ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถล่มทุกอย่างที่ขวางหน้า!
    พายุลูกยักษ์พัดเมืองย่อยยับ
    .
    เหตุเกิดที่ อ.ศรีราชา ชลบุรี
    .
    CR : Jirapat Patasrimaneekul

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พายุฤดูร้อนกระหน่ำกรุง ทำถนนลื่นชนระนาว
    #mgronline #พายุฤดูร้อน #ถนนลื่น #รถชน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักธุรกิจไทยในสหรัฐฯ โพสต์ครวญอยากกลับไทย เชื่อไทยมีการรับมือโรคระบาดได้ดีกว่าประเทศมหาอำนาจ ชี้สหรัฐฯ ต้องป่วยอาการหนักถึงได้รับการรักษา เผยผู้มีพระคุณเพิ่งเสียชีวิตหลังไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ถามคนด่าประเทศไทยต่ำตม แลกบ้านกันไหม

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000038437
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เตือนต่อ #ไม่รอแล้วนะ!!!(13เมย.63)

    สวัสดีปีใหม่ นางสงกรานต์ปีนี้ชื่อ นางโคราคะเทวี ชื่อ "โค" ในยามนี้คนไม่ชอบ เพราะมีทั้งโคโรน่า และโควิด19!!! นาคให้น้ำ 1 ตัว ฝนตกโลกมนุษย์ 60 ห่า ทำนายว่า น้ำทราม (ไม่ดี) ข้าวกล้าได้ 1 ส่วนเสียหาย 10 ส่วนผู้ คนจะเดือดร้อน ขาดแคลนอาหาร!!!

    สวัสดีอากาศเย็น มวลอากาศเย็นระลอกลงมาค่อนข้างแรง อุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคอีสานตัวเลขต่ำกว่า 30 องศา ไชโย ไชโย!!! (วันเดียว)

    สวัสดีฝนฟ้าคะนอง วันนี้ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพปริมณฑล เฝ้าระวัง พายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก!!!

    สงกรานต์ปีใหม่ไทย ขอให้ทุกท่านปลอดภัยโควิด19 สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจเข้มแข็ง มีความสุข วันปีใหม่ไทย ขอรับ กระผ้ม!!!!

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อคืนนี้สงครามราคาน้ำมันได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้วหลังโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันต่างๆทั่วโลกสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ แต่สถานการณ์ในตลาดน้ำมันนั้นใช่ว่าจะกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างสดใสโดยทันที ตลาดนั้นยังมีปัจจัยซับซ้อนพัวพันกันอยู่หลายๆเรื่อง...

    วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ภาพรวมของสถานการณ์ตลาดน้ำมันในปัจจุบันให้ทุกท่านได้ #เข้าใจแบบง่ายๆ กันครับ

    สรุปเหตุการณ์ครั้งประวัติศาตร์เมื่อคืนนี้

    หลังจากที่การใช้น้ำมันของโลกโดนไวรัสโควิดและการปิดประเทศเข้ามาทำลายอย่างรุนแรงจนเกิดเหตุให้ผู้ผลิตใหญ่อย่างซาอุประกาศสงครามราคาน้ำมันอย่างรุนแรง แย่งกันตัดหน้าขายน้ำมันตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเรื่อยๆ

    ในที่สุดเมื่อคืนนี้ทางกลุ่มผู้ผลิตทั่วโลกก็สามารถหาทางออกร่วมกันได้แล้ว ทุกฝ่ายตกลงที่จะร่วมกัน #ลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ หลังจากหารือกันมาเป็นเวลาหลายวัน โดยแบ่งเป็น

    1) ทางโอเปก+พันธมิตรจะลดที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เทียบเท่ากับลดการผลิตกันคนละ 23.5% ทุกคน ยกเว้นเม็กซิโก)

    2) ประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มอย่าง สหรัฐ + แคนาดา + บราซิล จะช่วยกันลดเพิ่มอีก 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และประเทศอื่นๆในกลุ่ม G20 ยังจะช่วยลดเพิ่มอีก แต่ปริมาณเท่าไหร่นั้นเรายังไม่ทราบ

    การตกลงร่วมกันลดการผลิตครั้งนี้ถือว่าได้ยุติ #สงครามราคา ที่ผ่านมา 5 สัปดาห์ลงอย่างบริบูรณ์

    แต่การลดการผลิตครั้งนี้นั้นเพียงพอที่จะทำให้น้ำมันไม่ล้านตลาดหรือไม่ ?

    #ไม่เพียงพอแน่ๆครับ การใช้ที่ลดลงจากการหยุดบิน หยุดอยู่บ้านไม่มีการขับรถ โรงงานหยุดผลิต การขนส่งชะงักนั้น ทำให้การใช้น้ำมันของโลกหายไปถึง 30-35 ล้านบาร์เรต่อวันแล้วในเดือนเมษายนนี้เพราะฉะนั้นการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตต่อให้อาจรวมกับทางกลุ่ม G20 อื่นๆด้วยได้สูงถึง 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็ไม่อาจเพียงพอกับความต้องการใช้ที่หายไป #น้ำมันในโลกนั้นคงจะล้นตลาดต่อไปอยู่แน่ๆ

    แปลว่าราคาน้ำมันยังคงจะปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ?

    หลายๆนักวิเคราะห์ยังมองเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นทาง Goldman Sachs ที่เพิ่งออกมาประกาศวันนี้ว่า Brent ยังมีความเสี่ยงที่จะโดนเทขายลงไปที่ 20 เหรียญได้อยู่ แต่ทางเพจไม่ได้มองว่าราคาน้ำมันจะมีสิทธิปรับตัวลดลงได้อย่างเดียว ราคานั้นยังไปได้ทั้งสองทาง

    ถ้าการลดกำลังการผลิตครั้งนี้ไม่เพียงพอที่จำทำให้น้ำมันล้นตลาด #แปลว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรือ ?

    ถ้ามองเผินๆอาจจะดูเหมือนว่าไม่ช่วย แต่ถ้าเจาะลึกเข้าไปถึงรายละเอียดและจุดประสงค์ของผู้ผลิตแล้วนั้นมันช่วยแน่ๆครับ โดยได้ช่วยตลาดใน 2 แง่ใหญ่ๆด้วยกันคือ

    1) ผู้ผลิตทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ต้องการจะรักษาระดับราคาน้ำมันร่วมกันอย่างชัดเจน - การรวมตัวครั้งใหญ่ระกว่างประเทศกว่า 25 ประเทศนี้ (ที่แม้แต่สหรัฐยังรว่มด้วยนั้น) ย่อมจะเป็นสัญญาณบวกในระยะยาวกับตลาด เราไม่รู้ว่าในอนาคตการใช้จะกลับมาได้เร็วแค่ไหน แต่ถ้าเมื่อไหร่การใช้น้ำมันเริ่มกลับมาเป็นปกติและผู้ผลิตยังคงปรองดองได้ขนาดนี้... ผู้บริโภคน้ำมันก็ควรน่าเป็นห่วงครับ

