม่อนุมัติ บริษัทก็จะไม่ลงทุนแน่นอน <TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 align=center border=0><TBODY><TR><TD height=20></TD></TR><TR><TD><!---------------------------------open คุณคิดอย่างไรกับข่าวนี้------------------------------------------->http://www.komchadluek.net/<!-- --><!---------------------------------close คุณคิดอย่างไรกับข่าวนี้-------------------------------------------></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ตัวแทนไออาร์พีซียันไม่เจรจากับม็อบต้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน</TD></TR><TR><TD vAlign=top>5 กันยายน 2550 02:20 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] ขณะที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนย้ำปักหลักปิดถนนสุขุมวิทต่อไป ลั่นจะต่อสู้ต่อไปหากไม่มีความชัดเจน


    ความคืบหน้าประชาชนชาว จ.ระยอง กว่า 6,000 คน ชุมนุมประท้วงต่อต้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหินเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา โดยผู้ชุมนุมได้ปิดถนนสุขุมวิทบริเวณหน้าบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หมู่ 5 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง เนื่องจากไม่ต้องการให้บริษัทได้รับงานจากการยื่นซองประมูล
    ล่าสุด มีรายงานว่า ประชาชนหลายพันคนยังรวมตัวประท้วงปิดถนนสุขุมวิทด้านหน้าบริษัท ไออาร์พีซี ต่อเนื่องมาถึงช่วงเย็นวันที่ 4 กันยายน โดยนายพลวัต ชยานุวัชร ผู้ว่าฯ ระยอง ได้เข้าพบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอร้องให้เปิดเส้นทางการจราจร ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยอมเปิดถนนให้เป็นบางช่วง พร้อมเรียกร้องให้นายปิติ ยิ้มประเสริฐ ผู้บริหารบริษัท ไออาร์พีซี ล้มเลิกโครงการดังกล่าว ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาบริษัท ไออาร์พีซี แถลงข่าวว่า การยื่นซองประกวดก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะต้องทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้หากผลการศึกษาพบว่ากระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะไม่ยื่นซองประกวดราคา ส่วนการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าไม่มีลักษณะเป็นการเจรจา แต่เป็นการยื่นคำขาดให้ นายปิติ ยืนยันว่าจะไม่ยื่นซองเท่านั้น ซึ่งเหตุผลดังกล่าวไม่เป็นธรรม จึงไม่สามารถทำตามคำขาดแกนนำได้ ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า เมื่อทางโรงงานยืนยันจะไม่ออกมาพบ กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเรียกร้องผ่านผู้ว่าฯ ระยอง เพื่อให้รัฐบาลมาดูแลเรื่องนี้ และยืนยันว่าจะต่อสู้ต่อไป

    -->[​IMG]
    ขณะที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนย้ำปักหลักปิดถนนสุขุมวิทต่อไป ลั่นจะต่อสู้ต่อไปหากไม่มีความชัดเจน
    ความคืบหน้าประชาชนชาว จ.ระยอง กว่า 6,000 คน ชุมนุมประท้วงต่อต้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหินเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา โดยผู้ชุมนุมได้ปิดถนนสุขุมวิทบริเวณหน้าบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หมู่ 5 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง เนื่องจากไม่ต้องการให้บริษัทได้รับงานจากการยื่นซองประมูล
    ล่าสุด มีรายงานว่า ประชาชนหลายพันคนยังรวมตัวประท้วงปิดถนนสุขุมวิทด้านหน้าบริษัท ไออาร์พีซี ต่อเนื่องมาถึงช่วงเย็นวันที่ 4 กันยายน โดยนายพลวัต ชยานุวัชร ผู้ว่าฯ ระยอง ได้เข้าพบกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอร้องให้เปิดเส้นทางการจราจร ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยอมเปิดถนนให้เป็นบางช่วง พร้อมเรียกร้องให้นายปิติ ยิ้มประเสริฐ ผู้บริหารบริษัท ไออาร์พีซี ล้มเลิกโครงการดังกล่าว [​IMG] ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ที่ปรึกษาบริษัท ไออาร์พีซี แถลงข่าวว่า การยื่นซองประกวดก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะต้องทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้หากผลการศึกษาพบว่ากระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะไม่ยื่นซองประกวดราคา ส่วนการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าไม่มีลักษณะเป็นการเจรจา แต่เป็นการยื่นคำขาดให้ นายปิติ ยืนยันว่าจะไม่ยื่นซองเท่านั้น ซึ่งเหตุผลดังกล่าวไม่เป็นธรรม จึงไม่สามารถทำตามคำขาดแกนนำได้ ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า เมื่อทางโรงงานยืนยันจะไม่ออกมาพบ กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเรียกร้องผ่านผู้ว่าฯ ระยอง เพื่อให้รัฐบาลมาดูแลเรื่องนี้ และยืนยันว่าจะต่อสู้ต่อไป <TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.komchadluek.net/
     
