ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. k_karn

    k_karn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +149
    แค่เห็นภาพก็หดหู่แล้ว
    คนที่ยินดีกับกีฬานี้ มีจิตเป็นอสุรกาย...
     
  2. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    เป็นการทารุณสัตว์อย่างยิ่ง ดูแววตาของวัวกะทิงแล้ว ก็ยิ่งสงสารอย่างจับใจ
    คนดูก็มีส่วนบาป เพราะไปยินดีในบาปที่คนอื่นทำ ไปโมทนากับเขาด้วย
    เลยพาลไปนึกถึงคำสอนของหลวงพี่สมปองที่บอกให้
    พวกเราที่ดูหนังดูละคร แล้วอินไปพลอยยินดีกับฉากการฆ่าฟัน ตบตีกันเป็นเรื่องสนุก
    จงระวังไว้ เพราะเหมือนเป็นการไปยินดีไปโมทนากับความเลวที่เขาทำระหว่างกัน
    ผลบาปกรรมก็จะติดตัวไปด้วย .... น่ากลัว
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2150743" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">ANUWART<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2150743", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2008
    ข้อความ: 729
    Groans: 1
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 8,919
    ได้รับอนุโมทนา 5,297 ครั้ง ใน 664 โพส
    พลังการให้คะแนน: 99 [​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2150743" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center><!-- google_ad_section_start -->สาธุ<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->วันนี้ ๒ มิ.ย.๕๒ ได้ไปเจอพี่อ้อย พี่เขาเรียกเข้าไปคุยข้อธรรม บอกว่าเมื่อตอนเช้าประมาณตี ๕ ท่านเห็นน้ำท้วมและมีเคลื่นใหญ่หน้ากลัวมากคนตายเป็นเบือพี่อ้อยบอกว่าพี่ อ้อยพาญาติหนีตายอย่างปลอดภัย คนที่ตามพี่อ้อยปลอดภัยส่วนคนอื่นตายเกลื่อนเลย เลยแจ้งข่าวให้ได้รับรู้กัน ผมก็บอกว่าช่วยกันนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิตไม่มีประมาณช่วย ๆ กันหน่อยในขณะนี้ สาธุกับทุกดวงจิตที่ช่วยกันให้ผู้คนปลอดภัยจากภัยพิบัติ <!-- google_ad_section_end -->
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> Last edited by ANUWART; 02-06-2009 at 01:02 PM.
    </td></tr></tbody></table>

    จากกระทู้ http://palungjit.org/threads/กลุ่มพ...ใต้-รวมพลังทำความดี.167637/page-6#post2143950
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    clearlove <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2008
    ข้อความ: 2
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 25
    ได้รับอนุโมทนา 6 ครั้ง ใน 3 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    <center>ข้อเสนอแนะเล็กน้อย

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> อ้างถึง
    ลุงเชียงใหม่ บอกอาหารในป่าไม่พอทาน ดังนั้น จึงขอร้องผู้บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตย์ทั้งหลายจงร่วมกันบอกกล่าวให้ทุกคนที่ เข้าป่า หรือไปเที่ยวป่าไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ก็ได้ ขอให้เอาเมล็ดพันธ์พืชและเมล็ดพันธ์ผลไม้ติดไม้ติดมือ เข้าไปด้วยปลูกไว้ด้วย คนละต้น2ต้นก็ยังดี ต่อไปก็จะมีให้ทานกัน
    จะได้ไปอยู่ป่าหาของป่าทานได้ อยู่อย่างคนมีบุญ มีบารมี มีของกิน ไม่ได้ไปอย่างหมดศักดิ์ศรี ไร้ค่า อดอยาก รอความช่วยเหลือจากคนอื่นซึ่งยาก หรือรอความตายอย่างไม่มีหวัง น่าเศร้าใจไม่น้อยไม่ได้มีการเตรียมการเสียดายที่ได้เกิดเป็นคนไม่ได้ช่วย กันคิดไว้
    เมล็ดพันธ์ที่ว่านี้ง่าย เช่น เม็ดมะม่วง,มะขาม,กระทิน,แค,ลูกตำลึงสุก,ผักเสียน,อะไรที่นึกได้,อะไรที่ ปลูกทิ้งไว้ได้ในป่าให้มันโตเองได้ก็เตรียมกันไป ดิดเองเองติดไม้ติดมือไป ดิดว่าทำเพื่อตัวเองหรือลูกหลานเผื่อตัวเองต้องหนีเข้าป่าไปอาศัยกันจะได้ ไม่อดตาย มีคำทำนายกันไว้แล้วเมื่อคนกลัวจะหนีเข้าป่า
    ถ้าเป็นพระโพธิสัตย์แล้วไซร้ ต้องมีปัญญาเตรียมการเมตตาสัตว์โลกด้วยเถิด
    __________________
    บทความนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
     
  5. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG]

    น่าสงสารมาก T_T .........
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    น้ำป่าท่วม 3 อำเภอแม่ฮ่องสอน ชาวบ้านเดือดร้อน

    [​IMG]

    แม่ฮ่องสอน 8 มิ.ย.- ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลายหน่วยงานเร่งระดมความช่วยเหลือประชาชน 3 อำเภอ หลังถูกน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

    เหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม 3 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยน้ำได้ทะลักออกมาจากลำห้วยแม่ลาน้อย หลังฝนตกต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ ส่งผลให้ขณะนี้ประชาชนใน 3 อำเภอ คือ อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่เสลียง และอำเภอสบเมย ต่างได้รับความเดือดร้อน พื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัยเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่ถนน และสะพานหลายแห่งไม่สามารถใช้สัญจรได้ เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังเร่งออกซ่อมแซม และช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วน.- สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 22:38:44


    ยิงถล่มมัสยิด จ.นราธิวาส ชาวบ้านดับ 10 เจ็บ 13

    [​IMG]

    นราธิวาส 8 มิ.ย.- คนร้ายยิงถล่มมัสยิด ในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 13 คน

    เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ที่ผ่านมา คนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวน ใช้อาวุธสงคราม บุกเข้าไปกราดยิงในมัสยิดบ้านไอปาแย หมู่ 8 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ขณะชาวบ้านกำลังพิธีละหมาด เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 10 คน และได้รับบาดเจ็บ 13 คน โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อไล่ล่าตัวคนร้าย.- สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 22:42:43

    ระเบิดทหารลาดตระเวนนราฯ เจ็บ 9 นาย

    [​IMG]

    นราธิวาส 8 มิ.ย.- ร.ต.ท.แดนชัย มูลป้อม ร้อยเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 06.50 น.วันนี้ (8 มิ.ย.) ทหาร สังกัด ร้อย ร.1114 ฉก.นราธิวาส 30 จำนวน 14 นาย ถูกลอบวางระเบิดขณะลาดตระเวนความปลอดภัยตามเส้นทางบนถนนบ้านกาโด๊ะ ม.4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ขณะเดียวกันชุดทหารยังยิงตอบโต้ไปนาน 5 นาที ทำให้อีกฝ่ายหลบหนีไป

    ด้าน พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.รือเสาะ พร้อมนายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ นำเจ้าหน้าที่กองวิทยาการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถังดับเพลิง น้ำหนัก 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่ลากสายไฟเข้าไปในป่ายาว 300 เมตร แรงระเบิดทำให้พื้นเป็นหลุมลึก 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร และรถกระบะของชุดทหาร ทะเบียน 4 ผ 7730 นราธิวาส เสียหายทั้งคัน

    ส่วนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บมีทั้งหมด 9 นาย ถูกนำโรงพยาบาลรือเสาะ คือ ส.อ.กิตติ วรรณชาติ ส.ท.มานิตย์ แก้วเสียง พลฯ กาย บุญกาศ พลฯ ไชยา ศรีสุรักษ์ พลฯ อดิเรก ทองบุญเหลือง พลฯ สิทธิพงศ์ นิกรพล ส่วนอีก 3 นาย คือ ส.อ.อนุสรณ์ บุญปลอด หัวหน้าชุด และพลทหาร มีอาการเคล็ดตามร่างกาย รวมทั้งหูอื้อและแน่นหน้าอกจากแรงอัดของระเบิด.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 10:54:07

    กระหน่ำยิง อส.ที่นราฯ-วางระเบิดซ้ำชาวบ้านดับ 1

    [​IMG]

    นราธิวาส 7 มิ.ย.- เมื่อเวลา 11.40 น.วันนี้ (7 มิ.ย.) พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู ผกก.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ประสาน น.ท.นึกอนันต์ แสนอุบล ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 และนายศุภวริศ เพชรกาฬ นายอำเภอยี่งอ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุหน้าร้านค้าบริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ซึ่งอาสาสมัครประจำอำเภอยี่งอถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 บาดเจ็บ 2 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย คือ อส.มะดารี มูหิ และ อส.มะกือตา ตะโล๊ะเด็ง จึงเร่งนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ล่าสุด อส.มะกือตา เสียชีวิตเวลาต่อมา

    ขณะเดียวกันเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่หน้าร้านขายยาเลขที่ 24-25 เขตเทศบาลตำบลยี่งอ ทำให้รถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวเสียหาย จึงประสาน พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองวิทยาการ จ.นราธิวาสและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องประกอบไว้ในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนัก 50 ก.ก. นำไปใส่ไว้ในรถกระบะทะเบียน บง-1780 ตรัง จอดอยู่หน้าร้านดังกล่าว และใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นตัวจุดชนวน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายศราวุธ นิบือซา อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายสินค้ามือสอง และมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 20 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาส.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-07 15:55:09

    เชียงรายปราบเข้มยุงลายยับยั้งยอดป่วยไข้เลือดออก

    [​IMG]

    เชียงราย 7 มิ.ย.- นพ.ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า ปัญหาโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ยังต้องควบคุมการระบาดอย่างใกล้ชิด ซึ่งวันนี้ (7 มิ.ย.) องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ระดมฉีดพ่นหมอกควันให้ครอบคลุมทุกชุมชน เพื่อตัดวงจรระบาดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย

    โดยเฉพาะพื้นที่มีปัญหาการระบาดอย่างรุนแรงมาแล้ว คือ ด้านอำเภอแนวชายแดนและพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน ซึ่งปีนี้พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 148 ราย และยังมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน เฉพาะเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวพบผู้ป่วยสูงถึง 100 ราย หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 40 ราย มากที่สุดในอำเภอแม่จัน 98 ราย รองลงมาอำเภอเมือง.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-07 15:12:10

    มท.ภ.3 สั่งเฝ้าระวังโรคระบาดจากผู้อพยพหนีภัยสู้รบ

    [​IMG]

    ตาก 6 มิ.ย. - แม่ทัพภาค 3 ตรวจสถานการณ์ชายแดน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก หลังทหารพม่าปะทะกองกำลังชนกลุ่มน้อยอย่างต่อเนื่อง และมีผู้อพยพเข้ามากว่า 1,500 คน ประสานหน่วยงานสาธารณสุขดูแลผู้อพยพ หวั่นนำโรคระบาด มาลาเรีย ไข้หวัด 2009 แพร่เข้ามาในไทย

    พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางตรวจสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พร้อมตรวจเยี่ยมกำลังพลและฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก หลังจากทหารพม่าสนธิกำลังกับกองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธ ดีเคบีเอ โจมตีทหารกะเหรี่ยงคริสต์ เคเอ็นยู ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 2552 และยังไม่มีแนวโน้มจะยุติ ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามายังฝั่งไทยจำนวน 1,300-1,500 คน

    รวมทั้งสั่งการให้ทหารติดตามความเคลื่อนไหวของ กองกำลังฝ่ายพม่าอย่างต่อเนื่อง และให้ประเมินสถานการณ์ว่าเหตุใดทหารพม่าจึงโจมตีปราบปรามชนกลุ่มน้อย เคเอ็นยูในช่วงฤดูฝน เพราะการสู้รบที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมีขึ้นในช่วงฤดูแล้ง จึงตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลพม่ามีแผนจะปราบปรามชนกลุ่มน้อยที่ต่อต้านรัฐบาลทั้งหมดก่อนการเลือกตั้งในพม่าในปี 2553

    อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือผู้อพยพตามหลักมนุษยธรรม และประสานหน่วยงานด้านสาธารณสุขให้เข้ามาดูแลผู้อพยพ ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จุด คือ ที่สำนักสงฆ์ธรรมจาริก บ้านแม่สลิดหลวง และบ้านแม่อุสุ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ทั้ง มาลาเรีย และไข้หวัด 2009.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-06 15:41:14

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ซิกเซ้นส์สัตว์ร่วมโลก

    [​IMG]

    หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า สัตว์แต่ละชนิดต่างมีสัญชาตญาณ ก่อนที่จะเกิดภัยทางธรรมชาติ สัตว์เหล่านั้นจะมีประสาทสัมผัสรับรู้ภัยอันตรายได้ก่อนมนุษย์ โดยเฉพาะประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง การศึกษาพฤติกรรมสัตว์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สากล เจรจา นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้