    2) การลดกำลังการผลิตนี้จะช่วยชะลออัตราการเต็มของถังน้ำมันทั่วโลก ซึ่งถึงแม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะยังไม่ดีขึ้นแต่ก็ทำให้ภาพรวมและแนวโน้มของตลาดนั้นดีขึ้นเยอะ

    การลดการผลิตครั้งนี้จะช่วยตลาดน้ำมัน "Flatten The Curve"

    การบรรเทาภาระของถังน้ำมันทั่วโลกไม่ให้ล้นเต็มเร็วจนเกินไป นั้นไม่ต่างกับการช่วย "Flatten the curve" ของผู้ป่วยไวรัสโควิดเลย (ดังในรูป) การที่เราพยายามทำ Social Distancing กันนั้น เราไม่ได้พยายามทำเพื่อไม่ให้เกินผู้ป่วยใหม่ซะทีเดียวเลย เราทราบดีว่ายังจะมีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เรื่อยๆ แต่การรักษาระยะห่างนั้นจะช่วยทำให้มีผู้ติดเชื้อน้อยลง อัตราการติดเชื้อจะชะลอลง ช่วยให้แพทย์และโรงพยาบาลต่างๆสามารถรักษาผู้ป่วยได้ทันการมากขึ้น และเมื่อไหร่ที่ผู้ป่วยเหล่านั้นหาย ทางแพทก็จะสามารถรับผู้ป่วยใหม่ๆเข้ารักษาได้

    ถังน้ำมันของโลกเราก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการลดกำลังการผลิตครั้งนี้ถังน้ำมันทั่วโลกของเรานั้นจะเต็มภายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า และเมื่อถังน้ำมันนั้นเต็มทางผู้ผลิตก็จะยิ่งต้องลดราคาน้ำมันไปเรื่อยๆจนกระทั่งไม่มีคนซื้อน้ำมัน แล้วทางผู้ผลิตก็จะต้องทยอยปิดหลุมไปโดยปริยาย และนั้นคือสิ่งที่ผู้ผลิตกลัวที่สุด !

    การลดการผลิตครั้งนี้แม้จะยังทำให้มีน้ำมันล้นโลกอยู่ แต่จะช่วยพยุงไม่ให้ถังน้ำมันในโลกนั้นเต็มไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน และภายใน 6 เดือนนี้หากการใช้เริ่มกลับมาจริงๆ ระดับน้ำมันในถังทั่วโลกก็อาจจะลดลงได้อีกครั้งและถังน้ำมันเหล่านั้นก็จะมีที่เหลือพร้อมสำรองน้ำมันดิบใหม่ๆจากผู้ผลิต และนี่ก็เป็นสิ่งที่กลุ่มโอเปกต้องการ

    ถ้าเช่นนั้นราคาน้ำมันก็ยังไม่ควรปรับตัวขึ้นตอนนี้สิ ? อาจจะปรับขึ้นเมื่อการใช้เริ่มกลับมา ?

    ราคาน้ำมันก็คือทรัพย์สินเสี่ยงชนิดนึง มีผู้เข้าซื้อขายกันได้ทั่วทุกมุมโลกไม่จำเป็นต้องมาจากบริษัทผู้ใช้น้ำมันจริงๆ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องรอให้มีการซื้อจากผู้ใช้น้ำมันจริงๆ ตราบใดที่สถานการณ์โดยรวมนั้นดีขึ้นนักลงทุนก็พร้อมที่จะเข้ามาซื้อและลงทุนในราคาน้ำมัน (แม้แต่ธนาคารในบ้านเรานั้นยังมีกองทุนน้ำมันให้ลง แต่อ่านได้ว่าทำไมทางเราถึงไม่แนะนำให้ลงทุนจากบทความแนบในคอมเม้นท์)

    เช่นเดียวกับราคาหุ้นทั่วโลก วันนี้นั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกก็ยังไม่หยุดสูงขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่พอ Curve นั้นเริ่ม Flat ลงเมื่อไหร่ เริ่มเห็นสัญญาณตัวเลขที่ดีขึ้น ทางนักลงทุนก็จะกรูเข้าลงทุนอย่างรวดเร็วอย่างที่เราได้เห็นในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา

    #สรุปผลกระทบ ของการลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งนี้ต่อตลาด

    ถ้าจะให้อธิบายสั้นๆนั้นคือ ราคาน้ำมันน่าจะมี Floor หรือแนวรับที่สำคัญได้มากขึ้นจากการลดกำลังการผลิตครั้งนี้ (คิดว่าคือระดับ Low สุดของเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน) แต่ราคาน้ำมันจะดีดขึ้นได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าการใช้น้ำมันจากการปิดประเทศนั้นจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเมื่อไหร่

    ราคาในอนาคตจะขึ้นอยู่กับด้าน Demand มากกว่า Supply เป็นหลักแล้ว ถ้าการใช้กลับมาตามคาดราคาก็จะทยอยปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าการใช้น้ำมันนั้นลดลงไปมากกว่าที่คาดเพราะการระบาดที่เพิ่มขึ้นราคาน้ำมั ก็อาจจะโดนเทขายได้อีกรอบ

    #กรอบราคา ที่ 30-35 เหรียญที่เราวางไว้ก่อนการประชุมน่าจะยังเป็นกรอบที่คงอยู่ได้ในเบื้องต้น และให้จับตามองตลาดหุ้นสหรัฐต่อไป เพราะตลาดหุ้นสหรัฐจะเป็นสัญญาณหรือ Leading Indicator ที่สำคัญว่าการใช้น้ำมันจะเพิ่มหรือลดน้อยลงเพียงใด

    ล่าสุดทางดร. แอนโทนี่ เฟาซี (Dr. Fauci) ผู้นำการวิจัยโรคติดเชื้อที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ผู้ซึ่งทางเราให้ความน่าเชื่อถือถึงข้อมูลได้ออกมารายงานว่าอาจจะมีการเปิดประเทศสหรัฐบางส่วนได้ในเดือนหน้า ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรทางเราจะนำมาอัพเดทให้เป็นระยะๆ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาด ให้กดไลค์ที่โพสต์หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ได้เลยนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ที่อัพเดทใหม่ที่ทันตลาด ⛔️

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    #OilTradingKP

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️⚠️ โอเปกและพันธมิตรจับมือกันได้แล้ว ⚠️⚠️ สงครามราคาน้ำมันจบลงอย่างเป็นทางการแล้ว ! แม้จะไม่ได้ความร่วมมือจากเม็กซิโกอย่างที่ต้องการในการประชุมด่วนคืนนี้ !

    แต่.. ราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลง ???