  10. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หมีขาว-มังกร-ภารตะ มีพื้นที่มลพิษแย่ที่สุดในโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กันยายน 2550 23:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี - สถาบัน "แบล็กสมิธ" ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์ก จัดทำรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(12) ระบุว่า 4 ใน 10 ของบริเวณที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก อยู่ในรัสเซีย และอีก 2 สาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต

    แบล็กสมิธกล่าวว่า บริเวณที่ปนเปื้อนมลพิษมากที่สุด 10 แห่งของโลกซึ่งอยู่ใน 7 ประเทศ เป็นเหตุให้ผู้คนกว่า 12 ล้านชีวิต ต้องทนทุกข์กับปัญหาด้านสุขภาพตั้งแต่โรคหืดหอบไปถึงโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ จนนำไปสู่ภาวะพิการแต่กำเนิดหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร

    ริชาร์ด ฟูลเลอร์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบันแบล็กสมิธกล่าวว่า เพียงแค่จัดทำโครงการทางวิศวกรรมแบบง่าย ๆ ก็จะทำให้บริเวณท็อปเทนเหล่านี้หลาย ๆแห่งมีความปลอดภัย แต่บ่อยครั้งที่เกิดภาวะขาดแคลนเงิน เจตนารมณ์ทางการเมือง หรือความสามารถทางเทคนิค

    แบล็กสมิธกล่าวผ่านรายงานประจำปีฉบับที่สอง ว่า 4 ใน 10 ของบริเวณที่ปนเปื้อนมลพิษอยู่ในรัสเซียและ 2 อดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต อาทิเช่น ดเซียร์จินสค์ ในดินแดนหมีขาว ซึ่งในช่วงสิ้นสุดสงครามเย็น ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอาวุธเคมีของประเทศ อีกแห่งคือ เชียร์โนบิลของยูเครน ซึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกเมื่อปี 1989

    ขณะที่จีนกับอินเดีย ก็มีดินแดนที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างละ 2 แห่งเท่ากัน ซึ่งก็คือ หลินเฟินในมณฑลซานซีของจีน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมถ่านหินที่กำลังขยายตัว และเทียนจิน หนึ่งในรากฐานการผลิตตะกั่วที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ทั้งนี้ชาวเทียนจิน โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ ต้องทนทรมานกับการเจ็บป่วยที่เกิดจากพิษตะกั่ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www2.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000108574</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    เผยชื่อ10เมืองสุดยอดมลพิษ "จีน-อินเดีย-รัสเซีย"นำหน้า



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>สถาบันแบล็คสมิธ องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ ประกาศเมือง 10 แห่งที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ได้รับมลพิษแล้วรวมทั้งมีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษใน 10 เมืองนั้นถึง 12 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นมลพิษจากสารเคมี อุตสาหกรรมโลหะและเหมืองแร่ เรียงลำดับกันเลย

    1. เมืองซัมกายิต ประเทศอาเซอร์ไบจาน ประชาชนได้รับมลพิษจากอุตสาหกรรมเคมีและโลหะหนักแล้ว 275,000 คน

