ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

พระพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก



ถ้าท่านทำกันได้ (ผมก็ทำไม่ค่อยได้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง) จะเห็นว่ายังไงเสียก็ต้องตาย
จะตายเร็วตายช้าก็ตาย จะจน จะรวยก็ตาย จะหนุ่มสาว จะแก่ก็ตาย จะเจ็บป่วย ไม่เจ็บ
ป่วยก็ตาย อีกมากมายที่จะต้องตาย เมื่อนึกกันได้ ก็จะเห็นว่าการตายเป็นเรื่องธรรมดา
ชีวิตผ่านไปเร็วมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อายุอย่างมาก 100+ ก็ต้องตาย แล้ว
จะไปสนใจอะไรมากจะเกิดก็ต้องเกิด (ช้าเร็วก็ต้องเกิด คำทำนายมีอยู่แล้ว สักวันประเทศไทยก็ต้องล้มสลายจมไปในทะเล อันนี้มีคำทำนายไว้แล้วมาจากไหนสักที่ เล่าต่อ ๆ กันมา มีเกิดย่อมมีดับฉันใดก็ฉันนั้น)

 

13 ก.ค. 52

ขอขอบคุณ ท่านสมาชิกที่อยู่ จ.ขอนแก่น ที่ได้โอนเงินมาช่วยเหลือการสร้างสาธารณูปโภค ที่ๆผมจะซื้อที่ดินที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ในเดือนตุลาคมนี้ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
ขอบคุณครับ

อ.อ. 2497

 

​

วิเคราะห์"พระเจ้า"ของมนุษย์ต่างดาวคือใครกันแน่?​

โลกและจักรวาล เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คำถามนี้คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจของหลายๆคน กันมานานแล้ว เมื่อมาหาคำตอบนี้ เราก็จะได้คำตอบที่แตกต่างกันไปตามความคิดและความเชื่อของแต่ละท่าน ที่ไม่เหมือนกัน

ถ้าไปถามคนที่นับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม ก็จะได้คำตอบว่า

"พระเจ้า"เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล เป็นผู้สร้างมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ และทุกสรรพสิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในโลกทุกวันนี้

ถ้าเรามาหาคำตอบในพระไตรปิฏก ก็จะได้คำตอบว่า

ในอดีตกาลนานมาแล้ว โลกนี้ได้พินาศ สัตว์ทั้งหลายไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหมกันโดยมาก และเมื่อโลกอุบัติขึ้นมาใหม่ สัตว์เหล่านั้นก็จุติมาสู่โลกนี้ เป็นผู้เกิดขึ้นจากใจ กินปีติเป็นอาหาร (ยังมีอำนาจฌานอยู่) มีแสงสว่างในตัว ไปได้ในอากาศ มีสภาพเหมือนเช่นในชั้นอาภัสสรพรหม ในขณะที่โลกวิวัฒนาการขึ้นมาใหม่ๆนั้น จักรวาลทั้งจักรวาล มีแต่น้ำ มีแต่ความมืด ไม่มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ไม่มีดาวนักษัตรทุกชนิด ไม่มีกลางวันและกลางคืน ไม่ปรากฏเวลาเป็นเดือน เป็นปี มนุษย์ที่จุติจากอาภัสสรพรหม อาศัยอยู่ในโลกตอนนั้น ไม่ปรากฏเพศชาย และเพศหญิง แต่ก็รู้ตัวว่าเป็นสัตว์มนุษย์

เมื่อเวลาผ่านพ้นนานไป จึงเกิดมีง้วนดินลอยอยู่บนน้ำ ง้วนดินนั้นมีลักษณะเหมือนนมสดที่เคี่ยวให้งวด มีกลิ่น รส สี คล้ายเนยใสมีรสดุจน้ำผึ้ง สัตว์พวกนี้จึงลองชิมดูก็ชอบใจ เลยหมดแสงสว่างในตัว เมื่อแสงสว่างหายไป ก็มีพระจันทร์พระอาทิตย์ มีดาวนักษัตร มีคืนวัน มีเดือน มีกึ่งเดือน มีฤดูและปี

ซึ่งคำตอบในศาสนาพุทธ จะไม่ปรากฎว่ามีใครเป็นผู้สร้างโลกและจักรวาลนี้ขึ้นมาเลย แต่โลกและจักรวาลนี้เกิดขึ้นมาเอง ตามกฏแห่งสสารและพลังงานในอวกาศ ที่จะหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไปมาอยู่ตลอดเวลา ตามกฏของพระไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็แตกสลายไป และก็หมุนเวียนกลับมา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็แตกสลายไปอีก เป็นวัฏฏะจักรอยู่เช่นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

ที่นี้ก็มาเกิดคำถามว่า แล้วมนุษย์ต่างดาว เขาไปเอาเรื่องพระเจ้าสร้างโลก สร้างจักรวาลนี้มาจากไหนกัน?

ถ้าเรามาพิจารณา เรื่องภพภูมิต่างๆในพระไตรปิฏก ก็จะได้คำตอบว่า การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ในวัฏฏะสงสารนี้ มีภพภูมิอยู่ 31 ภูมิดังนี้

​

เราจะเห็นได้ว่า เรื่องของมนุษย์โลกและจักรวาลนี้ เป็นเพียง"มนุษยภูมิ" ซึ่งเป็น 1 ใน 31 ภูมิเท่านั้นเอง ยังมีภพภูมิอีกตั้ง 30 ภูมิที่ดวงจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย จะต้องท่องเที่ยวไปเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างยาวนาน จนกว่าจะสามารถดับกิเลส ตัณหา อุปาทาน ลงได้อย่างสิ้นเชิง จึงจะหลุดพ้นออกไปจาก 31 ภูมินี้ไปสู่พระนิพพานได้​

ดังที่เราได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่า จักรวาล กาแลคซี่ และเอกภพทั้งหลายในห้วงอวกาศนี้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู แล้วก็แตกสลายไป หมุนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์ที่เกิดมาทั้งในจักรวาลนี้และจักรวาลอื่นๆ ก็จะต้องพบเจอเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ​

ในตอนที่เราเกิดมาลืมตาดูโลกใหม่ๆ เราจะเห็นหน้าพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดเราเป็นครั้งแรก เราก็จะนึกรู้ได้ทันทีว่านี่คือผู้สร้างตัวเราให้กำเนิดมาในโลกนี้ เช่นเดียวกันกับมนุษย์ตามดวงดาวต่างๆ เมื่อถือกำเนิดมาแล้วก็จะได้รับการบอกเล่าจากพ่อแม่ ถึงพระผู้สร้าง ผู้ให้กำเนิดโลกและจักรวาล สั่งสอนบอกกล่าวต่อๆ กันไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า เพราะพวกเขาได้รู้เห็นในสิ่งที่มีอยู่แล้วก่อนที่ตนจะถือกำเนิดขึ้นมา​

สิ่งที่มีอยู่แล้ว ก่อนที่มนุษย์ตามดวงดาวต่างๆ จะถือกำเนิดขึ้นมาที่พวกเขาได้เห็น ก็คือดินแดนแห่งพระนิพพาน ซึ่งเป็นทิพย์พิเศษ ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีก เป็นดินแดนที่อยู่ของดวงจิตอันบริสุทธิ์ ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ เป็นดินแดนที่มีแสงสว่างอยู่ตลอดเป็นนิจนิรันดร ​

มนุษย์ต่างดาวจึงเข้าใจผิดไปว่า ดวงจิตของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เหล่านี้ คือพระผู้สร้าง ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล เป็นต้นกำเนิดผู้ให้ชีวิตกับพวกเขา และแม้แต่มนุษย์บนโลกเรานี้ที่มีความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า ก็เนื่องมาจากความเชื่อของมนุษย์ต่างดาว ในเรื่องผู้ให้กำเนิดกับทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้นั่นเอง​

ท่านผู้อ่านคงจะเริ่มสงสัยแล้วว่า สิ่งที่ผมได้อธิบายมานี้พอจะมีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่าเป็นความจริง ผมจะขอหยิบยกคำอธิบายของคุณแม่เกษร สุทธจิต จันทร์ประ<WBR>ภาพ มาเป็นหลักฐาน ยืนยันในความเชื่อของผมนี้ครับ​

มหาบุญบารมี(แสงทิพย์ฯ)ของพระบรมธรรมบิดา พระวิสุทธิพุทธรังษี ผู้เป็นใหญ่ในแดนนิพพาน พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระมหาโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ทั้งหลายทุกๆพระองค์ในแดนอมตะมหานิพพาน ที่ส่องลงมาช่วยสรรพสัตว์ในโลกนี้ เรียกว่า พลังแสงทิพย์อริยธรรม เป็น"ตัวช่วย" พลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเบื้องบน ที่จะช่วยทำให้การปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นได้ง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็วขึ้น ประหยัดและปลอดภัยเหมาะสมกับยุคสมัยในกาลกลียุคนี้ นี่คือ พระมหากรุณาธิคุณของพระเบื้องบนอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีประมาณของท่านที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย......​

จากคำอธิบายนี้ เราพอจะเห็นแล้วว่า พระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานไปแล้ว ยังคอยเป็นแสงสว่างนำทางให้กับ ดวงจิตทุกรูปทุกนามทั้งในโลกนี้และในโลกต่างๆของจักรวาลได้อยู่ตลอดเวลา นิพพานจึงไม่ได้แปลว่าดับสูญอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่ยังมีดวงจิตของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เจ้า เสด็จประทับอยู่ในพระนิพพานอย่างครบถ้วนทุกพระองค์​

ที่นี้เรามาลองฟังคำอธิบายเรื่องจิตจักรวาล ของ อ.ปริญญา ตันสกุล ดูบ้างว่าจะมีเหตุผลสอดคล้องกับความเชื่อของผมนี้หรือไม่?​

คำว่าจิตแปลว่า แก่นแท้ จักรวาล ก็คือ สนามพลังงานสากลที่กว้างใหญ่ไพศาล เพราะฉะนั้น จิตของจักรวาลก็คือ จุดกึ่งกลาง หรือจุดศูนย์กลาง ของจักรวาลอันไพศาล และจุดศูนย์กลางนั้นก็คือ สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของทุกสรรพสิ่งในสนามพลังงานสากล God หรือจิตจักรวาลนี้มีพระองค์เดียวนะ คำว่า God ก็คือที่เราเรียกว่า พระผู้เป็นเจ้า หรือพระผู้สร้าง ไม่มีอะไรเลยในสนามจักรวาลนี้ที่จะเกิดขึ้นมาเองได้ ไม่มีสิ่งใดบังเอิญ ล้วนมีผู้ให้กำเนิด หรือมีจุดกำเนิดทั้งนั้น ​

สรุป เราจะเห็นได้ว่า จิตจักรวาล, พระผู้สร้าง, พระเจ้า, องค์อนุตตรธรรม, โลกุตตรธรรม, แสงทิพย์อริยธรรม, พระวิสุทธิพุทธรังษี, สมเด็จองปฐม ​

ก็หมายถึงสรรพนามคำเรียกถึงสิ่งเดียวกันอยู่นั่นเอง เพียงแต่มีมุมมองที่แตกต่างกันไป ตามความคิดและความเชื่อของตนเอง เช่นถ้าเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เชื่อว่าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาล แต่ถ้าเป็นความเชื่อในชาวพุทธที่เชื่อถือตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทราบดีว่านั่นหมายถึงพระพุทธเจ้าองค์แรก ซึ่งเป็นองค์ต้นธาตุ ต้นธรรม ของศาสนาพุทธเรานั่นเอง​

ทั้งหมดที่ผมได้เขียนมานี้ท่านอย่าเพิ่งเขื่อโดยทันที หรืออย่าเพิ่มด่วนปฏิเสธในทันที ขอให้นำไปคิดพิจารณาดูให้ดีก่อน ว่ามีเหตุมีผลที่ควรจะเชื่อมากน้อยเพียงใด และผมเชื่อว่าหากท่านที่ได้อ่านบทความของผมนี้แล้ว ก็คงจะมีทัศนะคติที่ดีขึ้น เมื่อมีคนมาพูดเรื่องของพระเจ้าให้ฟัง เพราะท่านจะเข้าใจโดยทันทีว่าแท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าที่เขาพูดถึงกันนั้น ก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรกของศาสนาพุทธเรานี้เอง -เกษม-​

 

พระเจ้าก็ดี จิตจักรวาลก็ดี หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้เป็นเรื่องจริง อย่าเข้าใจผิดและเอามาปะปนกับพุทธศาสนา คำสอนบางอย่างก็มีเบื้องหลังจากโมหะเป็นต้นกำเนิด หลายสิ่งเมื่อสาวไปถึงฉากหลังที่เป็นตัวต้นกำเนิดความคิดนั้น ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายพระ ทางที่ดียึดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าดีกว่า อยากเชื่ออะไรก็เชื่อ แต่ควรตรวจสอบกับความรู้ที่บริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน แต่อย่าดัดแปลงธรรมะของพระพุทธเจ้าไปรองรับความเชื่ออื่น มันไม่เป็นคุณกับผู้ที่เชื่อแม้แต่นิดเดียว แต่โทษนั้นมากมายนัก
สิ่งที่เขาพูดกันไม่ได้หมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐม เมื่อศาสดาของเขาไม่ได้ต้องการให้มีความหมายเช่นนั้น เราเป็นสาวกพระพุทธเจ้าจะไปวุ่นวายเพื่อดัดแปลงให้เข้ากับพุทธไปทำไม

 

