ภัยที่เกิดจากน้ำและการป้องกัน

ชาวญี่ปุ่น 3 ราย บาดเจ็บกว่า 70 สังเวยพายุมานหยี่ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 กรกฎาคม 2550 15:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="250"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ฤทธิ์ของพายุมานหยี่</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> เอเจนซี - พายุไต้ฝุ่นมานหยี่คร่าชีวิตพลเรือนญี่ปุ่นไป 3 ราย บาดเจ็บกว่า 70 คน แต่อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วในวันนี้(15) ขณะเคลื่อนผ่านโตเกียวและมุ่งหน้าต่อไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก ทว่ายังส่งผลให้มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงและดินถล่ม

มานหยี่ เคลื่อนตัวจากเมืองชิบา ใกล้กับโตเกียว ไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากเล่นงานเกาะคิวชู บริเวณทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์(14) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุ

อย่างไรก็ตามกรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นยังคงเตือนให้ระวังดินถล่มในเขตชุมชน หลังจากมีฝนตกหนัก ทำให้ต้องมีการอพยพผู้คนหลายพันคนออกจากบ้านเรือน

มานหยี่ ขึ้นฝั่งที่โอกินาวะ เมืองทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คร่าชีวิตประชาชนแดนปลาดิบไป 3 ราย ในจำนวนนั้นมีเด็กวัย 11 ขวบ ซึ่งถูกน้ำเคลื่อนที่มาอย่างไม่ทันรู้ตัวซัดขณะพยายามเก็บบอลเมื่อวันเสาร์ นอกจากนี้ยังผู้สูญหายอีก 1 รายและคนชราวัย 73 ปีได้รับบาดเจ็บ

พายุลูกนี้ยังสร้างความยุ่งเหยิงให้กับการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดติดต่อกัน 3 วันในสุดสัปดาห์ เนื่องจากต้องยกเลิกบริการรถไฟ ปิดทางหลวงและยกเลิกเที่ยวบินกว่า 240 ไฟต์ เช่นเดียวกับรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงที่เพิ่งกลับมาเปิดใช้ หลังถูกปิดในช่วงเช้า ทำให้ประชนชนจำนวนมากตกค้างอยู่ที่สถานี

มานหยี่ได้รับการตั้งชื่อตามช่องแคบ ที่กลายเป็นอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง ซึ่งญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้จะถูกโจมตีโดยไต้ฝุ่นทุกๆ ปี โดยในปีที่แล้ว ไต้ฝุ่นชันชันคร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นไป 9 ราย และอีก 300 กว่ารายได้รับบาดเจ็บ

 

<table bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top" width="350"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="35" valign="middle" width="350">บันทึกเหตุการณ์ดินถล่มในประเทศไทย</td> </tr> </tbody></table></td> <td width="348"> </td> <td width="48"> </td> </tr> <tr> <td height="1394"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <!--DWLayoutTable--> <tbody><tr> <td height="393" valign="top" width="698"><table align="center" border="0" cellspacing="0" width="697"> <tbody><tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ff9900"> <th scope="col" width="253">สถานที่</th> <th scope="col" valign="top" width="138">วันที่เกิดเหตุ</th> <th scope="col" width="300">สภาพความเสียหาย</th> </tr> <tr bordercolor="#000000"> <td>บ้านกะทูนเหนือ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช </td> <td>

22 พฤศจิกายน 2531 ​

</td> <td>ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประมาณ 230 คน บ้านเรือนเสียหายประมาณ 1500 หลัง พื้นที่การเกษตรเสีหาย 6150 ไร่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1000 ล้านบาท </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>บ้านคีรีวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช</td> <td>

22 พฤศจิกายน 2531 ​

</td> <td>ผู้เสียชีวิต 12 คน บ้านเรือนเสียหาย 152 หลัง เสียหายบางส่วน 210 หลัง </td> </tr> <tr bordercolor="#000000"> <td>กิ่งอำเภอเขาคิชกูฏ จังหวัดจันทบุรี </td> <td>

30 กรกฎาคม 2542 ​

</td> <td>มีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ก่อนเกิดเหตุ บ้านเรือน ปศุสัตว์และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย</td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>บ้านธารทิพย์ อำเภอหล่มสัก และบ้านโพธิ์เงิน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ </td> <td>

11 กันยายน 2543​

</td> <td>ผู้เสียชีวิต 10 คน สูญหาย 2 คน บ้านเรือนเสียหาย 363 หลัง การปศุสัตว์และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffffff"> <td>อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ </td> <td>