    2. เมืองหลินเฟิน ประเทศจีน มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากเหมืองถ่านหิน 3 ล้านคน

    3. เมืองเทียนยิง ประเทศจีน มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากสารตะกั่ว 140,000 คน

    4. เมืองสุกินดา ประเทศอินเดีย มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ 2,600,000 คน

    5. เมืองวาปี ประเทศอินเดีย มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากสารพิษและยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำ 71,000 คน

    6. เมืองลาโอโรยา ประเทศเปรู มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากเหมืองแร่ โดยเฉพาะสารตะกั่ว ทองแดง และสังกะสี 35,000 คน

    7. เมืองดเซอร์ซินค์ ประเทศรัสเซีย มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากโรงงานผลิตสารเคมี 300,000 คน

    8. เมืองนอริลสค์ ประเทศรัสเซีย มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากโลหะหนัก จนทำให้เกิดหมอกพิษ 134,000 คน

    9. เมืองเชอร์โนบิล ประเทศยูเครน มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษที่หลงเหลือจากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5,500,000 คน

    10. เมืองแคบเว่ ประเทศแซมเบีย มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษจากสารตะกั่ว 255,000 คน

    อย่าเพิ่งงงว่า ทำไมบางเมือง เช่น เชอร์โนบิล มีผู้เสี่ยงต่อการรับมลพิษถึง 5 ล้านกว่า

    http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03tec01200950&day=2007-09-20&sectionid=0326
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,896
    ชี้"มลภาวะทางอากาศ" กระตุ้นภาวะลิ่มเลือดอุดตัน <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> ผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาชี้ อนุภาคขนาดเล็กในมลภาวะทางอากาศที่มีขนาดไม่ถึง 1 ใน 10 ของความกว้างเส้นผม อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้

    ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า

    รถบรรทุก รถโดยสาร และโรงงานถ่านหิน เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง แต่ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอนุภาคขนาดเล็กในมลภาวะทางอากาศจึงฆ่าคนได้

    ล่าสุด คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์นในชิคาโกพบคำตอบเรื่องนี้หลังจากศึกษากับหนู พบว่า

    มลภาวะทางอากาศทำให้ปอดอักเสบ ปอดที่อักเสบจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง "อินเตอร์ลิวคิน 6" เป็นสารประกอบภูมิคุ้มกันที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดลิ่มเลือด เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

    สำหรับวิธีการทดลอง

    ได้นำเอาตัวอย่างอนุภาคในมลภาวะทางอากาศจากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐไปผสมกับสารละลายน้ำเกลือแล้วฉีดเข้าไปในปอดของหนู หนูมีอินเตอร์ลิวคิน 6 เพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า ในอีก 24 ชั่วโมงถัดมา สอดคล้องกับงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่าระดับมลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ภายใน 24 ชั่วโมง และเมื่อทดลองกดภูมิคุ้มกันในปอดที่ทำหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกายและทำหน้าที่หลั่งอินเตอร์ลิวคิน 6 พบว่าป้องกันการเกิดลิ่มเลือดได้ แสดงว่าอินเตอร์ลิวคิน 6 เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องนี้

    ทีมนักวิจัยพบเรื่องลิ่มเลือดตั้งแต่ 2 ปีก่อน ขณะศึกษาว่ามลภาวะทางอากาศทำให้หนูหัวใจล้มเหลวได้อย่างไร

    สิ่งที่พบคือหนูที่ได้รับมลภาวะทางอากาศเวลาเลือดออกจะมีเลือดไหลออกมาน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้รับมลภาวะทางอากาศ แสดงว่าเกิดลิ่มเลือดอุดตัน คณะนักวิจัยจะศึกษาต่อไปว่า แอสไพรินจะช่วยป้องกันลิ่มเลือดอุดตันในหนูหรือไม่ เพราะทุกวันนี้แพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจรับประทานแอสไพรินจำนวนน้อย

    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,896
    เชียงใหม่พบมลพิษทางอากาศสูง ฝุ่นฟุ้งเต็มเมืองค่ามาตรฐาน อตร.