ขอบคุณครับสำหรับคำท้วงติงมา ผมเข้าใจดีครับว่าคุณถิ่นธรรมหมายถึงอะไร ผมก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ เข้าใจดีว่าธาตุธรรมมีทั้งฝ่ายพระและฝ่ายมาร ซึ่งฝ่ายมารนั้นมีอำนาจมากมายกว่าที่ชาวพุทธเราเข้าใจกัน

การที่ผมแสดงความคิดความเชื่อของผมออกไปนั้น ผมก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเชื่อโดยทันที ให้ใคร่ครวญพิจารณาให้ดีก่อนว่า สมควรจะเชื่อมากน้อยเพียงไร ถ้าเห็นว่าไม่มีเหตุมีผล ไม่สมควรเชื่อ ก็ตัดทิ้งออกไปจากความคิดซะก็หมดเรื่อง แล้วจะมาหาว่าผมบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าไปได้อย่างไร

ถ้ามีคนเชื่อว่าพระเจ้าก็คือพระพุทธเจ้า ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน มีแต่จะเป็นผลดี ทำให้ความขัดแย้งในเรื่องทางศาสนาหมดไป ไม่ต้องมาโต้เถียงกันว่าศาสนาของใครดีกว่ากันอีกต่อไป เมื่อทุกคนมีความเห็นที่ตรงกันได้ สันติสุขระหว่างศาสนาต่างๆ ก็จะบังเกิดขึ้น คำว่า "สมานจุดร่วม สงวนจุดต่าง" คิดว่าคุณถิ่นธรรมคงยังจำคำนี้ได้ดีนะครับ

ถ้าคุณถิ่นธรรมคิดว่า พระเจ้าที่จริงก็คือพญามาร เป็นผู้สร้างกฏแห่งกรรม เป็นผู้สร้างนรกภูมิ ไว้กักขังสัตว์โลกให้ต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นผู้สร้างกิเลส ตัณหา อุปาทาน ไว้คอยหุ้มห่อจิตใจสัตว์โลก ให้ต้องจมอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้ ไม่ให้พบหนทางที่จะไปนิพพานได้ ก็เป็นความคิดความเชื่อของคุณถิ่นธรรม ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะคิดจะเชื่อไปเช่นนั้น และอาจเป็นความคิดที่ถูกต้องก็เป็นได้

แต่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ก็คือต้องการให้คนพ้นจากความทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไปสู่พระนิพพานเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องของพระเจ้าจะเป็นใครนั้น มันไม่ใช่ประเด็นหลักที่สำคัญอะไรเลย ใครจะคิดจะเชื่ออย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของบุคคลนั้น ขอเพียงให้ท่านยังปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ถือว่าท่านเป็นสาวกที่ดำเนินตามรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงแล้วครับ

 

การลงจอดบนพื้นโลก
(Landing on The Earth)​

ภาพประกอบจากภาพยนต์เรื่อง the day the earth stood still​

<O<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> สมาชิก(แปลและเรียบเรียง)

บนพื้นโลกไม่มีสถานที่ใดๆที่เหมาะสมและมีพื้นที่มากเพียงพอสำหรับการลงจอดของยานอวกาศของพวกเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงจะใช้จานบินขนาดจิ๋วมาแทน <O</Oภารกิจของจานบินขนาดจิ๋วเหล่านี้จะปฏิบัติตามภารกิจหลักของยานแม่อย่างเคร่งครัด ภายนอกของพวกมันจะดูเหมือนลูกบอลโลหะสีเทา-เงินภายในยานจะมีแสงสว่างอยู่

ยานจิ๋วเหล่านี้ถูกควบคุมจากระยะไกล ไม่มีผู้ขับยาน แต่เมื่อไปถึงยานแม่ของพวกมันแล้ว พวกมันก็สามารถถูกบังคับด้วยผู้ขับได้ การบังคับยานใช้เพียงแค่การสัมผัสเพียงสองครั้งก็ได้แล้ว พวกมันสามารถลงจอดที่ไหนก็ได้โดยไม่มีความยุ่งยากแต่อย่างใด ระบบตรวจจับสัญญาณของพวกมันจะเตือนให้พวกมันรู้ว่ามีวงจรไฟฟ้าอยู่ที่ไหน และมีสิ่งกีดขวางอะไรบ้าง เพื่อที่จะหลบหลีกไปโดยอัตโนมัติ<O</O

ภายในตัวยานขนาดจิ๋วเหล่านี้ จะเป็นห้องสำหรับโดยสารคนได้จำนวน 6 คน เมื่อขึ้นยานไปแล้วเครื่องถ่ายทอดสัญญาณ ก็จะบอกข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่างให้ทุกคนในยานทราบ และมันก็พร้อมที่จะทะยานขึ้นได้ทันทีที่คันโยกสตาร์ทถูกดึงขึ้น <O</Oผู้ที่ไร้ความเจริญด้านจิตวิญญาณ ผู้ที่มีความผิดบาป และผู้ที่สนับสนุนสื่อที่บอกผู้คนไม่ให้เชื่อเรื่องความช่วยเหลือจากต่างดาว จะกลัวคนอื่นๆต้องจากไป และจะพยายามป้องกันคนอื่นๆไม่ให้มาขึ้นยานของพวกเรา

พวกเขาจะยินดีที่จะเผชิญกับความตายมากกว่า แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่พวกเขาได้เปลี่ยนรูปไปอยู่เหนือพื้นโลกแล้ว (ตายจากร่างกายมนุษย์ไปอยู่ในรูปของวิญญาณและลอยออกจากร่างขึ้นไป – Chayutt) พวกเขาจะรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้สูญเสียโอกาสอันดีนี้ไป <O</Oการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของร่างกายเนื้อของมนุษย์จะเกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในยานช่วยชีวิตขนาดจิ๋วโน่นแล้ว กายทิพย์ (Astral body) จะสลัดสิ่งที่ถ่วงกายเนื้อเอาไว้ออกไป และกายทิพย์นี้นี่เองที่จะเป็นส่วนสำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์<O</O
<O</O
หลังจากที่พวกท่านถูกนำขึ้นมาบนยานแม่แล้ว พวกท่านจะถูกขอให้เดินผ่านอุโมงค์เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับร่างกายและเสื้อผ้าของพวกท่าน กรุณาทำตามคำแนะนำของพวกเราอย่างเคร่งครัด ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเราบอกให้พวกท่านอย่าย้อนกลับมา ในระหว่างที่อยู่ในอุโมงค์ ทำไมหนะหรือ? ก็เพราะว่าลำแสงที่แผ่กระจายอยู่ของกระบวนการนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของมนุษย์ได้ ดังนั้น พวกท่านบางคนอาจจะเกิดอาการกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลก็ได้<O</O
<O</O
หลังจากผ่านอุโมงค์ทำความสะอาดมาแล้ว พวกท่านจะต้องเข้าไปใน ”ช่องเรืองแสง” ซึ่งจะมีเตียงอยู่ 6 เตียง รอบๆเตียงเหล่านี้จะมีเสื้อผ้าจัดเตรียมไว้ให้พวกท่านสวมใส่ เมื่อขึ้นไปนอนบนเตียงในช่องเรืองแสงนี้แล้ว พวกท่านจะรู้สึกอ่อนเพลียและอยากจะหลับ <O</Oในขณะที่พวกท่านกำลังหลับอยู่ เสื้อผ้าชุดใหม่ก็จะถูกจัดเตรียมไว้ให้พวกท่านอีก มันจะประกอบไปด้วยชุดรัดรูป รองเท้า และชุดคลุมภายนอก ทุกสิ่งทุกอย่างทำมาจากวัสดุยืดหยุ่นสีขาว คล้ายๆกับเส้นใยไหมตามธรรมชาติ<O</O
<O</O
ในขณะที่พวกท่านนอนหลับอยู่ เตียงนอนจะถูกยกขึ้นสูงถึงระดับเพดาน เพื่อให้ผู้ที่กำลังนอนหลับอยู่ ได้รับกระแสพลังงานที่มีคุณค่าอย่างเต็มที่ เมื่อพวกท่านตื่นขึ้นมา พวกท่านจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกกระหาย มีแต่จะรู้สึกถึงความสุขและความสงบอยู่ภายในลึกๆ<O</O
<O</O
หลังจากที่พวกท่านสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว พวกท่านก็จะได้พบกับผู้บัญชาการของยานลำนั้นๆ และในครั้งแรกที่ได้พบพวกท่านจะรู้สึกถึงความรักของการต้อนรับและการปฏิบัติต่อพวกท่าน อย่ากลัวที่จะถามคำถามใดๆ เพราะว่าคำถามของพวกท่านจะได้รับคำตอบอย่างแท้จริง <O</Oและเราก็รู้ว่าพวกท่านอยากจะถามว่า “พวกเราจะต้องทำอะไรบ้างในขณะที่อยู่ที่นี่ ?”<O</O
<O</O
ในยานอวกาศของชาวจักรวาลจะมีการไปมาหาสู่กันของรูปธรรมที่อยู่ในระดับพลังงานที่สูงกว่า พวกท่านจะคุ้นเคยกับบรรยากาศแห่งความรักและความกลมเกลียวกันอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นพวกท่านก็จะตัดสินใจได้ว่าพวกท่านต้องการทำอะไร <O</Oพวกท่านส่วนมากจะดีใจที่ได้รู้ความรู้ใหม่ๆที่พวกท่านยังไม่เคยรู้มาก่อน ตัวอย่างเช่น ความรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทาง และความก้าวหน้าของชีวิตของชาวจักรวาลที่เปี่ยมไปด้วยความรักทั้งหลาย

พวกเขามีความเข้าใจชีวิต มีภูมิปัญญาที่แท้จริง และมีความต้องการที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พวกเขาเข้าใจชีวิตว่าทุกๆชีวิตมีความเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง <O</Oสติปัญญาด้านจิตสำนึกของมนุษย์โลกในอนาคต จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใหม่ๆมากมาย บางคนอาจจะมุ่งความสนใจไปที่ความรู้ที่อยู่บนพื้นฐานแห่งเหตุและผล แต่ว่าทุกๆคนจะมีความต้องการที่จะได้รู้จักกับโลกภายในของตนเอง ที่พวกเขายังไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย<O</O
<O</O
<Oการเพิ่มระดับการสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลก จะนำมาซึ่งการสาบสูญไปของคุณลักษณะเดิมๆเก่าๆต่างๆของพวกท่าน แล้วคุณลักษณะใหม่ๆที่ดีกว่าก็จะเจริญงอกงามขึ้นมาแทน เพื่อชำระล้างจิตสำนึก ที่จะทำให้สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็จะได้เห็น สิ่งที่เคยคิดว่าเหลือเชื่อเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปได้จริง มีพวกท่านมากมายได้เคยประจักษ์ถึงการมาของพวกเราแล้ว ดาวเคราะห์โลกของท่านรวมถึงดวงดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาลนี้ กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงออร่า จากดวงอาทิตย์กลางที่ชื่อ Alcyone

​

<O</Oการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้พื้นผิวโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย ทวีปทั้งหลายที่จมอยู่ใต้มหาสมุทร ก็จะโผล่ขึ้นมาเหนือระดับน้ำทะเล และทะเลบางส่วนก็จะหายไปกลายเป็นแผ่นดินแทน<O</O
<O</O
บรรยากาศของโลกก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วย ระดับการสั่นสะเทือนของมันจะสูงขึ้น ยิ่งดาวเคราะห์โลกเคลื่อนตัวเข้าใกล้ดงอาทิตย์กลาง Alcyone มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเห็นยานอวกาศและระบบสุริยะจักรวาลอื่นๆ อยู่รอบๆมันมากขึ้นเท่านั้น <O</Oผู้ที่มาโดยไม่ประสงค์ดี ได้ถูกหยุดและไล่กลับไปโดยหน่วยคุ้มกันภัยของจักรวาลแล้ว

ในจักวาลมันมีองค์กรอยู่องค์กรหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยสามาชิกจากดวงดาวต่างๆประมาณ 680 ดวงดาว พวกท่านอาจจะเรียกองค์กรนี้ว่า “สหพันธ์โลก-จักรวาล” ก็ได้ มันถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยรูปธรรมชีวิตที่มีระดับความเจริญก้าวหน้าที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ “การช่วยเหลือผู้อื่น”<O</O
<O</O
<Oดาวเคราะห์โลกของพวกท่านเอง ก็ถูกเลือกที่จะให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์กรนี้ด้วย พวกเราได้เฝ้ารอคอยมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยสิ้นสุดของอาณาจักรแอตแลนติส เพื่อจะได้เห็นการกำเนิดใหม่ของความศิวิไลซ์ในระดับเดียวกัน ของชนเผ่าเดียวกัน <O</Oแต่ศีลธรรมของพวกท่านกลับต่ำลงเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่มีการฆ่าฟันกันตายและการก่อสงคราม เพียงเพื่อให้คนเพียงคนเดียว หรือเพื่อให้ชนชาติเพียงชนชาติเดียว ได้บรรลุถึงความมีอำนาจและความร่ำรวยเท่านั้น<O</O
<O</O
พระผู้เป็นเจ้าได้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกท่านไป และพวกท่านก็ไม่เชื่อในการมีตัวตนอยู่และความยุติธรรมของพระองค์ พวกท่านอ้างเอาการกระทำที่น่าเกลียดน่ากลัวของตนเองว่าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พวกท่านสร้างค่านิยมทางความคิดที่ผิดบาปเพียงเพื่อเอาไว้เป็นข้อแก้ตัวในการรักษาอำนาจและความยิ่งใหญ่ของตนเอง<O</O
<O</O
จงมองหาพระผู้เป็นเจ้าในจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพวกท่าน ด้วยวิธีนี้มันจะเกื้อกูลให้พวกท่านเข้าใจถึงคุณค่าแห่งจิตวิญญาณที่สูงขึ้น ซึ่งมันจะนำพาชนชาติของพวกท่านไปสู่การเฟื่องฟูทางจิตวิญญาณและทางด้านจิตใจ โดยมีความรักและสติปัญญาเป็นตัวชี้นำ<O</O
<O</O
ดวงดาวดวงอื่นๆทุกๆดวงในระบบสุริยะจักรวาลนี้ พวกเขาต่างก็มีเทคโนโลยีที่ดี ที่สามารถปกป้องตัวเอง จากผลของการแผ่กระจายสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ อันจะนำมาซึ่งปฏิบัติการ การชำระล้างเช่นนี้ได้เอง โดยไม่ต้องให้พวกเราช่วยเหลือ <O</Oพวกเราได้เคยจงใจทิ้งยานขนส่งที่ทรุดโทรมแล้วของพวกเราบางลำ ไว้ในจุดที่ๆพวกท่านรู้จัก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงแน่ใจว่าพวกท่านจะหาพวกมันเจอ