4 พฤษภาคม 2544 ​

</td> <td>ผู้เสียชีวิต 43 คน สูญหาย 4 คน บ้านเรือนเสียหาย 18 หลัง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท</td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ </td> <td>

11 สิงหาคม 2544 ​

</td> <td>ผู้บาดเจ็บ 109 คน เสียชีวิต 136 คน สูญหาย 4 คน บ้านเรือนเสียหาย 188 หลัง เสียหายบางส่วน 441 หลัง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 645 ล้านบาท </td> </tr> <tr bordercolor="#000000"> <td>บ้านน้ำแม่แรก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่</td> <td>

15 กันยายน 2545 ​

</td> <td>มีการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ก่อนเกิดเหตุจำนวน 180 ครัวเรือน เส้นทางแม่แจ่ม - ฮอด ได้รับความเสียหาย</td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>บ้านกองบอด ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ </td> <td>

6 พฤษภาคม 2547 ​

</td> <td>ผู้เสียชีวิต 1 คน บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง จักรยานยนต์ 1 คัน </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffffff"> <td>ตำบลแม่ตื่น ม่อนจอง และตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ </td> <td>

20 พฤษภาคม 2547 ​

</td> <td>เสียหาย 4 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 100 คน 120 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 คน </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>ตำบลแม่ระมาด แม่ตื่น ขะเนจื้อ และตำบลจะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
</td> <td>

20 พฤษภาคม 2547 ​

</td> <td> 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน เดือดร้อน 8,846 คน 2,135 ครัวเรือน เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 391 ราย </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffffff"> <td> บ้านสบโขง หมู่ 10 ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน </td> <td>

22 พฤษภาคม 2547 ​

</td> <td> ผู้ประสบภัย 400 คน 120 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 100 หลัง </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td> ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ </td> <td>

17 ตุลาคม 2547 ​

</td> <td> เกสเฮาส์ 14 หลังเสียหาย ดินทับหลังคา รั้ว และผนังห้อง 10 หลังเสียหาย รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffffff"> <td>บ้านห้วยส้มไฟ ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
</td> <td>

18 ตุลาคม 2547 ​

</td> <td> มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 1 คน บ้านเรือนเสียหาย 25 หลัง </td> </tr> <tr bordercolor="#FFFFFF" bgcolor="#ffcc66"> <td> อำเภอธารโต จังหวัดยะลา </td> <td>

12 ธันวาคม 2547 ​

</td> <td> มีผู้เสียชีวิต 2 คน บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง และดินปิดทับทางหลวงหมายเลข 410 สายยะลา-เบตง บริเวณบ้านแหร </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffffff"> <td>ตำบลดาเนาะปูเต๊ะ อำเภอบันนังสตาร์ จังหวัดยะลา </td> <td>

20 ธันวาคม 2548 ​

</td> <td>ดินถล่มร่วมกับน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขา ทำความเสียหาย 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 18 หลัง เสียหายบางส่วน 55 หลัง </td> </tr> <tr bordercolor="#000000" bgcolor="#ffcc66"> <td>อำเภอลับแล อำเภอท่าปลา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย และอำเภอเมือง จังหวัดแพร่
</td> <td>

23 พฤษภาคม 2549 ​

</td> <td>ผู้เสียชีวิต 83 คน สูญหาย 33 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 673 หลัง พื้นที่การเกษตร 481830 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 308.6 ล้านบาท


http://www.dmr.go.th/geohazard/landslide/landslide_record.htm
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table class="mxtable" align="center" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="120" valign="top">

ประกาศกรมทรัพยากรธรณีฉบับที่ ๒๐/๒๕๕๐ ให้ประชาชนเฝ้าระวังภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลากบริเวณจังหวัดตรังและกระบี่​

นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้ประชาชนในพื้นที่ภูเขาสูง หุบเขา และหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม บริเวณเทือกเขานครศรีธรรมราช และพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดตรัง กระบี่ และจังหวัด ใกล้เคียง โดยเฉพาะอำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด นาโยง ย่านตาขาว จังหวัดตรัง อำเภอเมืองกระบี่ อ่าวลึก เขาพนม จังหวัดกระบี่ ตรวจเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหล หลาก
ในระยะ ๑-๒ วันนี้ เนื่องจากมีฝนตกสะสมต่อเนื่องหลายวัน และดินบนภูเขาชุ่มน้ำ
ซึ่งอาจถล่มลงมาได้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ซึ่งอาจเกิดดินไหลมาปิดทับเส้นทางสายตรัง - พัทลุง หรือหินร่วงจากหน้าผาข้างถนน พร้อมทั้งให้อาสาสมัครเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณีเฝ้าระวังภัยอย่างต่อเนื่อง และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่มีการอบรมไว้แล้ว<o></o> ​