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>ที่มา www.banmuang.co.th วันที่ 27 กันยายน 2550
    จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศปัญหามลพิษทางอากาศเป<WBR>็นวาระเร่งด่วนของจังหวัดที่ต<WBR>้องการได้รับการแก้ไขมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งมีปร<WBR>ิมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อส<WBR>ุขภาพ มีปรากฏการณ์ความเจ็บป่วยด<WBR>้วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ<WBR>้นทุกปี อัตราผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดต<WBR>่อประชากรแสนคนในเชียงใหม่มีอ<WBR>ัตราสูงกว่าประชาชนในกรุงเทพมหาน<WBR>คร หากไม่ได้รับการแก้ไขจะมีผลต่อค<WBR>ุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนภาพลักษณ์ของเมืองเช<WBR>ียงใหม่เสียหาย และกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของเม<WBR>ืองเชียงใหม่
    จากที่จังหวัดเชียงใหม่ได<WBR>้ประสบปัญหาทางมลพิษทางอากาศและห<WBR>มอกควัน ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากฝุ่นละอองและเขม่าคว<WBR>ันที่เกิดจากการเผาไหม้ รวมทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากกิจกรรมการเผาขยะ เผาป่าเศษวัสดุเหลือใช้ กิ่งไม้ใบไม้ การจราจร และการก่อสร้าง ทางจังหวัดจึงให้ข่าวสาร และรณรงค์ให้เกิดการมีส่วนร<WBR>่วมในการจัดการมลพิษทางอากาศ
    นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหามลพิษทางอากาศและหมอกควัน เนื่องจากฝุ่นละอองและเขม่าคว<WBR>ันที่เกิดจากการเผาไหม้ เป็นปัญหาที่เกิดจากกิจกรรมของมน<WBR>ุษย์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดจากความรู้เท่าไม่ถ<WBR>ึงการณ์จนเป็นวิถีชีวิต จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยทั<WBR>่วไป การแก้ไขปัญหาจึงมีการเรียนรู<WBR>้และปรับตัวเพื่อรับสถานการณ<WBR>์โดยใช้แนวทางตามปรัชญาเศรษฐก<WBR>ิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ<WBR>้าอยู่หัว ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได<WBR>้ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองที่จะศ<WBR>ึกษาหาความรู้ และต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกค<WBR>วันซึ่งถ้าทุกคนร่วมมือกันก<WBR>็จะแก้ปัญหาได้

    แหล่งข่าว: http://www.onep.go.th/EnvNews<WBR>/news_item.asp?NewsID=3756
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>โวยน้ำประปาย่านนิคมอุตสาหกรรมเปื้อนสารพิษ</TD></TR><TR><TD vAlign=top>14 พฤศจิกายน 2550 00:20 น.