    ท่ามกลางข่าวคราวความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้คนนับแสนที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับคลื่นยักษ์ 'สึนามิ' ซึ่งมาพร้อมกับแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษ ไฉนจึงไม่มีข่าวการพบศพของสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุบ้างเลย หลายคนที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงตั้งข้อสังเกตกัน และตั้งคำถามตามมาอีกว่าเป็นเพราะเหตุใด

    "ไม่มีช้างตายสักตัว หรือแม้แต่ศพของกระต่ายสักตัวก็ไม่เห็น"

    เอช.ดี.รัตนายาเก ผู้ช่วยผู้อำนวยการกรมสัตว์ป่าแห่งชาติศรีลังกา กล่าว และตั้งข้อสังเกตว่า บางทีสัตว์อาจจะมีสัญชาตญาณพิเศษเกี่ยวกับหายนะที่จะเกิดขึ้นก็เป็นได้ และพวกมันอาจจะมีสัมผัสที่หกรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร ก็เลยอพยพกันไปอยู่ที่อื่นก่อน

    เขารู้สึกแปลกใจที่ภายหลังจากเกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย กรมสัตว์ป่าแห่งชาติศรีลังกายังไม่มีตัวเลขของสัตว์ที่เสียชีวิตเลย ทั้งๆ ที่เจ้าคลื่นยักษ์นี้ ได้ซัดเข้าหาอุทยานแห่งชาติยาลา ตั้งแต่ชายฝั่งเข้าไปในป่าลึก 3 กิโลเมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ โดยอุทยานแห่งชาติดังกล่าวถือเป็นเขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกาเลยทีเดียว เป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสิงโตจำนวนมาก ทว่ากลับไม่พบว่าพวกมันถูกคลื่นยักษ์ทำลายเฉกเช่นมนุษย์

    หรือแม้แต่คลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นใน 6 จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทยเอง ก็มีเรื่องเล่าพฤติกรรมสัตว์ อย่างช้าง ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นเขาหน้าตาเฉย จนคนรอดตาย เพราะช้างช่วยชีวิตคนไว้ถึง 5 ชีวิต หรือมีชาวบ้านที่เขาหลัก จ.พังงา บอกว่าเห็นควายกลุ่มหนึ่งวิ่งขึ้นเขา ก่อนที่คลื่นจะมา

    แม้ที่เกาะพีพีเอง พบว่า มีแมวรอดชีวิตประมาณ 200 ตัว น้อยมากที่เสียชีวิต แต่ไม่ได้เกิดจากคลื่นยักษ์ หากเกิดจากขาดนํ้าและอาหารหลายวัน หรือนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยาบางท่าน ก็ตั้งข้อสังเกตว่า สุนัขบางตัวที่ลอยนํ้าตายนั้น หรือหมูเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยสัญชาตญาณนั้นน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรก่อนล่วงหน้า แต่ทว่าเสียชีวิต เพราะถูกขังหรือหนีนํ้าไม่ทันมากกว่า

    สัญชาตญาณสัตว์

    ภัยทางธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวในประเทศไทย แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย หรือถ้าเกิดก็ได้รับเพียงแค่แรงสั่นสะเทือน เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 นับว่าร้ายแรงที่สุด เมื่อแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียแล้วก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ด้วยเหตุนี้เองผลงานวิจัย หรือแม้แต่บทความทางวิชาการเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในประเทศไทย จึงมีให้เห็นเพียงประปราย ไม่เด่นชัดนัก

    แต่สำหรับประเทศที่ต้องประสบภัยทางธรรมชาติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวบ่อยครั้งอย่างญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ผลงานวิจัยแผ่นดินไหวนั้นมีเป็นจำนวนมาก หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน แม้งานวิจัยจะมีไม่มากนัก แต่ก็อยู่ในระดับปานกลาง ทว่าจีนกลับเป็นชาติแรกที่ใช้สัตว์เป็นตัวทำนายเรื่องของแผ่นดินไหว โดยใช้วิธีสังเกตจากพฤติกรรมของสัตว์

    ดร.ปัญญา จารุศิริ นักธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ภาคธรณีวิทยาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า จีนเป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย และใช้สัตว์เป็นตัวศึกษาก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว อย่างงู กิ้งกือ หนู โผล่ขึ้นมาจากดิน วิ่งพล่านเพราะรับรู้สัญญาณ ที่เราเรียกว่าคลื่นแผ่นดินไหวก่อน จีนมีสถาบันวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง และหลายๆ ประเทศก็พยายามเอาอย่างจีน อย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย

    "ตั้งแต่ไหน แต่ไร จีนใช้สัตว์เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนที่สุด คณะที่สหรัฐ รัสเซีย เน้นการใช้วิทยาศาสตร์เป็นตัวบ่งบอก เขาเชื่อเรื่องผลจากใต้โลกมากกว่า เพื่อให้รู้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถรู้ว่าเกิดขึ้นที่ไหน เหมือนทางธรณีวิทยาสามารถทำนายพื้นที่ที่จะเกิด แต่ไม่สามารถทำนายเวลาได้ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ ในความคิดผม ควรใช้ควบคู่กันจะดีกว่า คือ ทั้งวิทยาศาสตร์และสัตว์"

    นักธรณีวิทยารายนี้ บอกว่า ที่บ้านตนเป็นสวนผลไม้ฝั่งธนบุรี ได้เลี้ยงปลาซอกเกอร์ (Sucker) ปลาที่ชอบดูดดินกินเป็นอาหาร วันที่เกิดแผ่นดินไหวและมีคลื่นยักษ์สึนามิ ได้สังเกตพบว่า ปลาได้ดิ้นและกระโดดออกจากอ่างดินที่เลี้ยงไว้ ส่วนนํ้าในท้องร่อง ก็กระเฉาะขึ้น

    "สัตว์รู้ว่ามีคลื่นผิดปกติ อ่างที่สัตว์อาศัยอยู่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว ก็กระโดดออก ที่จีนพวกงู มด หนูก็ออกมาจากดิน เพราะรู้สึกว่าอยู่แล้วไม่ปลอดภัย ส่วนนกก็จะบินไปอยู่อีกป่าหนึ่ง บริเวณ 6 จังหวัดภาคใต้ของเรา มีคนพูดเหมือนกันว่าสัตว์ที่เขาเลี้ยงเอาไว้ อย่างหนูเกิดการเคลื่อนที่พลุกพล่าน อย่างแมวที่เกาะพีพีมีชีวิตรอดมาได้ประมาณ 200 ตัว ผมคิดว่าเขารู้ เขาก็เลยปีนต้นไม้สูงได้ ก็เลยรอด"

    แม้สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เน้นวิทยาศาสตร์ด้วยการใช้เครื่องวัดแผ่นดินไหวก็จริง แต่ในที่สุดก็เริ่มหันมาให้ความสนใจเพื่อที่จะเรียนรู้ถึงพฤติกรรมสัตว์ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเฉกเช่นสาธารณรัฐประชาชนจีน

    พฤติกรรมสัตว์ในจีน

    จีนเป็นประเทศที่ต้องประสบภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงเสมอ ปรากฏการณ์ก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะแผ่นดินไหว ประสบการณ์ที่พวกเขาได้จากธรรมชาติ ก็คือ ก่อนจะเกิดภัยร้ายแรงเช่นนี้ขึ้น แต่ละครั้งแต่ละคราว พวกเขามักจะได้สัญญาณเตือนภัยจากสัตว์รอบๆ ตัว ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ไม่น่าเลี้ยง อาทิ พวกหนู หรืองู ล้วนแสดงอาการตื่นกลัว ออกมาวิ่งพล่านอย่างไม่มีสาเหตุ

    ข้อมูลจาก www.drgeorgepc.com/EarthquakePredictionChina.html พูดเรื่องแผ่นดินไหวในประเทศจีน ที่ใช้สัตว์ในการทำนาย อย่างปี 1920 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน ความสั่นสะเทือน 8.5 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่มณฑลเหยหยวน (Haiyuan) จังหวัดหนิงเฮีย (Ninghsia) มีคนยืนยันว่า เห็นสุนัขจิ้งจอกวิ่งไปวิ่งมา และเห่าหอนอย่างผิดปกติ ขณะที่นกกระจอกบินไปมาในท้องฟ้าเป็นวงกว้างก่อนเกิดแผ่นดินไหว

    ปี 1966 มณฑลหิงไต่ (Hsingtai) จังหวัดโหไป่ (Hopei) ทางเหนือของจีน ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว หมาในหมู่บ้านหลายตัว ทำลายกรงหนีรอดออกมา จนรอดจากแผ่นดินไหว โดยมีความสั่นสะเทือนอยู่ที่ 6.8 ริกเตอร์ ส่วนปี 1969 ความสั่นสะเทือนอยู่ที่ 7.4 ริกเตอร์ ที่ทะเลโปไห่ (Pohai) มีนกนางนวล ปลาฉลาม และปลาอื่นๆ อีกหลายชนิด มีพฤติกรรมที่ประหลาด เช่น ดิ้น กระโดด วิ่งพลุกพล่าน หมีแพนด้า กวาง จามรี เสือ สัตว์อีกหลายชนิดในสวนสัตว์เมืองเทียนสิน ส่งเสียงร้องเตือนคนที่เดินเที่ยวชม เตือนคนก่อนเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 2 ชั่วโมง

    ปี 1975 แผ่นดินไหวที่เมืองไห่เจียง (Haicheng) เกิดแผ่นดินไหวเดือนกุมภาพันธ์ แต่เกิดเหตุการณ์ล่วงหน้ากลางเดือนธันวาคม ปี 1974 คือ มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับสัตว์ งูที่จำศีล ออกมาข้างนอกและหนาวตายเต็มไปหมด พวกหนูก็ออกมาเป็นกลุ่ม เป็นเพราะว่ามีการสั่นสะเทือนเล็กๆ ก่อน หลังจากนั้น เดือนหนึ่งคือมกราคม มีคนรายงานเรื่องสัตว์ผิดปกติเป็นพันราย จากพื้นที่ทั่วทุกหนแห่ง และสามวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว เหตุการณ์ประหลาดจากพฤติกรรมสัตว์ก็เพิ่มขึ้น ตั้งแต่สัตว์ใหญ่ วัว ม้า สุนัข หมู เริ่มทำตัวประหลาดวิ่งไปวิ่งมาแล้วก็ร้อง ความสั่นสะเทือนครั้งนั้น 7.3 ริกเตอร์

    ปี 1976 ปลายเดือนกรกฎาคม มีคนกำลังให้อาหารสัตว์อยู่ในเมือง Kaokechuang ห่างจากเมืองถังชาน (Tangshan) 40 กิโลเมตร คนให้อาหารรายงานว่า ม้ากับล่อ แทนที่จะกินอาหาร ก็กระโดดไปกระโดดมา เตะโน่นเตะนี่ พังรั้วกั้นและวิ่งหนีไป หลังจากนั้นไม่กี่นาที พวกเขาก็เห็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าที่เมืองถังชาน แผ่นไหวครั้งนั้น 7.8 ริกเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 665,000 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 780,000 คน

    มีการตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดสัตว์ถึงแสดงพฤติกรรมอย่างที่กล่าวมา ประเทศจีนมีศูนย์ศึกษาพฤติกรรมสัตว์เกี่ยวกับแผ่นดินไหว โดยเฉพาะสัตว์ปีกอย่างนกพิราบ ตรงขานกพิราบนั้นมีประสาทที่ไวมาก สามารถรับความสั่นสะเทือนเล็กน้อย และส่งไปที่ประสาทส่วนกลาง ประมาณว่า น่าจะรับการสั่นสะเทือน 4.0 ริกเตอร์ได้ ส่วนปลาฉลามหรือปลาในทะเลชนิดอื่น ก็จะรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ เพราะแผ่นดินไหวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ปลาต่างๆ จะรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีขนาดตํ่าและสูงได้ดีกว่ามนุษย์

    โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งไปที่ระบบประสาท แล้วร่างกายจะแปลความหมายออกมาในรูปของสัญชาตญาณ จากนั้นสัตว์ก็จะวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด และสัตว์สามารถรู้ได้ว่าทิศทางของการสั่นสะเทือนมาจากทิศทางไหน อย่างกรณีของแมงป่องนั้นจะรับรู้ไวมาก

    ความสั่นสะเทือนที่เมืองถังชาน 7.8 ริกเตอร์ คร่าชีวิตผู้คนมากมายมหาศาลนั้นถือว่ารุนแรงมาก ขณะที่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมานั้นวัดได้ถึง 9.6 ริกเตอร์ แต่แผ่นดินไหวนั้นเกิดในทะเล ผู้คนก็เลยได้รับผลกระทบเพียงจากคลื่นยักษ์สึนามิเท่านั้น