<o> </o>​

กรมทรัพยากรธรณี<o></o> ​

ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ <o></o> ​

เวลา ๑๙.๑๕ น.<o></o> ​

​

</td><td rowspan="3" width="18"> </td></tr><tr><td align="right">กรมทรัพยากรธรณี </td></tr><tr><td align="right">22 ก.ค. 2550</td></tr></tbody></table>

 

พายุฝนถล่ม จ.พิจิตร บ้านเรือนเสียหาย 26 หลัง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">29 กรกฎาคม 2550 17:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> เกิดลมพายุพัดกระหน่ำ และฝนตกติดต่อกันรับเทศกาลเข้าพรรษาในพื้นที่ อ.เมืองพิจิตร ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่น กีดขวางทางหลวงหมายเลข 1068 พิจิตร - วังจิก แรงลมพายุยังพัดหลังคาบ้านเรือนประชาชนใน ต.ย่านยาว ต.คลองคะเชนทร์ และโรงช้าง เสียหาย 26 หลังคาเรือน และหลังคาโรงเรียนบ้านวันทับยา ต.โรงช้าง พังเสียหายอีก 1 โรง นอกจากนี้ พายุยังได้พัดสวนผลไม้ ทั้งส้มโอ ขนุน และมะพร้าว หักโค่นเสียหายเป็นจำวนมาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิจิตร รวมกำลังอาสาสมัคร ตัดกิ่งไม้เพื่อเปิดเส้นทางคมนาคมอย่างเร่งด่วน และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

 

อุตุฯ เตือน กทม.ชั้นในระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">1 สิงหาคม 2550 17:45 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> จากการตรวจอากาศด้วยเรดาร์เมื่อเวลา 16.20 น.ตรวจพบกลุ่มฝนกำลังปานกลาง ตกปกคลุมบริเวณจังหวัดนครปฐมตอนล่าง และสมุทรสาครตอนบน ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมด้านตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ในอีกครึ่งชัวโมง หรืออีก 1 ชั้วโมงข้างหน้านี้ คาดว่าจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงนานประมาณ 1 ชั่วโมง ขอให้ประชาชนในเขตทวีวัฒนา ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน บางแค หนองแขม บางขุนเทียน บางพลัด บางใหญ่ บางบัวทอง ปากเกร็ด รวมถึงเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ระมัดระวังอันตรายจากภัยฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงในอีก 1 - 2 ชั่วโมงข้างหน้าไว้ด้วย

 

ฝนตกหนักขังคนนับหมื่นในสนามบินปักกิ่ง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">1 สิงหาคม 2550 12:37 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="450"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">คนจำนวนมากติดค้างในสนามบินปักกิ่ง จากฤทธิ์ของฝนตกหนัก</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ซินหัวเน็ต – ฝนตกหนักในปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. เรื่อยมาจนถึง 23.00 น. วานนี้ (31 ก.ค.) ก็ยังไม่หยุด ทำให้เครื่องบินที่จะขึ้นลงที่สนามบินปักกิ่งมีการดีเลย์และยกเลิกไปกว่า 100 เที่ยวบิน และทำให้มีผู้คนติดค้างอยู่ในสนามบินนับหมื่นคน

ด้านเจ้าหน้าที่ต้องจัดทีมรับมือเหตุฉุกเฉิน พร้อมติดต่อกับบริษัทสายการบินให้จัดหาบริการน้ำดื่มแก่ผู้โดยสาร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ในการแนะนำขั้นตอนต่างๆอาทิการยกเลิกตั๋ว การเปลี่ยนวีซ่า

ทั้งนี้ เช้าวันที่ 31 ก.ค. จัดเป็นวันที่มีปริมาณน้ำฝนตกลงมามากที่สุดวันหนึ่ง โดยเฉลี่ยทั่วทั้งเมืองมีปริมาณน้ำฝนที่ 65 มม. และเป็นวันที่ตกมากที่สุดในรอบปีนี้

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="450"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ผู้คนรอเครื่องที่ดีเลย์จนเหนื่อยล้า</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table>

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ครู 2 คนที่พานักเรียนมาปักกิ่งกำลังร้องไห้ขอร้องเจ้าหน้าที่</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table class="mxtable" align="center" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td height="120" valign="top">

อุทกภัยถล่มเอเชียใต้ตาย 1,400 ศพ​

6 สิงหาคม 2550 00:03 น.