    โอเปกและพันธมิตรตกลงที่จะลดกำลังการผลิตอย่างเป็นทางการแล้วที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยทางกลุ่มได้ตกลงกันโดยที่จะยังเว้นเรื่องของทางเม็กซิโกไว้ก่อน โดยก่อนหน้านี้ทางเม็กซิโกยอมตกลงที่จะลดกำลังการผลิต 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว แต่ยังขาดอยู่อีก 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวันตามที่โอเปกเสนอ (ถ้าจะลด 23.5% ทุกคน) ทางโอเปกยังไม่รับข้อเสนอที่จะให้ทางสหรัฐมาลดแทนโควตาของเม็กซิโกเถึงแม้ทางสหรัฐจะยืนยันว่าจะช่วยแล้ว จึงจะตกลงดีลไว้ที่ตรงนี้ไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที (เม็กซิโกถือว่ารอดไป)

    ในส่วนของนอกกลุ่มพันธมิตรนั้น ตอนนี้เราได้สัญญาณมาว่าทาง สหรัฐ + แคนาดา + บราซิล จะช่วยกันลดเพิ่มอีก 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และทางโอเปกยังจะคอยรอดูอีกว่าประเทศอื่นๆใน G20 จะช่วยเพิ่มอีกเท่าไหร่เราคงต้องติดตามกันต่อไป

    มาวิเคราะห์ผลกระทบต่อราคาน้ำมันกัน

    จากประสพการณ์ของทางเราคิดว่า #ราคาน่าจะเปิดขึ้น เพราะ

    1️⃣ ตลาดน้ำมันดิบ Brent และ WTI กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่ชั่วโมง (ตี 4 บ้านเรา) การที่ทางผู้ผลิตเร่งกันประชุมและพยายามตกลงกันให้ได้ก่อนตลาดเปิดนั้น เชื่อว่าทั้งหมดมีความต้องการให้ตลาดเปิดขึ้น และเราก็เชื่อว่าเขาทำได้สำเร็จแล้ว

    2️⃣ ทางด้านราคา OSP ของซาอุนั้นยังไม่ได้ประกาศออกมา ทางซาอุต้องการที่จะรีบประกาศทันทีถ้าข้อตกลงนี้บรรลุแล้ว ต้องมารอดูว่าจะประกาศได้ทันตลาดเปิดไหม เพราะราคา OSP ที่ไม่ได้ลดราคาจนกระหน่ำ summer sale เหมือนเดือนที่แล้วนั้นจะเป็นสัญญาณที่สำคัญยิ่งกว่าคำพูดว่าจะลดกำลังการผลิต

    3️⃣ การประชุมในคืนนี้นั้นต่างกับเมื่อวันพฤหัส เหตุผลที่ทางเรามองว่าคืนวันพฤหัสนั้นจะมีการ Sell on Facts เพราะว่าความหวังของตลาดนั้นคืออาจจะมีการลดกำลังการผลิตได้สูงถึง 15-20 ล้านบาร์เรลต่อวันก็เป็นได้ หากประกาศออกมาน้อยกว่านั้นจึงย่อมมีการ Sell On facts.

    แต่การประชุมคืนนี้นั้นต่างไป เพราะตลาดไม่ได้มีความหวังนั้นเหลือแล้ว ตลาดกลับมีความกลัวว่าดีลนี้จะล่มได้เพราะเม็กซิโกด้วยซ้ำ การออกมาตกลงกันได้จริงเป็นข่าวดีที่ตลาดยังไม่รับรู้

    4️⃣ สงครามจบแล้ว ! สงครามจบแล้ว ! สงครามจบแล้ว ! ข้อนี้ในตัวมันเองก็น่าจะเป็นสัญญาณให้ราคาบวกได้ ผมมองว่าไม่ว่านักวิเคราะห์อื่นๆจะมองว่าการใช้จะหายไปเยอะกว่านี้มากเช่นไร ข้อตกลงนี้จะทำให้ตลาดมีความมั้นใจในระยะสั้น

    ส่วนในช่วงหลังจากนี้เราค่อยติดตามดูความเคลื่อนไหวของอาการโควิดรอบโลกและตลาดหุ้นอีกทีว่าจะทำให้น้ำมันโดนเทขายลงมาอีกทีไหม

    5️⃣ การประชุมนี้ได้ทำหน้าที่ Flatten The Curve ช่วยให้สต็อกน้ำมันของโลกจะไม่ล้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าแล้ว ! จริงอยู่ว่าน้ำมันจะยังล้นตลาดแต่อย่างน้อยเราจะไม่เห็นราคาน้ำมันกลับลงไปที่ bottom ของเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนแล้ว (เว้นแต่โควิดระบาดต่อรุนแรงไม่หายจริงๆ)

    ⚠️ ทางเราห่วงแค่อย่างเดียวคือการเริ่มลดกำลังการผลิตนั้นจะยังไม่เกิดขึ้นจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งนั้นคือหลัง Brent สัญญาเดือน June (ที่หลายคนคงคุ้นเคยเพราะคือสัญญาแรกสุด) จะหมดอายุลง ทำให้ Brent สัญญานี้อาจยังโดนเทขายได้อยู่เพราะไม่ได้รับรู้ข่าวดีเข้าไปเลย แต่ Brent สัญญาหลังๆนั้นจะได้รับแรงบวกแน่ๆครับ ⚠️

    สุดท้ายนี้สิ่งที่ต้องจับตามอง มีอะไรบ้าง

    1️⃣ การใช้น้ำมันของเดือนพฤษภาคมนั้นจะกลับขึ้นมาดีกว่าเดือนเมษานี้จริงหรือไม่ ? การ Lock Down จะเริ่มผ่อนคลายหรือยัง เริ่มจากที่สหรัฐเป็นหลักก่อนเลย

    2️⃣ สัญญาว่าจะลดกำลังการผลิตไม่ได้หมายความว่าจะลดจริงๆ ! เราต้องติดตามตัวเลขการผลิตว่าจะมีประเทศไหนโกงการผลิตไหม อัตราความร่วมมือ (Compliance rate) ต้องสูงมากถึงจะร่วมกันลดได้ถึง 23.5% ของการผลิตทั้งกลุ่มจริงๆ

    3️⃣ กรอบราคาทางเทคนิค Brent - เรามองว่าการลดกำลังการผลิตครั้งนี้จะทำให้ 25 เหรียญของ Brent กลับมาเป็นแนวรับเบื้องต้น ในขณะที่ถ้าสัญญาณการใช้น้ำมันดีขึ้น 40-45 เหรียญคือช่วง Gap ของราคาวันที่สงครามโดนประกาศ ถ้าตลาดมีแรงซื้อเข้ามาแรงๆนั้นน่าจะเป็นเป้าของเทรอเดอร์หลายๆคนในตลาด

    ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากราคาในกรอบ 30-35 เหรียญที่เราวางไว้ก่อนการประชุมน่าจะยังคงอยู่ได้ในเบื้องต้นครับ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดแบบทันท่วงที แนะนำให้กดไลค์ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของเราที่อัพเดทใหม่ๆ ⛔️

    #OilTradingKP

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    *อัพเดทสถานการณ์ในมาเลเซียประจำวันที่ 13 เมษายน 2563*

    1. ผู้ติดเชื้อสะสม 4,817 ราย (เพิ่ม 134 ราย) รักษาหายแล้วสะสม 2,276 ราย (เพิ่ม 168 ราย) เสียชีวิตสะสม 77 ราย (เพิ่ม 1 ราย)