รัฐบาลของบางประเทศบนโลก ยังมียานอวกาศของพวกเราที่อัปปางใกล้ๆโลกไว้ในครอบครองด้วยซ้ำไป แต่กรณีนี้เป็นไปด้วยความบังเอิญที่พวกท่านไปพบมัน <O</Oดาวเคราะห์โลกกำลังตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ หากว่าสนามแม่เหล็กของพวกมันเกิดเสียสมดุลขึ้น ก็จะเกิดการเปลี่ยนตำแหน่งของแกนโลกขึ้น ซึ่งนั่นจะหมายถึงการทำลายล้างทุกๆชีวิตที่มีอยู่บนโลกนี้ทั้งหมด
</O
สหพันธ์แห่งจักรวาล ได้คอยเฝ้าสังเกตุการณ์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับดาวเคราะห์โลกของพวกท่านอยู่เสมอ และพวกเขาก็ได้ช่วยเหลือพวกท่านด้วยวิธีการต่างๆมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ในขณะที่มนุษย์เองไม่เคยรู้ระแคะระคาย ถึงอันตรายที่กำลังคุกคามชีวิตตนเองอยู่เลยแม้สักนิด มันเคยเป็นอันตรายที่ร้ายแรงมากและสามารถทำลายล้างชีวิตได้<O</O
</O
ประเทศในยุโรปที่เคยพบกับชาวจักวาลเป็นการส่วนตัวได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก เยอรมัน อังกฤษ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี่ นอร์เวย์ ออสเตรเลีย โปแลนด์ สวีเดน สเปน และรัสเซีย

ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-11
<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2254459", true); </SCRIPT>

 

ผู้ติดเชื้อหวัด 2009 เสียชีวิตเพิ่มเป็น 21 ราย เร่งรณรงค์สวมหน้ากาก​

​

นนทบุรี 13 ก.ค.- “วิทยา” ยอมรับมีผลยืนยันผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 21 ราย เร่งรณรงค์บุคลากร รพ.สวมหน้ากากอนามัย เล็งรณรงค์ให้ครูสวมหน้ากากฯ เป็นตัวอย่างด้วย ส่วนรถโดยสารจะหารือในที่ประชุม ครม.ขอความร่วมมือต่อไป

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันนี้กระทรวงฯ ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 21 ราย รายที่ 19 เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2552 ที่โรงพยาบาลเอกชน แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งผลตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการระบุติดเชื้อหวัด 2009 เช้าวันนี้ รายที่ 20 เป็นหญิงอายุ 46 ปี จ.สกลนคร และ รายที่ 21 เป็นหญิงอายุ 53 ปี ชาว กทม.

ส่วนบรรยากาศการรณรงค์ให้บุคลากรในโรงพยาบาล รวมทั้งผู้ป่วยและผู้มาติดต่อใช้บริการสวมหน้ากากอนามัย เป็นวันแรก ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งโต๊ะบริเวณด้านหน้า มีหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือไว้บริการและแจกประชาชน มีผู้สนใจเข้ามารับหน้ากากฯ ทั้งคนขับแท็กซี่ และประชาชนทั่วไป มี นายวิทยา พร้อมด้วยมาสคอตสวมหน้ากากอนามัย เปิดงาน พร้อมกล่าวว่า โรงพยาบาลเป็นแห่งแรกที่เน้นรณรงค์สาวหน้ากากอนามัย เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความเสี่ยง บุคลาการต้องใส่หน้ากากฯ ตลอด เพื่อเป็นตัวอย่าง คาดว่าจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ลงได้มาก ส่วนสถานที่ต่อไปจะเป็นการรณรงค์คือโรงเรียน โดยครูต้องทำเป็นตัวอย่าง ส่วนมาตรการรณรงค์รถโดยสารสาธารณะนั้น จะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่จะมารณรงค์ฯ มีกลุ่มผู้ประกอบการโรงเรียนกวดวิชา ยื่นหนังสือต่อนายวิทยา เพื่อขอให้ทบทวนระยะเวลาการปิดโรงเรียนกวดวิชา เนื่องจากมติ ครม.ที่กำหนดให้ปิดโรงเรียน 15 วัน ระหว่างวันที่ 13-28 กรกฎาคมนี้ ถือว่านานเกินไป น่าจะมีการยืดหยุ่นได้หรือน้อยกว่านี้ ซึ่งวิทยารับปากจะนำเรื่องไปหารือในที่ประชุม ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 13:54:26

"พล.ต.สนั่น" เรียกถกมาตรการป้องกันและช่วยประชาชนจาก "หวัด 2009"​

​

ทำเนียบฯ 13 ก.ค. - “พล.ต.สนั่น” เตรียมของบฯ กลาง 70 ล้าน จาก ครม. ทุ่มประชาสัมพันธ์ให้คนใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เตรียมถกกรรมการชุดใหญ่พรุ่งนี้ (14 ก.ค.) ส่งรถโมบายเคลื่อนที่รักษาประชาชนทั่วประเทศ พร้อมให้ รพ.ของรัฐ ตรวจหาเชื้อให้ฟรี

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยจะเสนอให้นำรถโมบายเคลื่อนที่ที่มีแพทย์ประจำออกไปตรวจและรักษาประชาชนที่มีอาการน่าสงสัยยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยจะหารือกันอีกครั้งว่ามีรถโมบายที่สามารถส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ จำนวนกี่คัน นอกจากนี้ จะนำเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อที่ปัจจุบันมีราคาสูงถึง 3,500 บาท เข้าหารือกันด้วย เพราะความจริงในโรงพยาบาลของรัฐควรตรวจฟรี แต่สำหรับโรงพยาบาลเอกชนทำได้เพียงแต่ขอความร่วมมือ

“ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย เราคงต้องรณรงค์ให้ประชาชนใส่กันให้มาก อย่างญี่ปุ่นเขาประสบความสำเร็จ เพราะมีการแจกหน้ากากให้ประชาชนทุกคนใส่ เพียงแค่เดือนเดียว สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน้ากากอนามัยของเรามีไม่เพียงพอ เนื่องจากญี่ปุ่นได้มากว้านซื้อไปหมด ตั้งแต่ประเทศเขามีการแพร่ระบาดในครั้งแรก ดังนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) จะเสนอของบประมาณ 10 ล้านบาท

จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 10 ล้านชิ้น แจกให้ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่โดยสารรถประจำทาง” พล.ต.สนั่น กล่าว
ส่วนที่มีประชาชนที่ใส่หน้ากากถูกไล่ลงจากรถตู้โดยสาร เพราะความเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ป่วยนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งในการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) จะมีการของบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 70 ล้านบาท เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ รวมทั้งจะขอให้ ครม.ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการรณรงค์ด้วย

“ขณะนี้คงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ นอกจากการป้องกัน การปิดประเทศเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่คงทำไม่ได้ เพราะไม่มีที่ไหนทำกัน ยกเว้นประเทศเม็กซิโก ทั้งนี้ ได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าฯ ชลบุรี และนายกเมืองพัทยา เพื่อเร่งทำความสะอาดสถานบันเทิงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าควรปิดโรงเรียนทั้งหมดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน โดยอาจจะสลับช่วงเวลาปิดเทอมมาเป็นช่วงนี้ และไปเรียนทดแทนในช่วงปิดเทอมเดิม ถ้าทำได้ก็จะลดการแพร่เชื้อไปได้มาก” พล.ต.สนั่น กล่าว. - สำนักข่าวไทย

2009-07-13 14:34:18

พัทลุง-ปัตตานี หน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ​

​

ภูมิภาค 13 ก.ค.- ประชาชนตื่นตัวป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะที่หน้ากากอนามัยของโรงพยาบาลพัทลุงจัดไว้แจกผู้ป่วยไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับปัตตานี ร้านขายยาต้องสั่งสินค้าเพิ่ม ลูกค้าบางรายซื้อยกชุด


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโรงพยาบาลพัทลุงและโรงพยาบาลควนขนุน มีประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เข้าแถวรอรับหน้ากากอนามัยจำนวนมากที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ จนไม่เพียงพอ ซึ่ง นพ.ชัยยุทธ ศักดิ์ศรชัย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง กล่าวว่า ในส่วนหน้ากากอนามัยที่จะต้องแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น ในขณะนี้หน้ากากอนามัยมีจำนวนกำจัด แต่จะเร่งจัดหามาให้เร็วที่สุด คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ ที่เดินทางมาที่โรงพยาบาลพัทลุง ส่วนการคัดกรองผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดตรวจอาการผู้ป่วยที่มีไข้ขึ้นสูงทุกรายพร้อมซักประวัติอย่างละเอียด หากพบทุกจะการรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

นายมนตรา อรรถอนุชิต เจ้าของร้านขายยารักษ์เภสัช จ.ปัตตานี กล่าวว่า ประชาชนมีความตื่นตัวป้องกันโรคมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดขณะนี้ ทำให้การจำหน่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นมาก แต่ละวันมีผู้มาซื้อ 20-30 ราย ทั้งซื้อแบบปลีกและเหมาชุด ทางร้านจึงเร่งสั่งสตอกหน้ากากอนามัยเข้ามาเพิ่มเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ และจากการสอบถามลูกค้าที่มาซื้อระบุว่าอยู่ในพื้นที่มีคนหนาแน่น รวมทั้งเดินทางมาจากยะลาและนราธิวาส

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานีจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว 13 ชุด เพื่อติดตามดูแลควบคุมโรค พร้อมทั้งมอบหมายให้โรงพยาบาลเปิดบริการช่องทางตรวจคัดกรองด่วนเป็นการเฉพาะ สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับโรค แต่ขอให้รู้จักวิธีป้องกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 11:35:51

สุราษฎร์ฯ ห่วงฝนตกหนัก สั่งเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย 149 จุด​

​

สุราษฎร์ธานี 13 ก.ค. - นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำชับทุกอำเภอติดตามสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ 149 จุด เสี่ยงภัยน้ำป่าและดินโคลนถล่ม รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า อุทยานแห่งชาติเขาสก ส่วนเรือประมง เรือเฟอร์รี่ เรือโดยสาร ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง

สำหรับเรือสปีดโบ๊ท รับ-ส่งนักท่องเที่ยวระหว่างเกาะ ตลอดจนเรือนำเที่ยวและเรือประมงขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ เนื่องจากทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตร และในพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก ขณะที่การสัญจรถนนสายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า จ.พังงา ช่วงกิโลเมตรที่ 113- 114 ม.6 ต.คลองสก อ.พนม วันนี้ (13 ก.ค.) ยังไม่สามารถใช้การได้ แม้เจ้าหน้าที่หมวดการทางอำเภอพนมนำเครื่องจักรกลหนักเข้าจัดเก็บดินอย่างเร่งด่วน หลังจากดินบนเขาไหลลงมาปิดเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่เช้ามืดวานนี้.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 10:10:38

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ยังน่าห่วง​

​

ภูมิภาค 13 ก.ค. - สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคใต้ยังน่าห่วง เนื่องจากยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของจังหวัดพังงา หลายพื้นที่โดยเฉพาะอำเภอตะกั่วป่า สถานการณ์ยังไม่ทุเลา หลังเขื่อนกั้นน้ำในเขตเทศบาลพังงาพังลงมาเมื่อวาน ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลทะลักเข้าท่วมเขตเทศบาลและรอบนอกอย่างรวดเร็ว ซึ่งระดับน้ำนอกจากจะยังไม่ลดลงแล้วยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง บางแห่งระดับน้ำสูงกว่า 3 เมตร ประชาชนกว่า 1,000 ครัวเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก นายวิสุทธิ์ นาวาล่อง นายกเทศมนตรีเมืองตะกั่วป่า ประกาศปิดโรงเรียนทุกแห่งในสังกัดเทศบาลเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ถนนหลายสายรถไม่สามารถผ่านได้ เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร

ขณะที่จังหวัดสตูล น้ำจากอำเภอควนกาหลง ไหลเข้าท่วมอำเภอควนโดน และเมืองสตูลแล้ว ทำให้ขณะนี้ทั้ง 7 อำเภอ ถูกน้ำท่วมหมด ถนนหลายสายใช้การไม่ได้ ส่วนถนนสายสตูล - ตรัง ฝั่งขาเข้าเทศบาลตำบลฉลุง รวมถึงถนนในเขตเทศบาลเมืองแม้จะยังสัญจรได้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก

ด้านจังหวัดสุราษฎร์ธานีประกาศเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัย 149 จุด โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางทะเล เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม เรือเล็กทุกชนิด รวมถึงสปีดโบ๊ตห้ามออกจากฝั่งเด็ดขาด เรือโดยสารขนาดใหญ่แม้จะยังให้บริการตามปกติ แต่ขอให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากคลื่นลมแรง และมีฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 10:12:51

พายุพัดถล่มกระบี่ สวนยางเสียหายกว่า 100 ไร่ ​

​

กระบี่ 13 ก.ค. - พายุพัดถล่มสวนยางพาราในพื้นที่เกาะลันตาน้อย จ.กระบี่ เสียหายกว่า 100 ไร่ โชคดียังไม่มีผู้บาดเจ็บ มีเพียงต้นไม้ล้มพาดสายไฟแรงสูงหลายจุด

ชาวบ้านบ้านคลองหมาก ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ พากันสำรวจความเสียหายของต้นยางพาราที่มีอายุ 7-8 ปี และให้ผลผลิตดีมาตลอด ต้องล้มระเนระนาดจากพายุที่พัดถล่มอย่างหนัก บ้านเรือนเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ชาวบ้านช่วยกันซ่อมแซมฝาบ้าน กระเบื้องมุงหลังคา โชคดียังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุพายุถล่มครั้งนี้

ขณะที่ต้นไม้ริมถนนในหมู่บ้านล้มพาดเสาไฟฟ้าแรงสูงหลายจุด เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสำรวจ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนต้นยางพาราของเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายรวมกว่า 100 ไร่ เตรียมประสานขอความช่วยเหลือไปยังเกษตรอำเภอแล้ว. สำนักข่าวไทย

2009-07-13 14:12:33

ที่มา http://news.mcot.net/social/

 

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 16:48 น. ข่าวสดออนไลน์


โหรชี้สุริยคราสเต็มดวง22ก.ค.กระทบดวงเมือง

วัดไตรมิตรฯจัดสวดมนต์ 3 พิธีใหญ่

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงกรณีที่จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติ สุริยุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ซึ่งในทางโหราศาสตร์ ได้มีการคำนวณผลกระทบที่เกิดจากการเกิดสุริยุปราคาพบว่า จะเกิดเหตุสำคัญๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านการเมือง การปกครอง เนื่องจากการเกิดสุริยุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีกรกฎ ธาตุน้ำ พิจารณาจากราศีเกิดคือกรกฎเป็นจรราศี ก่อให้เกิดผลอย่างรวดเร็วและผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ที่สำคัญการทางด้านต่างประเทศนำความยุ่งยากให้กับรัฐบาล ตลอดจนเรื่องผลผลิตทางการเกษตร ทำให้เกิดการผันแปรสำคัญทางการเมือง การค้า จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากราศีกรกฎอยู่ในธาตุน้ำ จะเกิดอุทกภัย อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำมีคนตาย เรืออัปปาง มีความยุ่งยากทางน่านน้ำอาณาเขต อาชีพเกี่ยวกับน้ำ การประมง โรคระบาดที่มากับน้ำ อีกทั้งราศีกรกฎเป็นภพที่ 4 ของดวงเมือง เมื่อเกิดสุริยุปราคาแล้วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ปกครองหรือรัฐบาล สวัสดิภาพของประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน มีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย

“ที่สำคัญดวงเมือง มีดาวจันทร์อยู่ราศีกรกฎดวงเดิม อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญระดับสูง หรือ สตรีผู้สูงศักดิ์ที่ประชาชนเคารพนับถือ นอกจากนี้การเกิดสุริยุปราคานี้อยู่ในราชาฤกษ์ให้ระวังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเจ็บป่วยหรือเกิดปัญหาอุปสรรค อีกทั้งสุริยุปราคาเกิดตอนตรียางค์ที่ 1 ทำให้เกิดความปั่นป่วนดินฟ้าอากาศปวนแปร เพราะฉะนั้นควรจะระวังในเรื่องอุบัติภัย เพราะหลังจากเกิดสุริยุปราคาแล้ว มักจะตามด้วยภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ แผ่นดินไหว หรือวันที่ดาวอังคารเข้าราศีกรกฎในวันที่ 2 – 3 - 4 ต.ค.52 นี้จะเกิดอุบัติภัยทางธรรมชาติที่รุนแรง อยากเตือนรัฐบาลว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้จะเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญที่ประชาชนเคารพนับถือ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในราศีกรกฎควรจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพ และความปลอดภัย เช่นเดี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดในราศีเดียวกัน” นายภิญโญ กล่าวและว่า นายอภิสิทธิ์ จะจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ และเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วย

ด้านพระเทพภาวนาวิกรมหรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กล่าวว่า ในวันที่ 22 ก.ค.ซึ่งจะเกิดสุริยคราส ในปฎิทินหลวง ระบุชัดเจนว่าจะเกิดอุปราคาในช่วงเวลา 6 นาฬิกา 58 นาที 3 วินาทีและจะสิ้นสุดในเวลา 12 นาฬิหา 12 นาที 4 วินาที ซึ่งในทางโหราศาสตร์จะส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง ชีวิตผู้คนมากมาย ดังนั้น วัดไตรมิตรฯ จะจัดพิธีสวดมนต์ครั้งใหญ่ โดยจะระดมพระสงฆ์หลายร้อยรูปมาร่วมสวดมนต์ใน 3 พิธี คือ สวดมหาสมัย ซึ่งเป็นการสวดชุมนุมเทวดาทั้งหมดในจักรวาล สวดมหาราช หรือ สวดถวายท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศ เพื่อให้รักษาชีวิตมนุษย์และสวดนพเคราะห์ โดยจะเริ่มพิธีในเวลา 6 นาฬิกา 58 นาที ที่พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม

“การสวดมนต์ครั้งนี้ เป็นการสวดมนต์เพื่อแผ่นดิน เพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน ที่มีความวิตกกังวลต่อผลกระทบจากปรากฎการณ์สุริยคราส เพราะสุริยคราส ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี คนอีสานเรียกว่าปรากฎการณ์กบกินเดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย” พระเทพภาวนา กล่าว

ขณะที่นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่าการเกิดสุริยุปราคา เต็มดวงยาวนานที่สุดครั้งนี้เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดเป็นปกติธรรมดาของระบบสุริยะอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของการเกิดสุริยุปราคาในปีนี้เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเกิดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.52 และจะเกิดอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ค.ที่จะถึงนี้ โดยเป็นการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงกินเวลานานที่สุดในศตวรรษที่ 21 คือ 6 นาที 39 วินาทีหรือประมาณเกือบ 7 นาที แต่การเกิดยาวนานครั้งนี้ก็เป็นเพียงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อโลกอยู่แล้ว จึงอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการเชื่อข้อคิดเห็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมา มีข่าวลือเกิดขึ้นหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์เวิร์ดเมล เกี่ยวกับผลกระทบของการเกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้ โดยระบุว่า จะทำให้เกิดหายนะกับโลกในรูปแบบต่างๆ เช่น ทำให้เกิดสึนามิครั้งใหญ่ หรือถึงกาลหายนะของโลก ซึ่งถึงแม้มีโอกาส แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก จึงไม่ควรตื่นตระหนก ตกใจและหวาดกลัวจนเกินไป


</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สมาชิกใหม่ครับ

ผมได้ติดตามเวปนี้มาพอสมควรแล้วครับ พอดีผมได้ฟังครูบาอาจารย์มาครับ
ท่านได้บอกกับลูกหลานท่านให้ย้ายบ้านมาอยู่ที่ลพบุรีตั้งแต่10ปีที่แล้วเมื่อก่อนผมพักอยู่ทีพระประแดงครับ ท่านเตือนเรื่องน้ำท่วมว่าอีกหน่อยเกาะที่พระประแดง จะท่วมทั้งเกาะโดยค่อยค่อยท่วม ตอนนี้ขายบ้านแล้วย้ายมาอยู่มาอยู่ที่ลพบุรี ท่านบอกว่าอีกหน่อย จังหวัดสระบุรีจะเป็นชายหาด แต่อีกนานครับ
กทม น้ำจะเริมท่วมมากขึ้นเรื่อยเรื่อย จนต้องย้าย ไม่เกิน2556เหมือนที่ผู้รู้ท่านทำนายไว้แหละครับ แต่ที่ท่านห่วงคือเขื่อนที่กาญนะแหละครับ เพระตอนนี้มี่รอยแยกที่ใต้เขื่อนทางด้านซ้ายครับ มีแค่เหล็กเส้นเท่าแขนเกี่ยวกันอยู่ ท่านบอกว่าเขื่อนเคยจะแตกทีนึงแล้วเมื่อตอนแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย
ท่านว่าถ้ามีแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย 8 ริกเตอร์ขึ้นไปแตกแน่ครับใช้เวลาไม่เกิน 3ชม.ถึงกทม.เป็นห่วงผู้คนที่อยู่ใต้เขื่อนครับถ้าอยู่บนเขื่อนไม่เป็นไรครับ ท่านบอกว่าตอนนี้โลกแกนมันเอียงโลกของเราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ภัยธรรมชาติเกิดแน่ครับแต่เกิดตามความหนักเบาของกรรมของแต่ละประเทศที่ได้ทำไป ประเทศไหนทำลายธรรมชาติมากประเทศนั้นก็โดนหนักครับ เหมือนสึนามิครับ ท่านบอกว่าบุคลที่เสียชีวิตไปนั้นหมดอายุครับ ผมว่าเรารู้แล้วอ่านแล้ว ถ้าหากเป็นกรรมที่จะต้องรับผมเชื่อว่าหนีไม่พ้นครับ แต่พยายามที่จะทำความดีพอแล้วครับ
ผมชอบคำนี้ครับที่ท่านสอนผมครับ สิ่งที่เราได้รับคือสิ่งที่เราได้ทำไปแล้วทั้งนั้น

 

สำหรับสถานการณ์ในช่วงนี้ จากที่ผมเพิ่งกลับมาจากหาดใหญ่และทางพังงา

กระแสด้านลบทางหาดใหญ่ค่อนข้างรุนแรง เชื้อโรคระบาด ทั้งสามโรค กระจายตัวไปมาก

บางพื้นที่ บางหมู่บ้าน คนป่วยกันทั้งหมู่บ้านดังนั้น อยากให้อย่าได้ประมาทกันอย่างเด็ดขาด ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัด2009 เพราะทางแพทย์ของรพ.จุฬา ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า มีคนเสียชีวิตจาก โรคนี้และผลแทรกซ้อนที่เรียกว่า โรคฉวยโอกาส จำพวก วัณโรค ปอดบวม โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจบ้างในกระแสโลหิตบ้าง ตายไปเป็น พันคนแล้ว จากข่าวที่เป็นทางการ แจ้งว่า ตายไป 121 คน

ดังนั้นอีกไม่นาน ภาวะของโรคหวัดนี้จะพัฒนาสู่ ช่วงที่ปรากฏคนตายอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานนี้ มีโอกาสสูง ช่วงนั้นคือช่วงที่เรายิ่งต้องไม่ประมาทดูแลสุขภาพกันเอาไว้ให้มากครับ

และที่สำคัญนอกจากการดูแลสุขอนามัยแล้ว อย่าลืมการปฏิบัติจิต เจริญธรรม เจริญมรณะสัญญาเอาไว้บ้าง อธิฐานขอบารมีพระท่านคุ้มครองเอาไว้ อธิฐานให้ท่านช่วยให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ หรืออธิฐานทำน้ำมนต์ด้วยพุทธานุภาพ ซึ่งบรรพบุรุษเราทำมาเสมอในยามที่เกิดโรคระบาดใหญ่ในทุกๆสมัย

ส่วนอีกสถานการณ์หนึ่ง ที่น่าเป็นห่วงและสืบเนื่องจากการมีอีเมล์เตือนเรื่องภัยธรรมชาติและสึนามิมาจากต่างประเทศในช่วงของการเกิดสุริยคราส 21-22 กค. 2552 นี้ ที่กำลังจะมาถึง

ซึ่งเราควรจะพิจารณาแบบกลางๆเอาไว้ก่อน และจากที่ได้ทราบจากสมาธิ ท่านบอกว่า หากมีแนวโน้มที่จะเกิดให้ดูว่า ในช่วงเวลาใกล้ วันที่นั้นๆ จะเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดถี่ขึ้น

ซึ่งผมก็ได้แจ้งเตือนพี่น้องทางภาคใต้ที่ได้มาร่วมฝึกสมาธิเอาไว้

เวลานี้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ๆถี่ขึ้นจริงๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นเหตุการณ์นี้ เราควรไม่ประมาทเอาไว้ ระมัดระวัง หาแผนการเอาชีวิตรอดกันเอาไว้ด้วย ติดตามข่าวสารเอาไว้เสมอ เพื่อความไม่ประมาท

และมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดช่วงผมเดินทางกลับขึ้นมาจาก จ. พังงาตามเส้นทาง เขาหลัก เขาสก ตะกั่วป่า