    มนุษย์ก็มีสัญชาตญาณ

    นักวิชาการด้านจิตวิญญาณบางคน เห็นว่า ในความเป็นจริงนั้น คนก็มีซิกเซ้นส์หรือสัญชาตญาณ ถ้ามนุษย์กลับไปอยู่กับธรรมชาติ สัญชาตญาณนั้นก็จะเริ่มกลับมา แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยม แวดวงธุรกิจ ก็ยังมีคนที่มีสัญชาตญาณแฝงอยู่ ถ้าบุคคลนั้นมีจิตที่สงบ มีสมาธิสูง

    อาจารย์เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิถีทรรศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโลกบอกว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เองก็มีซิกเซ้นส์ ปัจจุบันมีการศึกษาว่าอะไรจะเกิดล่วงหน้า แม้สัญชาตญาณของคนบางคนอาจจะไม่เหลือแล้ว ซิกเซ้นส์ปัจจุบันอาจเหลือสำหรับบางคน เพราะโดยทั่วไปมนุษย์มีชีวิตอยู่กับธุรกิจ ซิกเซ้นส์ หรือสัญชาตญาณก็จะหายไป

    แถวยุโรป ประเทศตะวันตก ตอนนี้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาจิตกับสมองมาก ความสามารถของจิตที่มีอยู่เหนือคนปกติ รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่วงหน้า คนทั่วไปบางทีก็มี เช่น อาจรู้สึกไม่ค่อยดี แล้วมีเหตุการณ์ออกมาให้เห็น ศึกษาเรื่องความฝัน บางคนมีซิกเซ้นส์จะฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ถ้าความคิดไม่ซับซ้อน คนที่ทำสมาธิ จิตสงบ จะมีซิกเซ้นส์สูง แต่ก็ไม่แน่เสมอไป มีบางกรณีนานมาแล้ว ลูกที่ติดอยู่ใต้ตึก แล้วมาเข้าฝันแม่ให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน อย่างนี้สื่อค้นด้วยจิตระหว่างคนใกล้ชิด แต่สัตว์อย่างสุนัข เขามีความสามารถในเรื่องของจมูกที่สูงกว่ามนุษย์"

    อาจารย์เทียนชัย บอกอีกว่า อย่างกรณีของเผ่ามอแกนที่รอดชีวิตจากคลื่นยักษ์ ก็มีหญิงชราท่านหนึ่งของเผ่าฝันเห็นว่าจะเกิดอาเพศ ทำให้เผ่ามอแกนวิ่งหนีขึ้นเขาทันที เพราะฉะนั้นในความเป็นจริงแล้วมนุษย์เองก็มีซิกเซ้นส์ เพียงแต่ซิกเซ้นส์นั้นหายไปเท่านั้นเอง

    ด้าน น.พ.ประสาน ต่างใจ คอลัมน์นิสต์ชื่อดังด้านจิต กล่าวว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ปลาดุกก็จะเกิดอาการกระวนกระวาย แมวก็จะวิ่งไปวิ่งมา กรณีประเทศญี่ปุ่นเคยใช้ปลาดุกสำหรับเตือนภัยทางธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว ปกติแล้วเราเข้าใจว่า ก่อนที่แผ่นดินจะไหวจะมีการเคลื่อนของทราย กรวด เหมือนเราได้ยินเสียงปลวกเดิน สัตว์ทุกชนิด ก็มีการเคลื่อนไหว กระวนกระวาย ทราบมาว่า ที่ภูเก็ตช้างก็มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือแม้แต่ไฟไหม้ป่า สัตว์เหล่านี้ก็รู้ตัว เหตุที่สัตว์ตาย บางทีไหม้หลายจุด ทำให้มันไม่สามารถหนีออกไปได้ สัตว์ทุกชนิดมีสัญชาตญาณ

    สัตว์ทุกชนิดเหมือนมีเรด้า มันสามารถรับคลื่นเสียงได้ดี บางชนิดรับเคลื่อนเสียงตํ่า บางชนิดคลื่นสูง แต่ที่ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ คือ บ้านเราไม่ได้อยู่ในแนวรอยต่อของแผ่นดินไหวเลยแม้แต่จุดเดียว สัตว์มันมีเซ้นส์ที่สามารถรับได้ อย่างค้างคาวบินออกมาจากถํ้า ไม่เคยชนกันเลย บางตัวใช้เรดาร์ บางตัวใช้ประสาทสัมผัส อย่างงูใช้ลิ้น แลบลิ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องที่ลึกลับ ทุกสิ่งถูกสร้างมาให้เอาตัวรอด

    ส่วนมนุษย์นั้นมีสมอง แต่ไม่ได้พัฒนาสัญชาตญาณ สมองและปัญญาของมนุษย์พัฒนาเป็นล้านปีมาแล้ว ก็ใช้เฉพาะปัญญา หากมาถึงจุดหนึ่งพอมนุษย์อยู่คนเดียวนานๆ ก็กลับไปใช้สัญชาตญาณ แต่สัตว์ไม่มีปัญญาเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรที่ลึกลับหรอก เพียงแต่สัตว์พัฒนาด้านสัญชาตญาณได้ดีกว่าเรา เรียนรู้การเอาตัวให้รอด"

    ส่วน โรเจอร์ โลหนันทน์ ผู้จัดการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) ที่ได้นำทีมหน่วยกู้ภัยสัตว์ไปช่วยเหลือสัตว์ที่รอดจากคลื่นยักษ์สึนามิ โดยเฉพาะสุนัขและแมว บอกว่า สุนัขนั้นเสียชีวิตพอสมควร เหลือให้เห็นเพียง 15 ตัว ส่วนแมวเห็นซากที่พึ่งเสียชีวิตใหม่ น่าจะตายจากการขาดนํ้าอาหาร แมวจะรอดมากกว่าหมา เพราะแมวสามารถปีนขึ้นที่สูงได้

    โรเจอร์ให้ความเห็นเกี่ยวกับสัญชาตญาณสัตว์ ว่า ตนทราบมาแต่ว่า สัตว์ที่อยู่ในรู รับรู้คลื่นแผ่นดินไหวได้ หรือสัตว์นักล่าก็ดูจากพฤติกรรมเหยื่อของตนเอง ถ้านำมาเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว เขาคิดว่าสัตว์เหล่านั้นน่าจะสูญเสียสภาพแวดล้อม และความเป็นสัญชาตญาณ ถ้าเป็นสัตว์ป่าน่าจะมีสัญชาตญาณมากกว่าสัตว์ที่นำมาเลี้ยง

    แม้ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่เสี่ยงจะเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็เชื่อแน่ว่า อาจจะได้รับแรงสั่นสะเทือนจากประเทศเพื่อนบ้าน การศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0033_4.jpg
      0033_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.7 KB
      เปิดดู:
      1,678
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2009
  8. sitprogpo

    sitprogpo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +357
    รูปสาว ๆ เปลือย ๆ เอาออกไปได้ไหมครับ คิดว่าไม่เหมาะสมสำหรับเว็บนี้และผู้ชม เช่น เด็ก ๆ
     
  9. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    9 มิ.ย. 52
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คอย.....1
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขณะที่ผมคอยเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซื้อที่ๆ เชียงคานในเดือนตุลาฯ หรือคอยสัญญาณใหม่ๆ เพื่อที่จะนำมาแจ้งให้ท่านสมาชิกได้ทราบว่าอะไร? จะเกิดในอนาคตอันใกล้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมขอเล่าเรื่องความเป็นมา ว่าทำไม?ผมจะต้องลงมาเล่นเกมส์นี้กับเขาด้วย เพื่อที่จะให้ท่านสมาชิกได้อ่านและวิเคราะห์ดูว่า จะเป็นจริงได้แค่ไหน? เกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จะได้ไม่ต้องมาโต้แย้งกันว่าเกิดหรือไม่เกิด
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมเริ่มได้รับสัญญาณมาตั้งแต่ สมัยนายกฯ ทักษิณ ถ้านับเวลารวมก็คงหลายปี ผมเคยพิมพ์จดหมายขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2547 และตั้งใจว่าจะส่งไปที่บ้านท่านนายกฯในสมัยนั้น แต่ก็ไม่กล้าส่งจนถึงทุกวันนี้ เพราะกลัวว่าจะถูกหาว่าบ้า ในจดหมาย ผมได้ลงวันที่และเหตุการณ์ เหมือนกับที่ผมได้ลงให้ท่านดูในปัจจุบันนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่องราวที่ผมลง ถ้าท่านอ่านแค่ผิวเผินท่านจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าอ่านแล้วคิด ท่านก็จะได้คำตอบว่าผมกำลังสื่ออะไร?ให้ท่านได้รับรู้ ในสมัยนั้นผมจะใช้ชื่อเรื่องว่า “หนังรอบดึก” ผมขอยกตัวอย่างให้ดู เช่น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    23 ธ.ค. 46
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หนังเรื่อง เทวดาโดดร่ม สื่อให้ทราบว่า ท่านลงมาเก็บกวาด<O:p</O:p
    กำหนดฉาย ทั่วโลก ฉายแล้ว ไม่มีกำหนดลาโรง หรือ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    29 ธ.ค. 46
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หนังเรื่อง ระเบิดเพลิง ภาค 1<O:p</O:p
    กำหนดฉาย ที่ยะลา นราธิวาสและปัตตานี เิกิดแล้วเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 47 ถ้าท่านได้ติดตามข่าวก็จะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น? ในวันนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2009
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    มีข่าวใหญ่มาบอกครับ
    โดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มาม่า<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2168355", true); </SCRIPT> สมาชิก

    [​IMG]

    พระธุดงค์เตือนมาว่าปี พ.ศ. 2555 ภาคกลางและภาคใต้ จะจมน้ำหลายสิบเมตร ต่อไป จ.เพชรบูรณ์ จะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

    คือผมบังเอิญไปเจอพระธุดงค์แทบชายแดน ไทย-เขมร ท่านอายุประมาณ 60 ปี ครับ ผมเห็นท่านนั่งสมาธิ ผมจึงเข้าไปกราบท่าน สักครู่ ท่านลืมตาขึ้นมา แล้วท่านก็บอกผมว่า ให้รีบหนีออกจากภาคกลาง แล้วให้หนีไปทางอีสานจะปลอดภัยที่สุด

    ผมก็ตกใจไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น จึงถามพระธุดงท่านว่า ทำไมต้องหนีด้วยครับ มันมีอะไรเหรอครับท่าน พระธุดงค์ท่านว่า ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2557 ภาคกลางและภาคใต้ กำลังจะโดนน้ำท่วมหลายสิบเมตร คนทั้ง 2 ภาคนี้ จะตายกันทั้งหมดเลย รีบไปบอกคนรู้จักนะโยม ว่าให้ไปอยู่แถวอีสาน จะปลอดภัยที่สุด

    ผมก็ถามท่านว่า อ้าวแล้วภาคเหนือจะปลอดภัยมั้ยครับท่าน พระธุดงค์ท่านว่าภาคเหนือไม่ปลอดภัยนะโยม เพราะจะโดนพายุลูกเห็บยักษ์ ถล่มหลายวันติดต่อกัน จะมีผู้คนล้มตายกันมากมาย


    ต่อไป จ.เพชรบูรณ์ จะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
    ต่อไปประเทศไทยจะมีประชากรไม่ถึง 10 ล้านคนเท่านั้น

    แล้วผมก็กราบท่าน เพื่อเดินทางกลับบ้าน เลยนำเรื่องนี้ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ


    8/06/2552 05:32 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/พระธุดงเตือนมาว่า-2555-ภาคกลางและภาคใต้-จะจมน้ำหลายสิบเมตร-ต่อไป-จ-เพชรบูรณ์-จะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย.191487/
    [​IMG]

    จังหวัดเพชรบูรณ์

    ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่างแวดล้อมไปด้วยพื้นที่ป่าเขาเขียวขจี ภูมิประเทศ มีทัศนียภาพสวยงามไม่ว่าจะเป็นเขาค้อหรืออุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจคือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพซึ่งได้รับรางวัล Thailand Tourism Award ประจำปี 2543 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถานยอดเยี่ยม

    รวมไปถึงอาหารขึ้นชื่ออย่างไก่ย่างวิเชียรบุรี ขนมจีนหล่มเก่าและผลไม้ยอดนิยมของจังหวัด คือ มะขามหวานเมืองเพชรและลูกเสาวรส เมืองเพชรบูรณ์นี้สันนิษฐานว่า สร้างมา 2 ยุค ยุคแรกสมัยสุโขทัยหรือพิษณุโลกเป็นเมืองหลวงสังเกตตามแนวกำแพงเมือง ซึ่งเอาลำน้ำไว้กลางเมือง และยุคสองสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีป้อมและกำแพงก่อด้วยอิฐปนศิลา สัณฐานคล้ายเมืองนครราชสีมาแต่เล็กและเตี้ยกว่า เอาแม่น้ำไว้กลางเมืองเหมือนกัน