    2. หลังจากการพิจารณาเรื่องการเปิดทำการของธุรกิจบางประเภทเพิ่มขึ้นในช่วงระยะที่ 3 ของมาตรการ MCO นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ออกแถลงตัดสินใจว่า ร้านตัดผม และร้านวัดสายตาและประกอบแว่น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการในช่วงมาตรการ MCO

    3. ขอย้ำว่า มาเลเซียได้ประกาศพื้นที่สีแดง (red zone) ที่มีผู้ป่วยมากกว่า 41 ราย/พื้นที่ ทั่วประเทศทั้งหมด 26 พื้นที่ สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ ดังนี้

    1. Petaling, Selangor
    2. Lembah Pantai, KL
    3. Hulu Langat, Selangor
    4. Klang, Selangor
    5. Gombak, Selangor
    6. Seremban, Negeri Sembilan
    7. Johor Bahru, Johor
    8. Kluang, Johor
    9. Kota Bharu, Kelantan
    10. Kinta, Perak
    11. Kepong, KL
    12. Titiwangsa, KL
    13. Hilir Perak, Perak
    14. Tawau, Sabah
    15. Kuching, Sarawak
    16. Bahtu Pahat, Johor
    17. Jerantut, Pahang
    18. Cheras, KL/Selangor
    19. Putrajaya
    20. Jasin, Melaka
    21. Kota Samarahan, Sarawak
    22. Sepang Petaling, Selangor
    23. Rembau, Negeri Sembilan
    24. Kuantan, Pahang
    25. Hulu Selangor, Selangor
    26. Melaka Tengah, Melaka

    หากมีอัพเดทสถานการณ์เพิ่มเติม สถานเอกอัครราชทูตฯ จะมาแจ้งให้พี่น้องคนไทยทราบต่อไป

    #เราจะสู้ไปด้วยกัน

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #หนุ่มใหญ่ชาวนราธิวาสตกตึกสถานกักตัวเสียชีวิต
    ชายวัย 51 ปี ชาว อ.แว้ง จ.นราธิวาส เสี่ยงโควิด-19 กักตัวที่โรงพยาบาลราชประชาสมาสัยได้ 13 วัน ตกชั้น 8 ลงมาเสียชีวิต สาเหตุเบื้องต้นกำลังตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายอับดุลเลาะ มะ อายุ 51 ปี ชาว ต.ฆอเลอะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำหน้า สวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล มีเลือดไหลนองเต็มพื้น และผู้ตายเป็นผู้ป่วยที่เข้ามากักตัวกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ทางแพทย์ที่ชันสูตร และเจ้าหน้าที่อาสาฯ ต้องสวมชุดป้องกันมิดชิดเข้าตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบนพื้นที่พบศพ โดยต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง จึงนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้
    จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเดินทางเข้าพื้นที่มา จ.สมุทรปราการ เมื่อปลายเดือนมีนาคม และเจ้าหน้าที่นำมากักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน เพราะประวัติอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายมีอาการเครียดมาก
    อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตไปทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานอาจเกิดจากความเครียด และสอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง.

    #ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตค่ะ

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศญี่ปุ่น ประจำวันที่ 13 เมษายน 2563

    ❖ ผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่น 7,404 คน (เพิ่มขึ้น 502 คนจากวันก่อนหน้า) (เอกสารแนบ)

    จังหวัดที่มีการติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

    (1) กรุงโตเกียว 2,068 คน

    (2) จังหวัดโอซากา 811 คน

    (3) จังหวัดคานากาวะ 544 คน

    (4) จังหวัดชิบะ 467 คน และ

    (5) จังหวัดไซตามะ 415 คน

    ❖ จังหวัดฮอกไกโด และเมืองซัปโปโร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกันตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน-6 พฤษภาคม 2563 เนื่องจากกังวลจะเกิดการระบาดระลอกสอง โดยมีมาตรการปิดสถานศึกษาในเมืองซัปโปโร และอีก 10 เมืองในจังหวัดชั่วคราว ขอให้ร้านอาหารปิดให้บริการ ขอให้งดเว้นการออกนอกที่พักอาศัย และคนนอกพื้นที่เมืองซัปโปโรงดเว้นเดินทางเข้าออกเมือง เป็นต้น

    ❖ นาย TANIMOTO Masanori ผู้ว่าราชการจังหวัดอิชิคาวะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดวันนี้ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 เนื่องจากพบการระบาดแบบคลัสเตอร์ในเมืองคานาซาวะ จำนวน 75 คน

    ข้อมูลจากเว็บไซต์ NHK  
    https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/
    https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/data/

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Day 15: วันที่สิบห้าของการ Lockdown ในมอสโก ( ๑๓ เมษายน ๒๕๖๓)

    แม้จะเป็นวันที่มีแสงแดดจ้า อุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส แต่ผู้คนในมอสโกก็ยังคงเผชิญกับการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสที่เพิ่มขึ้นทุกวัน รวมทั้งมาตราการที่เข้มข้นของรัฐบาล

    Good morning from Moscow! After another weekend at home, Muscovites are diving back into work and trying to enjoy small delights like sunny days as measures to combat the spread of coronavirus become increasingly strict. (Photo by hobbyenjoy on Instagram)

    Current temperature: 7C / 44F

    © Source : The moscowtimes

    © Photo : hobbyenjoy on Instagram

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    18.00น.13 เม.ย 63 ติดเชื้อCOVID-19
    ในภาคใต้ 513 คน เสียชีวิต 6คน เเบ่งเป็น

    -ภูเก็ต 178 คน
    -ยะลา 85 คน
    -ปัตตานี 77 คน
    -สงขลา 56 คน
    -สุราษฎร์ฯ 18 คน
    -นราธิวาส 28 คน
    -กระบี่ 16 คน
    -สตูล 17 คน
    -นครศรีฯ12 คน
    -พัทลุง 14 คน
    -ตรัง 7vคน
    -ชุมพร 4 คน
    -พังงา 1 คน

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Apr 13 , 2020 ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยามะเร็งสหรัฐฯ เตือนให้เตรียมใจรองรับสถานการณ์โควิด19 เชื่อกว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติต้องรออีก 15 – 18 เดือน ดังนั้นธุรกิจขนาดเล็กต้องวางแผนให้ดี
    .
    ดร. เอซเคียล เจ. เอมานูเอล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยามะเร็งที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียและหนึ่งในผู้วางแผนโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Al Arabiya ว่า วิถีชีวิตตามปกติ เช่น การออกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร การเข้าชมคอนเสิร์ต หรือชมการแข่งขันกีฬา จะไม่กลับมาเป็นดังเดิมจนกว่าถึงสิ้นปีหน้า (2564) เป็นอย่างช้า เพราะกว่าจะถึงช่วงเวลานั้นโลกของเราจะยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19
    .
    โดยเบื้องต้นไม่คิดว่าโลกของเราจะมีวัคซีนโควิด-19 ได้ก่อนปีหน้า และประชาชนจะต้องกักกันตัวต่อไปจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม - กันยายนของปี 2564 ซึ่งเป็นคาดการณ์ในแง่บวกและคาดหวังอย่างสูงว่าจะมีวัคซีนภายในเวลา 15 - 18 เดือนจากนี้
    .
    ดังนั้นจะไม่สามารถเปิดเศรษฐกิจให้กลับมาได้ภายในสิ้นเดือนเมษายน เราต้องเตรียมประเทศ นี่เป็นกระบวนการยาวนาน 18 เดือน เราต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่การช่วยเหลือแค่สองสามสัปดาห์ หากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กขอให้พยายามวางแผนพร้อมรับ 18 เดือน แค่ 8 สัปดาห์มันไม่พอ
    .
    #ไวรัสโควิด19 #ใช้ชีวิตปกติ #ปีหน้า #Misterban