    </TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] แฉน้ำประปาหมู่บ้านย่านนิคมฯลำพูน มีสารพิษตะกั่ว-ทองแดงสูงเกินมาตรฐาน4 เท่าขณะที่สังกะสีเกินกว่า 8 เท่าส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ เผยกว่าครึ่งแหล่งน้ำชุมชนทั่วประเทศมีสารพิษปนเปื้อน ขณะที่ชาวบ้านผวางดใช้ ต้องซื้อน้ำบริโภคแทน ส่วนหน่วยงานรัฐอ้างตรวจประจำ ยันไม่พบสารพิษเกินค่ามาตรฐาน
    เหตุน้ำประปาย่านอุตสาหกรรมมีสารพิษปนเปื้อนครั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ที่ทำการประปาหมู่บ้าน หมู่ 4 บ้านหนองเป็ดต.บ้านกลางอ.เมืองจ.ลำพูนกลุ่มกรีนพีซ หรือ มูลนิธิเพื่อสันติภาพสีเขียว ได้รวมตัวจัดกิจกรรมรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลเข้าตรวจแหล่งน้ำในชุมชน หลังพบการปนเปื้อนของสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในแหล่งน้ำประปาของหมู่บ้านปริมาณสูง
    นายพรายภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มเข้าตรวจสอบคุณภาพและค่ามาตรฐานในน้ำ พบว่ากว่าร้อยละ 50 ของแหล่งน้ำชุมชนทั่วประเทศมีการปนเปื้อนของสารพิษ โดยที่หมู่บ้านหนองเป็ด ซึ่งเป็นชุมชนติดกับนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูนมีการปนเปื้อนของสารตะกั่ว ทองแดง และสังกะสี ที่แหล่งน้ำประปาบาดาลสูงกว่าปกติมาก โดยพบปริมาณของสารตะกั่ว และทองแดง สูงกว่ามาตรฐาน 4 เท่าและมีสังกะสีสูงกว่ามาตรฐานถึง 8 เท่าจากมาตรฐานน้ำดื่มของประเทศไทยซึ่งสร้างความวิตกกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับการใช้น้ำบริโภคและอุปโภคของชาวบ้านหนองเป็ด และพบว่าสถานการณ์ด้านสุขภาพและพัฒนาการของเด็กในหมู่บ้านด้อยกว่าเด็กทั่วไปด้วย
    ในการชุมนุมรณรงค์ดังกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีตัวแทนชาวบ้านหนองเป็ดส่วนหนึ่งรวมกลุ่มกันชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และหามาตรการป้องกันแหล่งน้ำใต้ดิน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้น้ำอุปโภคและบริโภคได้เหมือนอดีตก่อนมีนิคมอุตสาหกรรม
    นางจันทร์ฟองมณีขัติ ชาวบ้านหนองเป็ด กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลจากกลุ่มผู้สำรวจเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา จึงรู้ว่าน้ำในหมู่บ้านมีการปนเปื้อนของสารพิษสูง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจจากการใช้น้ำอุปโภคบริโภคเหมือนในอดีต โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งหันไปซื้อน้ำดื่มจากโรงผลิตน้ำดื่มแทนน้ำประปา
    ชาวบ้านบางคนที่ไม่มีเงินซื้อน้ำดื่มก็จะต้มน้ำดื่มกันเองตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการให้ชาวบ้านสามารถใช้น้ำได้เหมือนเดิม เพราะได้ข่าวมาว่า ต่อไปอาจจะไม่สามารถใช้น้ำล้างหน้าแปรงฟัน กระทั่งอาบน้ำได้ นางจันทร์ฟองกล่าว
    ด้านนายจำนงจันทกลาง ผู้ใหญ่บ้านหนองเป็ด กล่าวว่า หมู่บ้านมีประชากรประมาณ 100 คนจาก 20 ครัวเรือนหลังมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องสารปนเปื้อนก็ยังไม่มีชาวบ้านล้มป่วยเพราะดื่มน้ำประปาหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ได้ประกาศให้งดดื่มน้ำประปาหมู่บ้าน เนื่องจากพบว่าเด็กในหมู่บ้านเริ่มมีอาการปวดกระดูก ซึ่งชาวบ้านต้องการให้รัฐเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในขณะนี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในการรณรงค์ กลุ่มกรีนพีซได้นำป้ายผ้าที่มีข้อความว่า สารพิษ ไปติดไว้บนแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้านและติดตั้งป้ายประกาศรายละเอียดของสารพิษดังกล่าวให้ชาวบ้านทราบ พร้อมกับเชิญตัวแทนจากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง และนำข้อมูลมาเปิดเผยให้ชาวบ้านทราบอีกต่อไป