    เมืองเพชรบูรณ์ที่สร้างทั้งสองยุคนี้สำหรับป้องกันข้าศึกซึ่งจะยกทัพมาจากฝ่ายเหนือ เพชรบูรณ์เดิมมีชื่อว่า "เพชรบุร" หรือ "พืชปุระ" อันหมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร ตัวเมืองตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 346 กิโลเมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 114 เมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ลุ่มแบบท้องกะทะ พื้นที่ของจังหวัดมีลักษณะลาดชันจากทิศเหนือไปใต้ ตอนเหนือเป็นทิวเขาสูง ตอนกลางเป็นที่ราบ ขนาบด้วยเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านคือ แม่น้ำป่าสัก

    จังหวัดเพชรบูรณ์มีเนื้อที่ประมาณ 12,668 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า อำเภอชนแดน อำเภอหนองไผ่ อำเภอบึงสามพัน อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอวังโป่ง อำเภอน้ำหนาว และ อำเภอเขาค้อ

    เขาค้อ เป็นชื่อเรียกรวมบริเวณเทือกเขาน้อยใหญ่ของทิวเขาเพชรบูรณ์ มีพื้นที่อยู่ในเขตอ.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เหตุที่เรียกเขาค้อเพราะสภาพในป่านั้นมีต้นค้อขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่น ภูเขาที่สำคัญในเทือกนี้ได้แก่ เขาค้อ มียอดเขาสูงประมาณ 1,174 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เขาย่า มียอดสูงประมาณ 1,290 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และเขาใหญ่สูงประมาณ 865 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนั้นก็มี เขาตะเคียนโง๊ะ เขาหินตั้งบาตร เขาห้วยทราย เขาอุ้มแพ เป็นต้น ลักษณะป่าไม้ในแถบนี้มีเขตป่าเต็งรังหรือป่าไม้สลัดใบ ป่าสน และป่าดิบที่น่าสนใจ

    ที่มา http://thai.tourismthailand.org/destination-guide/phetchabun-67-1.1/<!-- google_ad_section_end -->​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ความจริงกระทู้นี้เป็นกระทู้เตือนเรื่องภัยพิบัติ ย่อมมีภาพอุบัติเหตุต่างๆ มีภาพภัยพิบัติต่างๆ มีคนตาย มีสัตว์ตาย อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าจะมองในแง่นั้น มันก็ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆเช่นเดียวกัน จึงอยากให้ผู้ปกครองเด็กเล็กๆ ที่จะเข้ามาดูในกระทู้นี้ ช่วยกรุณาแนะนำเด็กๆ ด้วยว่า กระทู้นี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ อยู่บ้าง ควรจะเข้าไปดูในกระทู้อื่นๆ ที่เหมาะสำหรับวัยเด็กๆ อย่างเขาจะดีกว่าครับ

    ส่วนเรื่องภาพข่าวประท้วงการสู้วัวนั้น ผมก็คิดอยู่แล้วเหมือนกันว่าจะต้องมีคนเห็นว่าไม่เหมาะสม และผมจะได้แก้ไขรูปภาพให้พอดูได้ต่อไปนะครับ ขอบคุณที่ได้ทักท้วงมาครับ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    การเดินทางไปขอขมาต่อพระศพพระแม่นางพันธุรัต
    โดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->wonderisland<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_475317", true); </SCRIPT> สมาชิก

    [​IMG]
    อ.คนเมืองบัวและหมู่คณะ เดินทางไปเคารพศพพระนางพันธุรัต

    ขอเป็นตัวแทนเล่าเรื่องนะครับ เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ทราบเรื่องถ้ำนางพันธุรัต จากเพื่อนที่ฝึกมโนมยิทธิด้วยกันชื่อรัต รัตบอกว่าบังเอิญได้ไปที่วัดแห่งหนึ่งด้วยเรื่องงาน ได้เจอกับหลวงพ่อแซมมี่ (ท่านเป็นคนไทยแต่เนื่องด้วยไปอยู่ต่างประเทศมานานจนบวชเป็นพระจึงได้ชื่อนี้มา) รัตบอกว่าหลวงพ่อแซมมี่ท่านเล่าให้ฟังว่าเรื่องนางพันธุรัตที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

    นางพันธุรัตมีตัวตนอยู่จริงๆ ซึ่งในถ้ำก็มีสังขารของนางพันธุรัตอยู่ซึ่งกลายเป็นหินไปแล้ว และท่านก็มีรูปที่ถ่ายออกมาจากถ้ำเป็นสิ่งยืนยัน และร่างนางยังมีอยู่ในถ้ำจริง หลังจากที่รัตมาเล่าและชวนข้าพเจ้าไปที่ถ้ำ เราก็ปรึกษากันว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ไก่(คนเมืองบัว)ฟัง เมื่ออาจารย์มาสอนกรรมฐานที่ภูเก็ตเดือนพฤศจิกายน 2549 เราจึงเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ไก่(คนเมืองบัว)ฟัง เมื่อเล่าจบอาจารย์บอกว่า "คงต้องไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง" คำพูดนี้ทำให้เรางง จึงถามรายละเอียด

    อาจารย์จึงได้บอกว่าท่านเองคือพระสังข์ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเป็นชาติหนึ่งของอาจารย์ในอดีต เราจึงถามอาจารย์ว่าจะไปเมื่อไหร่ดี อาจารย์บอกว่ารอให้กลับมาจากเชียงแสนกันก่อน เราก็คิดว่าคงอีกหลายเดือน จนกระทั่งวันที่ 27 มกราคม 2550 อาจารย์ก็มาสอนกรรมฐานที่ภูเก็ต อาจารย์บอกว่าเราจะไปถ้ำนางพันธุรัตกันวันมะรืนนี้

    วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2550 คณะพวกเราที่เดินทางไป มีกันทั้งหมด 5 คน ชาย 4 หญิง 1 มีอาจารย์ไก่(คนเมืองบัว),ข้าพเจ้า,รัต,พจน์ และเอ๋ เมื่อเราเดินทางไปถึงวัดถ้ำ จึงได้ไปนมัสการหลวงพ่อแซม ขณะที่กำลังคุยกับหลวงพ่อแซม ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าหลวงพ่อแซมท่านเคยเป็นยักษ์มาก่อนในอดีตชาติ จึงถามอาจารย์ในภายหลัง อาจารย์บอกว่าท่านเคยเป็นยักษ์ เป็นลูกเลี้ยงของนางพันธุรัต เมื่อเรากราบลาหลวงพ่อแซมแล้ว จึงขึ้นไปบนถ้ำ ทางขึ้นก็ค่อนข้างลำบากเนื่องจากมีความชันมากและบันไดบางช่วงก็ไม่ค่อยจะมั่นคงแข็งแรงนัก ต้องออกแรงกันพอสมควรกว่าจะถึง

    เมื่อมาถึงถ้ำก็ช่วยกันมองหาว่าสังขารนางพันธุรัตที่พวกเราเห็นจากรูปอยู่ตรงไหน แต่ก็หาไม่เจอ เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำอีกนิดก็เห็นเป็นทางเข้าไป เมื่อเห็นทางนี้ เอ๋ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มาก็บอกว่า "ใช่แล้ว ทางนี้แหละ เมื่อวานตอนเอ๋นั่งสมาธิ เห็นพญานาคตัวใหญ่มากเลื้อยเข้าไปทางนี้ ข้างในมีพระพุทธรูปด้วย" พวกเราจึงมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว จึงเดินเข้าไปตามทางนั้น ซึ่งแสงจากข้างนอกส่องเข้ามาไม่ถึงแล้ว พวกเราจึงต้องใช้ไฟฉายที่เตรียมมา ค่อยๆไต่ ค่อยๆคลำกันไป

    ทางก็ขึ้นสูงบ้าง ลงต่ำบ้าง มีหลุมบ้างมีแง่หินบ้าง ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งชื้น พื้นก็ลื่น ทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเต็มที่ไม่ให้ลื่นล้มลง เดินเรียงแถวกันไปมีไฟฉาย 2 กระบอก ข้างหน้า 1 ข้างหลัง 1 ก็พยายามใช้ไฟฉายส่องหาดูก็ยังไม่พบอะไร อาจารย์ไก่บอกว่า ให้พวกเรานั่งพักกันก่อน แล้วดับไฟ ให้ทุกคนนั่งสมาธิสักครู่ เมื่อออกจากสมาธิ อาจารย์ก็นำพวกเราอุทิศส่วนกุศลให้เหล่าสัมภเวสี ปีศาจอสุรกาย พญานาค คนธรรพ์ ให้มาโมทนากุศลที่พวกเราได้บำเพ็ญมาทั้งเพื่อพระนิพพานและเพื่อพระโพธิญาณ และขอให้เปิดทางให้พวกเราด้วย เมื่อเรากล่าวจบก็ได้ยินเสียง สาธุ ดังเป็นชั้นๆออกไป

    พวกเราจึงเดินลึกเข้าไปอีก จึงได้ไปเจอหินขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายๆหัวกะโหลกที่ส่วนจมูกได้ยุบลงมา แต่ยังเห็นเป็น ตา ปาก คาง พวกเราก็คุยกันว่าใช่นางพันธุรัตหรือเปล่า อาจารย์บอกว่าไม่น่าจะใช่ น่าจะเป็นยักษ์บริวาร อาจารย์ให้ถ่ายรูปไว้ก่อน แล้วเข้าไปดูข้างในอีก เราจึงเดินกันต่อไป จนกระทั่งเจอหินก้อนนึง มีขนาดใหญ่ มีหินย้อยลงมาจากเพดานถ้ำมาจนจรดหินก้อนนี้พอดี และเมื่อส่องไฟฉายดูจะมีประกายระยิบระยับ เราจึงส่องไฟดูรอบๆพบว่าเรามาสุดทางแล้ว ถ้ำตันไปต่อไม่ได้แล้ว

    พวกเราจึงเดินอ้อมไปทางซ้ายเพื่อดูอีกด้านนึงของหินก้อนนั้น เมื่อเราส่องไฟดูจึงพบว่าเมื่อมองจากด้านนี้ จะเห็นเป็นลักษณะผู้หญิงนอนหงายมีหินย้อยลงมาจรดตรงหน้าผากพอดี และมีหินลักษณะเหมือนหมอนรองอยู่ใต้ศีรษะ ผมยาวสยายลงมาด้านล่างเป็นประกายเมื่อต้องแสง ที่แปลกก็คือประกายระยิบระยับที่เห็นจะมีเฉพาะที่หินที่มีลักษณะเหมือนศีรษะเท่านั้น หินย้อยที่ย้อยลงมาจนจรดส่วนที่เป็นหน้าผากกลับไม่มีประกายนี้ ส่วนอื่นๆที่พอมองออกเป็นรูปร่างก็คือส่วนคอลงมาถึงช่วงไหล่ ส่วนอื่นๆจากช่วงอกลงไปจะถูกหินถล่มลงมาปิดทับเอาไว้ไม่สามารถสังเกตเห็นเป็นรูปร่างได้

    หลังจากที่ได้ดูทั่วๆแล้ว อาจารย์ไก่บอกว่าหินนี้แหละคือสังขารของนางพันธุรัต ตอนที่นางตายนางมีอายุมากแล้ว นางเสียใจมากจนช๊อคตายในลักษณะหงายหน้าไปด้านหลัง ด้านขวาของนางด้านหน้าที่พวกเรายืนกันอยู่มีหินก้อนนึงขนาดประมาณเมตรกว่าๆ

    อาจารย์บอกว่าเป็นรอยพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่รอยพระบาทนี้ที่ขอบด้านนึงมีลักษณะเป็นรอยบางอย่างอยู่ อาจารย์ไก่(คนเมืองบัว) บอกว่าเป็นรอยที่วางหอยสังข์ แต่หอยสังข์ได้แตกสลายไปหมดแล้ว

    พวกเราจึงจัดดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อบูชารอยพระบาทและขอขมาท่านแม่พันธุรัต โดยเอาดอกไม้ธูปเทียนที่เตรียมมาวางบนหินที่เป็นรอยพระบาท แล้วพวกเราก็นั่งลงข้างๆ เมื่อดับไฟภายในถ้ำก็มืดสนิท อาจารย์ก็เริ่มสวดบวงสรวงชุมนุมเทวดา เมื่อสวดไปได้สักครู่ข้าพเจ้าก็เห็นแสงส่องจากด้านบนของถ้ำเยื้องไปทางด้านหน้าที่พวกเรานั่งกันอยู่ เป็นคล้ายลำแสงส่องไปๆมาๆ

    ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะเป็นหลวงพ่อแซมตามขึ้นมาดูพวกเรา แสงนั้นคงเป็นแสงไฟฉายที่หลวงพ่อส่องมองทางและส่องดูตามผนังถ้ำ เดี๋ยวหลวงพ่อคงส่องมาเจอพวกเราข้าพเจ้ามองดูอยู่ครู่นึงก็เห็นเหมือนคนกำลังยืนอยู่ดูคล้ายคนส่องไฟฉายไปๆมาๆ คิดว่าเดี๋ยวหลวงพ่อคงลงมาที่พวกเรา สักพักแสงก็หายไปข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่ที่หลังก้อนหิน คิดว่าเดี๋ยวคงเลี้ยวมาพบพวกเราแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี จึงไม่สนใจ ตั้งใจฟังเสียงอาจารย์และเคารพเทวดาทั้งหลาย

    ขณะที่เขียนนี้ ดวงจิตของข้าพเจ้า ได้รับทราบถึงความรักความเสียใจของท่านแม่พันธุรัต จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถกลั่นน้ำตาไว้ได้ การณ์ใดในอดีตชาติที่เคยล่วงเกินท่านแม่ไว้ ข้าพเจ้าขอกราบขออโหสิกรรมต่อท่านแม่ และขอท่านแม่จงโมทนาสาธุในกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วในอตีดชาติจนถึงปัจจุบันด้วย ความมุ่งมั่นต่อโพธิญาณและได้บำรุงซึ่งพระพุทธศาสนาแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ส่งผลให้ท่านแม่พันธุรัตได้รับผลบุญทดแทนความกรุณาธิคุณต่อลูกๆทั้งหลาย เป็นร้อยเท่าพันทวีบังเกิดความสุขล้นทวีตราบเท่าได้เข้าพระนิพพาน

    ขอทุกท่านจงโมทนาสาธุเทอญ<!-- google_ad_section_end -->

    02-02-2007, 10:52 PM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->นาคา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_473844", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ขออนุโมทนาครับ กับการเดินทางแสวงบุญในครั้งนี้ ทำให้เราทราบได้ว่าคนเราเดินทางมานานแสนนานแล้ว ตั้งหลายภพหลายชาติ และกำเนิดมาแล้วทั้งมนุษย์และสัตว์ประเภทต่างๆ ตามแต่วิบากกรรมที่ทำกัน ในแต่ละภพชาติ

    ในนาม นาคา เองก็ตรึกนึกถึงบุญเท่านั้น ที่นำติดตัวเราได้ยามที่ดวงจิต น้อยๆ นี้ เดินทางต่อไปตราบเข้าสู่นิพพาน ฉะนั้นเราควรตั้งจิตใว้เสมอว่า .....
    ......นิพพาน ปัจจโยโหตุ..........<!-- google_ad_section_end -->

    01-02-2007, 05:03 PM

    เกษม สมาชิก

    เรื่องนี้เป็นความรู้พิเศษ ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเท่านั้น(รู้ได้เฉพาะตน) จะถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลก็ได้ ถ้าท่านผู้ใดไม่เชื่อก็ถือเสียว่าได้ฟังนิทานสนุกๆ เรื่องนึงก็แล้วกันนะครับ

    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_0179.jpg
      DSC_0179.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.8 KB
      เปิดดู:
      1,918
    • DSC_0161.jpg
      DSC_0161.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.4 KB
      เปิดดู:
      88
    • sungthong.jpg
      sungthong.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      61
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เกิดแผ่นดินไหว 5.7 ริกเตอร์ ที่ประเทศฮอนดูรัส

    [​IMG]

    วอชิงตัน 8 มิ.ย. - สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.7 ริกเตอร์ ห่างจากชายฝั่งของประเทศฮอนดูรัส 23 กิโลเมตร แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นใกล้เมืองลา เซอิบา เมื่อเวลา 23.13 น.วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 12.13 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย แผ่นดินไหวอยู่ลึกประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เคยเกิดแผ่นดินไหว 7.1 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งฮอนดูรัส แรงสั่นสะเทือนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน บ้านเรือนถูกทำลายอย่างน้อย 60 หลัง และสร้างความเสียหายให้กับอาคารหลายแห่งทั่วประเทศ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5 ริกเตอร์ ก่อนที่จะมีการประชุมองค์การรัฐอเมริกันที่เมืองซาน เปโดร ซูลา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของฮอนดูรัส.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 14:46:04

    จีนเผชิญพายุรุนแรงพัดถล่ม-ลูกเห็บตกหนัก

    [​IMG]

    จีน 9 มิ.ย. - จีนกำลังเผชิญกับพายุรุนแรงพัดถล่ม ส่งผลให้ประชาชนกว่า 5 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อน

    ประชาชนในมณฑลอานฮุย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลูกเห็บตกหนัก ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนพังเสียหายจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 215 คน นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับผลกระทบราว 4 ล้าน 8 แสนคน

    ส่วนที่มณฑลหูเป่ย์มีชาวบ้านเดือดร้อน กว่า 6 แสนคน ด้านรัฐบาลท้องถิ่นกำลังจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ทางการเตือนว่า จะยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนองต่อไปตลอดทั้งวันนี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-09 10:17:07

    บราซิลพบส่วนหางของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์และศพรวม 24 ศพแล้ว

    [​IMG]

    เฟอร์นันโด เดอ โนรอนฮา 9 มิ.ย.- กองเรือของบราซิลพบส่วนหางของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่ตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อสัปดาห์ก่อน และพบศพเพิ่มเป็น 24 ศพแล้ว

    การพบส่วนหางของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดจนถึงขณะนี้เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบิน A330 เที่ยวบินจากนครริโอเดอจาเนโรของบราซิลประสบเหตุตกขณะมุ่งหน้าไปยังกรุงปารีสของฝรั่งเศสพร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 228 ชีวิต ส่วนหางของเครื่องบินเป็นที่ติดตั้งกล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน และจุดที่พบส่วนหางช่วยให้เรือดำน้ำฝรั่งเศสที่จะไปค้นหาใต้ทะเลในวันพุธนี้สามารถตีกรอบพื้นที่ค้นหาให้แคบลง ส่วนเรือฟริเกตบราซิลที่บรรทุก 16 ศพแรก และซากเครื่องบินคาดว่าจะถึงเกาะเฟอร์นันโด เดอ โนรอนฮาในเช้าวันนี้ เพื่อลำเลียงต่อไปยังเมืองรีซิเฟให้เจ้าหน้าที่ตรวจประวัติฟันและตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล

    เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและบราซิลจะเดินหน้าค้นหาศพและซากเครื่องบินต่อไปในจุดที่คาดว่าเครื่องบินตก ห่างจากฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลไป 1,100 กิโลเมตร และกำลังเร่งค้นหากล่องดำที่เชื่อว่าจมอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรความลึกถึง 6,000 เมตร เพราะสัญญาณแสดงตำแหน่งจะหยุดทำงานใน 3 สัปดาห์.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-09 08:31:21

    ชาวอินเดียแห่บูชากบเปลี่ยนสี

    [​IMG]

    แอนนาโนวา ดอท คอม 9 มิ.ย.-ชาวอินเดียแห่ไปสักการะบูชากบตัวหนึ่งเหมือนพระเจ้า หลังจากที่พบว่าร่างกายเปลี่ยนสีบ่อยครั้งมากในแต่ละวัน

    ชาวอินเดียหลายร้อยคนพากันไปที่บ้านของนายเรจิ กุมาร ทุกวันเพื่อสวดมนต์และขอให้แสดงสิ่งมหัศจรรย์ กระแสสักการะบูชาทำให้เจ้าของรู้สึกวิตกกังวลว่ากบจะเป็นอันตราย เพราะล่าสุดดูเหมือนว่ามันไม่กินอาหาร แม้เจ้าของพยายามป้อน

    ความประหลาดของกบสายรุ้งตัวนี้ คือ เมื่อพบครั้งแรกมีสีขาว แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และเปลี่ยนเป็นสีเทาเมื่อนำเข้าบ้าน แต่เมื่อตกกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มและมีลักษณะโปร่งแสง สามารถมองเห็นอวัยวะภายใน

    ลักษณะมหัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้ชาวอินเดียพากันแห่มาดูอย่างไม่ขาดสายพร้อมกับสวดมนต์ราวกับว่าเป็นพระเจ้า แต่นักสัตววิทยาจากมหาวิทยาลัยเกรละของอินเดีย กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของกบที่จะเปลี่ยนสีผิวเพื่ออำพรางผู้ล่า แต่ที่แปลกคือกบตัวนี้เปลี่ยนสีบ่อยมากจนกลายเป็นความผิดปกติ ซึ่งเขาจะนำกบตัวนี้มาศึกษาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-09 11:11:44

    เกาหลีเหนือพิพากษาส่งตัว 2 นักข่าวอเมริกันเข้าค่ายแรงงาน 12 ปี

    [​IMG]

    โซล 8 มิ.ย. - สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า ศาลเกาหลีเหนือมีคำพิพากษาให้ส่งตัว 2 ผู้สื่อข่าวสาวชาวอเมริกันเข้าค่ายแรงงานเป็นเวลา 12 ปี ในวันนี้

    เคซีเอ็นเอ รายงานว่า การพิจารณาคดีครั้งนี้ยืนยันว่า ผู้สื่อทั้ง 2 คน ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อเกาหลีเหนือและลอบข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้ระบุถึงการกระทำผิดที่ชัดเจน โดยหลังจากพิจารณาคดีเป็นเวลา 5 วัน ศาลมีคำพิพากษาให้ส่งนางลอรา หลิง และนางอึนนา ลี ไปใช้แรงงานเป็นเวลา 12 ปี

    ผู้สื่อข่าว 2 คน ถูกกองกำลังรักษาดินแดนเกาหลีเหนือจับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ขณะทำข่าวเรื่องชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนหน้านี้รัฐบาลเกาหลีเหนือ เคยระบุว่า ทั้งสองจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานกระทำการที่เป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือ และการเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดของการกระทำผิดตามที่กล่าวหา

    นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การตั้งข้อหาต่อผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันทั้ง 2 คน เป็นการตั้งข้อหาขึ้นมาลอย ๆ และพวกเธอควรได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศ ด้านนักวิเคราะห์ ระบุว่า ทั้งสองอาจเป็นตัวประกันไว้ต่อรองให้เปิดการเจรจาโดยตรงกับสหรัฐ. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 12:01:28

    สหรัฐพยายามใช้ทุกช่องทางช่วยเหลือ 2 นักข่าวหญิง

    [​IMG]

    วอชิงตัน 8 มิ.ย. - ทำเนียบขาวสหรัฐ แถลงวันนี้ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แสดงความวิตกอย่างยิ่งกรณีเกาหลีเหนือส่งตัว 2 นักข่าวหญิงชาวอเมริกันไปเข้าค่ายแรงงานนานถึง 12 ปี และว่า สหรัฐจะพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เพื่อช่วยให้นักข่าวทั้งสองได้รับอิสรภาพ

    นายบิล เบอร์ตัน โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโอบามา วิตกกังวลต่อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง หลังจากศาลเกาหลีเหนือพิพากษาให้ส่งตัวนางลอรา หลิง และนางอึนนา ลี ไปเข้าค่ายแรงงานเป็นเวลา 12 ปี ฐานลักลอบข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมายและก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด ทั้งสองคนถูกกองกำลังชายแดนของเกาหลีเหนือจับตัวไปเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ขณะหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้อพยพจากเกาหลีเหนือ

    ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือเคยปล่อยตัวชาวอเมริกันที่จับกุมไว้ หลังจากมีการเจรจาติดต่อเป็นการส่วนตัว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ไม่ได้บอกปัดความเป็นไปได้ที่ว่า อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ อาจจะเข้าไปดำเนินการเจรจาดังกล่าวด้วยตนเอง ทั้งนี้ นายกอร์ เป็นประธานสถานีโทรทัศน์ Current TV ที่นักข่าวทั้งสองทำงานอยู่. - สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 18:29:22

    เกิดอุบัติเหตุเหมืองถ่านหินยูเครน คนงานสูญหาย 26 คน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ยูเครน 8 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหมืองถ่านหินยูเครน เปิดเผยว่า มีคนงานเหมือง 26 คน สูญหายไป หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่เหมืองถ่านหิน ใกล้เมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน

    รายงานระบุว่า มีคนงานเหมือง 27 คน จาก 53 คนที่หนีรอดออกมาได้ทัน หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์และคนงานที่หายไปยังไม่ทราบแน่ชัด

    เหมือนถ่านหินยูเครนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเหมืองส่วนใหญ่ก่อสร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 จากสถิติเมื่อปี 2550 เคยเกิดระเบิดถึง 3 ครั้ง ในเวลา 2 สัปดาห์ ทำให้คนงานเหมืองเสียชีวิตไปกว่า 100 คน และเมื่อปีที่แล้วก็เกิดเหตุระเบิดทำนองเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตไป 12 คน. - สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 17:39:04