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (13 เมษา) นร. ม. ปลาย Strike ไม่ไปรร. ที่จ. อิบารากิ ประท้วงทางจังหวัดไม่ยอมให้หยุด ทั้ง ๆ ที่โควิด-19 ยังระบาดอย่างต่อเนื่อง

    - จ. อิบารากิให้รร. ที่อยู่ใกล้จ. โตเกียวและจ. ชิบะหยุดเท่านั้น แต่บางเมืองอย่างมิโตะยังคงเปิดอยู่

    - เด็กโพสต์ทวีตเรียกร้องพร้อมออกจดหมายอธิบายถึงเหตุผล รวมทั้งเรียกร้องให้เด็ก ม. ปลายหยุดเรียนเพื่อประท้วงในวันที่ 8-10 เมษาที่ผ่านมา (ดูภาพ)

    - เด็กนร. ม. ปลายรร. ม. ปลายฮิตาจิที่ 1 จากเมืองฮิตาจิ รวมตัวกันหยุดตามคำเรียกร้อง

    - ตอนแรกผู้ว่าไม่รับฟัง

    - แต่สุดท้ายวันนี้ (13 เมษา) ผู้ว่า จ. อิบารากิยอมเปลี่ยนใจและประกาศให้รร. สังกัดเมืองทั้งจังหวัดหยุดเรียนตั้งแต่ 14 เมษา - 6 พ.ค.

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19



    https://news.livedoor.com/article/detail/18114770/

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    13 เมย / ยะลา/ ติดเชื้อ พุ่ง / +5 ราย / เทียบเคียง วันวาน +2 ราย

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    https://mgronline.com/around/detail/9630000038036

    จากการบริหารอย่างเข้มข้นของสิงคโปร์ ในตอนแรก ประสบความสำเร็จ และเริ่มเปิดให้คนกลับบ้าน หลังกัก 14 วัน แต่ปะทุใหม่ คนไร้อาการแต่แพร่เชื้อได้

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนถ้าผ่อน “ล็อกดาวน์” โควิด-19 จะมาใหม่ และจะรุนแรงขึ้น

    ทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง เขียนบทความลงในวารสาร The Lancet เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่าการ “ผ่อนปรน” มาตรการล็อกดาวน์หลังจากนี้ ในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มนิ่ง และสามารถลดความชันกราฟได้แล้ว จะไม่ง่ายนัก รวมถึงมีความเสี่ยงสูงที่โรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดใหม่อีกครั้งในประเทศ หากประชาชนในประเทศเหล่านี้ ยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ต่อโรคโควิด-19 และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

    https://www.hfocus.org/content/2020/04/18956

    #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19 #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #ล็อกดาวน์

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สธ.เตรียมเตียง-เครื่องช่วยหายใจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 มั่นใจเพียงพอ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน

    กระทรวงสาธารณสุข จับมือทุกเครือข่ายโรงพยาบาลในกรุงเทพฯและปริมณฑล เตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ถึง 2,701 เตียง ประกอบด้วย เตียงสำหรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง1,978 เตียง เตียงไอซียูอีก 120 เตียง แล ะHospitel อีก 603 ห้อง รองรับผู้ป่วยส่งต่อรักษาดูอาการ ส่วนเครื่องช่วยหายใจเตรียมชนิดสูงสุด 2 เท่าของเตียงผู้ป่วยวิกฤต มั่นใจสถานการณ์ ณ เวลานี้มีเตียงและเครื่องช่วยหายใจเพียงพอแน่นอน

    https://www.hfocus.org/content/2020/04/18960

    #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19 #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สภาเภสัชฯ ชี้ ‘โควิด-19’ กระทบผลิตยา ทำผู้ป่วยเรื้อรังขาดยา แนะรัฐจัดการ 5 ข้อมียาพอใช้-ต่อเนื่อง

    สภาเภสัชกรรม ร่วมกับหลายภาคส่วนประชุมรับมือผลกระทบโควิด-19 ส่งผลต่อการผลิตยา พร้อมเสนอแนวทางแก้ปัญหาแก่รัฐบาล 5 ข้อ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นมียาใช้เพียงพออย่างต่อเนื่อง

    https://www.hfocus.org/content/2020/04/18961

    เมื่อเร็วๆ นี้ สภาเภสัชกรรม และแผนงานพัฒนาวิชาการและสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ได้จัดประชุมโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคราชการและเอกชน เพื่อหารือถึงปัญหาการระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการและกระจายยา โดยเฉพาะยาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่จำเป็นต้องใช้ยา และบางรายการต้องใช้อย่างต่อเนื่อง จำเป็นที่กระทรวงสาธารณสุขต้องจัดระบบการบริหารจัดการต่างไปจากภาวะปกติ เนื่องจากการระบาดของโรคกระจายไปทั่วโลก และขณะนี้ระบาดหนักในประเทศผู้ผลิตวัตถุดิบยาและผลิตภัณฑ์ยารายใหญ่ ไม่ว่า จีน อินเดีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

    ทั้งนี้ สภาเภสัชกรรม แจ้งต่อสื่อมวลชนถึงผลการประชุม ซึ่งได้จัดทำข้อเสนอรัฐบาลในการจัดการ ดังนี้

    1.รัฐบาลต้องจัดให้มีกลไกกลางในการจัดหาและกระจายยาในรายการที่จำเป็น โดยเชื่อมโยงการบริหารระดับนโยบาย ระดับบริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น องค์การเภสัชกรรม สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน สภาเภสัชกรรม และนักวิชาการด้านยา

    2.กระทรวงสาธารณสุขต้องมีนโยบายให้สถานบริการสั่งซื้อยาล่วงหน้า 6 เดือน แต่ทยอยการจัดส่งทุก 1-2 เดือน เพื่อให้โรงงานเตรียมจัดหาวัตถุดิบในการผลิตล่วงหน้า

    3.ให้สถานบริการเร่งรัดการจ่ายเงินให้รวดเร็วภายในไม่เกิน 1 เดือนหลังจากได้รับใบแจ้งหนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมยาสามารถสำรองวัตถุดิบยาได้ 6 เดือนที่นานกว่าการสำรองปกติที่ 3 เดือน