ไปสอนสมาธิเขาให้นอนที่วัดหลักแก่นที่ไว้ศพผู้เสีัยชีวิตจากสึนามิ

ที่นั่นมีรูปเจ้าแม่กวนอิมเทน้ำมนต์ แต่ที่ได้ไปพบ เจ้าแม่กวนอิมท่านร้องไห้ มีน้ำตาไหลจากท่น ซึ่งพวกเราถ่ายรูปเอาไว้ได้

ตอนเช้าวันกลับ ตอนเช้ามืดมีพายุลมใหญ่ ผิดปกติ เมื่อเดินทางกลับเจอฝนแรงบ้าง

และปรากฏว่าถนนเลาะเขาถล่มทางพังเสียหาย ดินสไลด์ลงเหวไป 1 เลน อยู่ทั้งหมด สามจุดด้วยกัน

พอถึงเมื่อวานก็เกิดพายุฝนใหญ่จน เป็นน้ำท่วมหนักในรอบ 20 ปีของพังงา ทางถนนขาดในเขตตะกั่วป่าอย่างสิ้นเชิงในจุดที่เป็นหุบเหว

ดูจากที่อากาศวิปริตพอสมควรแบบนี้ ยิ่งรู้สึกว่าเราไม่ควรประมาท ธรรมชาติกันอีกแล้วครับ

เร่งปฏิบัติ เร่งภาวนากันเอาไว้ให้มากๆครับ ทำความดีเพื่อส่วนรวมเอาไว้

ตามข่าวสารเอาไว้บ้าง ถึงเวลาเราจะได้ช่วยผู้อื่นให้รอดกันได้ครับ

 

อยากที่จะมีส่วนช่วยเหลือแต่ตัวเองก็ยังไม่ค่อยรอดเลย เที่ยวไปบอกใครๆเค้าก็ไม่เชื่อกัน ตัวผมเรียนอยู่ที่อินเดีย แล้วก็ติดตามเวปนี้มาสักพักแล้ว ถ้ามีส่วนไหนที่ผมสามารถช่วยได้ก็เต็มใจครับ

 

เคยฝันว่านั่งอยู่บนรถกับแม่และครอบครัว เจอเสืออยู่ในเมือง แล้วขับรถขึ้นทางด่วนกันหันไปเห็นสัตว์ป่าหลายตัววิ่งหนีตายตามรถเรามา แต่คนทั้งหลายที่ขับรถ(สิบล้อ)ตามมาก็ต่างเหยียบทับสัตว์พวกนั้น จนผมกลั้นน้ำตาไม่ไหว แล้วก็ตื่น

 

เรื่องที่ อ.คณานันท์ เล่า ระทึกขวัญจัง เหมือนไป ผจญภัยเลยค่ะ
ขออนุโมทนากับความเสียสละ และ น้ำใจอันดีงาม ด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ .

.

 

เชียงราย-อุตรดิตถ์ฝนกระหน่ำหนัก น้ำป่าทะลักท่วม​

​

ภูมิภาค 13 ก.ค.- น้ำป่าดอยนางแลทะลักท่วมฉับพลันพื้นที่ จ.เชียงราย การสัญจรลำบาก บ้านเรือนเสียหายกว่า 100 หลัง เช่นเดียวกับนาข้าวอุตรดิตถ์จมน้ำหลายร้อยไร่เสียหายกว่าล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝนอย่างหนักตลอดทั้งวัน (13 ก.ค.) ใน จ.เชียงราย ส่งผลให้น้ำป่าจากดอยนางแลไหลหลากท่วมหมู่บ้านแม่ปูคา หมู่ 13 ต.นางแล อ.เมือง บ้านเรือนเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน รวมทั้งถนนและตลาด ชาวบ้านต้องเร่งอพยพสิ่งของขึ้นบนที่สูง นอกจากนี้ กระแสน้ำน้ำยังได้ไหลเข้าท่วมผิวจราจรบนถนนพหลโยธิน สายเชียงราย-แม่สาย ขาออกเมืองเชียงรายไป อ.แม่สาย บางจุดสูงกว่า 50 เซนติเมตร การสัญจรตลอด 1 กิโลเมตร เป็นไปด้วยความลำบาก ล่าสุดแขวงการทางเชียงรายนำเครื่องหมายมาวางไว้เพื่อป้องกันอันตราย

ขณะเดียวกัน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ออกประกาศเตือนให้ราษฎรที่มีบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ราบลุ่ม ริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา ระวังน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ เนื่องจากในพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง

ด้านนายสมชัย มั่นเข็มทอง นายกเทศบาลตำบลผาจุก อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ฝนตกหนักมา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าไหลเข้าท่วมนาข้าวเกษตรกร ต.ผาจุก อ.เมือง กว่า 300 ไร่ ได้รับความเสียหาย กว่า 1 ล้านบาท เบื้องต้นรายงานความเสียหายให้จังหวัดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวมทั้งประสานไปยัง อบจ.อุตรดิตถ์ เพื่อสนับสนุนเครื่องจักรดำเนินการขุดลอกคลอง และเปิดเส้นทางน้ำให้ไหลลงแม่น้ำน่าน.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 15:57:52

น่านอพยพราษฎรหนีน้ำป่าทะลัก 2 อำเภอ​

​

น่าน 13 ก.ค.- นายธวัช เพ็ชรวีระ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเร่งช่วยราษฎรประสบภัยน้ำท่วมขนย้ายสัมภาระ หลังฝนตกหนักติดต่อกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่าน ทำให้น้ำป่าหลากลงสู่แม่น้ำน่านและลำห้วยอย่างรวดเร็วจนเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร 2 อำเภอ 9 ตำบล 14 หมู่บ้านคือ อำเภอปัว

ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 50 ครัวเรือน โดยเฉพาะบ้านห้วยเสือ หมู่ 8 เดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากอยู่ติดลำห้วยและน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ขณะที่บ้านหนองเงือก ต้องอพยพราษฎรออกจากพื้นที่ 98 ครัวเรือน ไปอยู่ที่ศาลากลางหมู่บ้าน ส่วน อ.เชียงกลาง บ้านเรือนเสียหายกว่า 20 หลังคาเรือน และยังอยู่ในระหว่างการสำรวจ

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งเปิดเส้นทางน้ำเพื่อระบายน้ำ และเริ่มลดระดับลง แต่ยังคงมีบางจุดที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง ซึ่งต้องต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะประชาชนพื้นที่ราบลุ่มริมน้ำ ลาดเชิงเขา ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด. -สำนักข่าวไทย

2009-07-13 16:33:40

น้ำท่วมเมืองตะกั่วป่า หนักสุดในรอบ 20 ปี​

​

พังงา 13 ก.ค. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก โดยเฉพาะที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว และหนักที่สุดในรอบ 20 ปี หลายครอบครัวยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 19:06:58

พายุกระหน่ำพัทลุงพัดบ้านเสียหาย-โค่นสวนผลไม้​

​

พัทลุง 13 ก.ค.-ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในพื้นที่ จ.พัทลุง ช่วงสายวันนี้ (13 ก.ค.) แรงลมทำให้บ้านเรือนหมู่ 3, 5, 6 และ 7 ต.กงหรา อ.กงหรา เสียหาย 170 หลังคาเรือน สวนยางพารา ทุเรียน และผลไม้ล้มระเนระนาดหลายสิบไร่ รวมถึงวัดกงหราใหม่ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับยอดเมรุเผาศพ ล่าสุดนายศักดิ์ชัย เพชรโชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกงหรา อนุมัติงบประมาณ 100,000 บาท เร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย

จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า พายุพัดกระหน่ำนานประมาณ 30 นาที จนหลังคากระเบื้องปลิวหายไป ขณะนี้ต้องเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนให้ทันก่อนที่ฝนจะตกลงมาอีก.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 15:13:41

พายุลมหมุนถล่ม 14 หมู่บ้าน เสียหายกว่า 400 หลัง​

​

นครศรีธรรมราช 13 ก.ค.-ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางเพ็ญศรี แก้วคุ้มภัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และนายถาวร คงแก้ว นายอำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่สองฟากถนนทางเข้าน้ำตกสองรัก ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี หลังจากเกิดพายุลมแรงพัดผ่านหมู่บ้านใน 2 ตำบล คือ ต.ทอนหงส์ และ ต.พรหมโลก เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ทำให้บ้านเรือนใน 14 หมู่บ้านกว่า 400 หลังได้รับความเสียหาย หลังคาปลิวหายจำนวนมาก

เบื้องต้นทาง อบต.พื้นที่ได้เร่งนำกระเบื้องและวัสดุซ่อมแซมบ้านเรือนเข้าไปให้การช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบว่ามีเสาไฟฟ้าล้ม 14 ต้น ต้นไม้ใหญ่และพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะต้นทุเรียนโค่นล้มจำนวนมาก ซึ่งทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 18:33:11

ปราจีนฯ คัดกรองเด็กอนุบาลพบป่วยนับร้อย-สั่งปิด 4 โรงเรียน​

​

ปราจีนบุรี 13 ก.ค.- ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี กำชับสาธารณสุขจังหวัด และโรงเรียน เฝ้าระวังไข้หวัดฯ 2009 ระบาด ล่าสุด การตรวจคัดกรองโรงเรียนอนุบาล พบเด็กเป็นหวัดตัวร้อนกว่า 400 คน ด้าน ผอ.สพท.เขต 1 สั่งปิดเรียนชั่วคราว 4 แห่ง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้

นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี แถลงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า จังหวัดปราจีนบุรี พบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 รวมทั้งสิ้น 11 ราย โดยแยกเป็นกลุ่มอายุ 8-11 ปี จำนวน 2 ราย กลุ่มอายุ 12-17 ปี จำนวน 6 ราย กลุ่มอายุ 35–60 ปี จำนวน 3 ราย เป็นนักเรียนจำนวน 8 ราย อาจารย์ 1 ราย อาชีพรับจ้างทั่วไป 2 ราย สาเหตุการติดเชื้อมาจากโรงเรียนกวดวิชาในกรุงเทพฯ จำนวน 1 ราย จากหอพัก 4 ราย รับจ้างทั่วไป 2 ราย โดยเป็นนักเรียนในเขตเมืองปราจีนบุรี จำนวน 4 ราย จากการรักษาของแพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร รักษาอาการดีขึ้นแล้ว สามารถกลับไปพักที่บ้าน 9 ราย เหลืออยู่โรงพยาบาล 2 ราย โดยเฉพาะรายที่อาการหนักอยู่ในห้องแยกเชื้อโรค เป็นผู้หญิงอายุ 39 ปี ส่วนอีกรายอาการไม่น่าวิตก

ด้านนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้บริหารสถานศึกษา สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและนักเรียน เพื่อป้องกันการระบาดของโรค ขณะเดียวกัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ปราจีนบุรี เขต 1 เน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนคัดกรองนักเรียนที่มีอาการป่วย โดยทุกวันครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเป็นผู้ตรวจอาการนักเรียนในเบื้องต้นก่อนเข้าห้องเรียน

นายพิศุทธิ์ วีระจิตต์ ผู้อำนวยการ สพท.ปราจีนบุรี เขต 1 กล่าวว่า วันนี้ ตรวจคัดกรองโรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี ที่มีนักเรียน 1,734 คน พบนักเรียนเป็นหวัด ตัวร้อน มีไข้สูง ไอจาม 430 คน เพื่อเป็นการตัดวงจรของการแพร่ระบาด เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่จะเดินทางร่วมรถคันเดียวกัน จึงให้ผู้บริหารแต่ละสถานศึกษาปิดโรงเรียนชั่วคราว 4 แห่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้กัน เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่เดินทางมาเรียนด้วยรถคันเดียวกัน คือ โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี โรงเรียนปราจีนกัลยาณี โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง และโรงเรียนเมืองปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 14-17 กรกฎาคม 2552 โดยระหว่างปิดเรียนนั้น จะเร่งทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกโรงเรียน.-สำนักข่าวไทย

2009-07-13 15:45:25

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ บริเวณเกาะซุมบาของอินโดนีเซีย​

​

จาการ์ตา 13 ก.ค. - สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์อินโดนีเซีย รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 ริกเตอร์ บริเวณเกาะซุมบา ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย หรือผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

รายงานระบุว่า แผ่นดินไหว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.52 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 17.52 น.ตามเวลาในไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองเวนกาปูไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 107 กม. ที่ระดับความลึก 86 กม. แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือบาดเจ็บในพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวแต่อย่างใด ด้านสำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐวัดขนาดแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ 6.1 ริกเตอร์ โดยอยู่ห่างจากเมืองราบา ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 95 กม.- สำนักข่าวไทย

2009-07-13 19:38:15

เกิดแผ่นดินไหว 6.5 ริกเตอร์ ที่ไต้หวันทำตึกสั่นหลายแห่ง​

​

ไทเป 14 ก.ค.- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวันแจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้งห่างกันไม่กี่นาทีช่วงเช้ามืดวันนี้ ทำให้อาคารหลายแห่งสั่นไหว แต่ยังไม่มีรายงานความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สิน

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.05 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 01.05 น.วันนี้ตามเวลาในไทย วัดความรุนแรงได้ 6.5 ริกเตอร์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไปในทะเล 9.3-9.4 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองฮัวเหลียนเมืองชายทะเลของไต้หวันไปทางตะวันออก 57 กิโลเมตร ทำให้อาคารหลายแห่งสั่นไหว ประชาชนตื่นกลางดึก แต่ไม่มีการแจ้งเตือนภัยสึนามิ และก่อนหน้านั้น 3 นาที ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4 ริกเตอร์ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไป 12.9 กิโลเมตร ทำให้เมืองอี๋หลานทางตะวันออกของไต้หวันสั่นสะเทือน