    สหรัฐ จีน รัสเซีย ทำสถิติทุ่มงบซื้ออาวุธมากเป็นประวัติการณ์

    [​IMG]

    สตอกโฮล์ม 8 มิ.ย. - สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เสนอรายงานระบุว่า การใช้จ่ายงบประมาณทางทหารของโลกเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ในปีที่แล้ว เนื่องมาจากสงครามในอิรัก การกลับมาแสดงบทบาทของรัสเซียและจีนในเวทีโลก

    รายงานระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว โลกมีการใช้งบประมาณซื้ออาวุธ 1.464 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 45% จาก 10 ปีที่แล้ว และคิดเป็น 2.4% ของจีดีพีโลก หรือโดยเฉลี่ยแล้วประชากรโลก 1 คน ใช้เงินเพื่อซื้ออาวุธ 217 ดอลลาร์สหรัฐ (7,600 บาท)

    รายงานชี้ว่า แนวคิดการทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายส่งเสริมให้หลายประเทศมองการแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีการทางทหาร และสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้เงินเพื่อการทหารเพิ่มขึ้น เฉพาะสหรัฐประเทศเดียวใช้งบประมาณทางทหารเป็นพิเศษ เพื่อทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน 903,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่ใช้เงินซื้ออาวุธมากที่สุดในปีที่แล้ว หรือคิดเป็น 42% ของเงินซื้ออาวุธทั่วโลก ซึ่งมากกว่าเงินงบประมาณที่ประเทศซื้ออาวุธรายใหญ่ 14 ประเทศ นำมารวมกัน

    ทางด้านจีนและรัสเซียก็ใช้จ่ายเงินเพื่อการทหารเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่จีนใช้เงินซื้ออาวุธมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ คาดว่าจีนใช้งบประมาณเพื่อการนี้สูงถึง 84,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 6% ของงบประมาณซื้ออาวุธทั่วโลก เหนือกว่าฝรั่งเศสและอังกฤษ ซึ่งครองส่วนแบ่งการซื้ออาวุธเพียง 4.5%

    ในจำนวน 15 ประเทศที่ใช้เงินซื้ออาวุธมากที่สุด ตั้งแต่ปี 2542 มีเพียงเยอรมนีและญี่ปุ่นที่ลดการซื้ออาวุธลง โดยเยอรมนีใช้งบประมาณเพื่อการนี้ลดลง 11% และญี่ปุ่น 1.7% ในปีที่แล้ว

    สำหรับบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ 100 แห่งของโลก มียอดขายรวมกัน 347,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2550 เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2549 บริษัทที่ครองแชมป์ขายอาวุธมากที่สุด คือ โบอิ้งของสหรัฐ ตามมาด้วย บีเออี ซิสเต็มส์ จากอังกฤษ และกลุ่มล็อกฮีด มาร์ติน จากสหรัฐ บริษัทจากชาติตะวันตกยังคงครองแชมป์ขายอาวุธมากที่สุด โดยเป็นบริษัทของสหรัฐ 44 แห่ง และยุโรปตะวันตก 32 แห่ง. - สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 17:24:20

    WHO เผยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดใน 73 ประเทศ

    [​IMG]

    เจนีวา 8 มิ.ย.-องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้แพร่ระบาดใน 73 ประเทศ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่พบครั้งแรกในเดือนเมษายนถึงขณะนี้ 25,288 คน

    จำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพิ่มเป็น 139 คนแล้ว หลังจากมีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 14 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐ โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,163 คน ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในสหรัฐ เพิ่มเป็น 13,217 คน ในจำนวนนี้มี 27 คนที่เสียชีวิต ส่วนที่ออสเตรเลีย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 175 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 1,051 คน

    ขณะที่ชิลีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 คนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 411 คน ส่วนประเทศที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรก ประกอบด้วยหมู่เกาะเคย์แมน โดมินิกัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตรินิแดดและโตเบโก
    ผู้เชี่ยวชาญไข้หวัดใหญ่ กำลังติดตามสถานการณ์ในออสเตรเลียและชิลีด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-08 16:55:56

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นำหม่องสยองเจดีย์พังโหรฟันธงลางร้ายถึงกาลวิบัติ<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 มิถุนายน 2552 14:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ภาพรอยเตอร์วันที่ 31 พ.ค.2552 ทหารเดินผ่านเขตวัดที่เกิดเหตุ รถยกไฮดรอลิกคันหนึ่งจอดอยู่เบื้องหน้า ส่วนเบื้องหลังไกลออกไปเป็นซากพระเจดีย์ตะนก (Danok) ที่พังทลายลงก่อนหน้านั้น 1 วัน หลังจากผู้นำสูงสุดกับภริยาไปทำพิธีที่นั่นเพียงสองวัน โหรถือเป็นลาง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการออนไลน์ — ทางการพม่าเพิ่งออกข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากนิ่งเงียบมาหลายวัน นับตั้งแต่พระเจดีย์ตะนก (Danok) ในเขตนอกกรุงย่างกุ้ง พังครืนลงมา เพียงสองวันหลังจาก พล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย กับ “สตรีหมายเลข 1” นางจายจ่าย (Kyaing Khyaing) ได้ไปทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางข่าวเล่าลือที่ว่า ผู้นำสูงสุดรู้สึกหวาดวิตกในเรื่องนี้ ขณะที่โหราจารย์ ชี้ เป็นลางร้าย คณะปกครองทหารอาจถึงกับต้องลงจากอำนาจ

    ทางการได้สั่งห้ามพระสงฆ์ในวัดใกล้เคียงทุกแห่งออกบิณฑบาต แต่ให้เจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นจัดภัตตาหารไปถวายถึงวัด ทั้งกำชับให้ราษฎรผู้เห็นเหตุการณ์ ไม่ให้แพร่งพรายเรื่องราวที่พบเห็นแก่บุคคลนอกพื้นที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษหนักทั้งครอบครับ ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวดีวีบี (Democratic Voice of Myanmar)

    หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ของรัฐบาล รายงานเรื่องนี้เป็นครั้งแรกวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 30 พ.ค.โดยโยนความผิดให้กับการก่อสร้างบูรณะอันเร่งรีบ เพื่อให้เสร็จทันก่อนฤดูมรสุมจะมาถึง

    พระเจดีย์ตะนก ความสูง 120 ฟุต เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง แต่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตอนที่ไซโคลนนาร์กีสพัดเข้าถล่มเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี ย่างกุ้งกับเขตพะโค ในต้นเดือน พ.ค.2551 และมาพังถล่มราบในปลายเดือนเดียวกันของปีนี้

    นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของรัฐบาลรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตเพียง 2 คนกับ 34 คน ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่พระเจดีย์ใหญ่ทรงระฆังคว่ำ พังลงมากลายสภาพเป็นกองพะเนินความสูงประมาณ 50 ฟุต ซึ่งขัดแย้งกันกับตัวเลขจากคำบอกเล่าของราษฎรในท้องถิ่น

    สำนักข่าวอิรวดีรายงานอ้างคำบอกเล่าของราษฎรในท้องถิ่นที่เห็นเหตุการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 2 คน คนอื่นๆ เสียชีวิต เพราะถูกซากหักพังทับอยู่ข้างล่าง เชื่อว่า จะมีผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์นี้ราว 20 คน ยังไม่นับคนเจ็บอีกหลายสิบ แต่ทางการได้สั่งปิดปากสมาชิกครอบครัวของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ให้แพร่งพรายข้อมูลใดๆ
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    [COLOR=#cc00]ภาพรอยเตอร์วันที่ 31 พ.ค.2550 ชาวบ้านพากันไปมุงดูซากพระเจดีย์ตะหนก ที่พังลงหนึ่งวันก่อนหน้านั้น สำนักข่าวของชาวพม่าพลัดถิ่นรายงานสัปดาห์ที่แล้วว่า วันเดียวกันทางการได้เข้าควบคุมพื้นที่ ห้ามผู้ใดให้ข้อมูลและรูปภาพแก่คนนอกพื้นที่ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกถึง 5 ปี [/COLOR]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทางการพม่าไม่พอใจหลังจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งออกรายงานเรื่องนี้ พร้อมแสดงรูปภาพประกอบทางการได้สั่งปิดทั่วอาณาบริเวณที่จะเข้าไปยังพระเจดีย์แห่งนั้น ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.เป็นต้นมา อิรวดี กล่าว

    โหราจารย์ผู้เชี่ยวชาญในพม่าที่ไม่สามารถให้ออกนามได้กล่าวกับอิรวดี ว่า การพังทลายขององค์พระเจดีย์เก่าแก่เป็นลางร้าย ที่เตือนล่วงหน้าว่า คณะปกครองทหารอาจจะต้องสูญเสียอำนาจลงเร็วๆ นี้ ราษฎรในท้องถิ่น อ้างว่า ในคืนวันเกิดเหตุได้เห็นลำแสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าบนจากฐานพระเจดีย์ที่พังทลาย เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในแผ่นดิน

    พล.อ.อาวุโส ตานฉ่วย กับภริยา ได้ไปที่นั่นในวันที่ 28 พ.ค.เพื่อทำพิธีบวงสรวงและยกยอดฉัตรขององค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เพียงแค่สองวันถัดมาพระเจดีย์ทั้งองค์ก็ได้พังลงทับวิหารทางทิศเหนือของวัด

    สำนักข่าวดีวีบี ได้รายงานเพิ่มเติมอ้างข่าวจากเมืองดาลา (Dala) ที่อยู่ใกล้เคียงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คนในเหตุการณ์ ขณะที่ราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุกล่าวว่า วันที่ 4 มิ.ย.เพียงวันเดียว เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยลากศพทหารที่เสียชีวิตออกจากซากหักพังถึง 8 คน

    การกู้ภัยดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.แต่เต็มไปด้วยความลำบาก เนื่องจากซากอิฐซากปูนน้ำหนักหลายตันจากองค์พระเจดีย์ทับซ้อนหลายชั้น และไม่มีเครื่องจักรเครื่องกลไปช่วย ที่นั่นอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งราว 40 กม.ในท้องถิ่นที่ค่อนข้างทุรกันดาร
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    [COLOR=#cc00]ภาพเอเอฟพีวันที่ 31 พ.ค.2552 หลังจากพระเจดีย์ตะนกพังลง 1 วัน ซึ่งหนังสือพิมพ์ของทางการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย แต่ชาวบ้านบอกว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 และ ในวันเดียวเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพทหารออกจากซากพังถึง 8 ศพ [/COLOR]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จนถึงวันนี้ ทั่วทั้งอาณาบริเวณได้มีการจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ห้ามผู้ใดเข้าออกอย่างเด็ดขาด ครอบครัวของผู้เสียชีวิตถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ฝ่ายทหารแจ้งให้ทราบว่าผู้ที่แพร่งพรายข่าวสารใดๆ ออกไปจากอาณาบริเวณ จะมีโทษจำคุกถึง 5 ปี ดีวีบีกล่าว

    สำนักข่าวแห่งนี้เป็นขององค์การชาวพม่าพลัดถิ่นที่ไม่ลงรอยกับรัฐบาลทหาร มีที่ตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ แพร่ภาพออกอากาศทั้งวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ที่ผ่านมามีผลงานที่น่าเชื่อถือหลายชิ้น และมีภาพจากภายในพม่าออกมาเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอ

    ในสัปดาห์ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่การไต่สวนดำเนินคดีนางององซานซูจี กำลังเข้มงวด ดีวีบีได้นำภาพทหารตำรวจหลายร้อยนายออกตั้งด่านตรวจและรักษาการณ์ตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงย่างกุ้ง

    วันถัดมาสำนักข่าวแห่งเดียวกันนี้ได้เผยแพร่ภาพตำรวจนอกเครื่องแบบ กรูเข้าจับกุมผู้ประท้วงเดี่ยวคนหนึ่ง ที่ไปนั่งบริเวณหน้าเรือนจำอิงเส่ง (Insein) พร้อมป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลทหารปล่อยตัว นางอองซานซูจี ทั้งหมดล้วนเป็นภาพที่สำนักข่าวต่างประเทศแห่งต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6767 ข่าวสดรายวัน


    ยิวจ่อผ่อนกฎกาซา




    เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 8 มิ.ย. นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งถูกกระแสกดดันจากสหรัฐ พันธมิตรสำคัญให้ยุติการปิดล้อมฉนวนกาซา เตรียมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเพื่อพิจารณาคลายมาตรการปิดล้อมฉนวนกาซาที่อยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มฮามาส ที่อิสราเอลปิดล้อมมานานเกือบ 2 ปี และอนุญาตให้เข้าเฉพาะความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น หลังจากกลุ่มฮามาสยึดฉนวนกาซา เมื่อมิ.ย.2550

    จีนกักหวัดนายกเล็กสหรัฐ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 8 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานนายเรย์ เนกิน นายกเทศมนตรีคนดังแห่งนครนิวออร์ลีนส์ รัฐ หลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงว่า ทางการจีนจำเป็นต้องสั่งกักตัวนายเนกิน พร้อมภรรยา และทีมรักษาความปลอดภัยในโรงแรมแห่งหนึ่งในมหานครเซี่ยงไฮ้ ภาย หลังจากพบว่าผู้โดย สารเครื่องบิน ซึ่งนั่งติดกับนายเนกินมีอาการป่วยคล้ายคนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่ทางการจีนปฏิบัติกับนายเนกินและผู้ติดตามเป็นอย่างดี ทั้งนี้ นายเนกินบินไปจีนเพื่อดูงานพัฒนาทางเศรษฐกิจ





    "กูเกิ้ล เวฟ" คลื่นยักษ์โลกไซเบอร์?