    4.ในกรณีจำเป็นตามคำเรียกร้องของสมาคมผู้ผลิตยาแผนปัจจุบัน ให้รัฐบาลประสานกับประเทศจีน อินเดีย และประเทศผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อซื้อวัตถุดิบยาในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจัดเครื่องบินไปรับวัตถุดิบยา ผลิตภัณฑ์ยา รวมถึงบรรจุภัณฑ์

    5.ให้อุตสาหกรรมยาสำรองวัตถุดิบในการผลิตยา 6 เดือนรวมทั้งองค์การเภสัชกรรม

    #COVID19 #โควิด19เราต้องรอด #โควิด19 #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #สภาเภสัชกรรม

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สำหรับบุคลากรทางสาธารณสุข

    โควิด-19 มีผลกระทบต่อหัวใจด้วย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    1/3/63
    จากการอักเสบอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นร่วมกับการติดเชื้อทำให้มีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เส้นเลือดหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดปกติ
    ความรุนแรงของโรค เป็นผลร่วมกันระหว่างการติดเชื้อและการตอบสนองที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย
    และแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ ปอดบวมก็ตาม แต่มีอวัยวะอย่างอื่นร่วมอยู่ด้วย ที่สำคัญคือหัวใจ 
    รายงานดังที่ได้มีการเสนอตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2563 และมีรายงานต่อตามมาดัง ที่มีใน BBC

    Conclusions and Relevance Coronavirus disease 2019 is associated with a high inflammatory burden that can induce vascular inflammation, myocarditis, and cardiac arrhythmias.

    https://www.bbc.com/thai/features-5...&at_custom2=facebook_page&at_custom3=BBC+Thai

    https://jamanetwork.com/journals/jamacardiology/fullarticle/2763846

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200413_202817.jpg

    (Apr 13) ‘บทเรียนจากสิงคโปร์’ ทำไมตอนแรกเหมือนคุมโควิด-19ได้อยู่หมัด แต่แล้วก็ต้องประกาศล็อกดาวน์ : หลังจากในช่วงต้นๆ ได้รับคำยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประเทศแบบอย่างซึ่งสามารถรับมือได้ดีกับการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 แต่มาถึงเวลานี้สิงคโปร์ส่งสัญญาณแสดงว่ากำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสยบการพุ่งพรวดระลอกใหม่ของโรคระบาดจากไวรัสโคโรนานี้

    สิงคโปร์เคยอยู่ในระดับมาสเตอร์เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นโมเดลที่ชาติอื่นๆ พึงกระทำตามมาก่อน ในเรื่องวิธีจัดการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    ก่อนที่เชื้อโรคร้ายแรงนี้จะได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ สิงคโปร์ก็สั่งเข้มงวดกวดขันจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศ รวมทั้งมีการปฏิบัติการอย่างได้ผลทรงประสิทธิภาพในการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งสามารถยับยั้งการระบาดของไวรัสไม่ให้ปะทุรุนแรงได้

    ทว่าในระยะไม่กี่วันหลังๆ มานี้ จำนวนของเคสที่ยืนยันว่าติดเชื้อกลับขึ้นทะยานลิ่ว วันพฤหัสบดี (9 เม.ย.) กลายเป็นวันซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุดนั่นคือ 287 ราย มากกว่าวันพุธ (8) ซึ่งเจอ 142 เคส แล้วก็สูงกว่าวันศุกร์ (10) ที่มี 198 ราย

    ส่วนใหญ่ที่สุด ผู้ติดเชื้อรายใหม่เหล่านี้มาจากย่านที่พักอาศัยอันแออัดยัดเยียดของพวกคนงานอพยพ

    หลังจากพยายามหลีกเลี่ยงมาได้เป็นเวลานับเดือน ถึงตอนนี้สิงคโปร์กำลังต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นบางส่วน โดยที่โรงเรียนสถานศึกษาและพวกธุรกิจซึ่งไม่มีความจำเป็น จะต้องปิดทำการ และประชาชนได้รับการขอร้องให้อยู่กับบ้าน

    สิงคโปร์ทำอะไรบ้างในช่วงแรกซึ่งทำให้ได้รับยกย่องว่าเป็นตัวอย่าง ?

    สิงคโปร์เจอผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นรายแรกของประเทศตนตั้งแต่ตอนต้นๆ ของการระบาดแล้ว เคสนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมาจากเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 23 มกราคม วันเดียวกับที่เมืองศูนย์กลางการระบาดของไวรัสในจีนแห่งนั้นถูกประกาศล็อกดาวน์ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงที่โรคอันเกิดจากไวรัสนี้ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ นั่นคือ “โควิด-19” มันก็มีการแพร่กระจายไปในหมู่ประชากรของประเทศร่ำรวยเล็กๆ เสมือนเป็นนครรัฐแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่การตอบโต้รับมือซึ่งผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างดีก็พรักพร้อมใช้งานได้เช่นเดียวกัน

    นอกเหนือจากการตรวจเช็กสุขภาพที่สนามบินแล้ว สิงคโปร์ยังดำเนินการตรวจเทสต์อย่างกว้างขวางโดยมุ่งให้ครอบคลุมผู้ต้องสงสัยทุกๆ ราย, ติดตามสืบหาใครก็ตามที่มีการสัมผัสติดต่อกับเคสที่ยืนยันแล้วว่าติดเชื้อ, และจำกัดให้พวกที่สัมผัสติดต่อเหล่านี้อยู่แต่ในบ้านของพวกตนจนกว่าจะได้รับการเคลียร์ว่าปลอดเชื้อ

    หลายสัปดาห์ต่อจากนั้น สิงคโปร์ทุ่มเทความพยายามในการคงจำนวนเคสในประเทศให้อยู่ในระดับต่ำและสามารถติดตามสอบสวนโรคได้ โดยมีผู้ติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อน (cluster) เพียงแค่กลุ่มเล็กๆ ซึ่งง่ายต่อการควบคุมปิดกั้น แต่ไม่ได้มีการใช้มาตรการจำกัดควบคุมอย่างแท้จริงต่อการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติของประชาชน

    กระนั้น ศาสตราจารย์ เดล ฟิชเชอร์ (Dale Fisher) กรรมการคนหนึ่งของเครือข่ายเตือนภัยและตอบโต้ระดับทั่วโลก (WHO's Global Outbreak Alert and Response Network) ขององค์การอนามัยโลก และเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ บอกว่า ในตอนนั้น เมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินคนพูดกันว่าสิงคโปร์กำลังทำได้ดี เขาก็ต่อให้ว่า “เท่าที่เป็นอยู่จนถึงตอนนี้นะ”

    “นี่เป็นเชื่อโรคที่ยากลำบากแก่การจำกัดควบคุมจริงๆ” เขาบอก

    แล้วเมื่อไหร่ที่อะไรต่อมิอะไรเริ่มต้นเลวร้ายลง?