ไต้หวันเกิดแผ่นดินไหวบ่อยเนื่องจากอยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นในแอ่งแปซิฟิก แผ่นดินไหวเมื่อเดือน ก.ย. 2542 ความรุนแรงขนาด 7.6 ริกเตอร์ คร่าชีวิตประชาชนไปมากถึง 2,400 คน อาคารบ้านเรือนพังเสียหายราว 50,000 หลัง.- สำนักข่าวไทย

2009-07-14 09:44:46

WHO ชี้ทุกประเทศต้องมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่​

​

เจนีวา 14 ก.ค. - เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดจนไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว ควรผลิตวัคซีนให้ได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้ และทุกประเทศจำเป็นต้องมีวัคซีนป้องกัน

นางมารี ปอล คีนี ผู้อำนวยการวิจัยวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญสรุปหลังการหารือว่าขณะนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดถึงขั้นที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว ทุกประเทศจำเป็นต้องมีวัคซีนป้องกัน กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนก่อนเป็นกลุ่มแรกคือ เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข เพราะต้องดูแลผู้ป่วยที่จะมีจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญต่อสตรีมีครรภ์ ผู้มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อเด็ก เพราะเป็นกลุ่มที่จะกระจายเชื้อเมื่ออยู่รวมกันในโรงเรียน

สถิติล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า พบผู้ป่วยแล้วไม่ต่ำกว่า 90,000 รายทั่วโลก ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 429 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง อย่างไรก็ดี มีผลการศึกษาใหม่เผยแพร่วานนี้ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เอ เอช 1 เอ็น 1 จะทำให้ปอดเสียหายมากกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แต่ยังคงตอบสนองต่อยาต้านไวรัส.- สำนักข่าวไทย

2009-07-14 07:21:14

ฟิลิปปินส์พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีก 2 ราย



​

มะนิลา 13 ก.ค. – ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของฟิลิปปินส์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย เป็นผู้สูงอายุ 1 ราย และเด็กอีก 1 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 3 ราย

กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ได้รับแจ้งรายงานผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นชายวัย 74 ปี และเด็กหญิงวัย 7 ขวบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้สูงอายุมีอาการของโรคปอด วัณโรค ไตวายเฉียบพลัน และถุงลมโป่งพอง ขณะที่เด็กหญิงมีอาการของโรคหอบหืด ส่วนผู้เสียชีวิตรายแรกของของฟิลิปปินส์เป็นหญิงวัย 50 ปี ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างของสภาผู้แทนราษฎร เสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็น 2,668 คน โดยมีเพียงร้อยละ 5 ที่กำลังรักษาตัว และที่เหลืออาการหายเป็นปกติ และมีผู้เสียชีวิต 3 คน. -สำนักข่าวไทย

2009-07-13 17:47:07

ยิงผู้ประท้วงซินเจียง ​

​

ตำรวจจีนยิงชาวมุสลิมอุยกูร์เสียชีวิต 2 คน ในเหตุไม่สงบระลอกใหม่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชาวอุยกูร์ทั้งสองคนเสียชีวิตในเมืองอุรุมฉี เมืองเอกของซินเจียง ขณะที่ชาวอุยกูร์อีกคนหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บ เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังพยายามเข้าห้ามปรามชาวอุยกูร์ทั้ง 3 คน ไม่ให้ไล่ทำร้ายชาวอุยกูร์อีกคนหนึ่ง จากนั้นตำรวจได้ยิงเตือน แต่ทั้ง 3 คนขัดขืน ก่อนที่จะยิงใส่ผู้ต้องสงสัยทั้งสาม

แม้สถานการณ์ในเมืองอุรุมฉีจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงแฝงไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุรุนแรงด้านเชื้อชาติเมื่อกว่าหนึ่งสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปถึง 184 คน และบาดเจ็บอีก 1,680 คน แม้ทางการจีนจะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยในเมืองอุรุมฉีหลายพันนายก็ตาม

2009-07-13 23:24:51

สวนผักในพระราชวังแวร์ซายส์​

​

ฝรั่งเศส 14 ก.ค. - พระราชวังแวร์ซายส์ ในฝรั่งเศส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม มีชื่อเสียง ใครที่เคยไปเที่ยวชมคงเห็นความสวยงามตามสถาปัตยกรรมอันเลิศหรูแบบหลุยส์ของฝรั่งเศส ส่วนสวนสีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาประจำพระราชวังก็งดงามไม่แพ้กัน

พระราชวังแวร์ซายส์ ที่ประทับของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส กษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุโรป พระราชวังที่สวยงามแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่นับร้อยคนดูแลพระราชวัง และบริเวณสวนอันกว้างขวางภายนอก รวมทั้งสวนผักผลไม้ด้วย

สวนผักผลไม้ในพระราชวังเพิ่งจะเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมในปี 2534 สวนแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นหนองน้ำ มีการปรับปรุงใหม่ โดยพยายามให้ทุกรายละเอียดใกล้เคียงกับของเดิม พื้นที่ 90,000 ตารางเมตรของสวนผักผลไม้ ประกอบไปด้วยสวนเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยผนังและระเบียงที่สวยงามโดดเด่น

ในยุคนั้น ที่นี่เป็นสวนผักของกษัตริย์เพียงแห่งเดียวในยุโรป ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตั้งใจจะปลูกผลไม้และผักไว้สำหรับเสวยเฉพาะในหมู่พระราชวงศ์ แต่ปัจจุบันใคร ๆ ก็ทานผักผลไม้จากที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกแพร์ แอปเปิล และพลัมชนิดต่าง ๆ

คนสวนประจำพระราชวังบอกว่า พวกเขายังคงสืบสานประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 300 ปี ของสวนแห่งนี้ไว้ จะปรับเปลี่ยนก็เพียงเล็กน้อย โดยปลูกผักผลไม้ที่เป็นที่นิยมของสามัญชนคนทั่วไปด้วย เช่น ถั่ว มะเขือเทศ ไปจนถึงมันฝรั่ง ซึ่งผักแนวนี้ ย่อมไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีผักแห่งราชสำนักฝรั่งเศสในยุคนั้นอย่างแน่นอน

สวนผักผลไม้ในพระราชวังแวร์ซายส์ ไม่ได้มีไว้เพื่อการท่องเที่ยวเยี่ยมชมอย่างเดียว แต่ทุกปียังขายผลผลิตได้ถึงปีละกว่า 15 ตัน. -สำนักข่าวไทย

2009-07-14 00:26:14

ที่มา http://news.mcot.net

 

จากแผ่นดินไหวถึงภูเขาไฟใต้น้ำ​

​

บทความจากหนังสือพิมพ์เสียงใต้ ออนไลน์ วันที่ : 27 มี.ค. 2549

ตอนวัยเด็ก พ่อกับแม่พาผมกับพี่ชายไปดูหนัง ดูเหมือนว่าหนังจีนจะมาลำดับแรก ถัดมาจะเป็นหนังคาวบอยเป็นลำดับที่สอง หนังสืบสวนสอบสวนเป็นลำดับที่สาม และหนังประเภทประวัติศาสตร์จะมาเป็นลำดับที่สี่ ที่พ่อแม่จะจูงพวกผมสองคนพี่น้องไปดู ผมจำได้แม่นยำว่าหนึ่งในหนังที่พ่อกับแม่ พาผมไปดูคือหนังเกี่ยวกับภูเขาไฟระเบิด

หลังจากนั้นผมเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ในหนังสือ จากห้องเรียนจากห้องสมุดจนกระทั่งถึงห้องสมุดวิทยาลัย และหนสุดท้ายผมไปดูภูเขาไฟจริงๆ ข้อมูลแรกที่ผมได้รับจากห้องสมุดประชาชนข้างบ้าน ที่คุณพี่สวัสดีเป็นบรรณารักษ์ ผมเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัว และความสยดสยองของมันแล้ว ผมยอมรับว่าขยาดและแหยง ทั้งที่ไม่เคยลิ้มรสของมันมาก่อน

การตายและความตาย ของผู้คนมากมายจากภูเขาไฟระเบิด คนอินโดนีเซียฟิลิปปินส์เองซึมซับสิ่งเหล่านี้ดี ไม่นานมานี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่งทางอิสาน ออกอาการดีใจเมื่อพบปล่องภูเขาไฟเก่าแก่ที่ดับไปแล้ว พร้อมกับจะหาทางทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ในความรู้สึกนึกคิดของผมแล้ว ตกใจและใจหายที่เขาเจอ เพราะนั่นเท่ากับว่า อนาคตข้างหน้า จะมีมหันตภัยใหญ่หลวง ที่จะคืบคลานเข้าหาประเทศไทย

พรรคพวกเพื่อนฝูงที่สนิทและนั่งคุยกันบ่อยครั้ง จะได้รับรู้และได้รับการถ่ายทอดความหวาดกลัว ของภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหว ว่ามันรุนแรงปานใดเมื่อครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวที่สหรัฐอเมริกาในเมืองลอสแองเจลิส ผมเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกหลังจากนั้นไม่นานนัก ผมได้เห็นสิ่งรุนแรงที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวแล้วผมสยอง นั่นคือทางด่วนที่มันหักสองท่อนสามท่อน ลงมากองกับถนน อาคารบ้านเรือนทรุดร้าวพังและพังเอียงลาด

ผู้คนนับร้อยนับพันต่างขาดแคลนที่อยู่อาศัย ที่เป็นคนไทยไปอาศัยอยู่กับคนอื่น แต่มหันตภัยอันนั้นทำให้คนที่นั่นต้องคิด และหาทางแก้ไขด้วยการก่อสร้างที่เพิ่มความมั่นคง พร้อมกับต้านรับการเกิดของแผ่นดินไหวเอาไว้รองรับ นับจากนาทีแรกที่เกิดแผ่นดินไหวในพม่า ที่รับรู้ความเคลื่อนไหวได้ในเชียงใหม่ นับจากนาทีแรกที่เกิดแผ่นดินไหวในอินโดนีเซีย ที่รับรู้ความเคลื่อนไหวได้ในภูเก็ต

ผมบอกกับหลายคนว่า หายนะภัยกำลังมาเยือนแล้ว เราจะประมาทมิได้ สมัยก่อนผมเคยบอกกับพรรคพวกเพื่อนฝูงว่า อำเภอฝางจังหวัดเชียงใหม่น่าเล่นที่ดินมากที่สุด เพราะมีแนวโน้มว่าจะแยกอำเภอฝางและอำเภอใกล้เคียงให้เป็นจังหวัดใหม่ พรรคพวกหลายคนไปซื้อที่ดินแถบนั้น แต่แล้วในที่สุดหลังจากที่ผมได้เห็นรอยร้าวและรอยแยกของเปลือกโลกแล้ว

ผมบอกกับพรรคพวกที่สนิทจริงๆ ในตอนที่เขาจะไปซื้อที่ดินที่อำเภอฝางว่าอย่าไปซื้อเลย(ว่ะ) เพราะมันอยู่ในแนวแผ่นดินไหว ที่เราไม่รู้อนาคตข้างหน้าว่า มันจะเป็นอย่างไร หลายคนบอกกับผมว่าเราจะต้องเตรียมการเอาไว้ ผมเป็นคนโชคดีที่ชอบสอบถาม และมักจะสงสัยโน่นสงสัยนี่และถามคนที่มีความรู้ และผมได้รับความรู้มากที่สุด เมื่อตอนเป็นกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรนี่แหละ ที่ได้พบกับนักวิชาการผู้รู้มากหน้าหลายตาที่มาชี้แจง

ผมได้ดูแนวร่องรอยร้าวที่ภาคใต้ของไทย จนกระทั่งผมเองตกใจและหวั่นเกรงว่า ที่ผมเคยเห็นแผนที่ของประเทศไทย ที่ใครคนหนึ่งเคยทำนายอนาคตว่า "ในอนาคตข้างหน้าจะไม่มีกรุงเทพฯจะไม่มีภาคใต้เพราะน้ำท่วมหมด"

มันเกิดจากอะไรกันแน่ ผมมองและคิดเสมอว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้ เพราะว่าดูสภาพแผ่นดินจากการนั่งเครื่องบินแล้วยากยิ่งนัก แต่ภายหลังจากที่เกิดการไหวตัวอย่างถี่ยิบ ของแผ่นดินใต้ทะเลในแถบหมู่เกาะของอินเดียแล้ว ผมถึงบางอ้อว่า นี่คือมหันตภัยที่เราเลี่ยงหลบไม่พ้น มันเป็นมหันตภัยที่เราจะต้องเตรียมการ และเตรียมพร้อมตลอดเวลาเสมอ

ยิ่งการคำนวณการไหวอย่างถี่ยิบ ของแผ่นดินใต้ทะเลในอินเดียที่ห่างจากระนองประมาณ 400 กิโลเมตรด้วยแล้ว น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เพราะอานุภาพของมันเหล่านี้รุนแรงร้ายกาจ และพร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างลงภายในพริบตาเดียว ถ้าเราตั้งในความประมาท ไม่ตั้งสติและเตรียมพร้อม วันนี้ผมเรียนต่อพี่น้องชาวภูเก็ตทั้งหมดว่า

ท่านทั้งหลายตั้งในความประมาท ไม่อยู่ในสภาพพร้อม พอมีปัญหาขึ้นมาหรือมีกระแสข่าวอะไรออกมาแต่ละครั้ง ก็หนีหน้าตาตั้งหอบลูกหอบหลานหนี แล้วหลังจากนั้นจะออกมาด่าภาครัฐว่า ไม่ใส่ใจที่จะเตือนหรือแจ้งอะไรต่างๆ...นี่คือคน