    ด้านนายอนุกูนสุธาพันธ์ ผอ.ส่วนน้ำเสียอุตสาหกรรมกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า เบื้องต้นกรมควบคุมมลพิษจะเก็บตัวอย่างน้ำดังกล่าวไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะเก็บน้ำจากท่อประปาที่เปิดไว้นานต่อเนื่องจนกว่าน้ำจะมีแรงดันไฟฟ้าคงที่ เพื่อให้สามารถตรวจน้ำได้ค่ามาตรฐานที่สุด
    หลังจากนี้จะส่งน้ำส่งห้องแล็บเพื่อตรวจสอบซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร โดยจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุหลายๆ ด้านว่า จริงๆ แล้วน้ำปนเปื้อนสารพิษจากโรงงาน หรือจากสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ซึ่งสะสมมาตามธรรมชาติกันแน่ นายอนุกูนกล่าวและว่า ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดว่าสารปนเปื้อนดังกล่าวมาจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และยังไม่สามารถเอาผิดใครได้ ซึ่งหลังจากทราบผลที่ชัดเจนจะเข้าไปตรวจในหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูนและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการตามหน้าที่ต่อไป
    ขณะที่นายดนัย สารพฤกษ์ ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลบ้านกลาง อ.เมืองจ.ลำพูน กล่าวว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้นต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดดื่มน้ำประปา และแจ้งไปยังส่วนอำเภอ และจังหวัด ให้จัดหาแหล่งน้ำสำหรับชาวบ้านบริโภคทดแทนไปก่อนในช่วงนี้ และยืนยันว่าเทศบาลมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และไม่เคยพบสารปนเปื้อนมากเช่นนี้มาก่อน จากนี้ไปจะมีการสุ่มตรวจน้ำในหมู่บ้านเขตนิคมอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในระยะยาวต่อไป
    -->
    แฉน้ำประปาหมู่บ้านย่านนิคมฯลำพูน มีสารพิษตะกั่ว-ทองแดงสูงเกินมาตรฐาน4 เท่าขณะที่สังกะสีเกินกว่า 8 เท่าส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าปกติ เผยกว่าครึ่งแหล่งน้ำชุมชนทั่วประเทศมีสารพิษปนเปื้อน ขณะที่ชาวบ้านผวางดใช้ ต้องซื้อน้ำบริโภคแทน ส่วนหน่วยงานรัฐอ้างตรวจประจำ ยันไม่พบสารพิษเกินค่ามาตรฐาน
    เหตุน้ำประปาย่านอุตสาหกรรมมีสารพิษปนเปื้อนครั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ที่ทำการประปาหมู่บ้าน หมู่ 4 บ้านหนองเป็ดต.บ้านกลางอ.เมืองจ.ลำพูนกลุ่มกรีนพีซ หรือ มูลนิธิเพื่อสันติภาพสีเขียว ได้รวมตัวจัดกิจกรรมรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลเข้าตรวจแหล่งน้ำในชุมชน หลังพบการปนเปื้อนของสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในแหล่งน้ำประปาของหมู่บ้านปริมาณสูง
    นายพรายภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มเข้าตรวจสอบคุณภาพและค่ามาตรฐานในน้ำ พบว่ากว่าร้อยละ 50 ของแหล่งน้ำชุมชนทั่วประเทศมีการปนเปื้อนของสารพิษ โดยที่หมู่บ้านหนองเป็ด ซึ่งเป็นชุมชนติดกับนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูนมีการปนเปื้อนของสารตะกั่ว ทองแดง และสังกะสี ที่แหล่งน้ำประปาบาดาลสูงกว่าปกติมาก โดยพบปริมาณของสารตะกั่ว และทองแดง สูงกว่ามาตรฐาน 4 เท่าและมีสังกะสีสูงกว่ามาตรฐานถึง 8 เท่าจากมาตรฐานน้ำดื่มของประเทศไทยซึ่งสร้างความวิตกกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับการใช้น้ำบริโภคและอุปโภคของชาวบ้านหนองเป็ด และพบว่าสถานการณ์ด้านสุขภาพและพัฒนาการของเด็กในหมู่บ้านด้อยกว่าเด็กทั่วไปด้วย
    ในการชุมนุมรณรงค์ดังกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีตัวแทนชาวบ้านหนองเป็ดส่วนหนึ่งรวมกลุ่มกันชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และหามาตรการป้องกันแหล่งน้ำใต้ดิน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้น้ำอุปโภคและบริโภคได้เหมือนอดีตก่อนมีนิคมอุตสาหกรรม