    หมุนก่อนโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>วานนี้เล่าถึง "BING" เสิร์ชเอนจิ้น หรือเว็บไซต์เพื่อการสืบค้นข้อมูลน้องใหม่ของบริษัท "ไมโครซอฟท์" ไปแล้ว

    วันนี้ขอนำนวัตกรรมใหม่จาก "กูเกิ้ล" ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโลกไซเบอร์จากแดนสหรัฐอเมริกาอีกค่ายมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังกันบ้าง

    ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มี "รหัส" ชื่อเรียกโครงการ "Google Wave-กูเกิ้ล เวฟ" ซึ่งผู้พัฒนาหวังว่าจะปฏิวัติวิธีสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตครั้งใหญ่

    ที่มารหัส "Wave" (เวฟ) นั้นทางทีมงานเล่าว่า ต้องการตั้งเป็นเกียรติแก่ละครซีรีส์ไซ-ไฟในดวงใจ "Firefly" ซึ่งตามท้องเรื่อง "Wave" เป็นชื่อเรียกระบบสื่อสารไฮเทคชนิดหนึ่ง พอฟังแล้วเห็นเข้าท่าจึงฉกเอามาใช้

    ขณะเดียวกัน เราอาจตีความได้ว่าความหมายแท้จริงของ "Wave" (คลื่น) ก็ยังบ่งบอกถึงการถาโถมไปข้างหน้าด้วยความเร็วและแรง ก็เลยลงล็อกโป๊ะเชะที่ชื่อนี้พอดี

    หลักการทำงานหลักๆ ของ "กูเกิ้ล เวฟ" ก็คือ เป็นการนำเทคโนโลยีเด่นๆ 3-4 ชนิดในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาผสมผสานควบรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ได้แก่

    1. ระบบอีเมล์

    2. ระบบการจัดการเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ (เช่น เฟซบุ๊ก-ไฮไฟว์)

    3. โปรแกรม "แช็ต" จำพวกไอเอ็มต่างๆ (เช่น เอ็มเอสเอ็น เมสเซนเจอร์ หรือโปรแกรมแช็ตของจีเมล์)

    4. โปรแกรมที่เปิดช่องให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตต่างที่ต่างทางกัน เข้ามาทำงาน-โต้ตอบบน "เอกสารเดียวกัน" ได้ในรูปแบบเรียลไทม์ (ตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง) คล้ายๆ กับการที่คนจากทั่วโลกสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลในสารานุกรมออนไลน์ "วิกิพีเดีย" แต่ "กูเกิ้ล เวฟ" ล้ำหน้าไปกว่านั้น เพราะผู้ใช้แต่ละคนจะทำงานพร้อมๆ กันได้เลย และมองเห็นกันบนหน้าจอภาพด้วย

    นอกจากนี้ ไฟล์เอกสาร รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่สมาชิกในเครือข่าย "กูเกิ้ล เวฟ" แก้ไข-โต้ตอบ-แลกเปลี่ยนข้อมูลกันนั้น ยังใช้ได้ทั้งกับไฟล์เท็กซ์ ไฟล์ภาพ ไฟล์วิดีโอ

    ปัจจุบัน "กูเกิ้ล เวฟ" ยังพัฒนาไม่เรียบร้อย แต่ผู้สนใจเข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมผ่านเว็บ Google Wave Preview

    ถึงเวลาเริ่มใช้งานจริงเมื่อไหร่ คงได้รู้กันว่าประสิทธิภาพจะดีเหมือนกับที่ค่ายกูเกิ้ลโฆษณาไว้หรือไม่!
    ผู้ว่าฯระนองระดมทุกหน่วยพร้อมรับมืออุทกภัย



    ระนอง - นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง แจ้งในที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดระนอง หลังจากที่ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ในเขตเทศบาลเมืองระนองและเทศบาลตำบลบางริ้น จำนวนหลายจุดสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากไม่สามารถขนย้ายสิ่งของได้ทัน โดยกล่าวว่า ระยะแรกต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ. เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบลบางริ้น ไปขุดคูคลองที่ตื้นเขินและเอาเศษขยะที่กีดขวางทางน้ำออก เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนที่รุกล้ำคูคลองปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำให้รื้อถอน หากไม่ได้รับความร่วมมือก็ต้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเทศบาลเมืองระนองขอให้จัดเตรียมกระสอบทรายให้พร้อม หากประชาชนมีความจำเป็นสามารถนำไปใช้ได้ทันที และขอให้หน่วยงานเตรียมเครื่อง จักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมรับมือสถาน การณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ตลอด 24 ชั่วโมง

    นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำไหลหลากเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมือง และเทศบาลตำบลบางริ้นเกิดจากมีสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำ ส่งผลให้การระบายออกของน้ำล่าช้าและทิศทางการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลง เนื่องจากคูคลองต่างๆ ถูกบุกรุก ตื้นเขินและมีเศษขยะสิ่งปฏิกูลต่างๆ


    ชาวบ้านหวั่นผุดท่าเรือแม่น้ำโขง2 ประโยชน์ไม่คุ้มทุน-น้ำแห้งขอดช่วงหน้าแล้ง



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เร่งก่อสร้าง- สถานที่ก่อสร้างท่าเรือในแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 ปากแม่น้ำกก หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นโครงการของกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี คนในพื้นที่หวั่นว่าไม่ได้ผลประโยชน์เต็มที่และกระทบสิ่งแวดล้อมชุมชน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เชียงราย - นายอรรถภัณฑ์ รังษี ประธานชมรมพ่อค้าชายแดน อ.เชียงแสน เผยว่า จากกรณีที่กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีกำลังก่อ สร้างโครงการก่อสร้างท่าเรือในแม่น้ำโขงแห่ง ที่ 2 ที่ปากแม่น้ำกก หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน นั้น เอกชนไม่มีการคัดค้านแต่กังวลผลกระทบว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ เรื่องแรกคือร่องแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว เพราะจะมีการขุดลอกแม่น้ำโขงอาจกระทบร่องแม่น้ำซึ่งทางลาวถือเอาเป็นเขตกั้นพรมแดนประเทศได้ หากไม่เจรจาหารือระหว่างประเทศให้ดีอาจส่งผลต่อโครงการได้

    นอกจากนี้ ยังกังวลว่าแม่น้ำโขงมักจะแห้งแล้ง ตั้งแต่เดือนธ.ค.-เม.ย.ของทุกปี ทำให้การเดินเรือไม่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาต้องใช้ท่าเรือเอกชนแทน แต่ปรากฏว่าท่าเรือแห่งที่ 2 อยู่ห่างไกลกว่าท่าเรือแห่งที่ 1 เสียอีก จึงเกรงว่าหากไม่มีการตกลงกับสปป.ลาวในการขุดลอกเสียก่อนก็จะได้รับผลกระทบเหมือนเดิม ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเรื่องราคาเพราะท่าเรือแห่งที่ 1 เดิมคิดค่าบริการเรือเทียบท่าครั้งละ 300 บาท และรถบรรทุกที่เข้าไปขนสินค้าครั้งละ 300 บาท ก็ได้เพิ่มเป็น 600 บาทแล้ว ทำให้เอกชนหันไปใช้ท่าเรือเอกชนที่มีอยู่ 12 แห่งกันเป็นส่วนใหญ่

    นายสมควร สุตะวงศ์ นายก อบต.บ้านแซว กล่าวว่า จากการทำประชาพิจารณ์หลายครั้งที่ผ่านมาชาวบ้านซึ่งมีอยู่ 15 หมู่บ้าน ไม่มีใครต่อต้านแต่ก็กังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนจึงส่งรายงานไปยังอบต.บ้านแซว ว่าจะไม่มีผลกระทบ รวมทั้งพิจารณาคนภายนอกจัดหาสถานที่จำหน่ายสินค้าชุมชนภายในท่าเรือ

    ด้านนายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เผยว่า การก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 แห่งนี้เป็นไปตามข้อตกลงการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำโขงตอนบน 4 ชาติ ไทย จีน ลาว และพม่า รวมทั้งรองรับการค้าชายแดนที่เพิ่มมากขึ้น จะแล้วเสร็จ 28 ธ.ค. 54 สำหรับความกังวลเรื่องผลกระทบสิ่งแวด ล้อมนั้นทางโครงการได้มีแผนป้องกันผลกระทบ เอาไว้แล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table id="post2167718" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">Sawiiika<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2167718", true); </script>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 2,024
    Groans: 6
    Groaned at 4 Times in 4 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 9,079
    ได้รับอนุโมทนา 11,621 ครั้ง ใน 1,302 โพส
    พลังการให้คะแนน: 234 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2167718" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->ภาพที่เห็นจริง ๆ นั้น สวยงามกว่าภาพที่ถ่ายมากโพสมาก ค่ะ
    ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับแกนแม่เหล็กโลกที่ผิดปรกติอย่างไรหรือเปล่าค่ะ

    [​IMG][​IMG]

    ภาพที่ 1 ถ่ายตอนกลับจากทริปถ้ำวัวแดง วันที่ 08 / 06 / 09 ค่ะ

    [​IMG]

    ภาพที่ 2 นี้เป็นภาพ เปรียบเทียบ ถ่ายเมื่อ 29 / 05 / 08 ค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </fieldset>
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    ก้าวหน้าไปด้วยพลังแห่งความรัก ความเมตตา ที่บริสุทธิ์ ไม่มีเงื้อนไข ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีประมาณ


    </td></tr></tbody></table>


    ----------------------------------------------------------

    สำหรับเมฆสีรุ้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหวใหญ่ที่เสฉวนที่ผ่านมาครับ

    ดังนั้นควรระมัดระวังกันเอาไว้ด้วย

    เพราะวันนี้ผมดูข่าวเป็น แผ่นดินแยกเป็นทางยาวจน รถฟอร์จูนเนอร์ตกลงไป แต่ดูข่าวไม่ทันว่าที่ใด ในประเทศไทย เพราะเป็นคนทางบ้านถ่ายส่งให้รายการข่าวทางมือถือครับ
     
  17. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 21:09:25 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->

    <CENTER>
    </CENTER>
    เจอ"เอดส์พันธุ์ใหม่"ในหญิงไทยตั้งครรภ์ 2 ราย คาดมาจาก"แอฟริกา" เผย"ติดเชื้อ-ระบาด"ง่ายกว่าเดิม

    เจอ"เอดส์พันธุ์ใหม่"ในหญิงไทย ที่ตั้งครรภ์ 2 ราย คาดมาจาก"แอฟริกา" เผยต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น เพราะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น แต่ยังป้องกันได้หากสวมถุงยาง

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ถึงกรณีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบผู้ป่วยเอดส์ 2 ราย ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจไม่เคยพบมาก่อนในโลก โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จีและดี เรียกว่า เอจี-ดี(AG/D) ส่วนรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี(AE/G) ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น ส่วนผู้ป่วยทั้ง 2 รายดังกล่าวไม่สามารถสอบสวนกลับไปได้ว่า ติดเชื้อมาอย่างไร เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการตรวจสอบเชื้อจากเลือดของผู้ป่วย ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร แต่คาดว่าผู้ติดเชื้ออาจเคยเดินทางไปหรือมีแฟนเป็นคนในประเทศแถบทวีปแอฟริกา


    นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาเรื่องการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เนื่องจากทั่วโลกมีไวรัสเอชไอวีกว่า 20 สายพันธุ์ หากศึกษาพบสายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลต่อการป้องกันและควบคุมโรค ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการป้องกันโรคใหม่ แต่ปัจจุบันยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลจนจำเป็นต้องเปลี่ยนการป้องกัน รวมถึงสายพันธุ์ผสมที่พบใหม่นี้ด้วย ที่ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ ส่วนการรักษาก็สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ คือ ยาสูตรพื้นฐานและยาสูตรดื้อยาได้ตามปกติ โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2 แสนคน รับยาสูตรพื้นฐานประมาณ 1.5 -1.6 แสนคน และอีก 4-5 หมื่นคนรับยาสูตรดื้อยา