มีคนจีนสอนผมเสมอว่า ถ้าผมมีเงินคิดจะตั้งอาคารบ้านเรือน ในที่ดินที่ติดริมทะเลแห่งใด ขอให้นั่งเรือลอยออกไปในทะเลและมองย้อนเข้าไปที่ฝั่ง ถ้าที่ดินตรงไหนด้านหลังเป็นภูเขาแนวยาว และด้านหน้าคือทะเลเป็นอ่าวกว้าง อย่าไปสร้างอาคารบ้านเรือนเพื่อพักอาศัยเป็นอันขาด เพราะว่ามันคือฮวงซุ้ยสำหรับฝังศพ

ทุกครั้งที่ผมคิดจะซื้อที่ดินริมทะเล นับจากสมัยตอนที่เรียนหนังสือที่บางแสนผมมักจะชวนพรรคพวกไปนั่งเรือท่องทะเล เพื่อจะดูทำเลแบบที่ว่านั้น ทำให้ผมตัดสินใจไม่ขวนขวายหาเงินซื้อที่ดิน จนถึงวันนี้ทำให้ผมไม่มีที่ดินเป็นชิ้นเป็นอันสักผืนนอกจากที่พักอาศัยเท่านั้น ระยะหลังผมจึงพยายามจะไปหาที่ดินที่อยู่ตามแนวภูเขา หรือตามแนวที่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก แต่ไม่ติดริมแม่น้ำและไม่พยายามอยู่ใต้แนวภูเขาจนเกินไป

เพื่อตั้งสถาบันมวยไทยในฝันของผม แต่จนแล้วจนรอดผมยังหาที่ดินในฝันของผมไม่ได้เลย แม้แต่แปลงเดียวในวันนี้เพราะราคามันแพงเหลือเกิน ไม่กี่วันมานี้มีแต่ข่าวเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล และมีกระแสข่าวออกมานั่นคือการเริ่มต้นของการเกิดภูเขาไฟใต้ทะเลขึ้นมา ถ้าหากว่ามันเป็นภูเขาไฟใต้ทะเลจริงๆอย่างที่เขาออกข่าวกัน

นั่นหมายถึงว่า หมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดีย และในทะเลอันดามันมีทางเลือกและทางรอดสองทางคือ เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟกับเป็นอดีตของหมู่เกาะ เพราะภูเขาไฟที่ระเบิดจะจมเกาะเหล่านี้ให้หมดไป เหมือนกับในอดีตที่เคยจมเกาะหลายเกาะ ให้หายไปในทะเลพร้อมกับชีวิตของผู้คนหลังจากการเกิดระเบิดของภูเขาไฟ

ดังนั้นทางออกของคนภูเก็ตพังงาและกระบี่ก็คือ อย่าตั้งในความประมาท จะต้องหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการเตือนการเกิด และการก่อปัญหาของแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด และคลื่นยักษ์ที่จะตามมาให้จงหนัก สมัยตอนที่ผมรับทุนของไจก้าเพื่อเดินทางพำนักที่ญี่ปุ่นหนึ่งเดือน ตามโครงการเยาวชนผมจำได้ว่าอาคารบ้านเรือนรอบนอกของญี่ปุ่นสร้างแบบง่ายๆ

ผมถามเจ้าของบ้านว่าเพราะอะไร เขาบอกกับผมว่าเพราะเกิดแผ่นดินไหวบ่อย ถ้าการสร้างอาคารแข็งแรงจนเกินไป จะทำให้อาคารบ้านเรือนไม่สามารถสั่นไหวและรองรับแผ่นดินไหวได้ อาคารที่พักนี้สามารถต้านและโยกคลอนรับแรงแผ่นดินไหวได้ไม่เกิดความเสียหาย วันนี้เราสร้างอาคารบ้านเรือนมากมายตามริมทะเล มีทั้งที่แข็งแรงและไม่แข็งแรงเพื่อลดต้นทุน ที่แข็งแรงรอดพ้นไปแต่ที่ไม่แข็งแรงก็ถือว่าหมิ่นเหม่ต่อการเอาชีวิตผู้คนไปสังเวย

ดังที่เราท่านทั้งหลายเห็นจากตอนคลื่นยักษ์ ถาโถมเข้าถล่มเขาหลักป่าตองหรืออีกหลายแห่งของหลายจังหวัด อาคารบ้านเรือนพังหมดสิ้นเพราะอะไร เพราะการก่อสร้างของเรา ไม่คำนวณถึงการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ จึงกลายเป็นประเด็นปัญหาที่น่าติดตามและตรวจสอบ การเกิดแผ่นดินไหวถี่ยิบในระยะเวลาไม่นานมานี้ คือสัญญาณเตือนภัยและเตือนให้เราตั้งในความไม่ประมาท

คนที่ออกมาด่ารัฐบาล คนที่ออกมาด่าหน่วยงานของรัฐ คือคนที่เคยออกมาด่าในอดีตมาแล้วตอนที่มีคำเตือนออกมา และออกมาด่าอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น ครั้งแรกออกมาด่าว่าทำให้นักท่องเที่ยวตกใจหนีหาย ครั้งต่อมาออกมาด่าว่าไม่เตือนล่วงหน้าทำให้คนตาย พอครั้งหลังสุดออกมาด่าอีกว่าทำให้สับสน

คนพวกนี้แหละคือคนที่อันตรายที่สุด เพราะคือคนเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว และพาคนอื่นไปตาย แทนที่จะมานั่งคุยกันว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จะบั่นทอนอนาคตทางการท่องเที่ยวและจะทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว เราจะหาทางแก้ไขกันอย่างไร ทำไมคนอยากจะไปญี่ปุ่นทั้งที่ญี่ปุ่นคือเมืองที่อันตราย ทั้งแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดและคลื่นยักษ์ เพราะเขามีการเตรียมการพร้อมที่จะรับมือตลอดเวลา

แต่ของเราไม่ใช่ พออาคารพังก็แหกปากเรียกร้องรัฐให้บังคับธนาคารปล่อยกู้ หนี้เก่าค้างเอาไว้ก่อนขอพอกหนี้ใหม่ หากเกิดพังอีกก็จะแหกปากร้องแบบเห็นแก่ตัวเช่นนี้เสมอไป คนฝากเงินจะเจ๊งหรือไม่ช่างหัวมัน เรากระทำเช่นนี้อย่างเคยชินและเคยตัว จนบ้านเมืองเราเสียหายมามากต่อมากแล้ว เราต้องอย่าลืมน่ะครับ แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ที่เรียกว่าเกาะภูเก็ตทุกวันนี้ คือภูเขาใต้น้ำที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ

ยอดที่สูงที่สุดก็คือแนวที่เราท่านเห็นเป็นภูเขาสูงนั่นแหละ ส่วนที่ราบไม่ต่างจากที่ราบบนเทือกเขาที่เราเคยเห็นกันที่ภูกระดึงน่ะครับ จะเป็นที่ราบกว้างใหญ่นั่นคือตัวเมืองของเรานั่นแหละครับ เมื่อลงไปสำรวจลึกใต้ทะเลแล้วเราจะทราบกันดีว่าใต้ทะเลลึกของเรานั้น มันเป็นพื้นที่เชื่อมต่อโยงกันเพียงแต่ว่าพื้นตรงนั้นมีน้ำเต็มไปหมด ถ้าเราไปยืนตรงสระน้ำหรือคลองแล้วเอาก้อนหินขนาดใหญ่ทุ่มลงไปในน้ำ จะเห็นมันเกิดแรงกระเพื่อมสูง นั่นคือคลื่นยักษ์และที่เป็นวงกว้างนั่นคืออานุภาพของการทำลายล้าง

วันนี้บ้านเมืองภูเก็ตหลังเกิดคลื่นยักษ์ ทำให้ทุกคนมองกันว่า นี่คือแนวภูเขาไฟใต้น้ำแนวใหม่ ที่มาจากแนวของทวีปอเมริกาใต้หรือไม่ ถ้าถามว่ามีภูเขาไฟแล้วน่ากลัวไหม ต้องตอบว่ามีทั้งความน่ากลัวและความไม่น่ากลัว ความน่ากลัวก็คือคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรจะอาศัยในแถบนี้ ควรจะย้ายออกไปเพราะหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา จะเกร็งและช็อคหลังจากนั้นจะตาย

ผมไปที่ประเทศคอสตาริกามีภูเขาไฟที่นั่น 9 แห่ง ผู้คนเคยชินกับการเกิดภูเขาไฟระเบิดและเคยชินกับการเกิดแผ่นดินไหว ผมถามเขาว่าไม่กลัวหรือเขาบอกว่าไม่กลัว ที่ไม่กลัวเพราะรัฐบาลเขาเข้มงวดในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ ตรงกันข้ามกับภูเก็ต อาคารที่สูงเกินสามชั้นในวันนี้ทั้งหมด มีใครยืนยันได้ว่าทนทานต่อแผ่นดินไหวในระดับ 5 ริคเตอร์ได้บ้าง

ผมมั่นใจว่าเพียงแค่ระดับ 4 ริคเตอร์อาคารส่วนราชการต่างๆ จะต้องพังทลายลงมา ผมมั่นใจว่าเพียงแค่ระดับ 5 ริคเตอร์หลายโรงแรมจะเกิดอาการแตกร้าวและนั่นหมายถึงโครงสร้างไม่แข็งแรง ผมอยากจะให้วิศวกรและสถาปนิกทั้งหลายในจังหวัดภูเก็ต เวลานี้ต้องปรับตัวนั่นคือจะต้องศึกษาว่าหากในอนาคตจะต้องมีแผ่นดินไหวถี่ขึ้น และภูเขาไฟอาจจะต้องมีรายการระเบิด เราจะสร้างบ้านอย่างไรให้มันทนทานต่อแรงสั่นไหวได้ถึงระดับ 9 ริคเตอร์ และทนต่อความร้อนที่อาจจะเกิดมาจากความหลอมเหลวของลาวา ที่ส่งกระแสร้อนมาถึงตรงนี้ได้

ไม่ใช่ว่า วันนี้มีแต่คนออกมาบอกว่า รัฐบาลปล่อยให้เกิดข่าวแผ่นดินไหวได้อย่างไร รัฐบาลปล่อยให้เกิดข่าวคลื่นยักษ์ได้อย่างไร คนภูเก็ตหลายคนและจำนวนมากที่ไม่ยอมรับความจริง เพราะคนภูเก็ตไม่ยอมรับความจริง เราจึงมีคนภูเก็ตจำนวนมากที่ตายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ที่เขาหลักที่ผ่านมา ถ้าถามใจผมในวันนี้ ถ้าผมเป็นเจ้าของที่ดินและเกิดเหตุการณ์ตรงที่ดินที่เคยสร้างเป็นโรงแรมจากคลื่นยักษ์ และยิ่งมามีข่าวว่ามีภูเขาไฟใต้ทะเลอาจจะก่อตัวและระเบิดขึ้นด้วยแล้ว

ผมจะถอนการลงทุนจากตรงนั้น เพื่อถอยร่นอาณาบริเวณลึกเข้ามาอีกด้านใน แต่จะคงสภาพทะเลเอาไว้ตรงนั้น พร้อมกันนั้นจะชักชวนพรรคพวกเจ้าของทุนและที่ดินทั้งหลาย ให้ถอนการก่อสร้างและปรับสภาพหน้าดินของทะเลตรงนั้นเอาไว้เพื่อสร้างด้านในแทน นั่นเท่ากับว่าเจ้าของกิจการรับผิดชอบต่อสังคมและชีวิต มากกว่าดำเนินธุรกิจท่ามกลางการเอาเปรียบ และเวลาเกิดเหตุการณ์ร้ายแล้วจะทิ้งลูกค้า พร้อมกับแหกปากให้คนอื่นไปช่วยและไปตายแทน

เช่นเดียวกันที่ป่าตองหรือกมลา แม้นว่าที่ดินตรงนั้นจะมีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์หรือไม่ก็ตาม เมื่อเรารู้ว่าที่ดินตรงนั้นเคยเกิดปัญหาและไม่ปลอดภัย การเกิดและการเคยเกิดในที่ตรงใด มันจะเกิดซ้ำซากและซ้ำรอยในแถบนั้นตลอดเวลาไม่ขาดหายไป ยิ่งวันนี้เมื่อมีข่าวออกมาว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวถี่ยิบ ในหมู่เกาะนิโคบาร์หรือหมู่เกาะอันดามันของอินเดีย และมีระยะห่างจากระนองเพียงแค่400 กิโลเมตรด้วยแล้ว

ถ้าผมลงทุนด้วยเงินตัวเองหรือเงินกู้ ผมจะต้องถอยร่นและจะต้องป้องกันตนเอง ได้ไม่คุ้มเสีย คนที่จะมาจะต้องคิดหนักและคิดมากว่า เข้ามาแล้วจะปลอดภัยหรือไม่ ท่านอย่าคิดเลยว่าท่านให้สื่อในไทยช่วยกันปกปิด แล้วต่างชาติเขาจะพร้อมใจปกปิดกับท่านด้วย เขาไม่พร้อมใจกันปกปิดดอก ในยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดนเช่นทุกวันนี้ด้วยแล้ว ยากนักที่เขาจะยอมปกปิด