    นางจันทร์ฟองมณีขัติ ชาวบ้านหนองเป็ด กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลจากกลุ่มผู้สำรวจเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา จึงรู้ว่าน้ำในหมู่บ้านมีการปนเปื้อนของสารพิษสูง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจจากการใช้น้ำอุปโภคบริโภคเหมือนในอดีต โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งหันไปซื้อน้ำดื่มจากโรงผลิตน้ำดื่มแทนน้ำประปา
    ชาวบ้านบางคนที่ไม่มีเงินซื้อน้ำดื่มก็จะต้มน้ำดื่มกันเองตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการให้ชาวบ้านสามารถใช้น้ำได้เหมือนเดิม เพราะได้ข่าวมาว่า ต่อไปอาจจะไม่สามารถใช้น้ำล้างหน้าแปรงฟัน กระทั่งอาบน้ำได้ นางจันทร์ฟองกล่าว
    ด้านนายจำนงจันทกลาง ผู้ใหญ่บ้านหนองเป็ด กล่าวว่า หมู่บ้านมีประชากรประมาณ 100 คนจาก 20 ครัวเรือนหลังมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องสารปนเปื้อนก็ยังไม่มีชาวบ้านล้มป่วยเพราะดื่มน้ำประปาหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ได้ประกาศให้งดดื่มน้ำประปาหมู่บ้าน เนื่องจากพบว่าเด็กในหมู่บ้านเริ่มมีอาการปวดกระดูก ซึ่งชาวบ้านต้องการให้รัฐเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในขณะนี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในการรณรงค์ กลุ่มกรีนพีซได้นำป้ายผ้าที่มีข้อความว่า สารพิษ ไปติดไว้บนแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้านและติดตั้งป้ายประกาศรายละเอียดของสารพิษดังกล่าวให้ชาวบ้านทราบ พร้อมกับเชิญตัวแทนจากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง และนำข้อมูลมาเปิดเผยให้ชาวบ้านทราบอีกต่อไป
    ด้านนายอนุกูนสุธาพันธ์ ผอ.ส่วนน้ำเสียอุตสาหกรรมกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า เบื้องต้นกรมควบคุมมลพิษจะเก็บตัวอย่างน้ำดังกล่าวไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะเก็บน้ำจากท่อประปาที่เปิดไว้นานต่อเนื่องจนกว่าน้ำจะมีแรงดันไฟฟ้าคงที่ เพื่อให้สามารถตรวจน้ำได้ค่ามาตรฐานที่สุด หลังจากนี้จะส่งน้ำส่งห้องแล็บเพื่อตรวจสอบซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร โดยจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุหลายๆ ด้านว่า จริงๆ แล้วน้ำปนเปื้อนสารพิษจากโรงงาน หรือจากสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ซึ่งสะสมมาตามธรรมชาติกันแน่ นายอนุกูนกล่าวและว่า ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดว่าสารปนเปื้อนดังกล่าวมาจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และยังไม่สามารถเอาผิดใครได้ ซึ่งหลังจากทราบผลที่ชัดเจนจะเข้าไปตรวจในหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูนและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการตามหน้าที่ต่อไป ขณะที่นายดนัย สารพฤกษ์ ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลตำบลบ้านกลาง อ.เมืองจ.ลำพูน กล่าวว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้นต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดดื่มน้ำประปา และแจ้งไปยังส่วนอำเภอ และจังหวัด ให้จัดหาแหล่งน้ำสำหรับชาวบ้านบริโภคทดแทนไปก่อนในช่วงนี้ และยืนยันว่าเทศบาลมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และไม่เคยพบสารปนเปื้อนมากเช่นนี้มาก่อน จากนี้ไปจะมีการสุ่มตรวจน้ำในหมู่บ้านเขตนิคมอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในระยะยาวต่อไป <TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.komchadluek.net/
     

แชร์หน้านี้

Loading...