นิวเดลี-อุทกภัยเอเชียใต้คร่าชีวิตผู้คน 1,400 ศพ อินเดียหนักสุดตายกว่าพันศพ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (5 ส.ค.) ว่าภูมิภาคเอเชียใต้กำลังเผชิญอุทกภัยครั้งร้ายแรงอันเป็นผลจากฝนตกหนัก และน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาหิมาลัยทำให้ภาคใต้ของเนปาล ภาคตะวันออกและภาคเหนือของอินเดีย ตลอดจนที่ราบลุ่มปากแม่น้ำในบังกลาเทศผจญความเสียหายรุนแรงจากน้ำท่วม โดยนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยอย่างน้อย 1,400 คน เป็นยอดผู้เสียชีวิตในอินเดียถึง 1,120 คน ขณะที่อีกหลายล้านคนกลายเป็นคนไร้บ้าน
รายงานข่าวเผยว่า แม่น้ำคงคา และแม่น้ำสายอื่นๆ ได้เอ่อท่วมฝั่งรัฐพิหารทำให้หมู่บ้านหลายแห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนราว 10.8 ล้านคนตกอยู่ในสภาพติดเกาะจากผลกระทบของฝนตกหนักในฤดูมรสุมที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ประชาชนหลายร้อยคนในหมู่บ้านราชคาน คาทนชยา ต้องปีนขึ้นไปอาศัยอยู่บนหลังคาบ้านหลังแม่น้ำบักมาตีเอ่อท่วม โดยกองทัพอากาศเผยว่า น้ำท่วมได้ทำลายบ้านเรือนในรัฐพิหารไปแล้วเกือบ 7 หมื่นหลัง และทำลายพืชผลทางการเกษตรคิดเป็นมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ
วันเดียวกัน มุขมนตรีด้านบรรเทาทุกข์ของรัฐอุตตระประเทศ ทางตะวันออกสุดของอินเดียเผยว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ใช้เฮลิคอปเตอร์หลายลำออกทิ้งถุงยังชีพซึ่งประกอบด้วยแป้ง เกลือ เทียนไข และไม้ขีดให้ประชาชน 2 ล้านคนในหมู่บ้านกว่า 2,200 แห่งที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเพราะน้ำท่วม ซึ่งทำให้นาข้าวเสียหายเกือบ 7 แสนไร่ ขณะที่น้ำท่วมในรัฐอัสสัมทำให้ฝูงแรดในวนอุทยานแห่งชาติคาซีรังกาต้องอพยพออกจากถิ่นที่อยู่ และเกิดตื่นตระหนกจนทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 2 คน อย่างไรก็ดี ประชาชนในรัฐอัสสัมสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหลังฝนเริ่มตกน้อยลง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในบังกลาเทศซึ่งถือเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 120 ราย ไร้ที่อยู่อาศัย หรือต้องติดอยู่ในบ้านไปไหนไม่ได้อีกกว่า 8 ล้านคน ในขณะที่น้ำยังคงเอ่อท่วมเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ มีพื้นที่ราว 38 เขตทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกที่จมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่น้ำท่วมนานกว่า 1 สัปดาห์ได้ทำลายบ้านที่สร้างจากโคลน และหลังคาสังกะสีพังเสียหายเกือบ 1 แสนหลัง โดยประชาชนต้องไปอาศัยที่ค่ายพักชั่วคราวของรัฐบาลที่เพิ่งประกาศโครงการบรรเทาทุกข์และฟื้นฟูครั้งใหญ่ พร้อมเรียกร้องให้องค์การเอกชนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย
(คอลัมน์:ต่างประเทศ)
</td><td rowspan="3" width="18"> </td></tr><tr><td align="right">คม-ชัด-ลึก </td></tr><tr><td align="right">6 ส.ค. 2550 </td></tr></tbody></table>

 

น้ำป่าทะลักท่วม“ขุนหาญ”ศรีสะเกษอ่วม-เสียชีวิต 1 สูญหาย 2 ราย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">7 สิงหาคม 2550 02:16 น.</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody> </table> ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ฝนตกหนักต่อเนื่องน้ำป่าเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ไหลทะลักเข้าเขื่อนห้วยตาจู อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ปริมาณสูงเกินระดับกักเก็บต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนส่งผลเอ่อเข้าท่วมไร่นา-บ้านเรือนราษฎรอ่วมในพื้นที่ 4 ตำบล กว่า 12 หมู่บ้าน ขณะที่ระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่องถนนหลายสายถูกตัดขาดรถเล็กสัญจรไม่ได้ ด้านผู้ว่าฯลงพื้นที่ระดมเจ้าหน้าที่-อุปกรณ์เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน เผยชาวบ้านถูกกระแสน้ำพัดจมหาย 3 คน พบศพแล้ว 1 ราย ส่วนอีก 2 รายยังไม่ทราบชะตากรรม