ดังนั้นวันนี้คนภูเก็ตจะต้องกำหนดอนาคต ชะตากรรมทางการท่องเที่ยวของตัวเองว่าจะไปในทิศทางใด ท่ามกลางความผันผวนของแผ่นดินไหว และภูเขาไฟที่อาจจะระเบิดได้ตลอดเวลา

ที่มาhttp://www.siangtai.com/TH/news_detail.php?Cat_ID=9&News_ID=283

 

<table id="post2260699" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">Sawiiika<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2260699", true); </script>
ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่



วันที่สมัคร: Apr 2008
ข้อความ: 2,407
Groans: 6
Groaned at 10 Times in 10 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 9,902
ได้รับอนุโมทนา 13,548 ครั้ง ใน 1,509 โพส
พลังการให้คะแนน: 273


</td> <td class="alt1" id="td_post_2260699" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> <script type="text/javascript"><!-- google_ad_client = "pub-0334174069738588"; /* 300x250, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 1/12/09 */ google_ad_slot = "0317131318"; google_ad_width = 300; google_ad_height = 250; //--> </script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </script><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></script><script src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></script><script>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: inline-table; height: 250px; position: relative; visibility: visible; width: 300px;"><ins style="border: medium none ; margin: 0pt; padding: 0pt; display: block; height: 250px; position: relative; visibility: visible; width: 300px;"><iframe allowtransparency="true" hspace="0" id="google_ads_frame1" marginheight="0" marginwidth="0" name="google_ads_frame" src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0334174069738588&dt=1247590990781&lmt=1247590990&output=html&slotname=0317131318&correlator=1247590990781&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2593%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%258D%25E0%25B9%2588-2009-%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9-184626-4.html%23post2260699&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%2F&frm=0&ga_vid=1927763579.1239617418&ga_sid=1247587655&ga_hid=1905550053&ga_fc=true&flash=10.0.22&w=300&h=250&u_h=900&u_w=1440&u_ah=866&u_aw=1440&u_cd=32&u_tz=420&u_his=2&u_java=true&u_nplug=22&u_nmime=113&dtd=76&xpc=LWimPXEOQy&p=http%3A//palungjit.org" style="left: 0pt; position: absolute; top: 0pt;" vspace="0" scrolling="no" width="300" frameborder="0" height="250"></iframe></ins></ins>
ถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด 2009 ให้ทราบ

พวกคุณงง และ สับสนกับเจ้าหน้าที่ และ หมอหลาย
คนที่ให้ข่าว ไม่ค่อยตรงกันใช่มั้ยครับ ? .............

ผมจะบอกข้อมูลอะไรให้ฟัง ซื่งคุณสามารถตรวจสอบได้เอง จากแพทย์ผู้เชื่ยวชาญด้าน ไวรัสวิทยา หรือ จุลชีววิทยา ตามภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทย์มหาลัยใหญ่ ๆ นะครับ

(กรุณาเลิกสัมภาษณ์นักการ .... ได้แล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ควรสัมภาษณ์อาจารย์ที่เขารู้จริง ทำงานเรื่องนี้จริงๆดีกว่า)


ไปดูเนื้อหาวิชาการแน่นๆได้ที่
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7977288/A7977288.html
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7973976/X7973976.html
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8049629/X8049629.html


วิธีปฏิบัติป้องกันตัว
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7998624/A7998624.html


หมอไก่ก็ไประบายในสินธร http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8040314/I8040314.html

นับประสาอะไรกับหมอบ้านนอกอ้างตำราไม่ค่อยเป็นอย่างผม

เมื่อคืนนี้คืนเดียว รพ.ที่ผมอยู่เวร รับคนไข้ใหม่สงสัยหวัด 2009 เข้านอนรพ. 4 คน (เฉพาะเวรดึก)
อะไรกันจ๊ะ ไหนบอกไม่น่ากลัว ไหนบอกควบคุมได้ แล้วตัวเลข

การแพร่ระบาดขนาดนี้มันอะไรกัน ? ?


ใครมีคนรู้จัก ทำงานสื่อมวลชน ได้โปรด copy ข้อความ หรือ link ในกระทู้นี้ไปถึงเขาด้วยนะครับ ผมไม่ได้อยากดัง ไม่อยากเปิดเผยตัว(ให้ภัยมาถึงตัว) แต่ทนไม่ไหวแล้ว

ที่คนไทยอยู่ท่ามกลางหายนะ แต่ไม่มีใครรู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้ ....


( Special สำหรับความเห็นว่าผมใช้คำรุนแรงจนอาจก่อกระแส " ตื่นตระหนก " )

ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะเห็นความแตกต่างระหว่าง
ความเพิกเฉย ไม่รู้ร้อนหนาว --> ความตระหนัก --> ความตื่นตระหนก

ผมเห็นการรายงานข่าว พยายามเน้นไปที่ "อย่าตื่นตระหนก"
ซึ่งคงเป็นความตั้งใจดี ว่าอยากให้ประชาชน " ตระหนัก " เฉยๆ แต่ผลที่ได้
ตรงกันข้ามครับ คือ ประชาชน " เพิกเฉย ไม่ใส่ใจ " เพราะคิดว่าไม่เป็นไร

(ซึ่งที่จริงเป็นเพราะข้อมูลสับสนไม่ชัดเจน ผมว่านักข่าวเองยังงงเลย )

ผมจึงหวังว่ากระทู้นี้จะสร้าง "ความตระหนัก " ได้ ด้วยการพูดความจริงตรงๆ ไม่ต้องรักษามารยาท ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว

--------------------------------------------------------------------


พี่ที่รู้จักคนหนึ่ง เป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ค่ะ แล้วส่ง link นี้มาให้เจนค่ะ
แต่ได้เซนเซอร์เนื้อหา ออกไปเยอะแล้ว ค่ะ ... หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านะค่ะ



<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

[COLOR=green][B]พระวิสุทธิคุณ [SIZE=5]พระปัญญาธิคุณ[U][SIZE=2][IMG]http://palungjit.org/signaturepics/sigpic214880_53.gif[/IMG][/SIZE][/U] พระมหากรุณาธิคุณ[/SIZE][/B][/COLOR]
AbstenTion From Allevil , CultivaTion oF The WholesoMe, PuriFicaTion Of The HearT​

คำสอน พระราชพรหมยาน ฯ l http://somdechsuk.com.com l www.jarun.org l [COLOR=green]http://www.thossaporn.com[/COLOR]
ห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ l เว็บตามรอยพระพุทธบาท l เว็บวัดท่าขนุน l เว็บหลวงปู่เณรคำ วัดป่าขันติธรรม
เว็บวัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) l VolunteerSpirit | เครือข่ายจิตอาสา l มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง​

ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๑๐ วา วัดหนองหญ้าปล้อง l หลวงปู่หลอด มรณภาพ ​

</td></tr></tbody></table>

 

สุริยคราส 22 ก.ค. นานที่สุด เตือนอาจเกิดหายนะ​

​

"สุริยคราส"22 กค. นานที่สุด โหรหวั่นมาร์ค-แม้ว ระบุดวงดาวเป็นโทษ เตือนอาจเกิดหายนะ เกิดยาวสุดรอบ 100 ปี (ข่าวสด)

โหรเตือน ผลจากสุริยุปราคาเต็มดวงยาวนาน วันที่ 22 ก.ค. นี้ จะทำให้เกิดหายนะจากน้ำ มีคนตายเป็นเบือ ดวงเมืองจะปั่นป่วน วุ่นวาย มีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง นายกฯ มาร์ค กับ ทักษิณ อยู่ในข่ายจะไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ต.ค. จะเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญ

ด้านนักดาราศาสตร์โต้ให้ใช้วิจารณญาณ ชี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่จะเป็นครั้งที่ยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษ คือเกือบ 7 นาที แต่เมืองไทยจะมองเห็นบางส่วน เตือนอย่าเชื่อข่าวลือที่สะพัดตามฟอร์เวิร์ดเมล์ โดยเฉพาะวันสิ้นโลก เพราะแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย รวมทั้งหายนะต่างๆ เช่น เกิดสึนามิครั้งใหญ่

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวถึงกรณีที่จะเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติ สุริยุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบศตวรรษในวันที่ 22 ก.ค. นี้ ซึ่งในทางโหราศาสตร์ ได้มีการคำนวณผลกระทบที่เกิดจากการเกิดสุริยุปราคาพบว่า จะเกิดเหตุสำคัญๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านการเมือง การปกครอง เนื่องจากการเกิดสุริยุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีกรกฎ ธาตุน้ำ พิจารณาจากราศีเกิดคือกรกฎเป็นจรราศี ก่อให้เกิดผลอย่างรวดเร็วและผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ที่สำคัญการทางด้านต่างประเทศนำความยุ่งยากให้กับรัฐบาล ตลอดจนเรื่องผลผลิตทางการเกษตร ทำให้เกิดการผันแปรสำคัญทางการเมือง การค้า จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากราศีกรกฎ อยู่ในธาตุน้ำ จะเกิดอุทกภัย อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำมีคนตาย เรืออับปาง มีความยุ่งยากทางน่านน้ำ อาณาเขต อาชีพเกี่ยวกับน้ำ การประมง โรคระบาดที่มากับน้ำ อีกทั้งราศีกรกฎเป็นภพที่ 4 ของดวงเมือง เมื่อเกิดสุริยุปราคาแล้วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ปกครองหรือรัฐบาล สวัสดิภาพของประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน มีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย

"ที่สำคัญดวงเมือง มีดาวจันทร์อยู่ราศีกรกฎดวงเดิม อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญระดับสูง นอกจากนี้การเกิดสุริยุปราคานี้อยู่ในราชาฤกษ์ให้ระวังผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เจ็บป่วย หรือเกิดปัญหาอุปสรรค อีกทั้งสุริยุปราคาเกิดตอนตรียางค์ที่ 1 ทำให้เกิดความปั่นป่วนดินฟ้าอากาศปรวนแปร เพราะฉะนั้นควรจะระวังในเรื่องอุบัติภัย เพราะหลังจากเกิดสุริยุปราคาแล้ว มักจะตามด้วยภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ แผ่นดินไหว หรือวันที่ดาวอังคารเข้าราศีกรกฎในวันที่ 2-3-4 ต.ค. 52 นี้จะเกิดอุบัติภัยทางธรรมชาติที่รุนแรง

อยากเตือนรัฐบาลว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ค.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้ จะเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญที่ประชาชนเคารพนับถือ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในราศีกรกฎควรจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพ และความปลอดภัย เช่นเดียวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดในราศีเดียวกัน" นายภิญโญ กล่าวและว่า นายอภิสิทธิ์ จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ และเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วย

ด้านพระเทพภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กล่าวว่า ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งจะเกิดสุริยคราส ซึ่งในทางโหราศาสตร์จะส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง ชีวิตผู้คนมากมาย ดังนั้น วัดไตรมิตรฯ จะจัดพิธีสวดมนต์ครั้งใหญ่ โดยจะระดมพระสงฆ์หลายร้อยรูปมาร่วมสวดมนต์ใน 3 พิธี คือ สวดมหาสมัย ซึ่งเป็นการสวดชุมนุมเทวดาทั้งหมดในจักรวาล สวดมหาราช หรือสวดถวายท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศ เพื่อให้รักษาชีวิตมนุษย์ และสวดนพเคราะห์ โดยจะเริ่มพิธีในเวลา 6 นาฬิกา 58 นาที ที่พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม

"การสวดมนต์ครั้งนี้เป็นการสวดมนต์เพื่อแผ่นดิน เพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน ที่มีความวิตกกังวลต่อผลกระทบจากปรากฏการณ์สุริยคลาส เพราะสุริยคราส ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย" พระเทพภาวนา กล่าว

ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6802

http://www.matichon.co.th

​

Forward mail เตือนภัยเรื่องสึนามิในวันที่ 22 ก.ค.52 ลองพิจารณาด้วยวิจารณญาณกันเองนะครับ

"I just wanted 2 let you know that please stay away from the beaches all around in the month of July. There is a prediction that there will be another tsunami hitting on July 22<SUP>nd</SUP>. It is also when there will be sun eclipse. Predicted that it is going 2 be really bad and countries like Malaysia (Sabah & Sarawak), Singapore, Maldives, Australia, Mauritius, Si Lanka, India, Indonesia, Philippines are going 2 be badly hit. Please try and stay away from the beaches in July. Better 2 be safe than sorry. Please pass the word around. Please also pray for all beings."

ตลอดทั้งเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกจำนวนมาก รวมถึงในประเทศไทย ต่างได้รับ “อีเมล์ลูกโซ่” เขียนเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมแสดงภาพกราฟิก อ้างว่า วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคา” ขึ้น ส่งผลให้แรงดึงดูดโลกเปลี่ยนแปลงถึงขั้นทำให้ “เปลือกโลก” ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกขยับแยกออกจากกัน และเป็นต้นเหตุทำให้เกิดมหาภัยคลื่นยักษ์สึนามิ โถมซัดถล่มชายฝั่งหลายประเทศทั่วเอเชีย! โดยชาติที่ข้อมูลในอีเมล์บอกว่าจะโดนหนักก็อยู่ใกล้ๆ ประเทศไทยทั้งนั้น อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ ออสเตรเลีย มอริเชียส ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

ที่มา http://gotoknow.org/blog/consider/257714

 

อยากให้เร่ง ความดี สร้างกุศล รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา อธิฐานจิตกัน

ตามความสามารถ ความถนัด กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วง 19-25 กค. นี้

ที่สำคัญน้อมจิตถวายพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันเอาไว้ให้มากๆครับ