    "จุดแตกต่างสำคัญของเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ผสมกับสายพันธุ์ไทย คือจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งของสายพันธุ์ลูกผสมมีมากกว่า เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมจะมีเชื้อ 20 ตัว เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้การแพร่เชื้อง่ายขึ้น เพราะมีปริมาณเชื้อจำนวนมากขึ้น โอกาสติดก็มากขึ้น ส่วนอัตราการดื้อยาน่าจะมีเท่ากัน คือ ประมาณร้อยละ 10" นพ.สมศักดิ์กล่าว


    ขณะที่ ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า พบหญิง 2 คนที่มาฝากครรภ์กับโรงพยาบาล ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยตรวจพบในโลกมาก่อน จากปกติเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อี จะพบมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งนี้ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ ซึ่งปีนี้พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 คน จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 คน เนื่องจากถอดรหัสออกมาพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ไม่เหมือนเดิม คนแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) ส่วนคนที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)


    ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวต่อไปว่า เชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน โดยสายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่มักพบในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่าเป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ทั้งนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือสายพันธุ์เอชไอวีจากแอฟริกาจะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น

     
  18. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ภาพถ่าย ล่าสุด เมื่อวาน นี้เองค่ะ บริเวณ แถว ๆ บ้าน ในวันเสาร์ ที่ 13 มิถุนายน 2552 ตอนเย็น ๆ ค่ะ

    [​IMG]

    [​IMG]


    -------------------------------------------------------------------------------------------
    ภาพที่เห็นจริง ๆ นั้น สวยงามกว่าภาพที่ถ่ายมากโพสมาก ค่ะ
    ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับแกนแม่เหล็กโลกที่ผิดปรกติอย่างไรหรือเปล่าค่ะ

    [​IMG][​IMG]

    ภาพที่ 1 ถ่ายตอนกลับจากทริปถ้ำวัวแดง วันที่ 08 / 06 / 09 ค่ะ

    [​IMG]

    ภาพที่ 2 นี้เป็นภาพ เปรียบเทียบ ถ่ายเมื่อ 29 / 05 / 08 ค่ะ<!-- google_ad_section_end -->



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]




    </FIELDSET>
    __________________

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2170465", true); </SCRIPT>
    หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    สำหรับเมฆสีรุ้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหวใหญ่ที่เสฉวนที่ผ่านมาครับ

    ดังนั้นควรระมัดระวังกันเอาไว้ด้วย

    เพราะวันนี้ผมดูข่าวเป็น แผ่นดินแยกเป็นทางยาวจน รถฟอร์จูนเนอร์ตกลงไป
    แต่ดูข่าวไม่ทันว่าที่ใด ในประเทศไทย เพราะเป็นคนทางบ้านถ่ายส่งให้รายการข่าวทางมือถือครับ


    ปาฏิหาริย์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2167879", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]


    [​IMG]

    ได้ข้อมูล จาก forward mail
    จากรูปเปรียบเทียบน่าจะเป็น1 ในเมฆที่ปรากฏได้ยาก
    ชื่อว่า nacreous
    พบได้ที่แถบขั้วโลก เช่นแสกนดิเนเวียน ชวงหน้าหนาว เวลาเย็นเย็น ประมาณ2 ชั่วโมงครับ
    ...
    ถ้าใครพอจำได้ ลองเทียบกับ เมฆ ที่เกิดที่เสฉวน ก่อนแผ่นดินไหวดูหน่อยสิครับ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ณ.<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2169029", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    รูปนี้ถ่ายได้เมื่อเย็นวันที่ 13 สิงหาคม 2551

    [​IMG]

    เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลก่อนว่า
    หลังจากเมฆลักษณะนี้ปรากฏ เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างหรือเปล่า
    ที่แน่ๆ หลังจากนั้นวันหรือสองวัน เกิดแผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์
    ต้องย้อนไปดูข้อมูลให้ห้องประเทศไทยฯ
    หลังจากเมฆสีรุ้งปรากฏสัก 2-4 สัปดาห์ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรอีกหรือไม่

    ภาพที่ถ่ายกันได้เมื่อวานตอนเย็นปรากฏอยู่ไม่นานนักก่อนจะหายไป

    [​IMG]


    ช่วง 13 สค. 51 - 13 กย. 51
    มีเหตุเรื่องพายุ ลม น้ำ เยอะมาก แต่ที่เกี่ยวกับแผ่นดินก็มีไม่น้อย

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เกษม [​IMG]
    เหตุแผ่นดินไหวในจีนวันนี้ ต้องอพยพคนถึง 1,200 คน
    ปักกิ่ง 20 ส.ค. - เหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในวันนี้ ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังพังราบ ชาวจีน 1,200 คน ที่อยู่ใกล้พื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อเดือนพฤษภาคม ต้องรีบอพยพออกจากพื้นที่
    แผ่นดินไหวเมื่อเช้าวันนี้ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5 ริกเตอร์ ส่งผลให้มณฑลยูนนานทางตะวันตกของจีนเกิดสั่นสะเทือน รวมไปถึงเขตเทือกเขาของมณฑลเสฉวน ซึ่งเคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
    แผ่นดินไหวในครั้งนี้ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนหลายหลังพังทลายในเมืองซูเตี้ยน และยังมีอีกหลายเมืองได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต. -สำนักข่าวไทย



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman [​IMG]
    วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551 เวลา 20:48:48 น. มติชนออนไลน์ จำนวนคนอ่านล่าสุด 48 คน
    เกิดเหตุแผ่นดินไหวใกล้โครงการสร้างเขื่อนตอนบนพม่า

    เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นหลายครั้งบริเวณตอนบนของพม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลพม่าเตรียมสร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำอิรวดีเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา หน่วยสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา(USGS) เผยว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวโดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.3 ริกเตอร์บริเวณชายแดนพม่า – จีน ห่างจากเมืองต้าลี่ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไป 224 กิโลเมตร และห่างจากเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นไป 65 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่สำนักข่าวชินหัวของจีนรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือน และทำให้ประชาชนจำนวนกว่า 1, 200 คนในจีนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางเกิดแผ่นดินไหว ด้านประชาชนในเมืองไลซาเปิดเผยว่า เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ รุนแรงกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา นายอ่องวา ผู้อำนวยการเครือข่ายพัฒนาคะฉิ่น (KDNG) ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในเมืองลายซา ชายแดนพม่า – จีน กล่าวว่า ในปีนี้ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวถึง 4 ครั้งแล้ว เช่นเดียวกับ หน่อละ ผู้ประสานงานและวิจัยเรื่องโครงการเขื่อนของ KDNG กล่าวว่า รัฐบาลพม่าควรทบทวนแผนที่จะสร้างเขื่อนบนแม่น้ำอิรวดี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดในพม่าในด้านการขนส่งสินค้า หน่อละกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรจะศึกษาบทเรียนจากจีนที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวนของจีน จนเป็นแหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน โดยคนในพื้นที่ยังต้องอยู่อย่างระส่ำระสาย เนื่องจากเกรงว่าเขื่อนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จะพังทลายลงมา ยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาลพม่าจะคิดทบทวนใหม่อีกครั้งและระงับโครงการไปก่อน ทั้งนี้ รัฐบาลจีนและรัฐบาลพม่าร่วมตกลงสร้างเขื่อนจำนวน 7 แห่งในรัฐคะฉิ่น ทางภาคเหนือของพม่า ซึ่งจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้กว่า 13, 360 เมกกะวัตต์ ซึ่งพื้นที่สร้างเขื่อนตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลกครอบคลุมไปถึงมณฑลยูนนานของจีน หน่อละยังเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าและจีนยุติการสร้างเขื่อนในเขตมิตโซงซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน ซึ่งเป็นเขื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการและมีความเสี่ยงมากที่สุดเช่นกันหากเกิดแผ่นดินไหว ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงาน Damming the Irrawaddy โดย KDRG ระบุว่า ที่ตั้งของโครงการเขื่อนมิตโซงอยู่ห่างจากรอยเลื่อนระหว่างแผ่นยูเรเชียและอินเดียไม่ถึง 100 กิโลเมตร ถ้ามีการสร้างเขื่อนและเกิดแผ่นดินไหว จะทำให้เมืองมิตจีนา ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 140,000 คน รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองเวียงหม่อ เมืองซินโบและเมืองบาหม่อที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดีจะต้องจมอยู่ใต้น้ำ (Irrawaddy 20 ส.ค.51)
    http://www.matichon.co.th/news_detai...id=03&catid=06



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman [​IMG]
    แผ่นดินไหวชายแดนพม่าจีน ตึกสูงกทม.สะเทือน
    20:36 น.
    เกิดแผ่นดินไหว บริเวณชายแดนพม่า-จีน ขนาด 6 ริกเตอร์ ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 650 กม. ตึกสูงในกรุงเทพฯ เช่น สีลม พระราม 2 รู้สึกได้
    http://breakingnews.nationchannel.co...56&lang=T&cat=



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เจนัย [​IMG]
    เหตุแผ่นดินไหวในจีนติดพรมแดนพม่า เสียชีวิตแล้ว1 [22 ส.ค. 51 - 07:46]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (22 ส.ค.) ว่า เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งทางตอนใต้ของจีนใกล้พรมแดนพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
    เหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 5.0 และ 5.9 ริกเตอร์ เกิดขึ้นห่างจากเมืองต้าลี่ เมืองท่องเที่ยวในมณฑลยูนนานไปทางตะวันตก 250 กิโลเมตร และห่างจากพรมแดนทางตอนเหนือของพม่าราว 50 กิโลเมตร โดยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นห่างกันเพียง 4 วินาที มีศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นหญิงอายุประมาณ 30 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน บ้านเรือนหลายสิบหลังพังเสียหาย ผู้คนนับหมื่นคนต้องอพยพออกนอกบ้านเรือน มาหลับนอนกันตามสนามหญ้าและจัตุรัสต่าง ๆ เช่นเดียวกับกระแสไฟฟ้าที่ดับทั่วทั้งบริเวณ
    เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 5.3 ริกเตอร์ในพื้นที่เดียวกันนี้ เมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- google_ad_section_end -->__________________


    ลองสังเกต ท้องฟ้าที่บ้านดู นะค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC09935.jpg
      DSC09935.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.5 KB
      เปิดดู:
      2,571
    • DSC09936.jpg
      DSC09936.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.5 KB
      เปิดดู:
      2,579
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2009
  19. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    กระบี่ - พบปูเขียวอีก 1 ตัว ที่เกาะลันตาคราวนี้เป็นเพศผู้น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม ชาวบ้านลือหึ่งหวั่นเกิดภัยธรรมชาติ เช่น สึนามิ

    จากกรณีที่ชาวประมง พบปูเขียวเพศเมีย ขนาดใหญ่ น้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม ความยาวรวมก้ามกว่า 1 ฟุต ในพื้นที่แถบป่าชายเลนกระบี่ ซึ่งภายหลังจากที่ประชาชนทราบข่าว ปรากฏว่า ให้ความสนใจแห่เที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย บางคนก็มาขอถ่ายรูป ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่า หากมีการพบสัตว์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวจะเกิดภัยธรรมชาติ อย่างเช่น คลื่นยักษ์สึนามิตามมา

    ขณะที่ นายสุภาพ ไพรพนาพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติแต่อย่างใด แต่ในทางกลับกันถือเป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะปรากฏการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติป่าชายเลนมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจากชาวประมงให้ความร่วมมือไม่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย และมีการขยายเขตห้ามจับสัตว์น้ำ

    แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้ (9 มิ.ย) ชาวบ้านได้นำปูเขียวอีก 1 ตัว มามอบให้ทางศูนย์วิจัย ตัวนี้มีน้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม ความยาวกระดองรวมก้าม 24 ซม.แต่มีก้ามใหญ่มาก เพราะเป็นเพศผู้ แต่ขนาดกระดองเล็กกว่าตัวที่พบก่อนหน้านี้ และมีนิสัยดุร้าย

    โดยคนที่นำมามอบให้ทราบชื่อ คือ คุณนิชยา คงเมือง ซึ่งบอกเพียงว่า ปูตัวนี้พบในพื้นที่อำเภอเกาะลันตา พี่ชายเขาซื้อมาฝาก แต่ก็เก็บไว้ที่บ้านได้ประมาณ 1 วัน อยู่ๆ ก็รู้สึกสงสาร เลยเปลี่ยนใจไม่อยากจะกินมัน จึงนำมอบให้ทางศูนย์วิจัย โดยในเบื้องต้นจะนำไปอนุบาล และขยายพันธุ์ ก่อนปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
     
  20. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เหมือนแสงออโรร่า หรือ แสงเหนือ ที่ฟินแลนด์ เลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...