วานนี้ ( 6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า จากการที่มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าได้ไหลทะลักจากเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ลงมาจนล้นอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ จึงต้องเร่งระบายน้ำออกจากอ่างส่งผลให้น้ำเอ่อลำห้วยเข้าท่วมไร่นาและบ้านเรือนราษฎรอย่างหนัก ในเขตพื้นที่ อ.ขุนหาญ จำนวน 4 ตำบล กว่า 12 หมู่บ้าน

ประกอบด้วย ต.กันทรอม ,ต.ห้วยจันทน์ , ต.โนนสูง และ ต.สิ รวมบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมกว่า 300 หลังคาเรือน ไร่นาถูกน้ำท่วมประมาณ 2 หมื่นไร่ และวัวควายสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรถูกน้ำท่วมตายจำนวนหนึ่ง เช่น วัวควายของเกษตรกรที่บ้านห้วยจันทน์ ต.ห้วยจันทน์ ซึ่งผูกไว้กลางทุ่งนาถูกน้ำท่วมตายจำนวน 11 ตัว เป็นต้น

ขณะนี้ระดับน้ำยังสูงขั้นเรื่อยๆ เพราะฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และน้ำยังได้ท่วมถนน ระหว่างหมู่บ้านหลายแห่งยานพาหนะไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยเฉพาะ ถนนขุนหาญ-ศรีสะเกษ บริเวณหลัก กม.ที่1-4 บ้านโนนสว่าง ต.สิ อ.ขุนหาญ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักจาก อ.ขุนหาญ เข้าสู่ จ.ศรีสะเกษ ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

นอกจากนี้พบว่า ที่บ้านห้วยจันทร์ ม.4 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ มีชาวบ้านถูกกระแสน้ำพัดหายไป จำนวน 3 คน พบศพแล้ว 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายสิน ทองดี อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.8 ต.สระเยาว์ อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ อีก 2 คนที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไปยังไม่ทราบชะตากรรม

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายสิน ได้มาปลูกกระท่อมเพื่อทำไร่มันสำปะหลังปรากฏว่า ได้เกิดน้ำป่าไหลทะลักลงมาจากเทือกเขาพนมดงรักอย่างรุนแรง กระแสน้ำได้พัดเอากระท่อมพร้อมด้วยร่างของนายสิน จมน้ำหายไป ชาวบ้านได้ช่วยกันตามหาและพบศพโผล่ขึ้นมากลางลำห้วย บริเวณใกล้ฐานปฏิบัติกองร้อย ตชด. ห้วยจันทร์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันนี้ ( 6 ส.ค.) นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและ คณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมในเขต อ.ขุนหาญ หลายแห่งเช่น ต.โนนสูง , ต.ห้วยจันทร์ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน
แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยทั้งหมดอย่างเร่งด่วน

นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษกล่าวว่า สาเหตุที่น้ำท่วมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก ตลอดคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกหนักในเขตพื้นที่ อ.ขุนหาญ อย่างต่อเนื่อง ทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ ที่อยู่ติดกับชายแดนไทย -กัมพูชา มีปริมาณน้ำเก็บกักมากเกินกำหนดต้องเร่งระบายน้ำออกมาเพราะเกรงว่าอ่างเก็บน้ำอาจจะมีปัญหาได้ จึงทำให้น้ำเอ่อล้นลำห้วยเข้าท่วมไร่นาบ้านเรือนราษฎรอย่างรวดเร็ว

สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้นนั้น ตนได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ นำเอาเครื่องอุปโภคบริโภค และเรือท้องแบบ จำนวน 5 ลำ เข้าไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะเกรงว่าน้ำอาจจะท่วมสูงขึ้นอีกและขยายวงกว้างมากขึ้น หากฝนยังตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการสำรวจความเสียหาย
จากน้ำท่วมครั้งนี้ทั้งหมดเพื่อที่จะได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่ต่อไป ส่วนผู้เสียชีวิตทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ นำเอาเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมด้วยเงินสดจำนวน 40,000 บาท ไปมอบให้การช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้ว รวมทั้งให้เร่งออกค้นหาชาวบ้านที่จมน้ำหายไปที่ยังเหลืออยู่จำนวน 2 คนต่อไป

 

โห วันนี้คุณตู๋นำข่าวมาลงบอร์ดเยอะเลยนะครับ แสดงว่าวันนี้ว่าง
อ่อ ลืมไป หยุดถึงวันที่ 18 ส.ค. นิครับ