    ระบบที่วางไว้ทำงานไปได้จนกระทั่งถึงกลางเดือนมีนาคม ศาสตราจารย์ยิกยิง เตียว (Yik-Ying Teo) คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ ซอว์ สวี ฮก (Saw Swee Hock School of Public Health) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ บอก

    นั่นเป็นช่วงเวลาซึ่งเมื่อสถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้นตลอดทั่วโลกแล้ว ประเทศต่างๆ ก็เริ่มต้นเรียกร้องให้พลเมืองของพวกตนเดินทางกลับบ้าน

    ผู้คนจำนวนหลายพันเดินทางกลับสิงคโปร์จากพวกประเทศซึ่งไม่ได้มีมาตรการป้องกันแข็งขันอะไร ปรากฏว่าในหมู่ผู้คนเหล่านี้ มีกว่า 500 คนซึ่งนำเอาเชื้อไวรัสกลับมาพร้อมพวกเขาด้วย

    ตอนนั้นเองที่มีการประกาศใช้มาตรการบังคับให้พวกซึ่งเดินทางกลับมาต้องอยู่บ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทว่าคนอื่นๆ ในครอบครัวของพวกเขาได้รับแจ้งว่าสามารถที่จะดำเนินชีวิตของพวกเขาได้ต่อไป ตราบเท่าที่ยังไม่มีใครแสดงอาการป่วยไข้ใดๆ

    ช่วงนี้เองเคสผู้ติดเชื้อใหม่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เมื่อถึงกลางเดือนมีนาคมก็กลายเป็นวันละหลายสิบราย ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งเป็นผู้ป่วยที่มาจากต่างประเทศหรือเชื่อมโยงพัวพันกับเคสที่มาจากต่างประเทศ ทว่าตอนนั้นเป็นครั้งแรกซึ่งไม่สามารถติดตามสอบสวนเคสภายในประเทศทุกๆ เคสได้อย่างสะดวกง่ายดายอีกแล้ว

    ศาสตราจารย์เตียวกล่าวว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดในตอนนี้ซึ่งเวลาได้ล่วงเลยไปแล้ว ว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่จำกัดการติดต่อพบปะผู้คนกระทั่งคนในครอบครัวของผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงก็คือ “มาถึงเวลานี้ เรามีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเกี่ยวกับโรคนี้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม”

    “ตอนนี้เรารู้แล้วว่า การแพร่โรคจากผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนั้นเป็นเรื่องซึ่งเป็นไปได้อย่างแน่นอน –นี่แหละที่เกิดขึ้นมา และอาจจะเป็นตัวขับดันตัวหลักของการติดต่อของโควิด-19 ทีเดียว” ศาสตราจารย์เตียว บอก

    ศาสตราจารย์เตียว กล่าวด้วยว่า การออกมาตรการต่างๆ มาใช้นั้น หลายๆ อย่างเป็นการวิวัฒนาการขึ้นจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ว่าผู้ติดเชื้อกำลังแพร่มาจากที่ไหน แต่บทเรียนของสิงคโปร์ก็คือ เราควรใช้ท่าทีระมัดระวังให้มาก อย่าได้พึ่งพาอาศัยข้อมูลข่าวสารที่เรามีอยู่ในเวลานี้ให้มากจนเกินไป ตัวอย่างเช่น การเชื่อว่าผู้ที่หายจากโรคนี้จะมีภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถป้องกันการติดโรคในอนาคต ในขณะที่เรื่องเช่นนี้ยังห่างไกลจากความแน่นอนชัดเจน

    การแพร่ระบาดที่พุ่งพรวดในช่วงหลังๆ ของสิงคโปร์ มีสาเหตุจากอะไร?

    ปัญหาเรื่องผู้ติดเชื้อที่อิมพอร์ตมาจากต่างแดน เวลานี้สิงคโปร์กำลังดูแลแก้ไข ด้วยการกำหนดให้ผู้มาถึงใหม่ทุกๆ คนต้องถูกส่งตรงไปยังสถานกักกันโรคของรัฐบาล และเนื่องจากเวลานี้มีคนเดินทางมาเพียงแค่จำนวนน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นตัวเลขของเคสอิมพอร์ต จึงลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียวในระยะไม่กี่วันหลังๆ มานี้

    ในคืนวันอังคาร (7 เม.ย.) สิงคโปร์ยังออกกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการล็อกดาวน์กันทั่วทั้งประเทศเป็นบางส่วนบางระดับ เพียงแต่ไม่ได้ใช้คำๆ นี้เท่านั้น

    ทุกๆ คนถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกบ้านยกเว้นเพื่อกระทำกิจกรรมที่มีความจำเป็น โดยผู้ละเมิดอาจถูกปรับสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 230,000 บาท) หรือจำคุก 6 เดือน

    ศาสตราจารย์เตียวให้ความเห็นว่า มาตรการนี้น่าจะได้ผล พร้อมย้ำว่าขณะที่ตัวเลขต่างๆ น่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอีกในระยะสั้น ทว่านั่น “คือการสะท้อนภาพของสิ่งที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในระยะ 7 วันที่ผ่านมา มันยังไม่ได้หมายความว่ามาตรการต่างๆ ที่ใช้อยู่นั้นไม่ได้ผล”

    กระนั้น การเพิ่มทะยานขึ้นอย่างน่ากลัวของเคสผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงสัปดาห์สิ้นเดือนมีนาคมต่อกับต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ารวมศูนย์อยู่ที่ประชากรคนงานอพยพของสิงคโปร์ นั่นคือ ผู้ใช้แรงงานชายจำนวนหลายแสนคนซึ่งเดินทางมาจากพวกประเทศยากจน โดยส่วนใหญ่ถูกว่าจ้างให้ทำงานในกิจการการก่อสร้าง, การเดินเรือ, และการซ่อมบำรุง

    สิงคโปร์ในปัจจุบันต้องพึ่งพาอาศัยคนงานเหล่านี้เป็นอย่างมาก ในการประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ปรากฏว่าการงานของพวกเขาทำให้การเว้นระยะห่างทางสังคมแทบเป็นไปไม่ได้เลย

    เรื่องที่แย่ยิ่งกว่านั้นอีกก็คือ กฎหมายของสิงคโปร์กำหนดให้คนงานเหล่านี้ต้องพักอาศัยกันในหอพัก ซึ่งดำเนินการโดยเอกชนและพวกเขาถูกจัดสรรให้อยู่กันอย่างแออัด บางกรณี 12 คนต่อห้อง โดยต้องใช้ห้องน้ำรวม เช่นเดียวกับต้องแบ่งกันใช้สถานที่ประกอบอาหารและกิจกรรมทางสังคมต่างๆ

    มันจึงดูเหมือนแทบหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หอพักเหล่านี้จะต้องกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อซึ่งแพร่ให้ผู้คนป่วยไข้ติดต่อกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน แล้วความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้แหละ มีเคสที่เวลานี้ยืนยันแล้วเกือบๆ 500 รายทีเดียวซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มก้อนตามหอพักเช่นนี้หลายๆ แห่ง โดยที่มีกลุ่มหอพักกลุ่มหนึ่งกลายเป็นจุดซึ่งพบผู้ป่วยถึงราว 15% ของทั่วทั้งสิงคโปร์

    รัฐมนตรีเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ ลอว์เรนซ์ หว่อง แถลงในวันพฤหัสบดี (9) ว่า ถ้าหากเป็นที่ทราบกันก่อนหน้านั้นว่าไวรัสนี้สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน “ผมก็คงจะทำอะไรต่ออะไรแตกต่างไปจากนี้” ทว่าในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ คนงานจำนวนมากยังคงทำงานต่อไปทั้งๆ ที่มีอาการป่วยไข้

    เรื่องที่หวาดกลัวกันก็คือ ประมาณสัปดาห์หน้า จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นแบบทะยานขึ้นฟ้ากันทีเดียว

    สิ่งซึ่งทางการสิงคโปร์ดำเนินการเพื่อสกัดกั้นปัญหาไม่ให้บานปลายออกไปอีก ได้แก่ การเร่งรัดกักกันโรคคนงานอพยพ รวมเป็นจำนวนราว 50,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อพยพมาจากอินเดียและบังกลาเทศ โดยให้พวกเขาอยู่กันแต่ในห้องพักภายในหอพักเหล่านี้ ทางการระบุว่าเป็นมาตรการอันจำเป็นเพื่อลดทอนการติดต่อแพร่เชื้อในระหว่างผู้คนภายในสิงคโปร์เอง

    อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเช่นนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ และจากพลเมืองชาวสิงคโปร์ ขณะที่รายงานของสื่อต่างๆ เผยให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดยัดเยียและไม่มีสุขอนามัยของหอพักเหล่านี้ ซึ่งข่าวบอกว่ามันอัดแน่นจนกระทั่งเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้พักอาศัยแต่ละคนจะอยู่ให้ห่างจากกันอย่างน้อย 1 เมตร

    “พวกเขาอยู่กันในหอพักที่แออัด และเบียดเสียดกันยังกับปลากระป๋อง” ทอมมี่ โก๊ะ ศาสตราจารย์และคณบดีของวิทยาลัยเทมบุซุ (Tembusu College) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวในโพสต์ทางเฟซบุ๊ก ที่ได้รับการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง “หอพักพพวกนี้เหมือนกับระเบิดเวลาที่รอจะตูมตามขึ้นมา”

    กลุ่มฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ก็สำทับว่า การกักกันโรคให้อยู่ในหอพัก กลายเป็นการสร้าง “จุดอันตราย” สำหรับการแพร่เชื้อ และรบเร้ารัฐบาลให้ตรวจเทสต์คนงานทั้งหมด และโยกย้ายผู้เจ็บป่วยไปยังสถานรักษาพยาบาล

    หลังจากนั้น ได้มีคนงานกว่า 5,000 คนถูกโยกย้ายไปสู่สถานที่ซึ่งปลอดภัยมากขึ้น และจำนวนมากยิ่งขึ้นจะได้โยกย้ายในวันต่อๆ ไป รัฐมนตรีหว่องกล่าวในการแถลงข่าววันพฤหัสบดี (9) ขณะที่นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ก็บอกว่า มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ประกอบด้วยบุคลากรของฝ่ายรัฐบาล, ทหาร, และตำรวจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการหอพักเหล่านี้ และคนงานซึ่งพำนักอาศัย

    “เรากำลังทุ่มเทความพยายามอย่างชนิดไม่มีกั๊ก เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสในหอพักคนงานต่างชาติ” หว่อง รับประกัน

    ใช่ไหมว่ากรณีของสิงคโปร์แสดงว่าเราไม่สามารถควบคุม‘ไวรัสโควิด-19’ได้ ?

    ถึงแม้มีบางคนบางฝ่ายกล่าวหาว่า สิงคโปร์เชื่อช้าเกินไปในการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วน แต่ศาสตราจารย์ฟิชเชอร์แก้ต่างให้ว่า อันที่จริงแล้วสิงคโปร์ได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ ก่อนหน้าประเทศอื่นๆ นานทีเดียวด้วยซ้ำ ขณะที่จำนวนเคสยังคงอยู่ในระดับเกินกว่าวันละ 100 รายไม่มาก

    แต่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ให้ได้ผลนั้น เขาชี้ว่าจำเป็นต้องทำ 3 เรื่องให้สำเร็จ ประการแรกต้องยุติการแพร่เชื้อให้ได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อทุกๆ คนอยู่กับบ้าน จากนั้นระบบดูแลรักษาสุขภาพจำเป็นต้องมีเวลาและมีที่ทางสำหรับการฟื้นตัว เป็นต้นว่าพอจะมีเตียงว่างกันบ้าง และบุคลากรทางการแพทย์สามารถหาเวลาสำหรับหยุดพัก และประการที่สามคือ ระบบทุกๆ อย่างต้องพรักพร้อม ทั้งเรื่องสถานที่กักกันโรค, ความสามารถในการกักกันโรค, อำนาจทางกฎหมายข้อบังคับต่างๆ, การติดตามหาผู้สัมผัสติดต่อกับผู้ติดเชื้อ

    “ถ้าคุณแค่ทำอย่างหนึ่งหรือสองอย่าง จากนั้นก็เปิดเมืองขึ้นมาอีกครั้ง ประวัติศาสตร์ก็จะต้องเกิดซ้ำรอยแน่ๆ” เขาเตือน

    สิงคโปร์ยังถือว่ามีบุญกว่าในแง่มุมนี้ ตัวอย่างเช่น ไม่เหมือนในอังกฤษหรือในสหรัฐฯ ระบบการแพทย์ของสิงคโปร์ยังไม่ได้ไปถึงจุดที่คนป่วยท่วมท้นรับมือไม่ไหว

    นอกจากนั้นสิงคโปร์ยังมีพรรคการเมืองที่มีฐานะครอบงำเด็ดขาดเพียงพรรคเดียว และมีสื่อมวลชนที่โอนอ่อนตามรัฐบาล

    กระนั้นศาสตราจารย์ฟิชเชอร์เตือนว่า กระทั่งสิงคโปร์สามารถที่จะส่งข่าวสารข้อความอันชัดเจนแจ่มแจ้งไปถึงชุมชนซึ่งมีความไว้วางใจในรัฐบาลอยู่แล้ว แต่เขายังคงเป็นห่วงว่า “ชาวสิงคโปร์โดยเฉลี่ย ยังคงไม่ได้ตระหนักซาบซึ้งถึงความสำคัญของบทบาทของพวกเขาแต่ละคน”

    “พวกเขาอาจจะพูดกันว่า ใช่ สิงคโปร์ควรต้องทำอย่างนี้ แต่ว่าฉันกำลังจะต้องไปเยี่ยมแม่สักหน่อยนึงนะ”

    ภายในสองวันแรกที่บังคับใช้กฎหมายใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องว่ากล่าวตักเตือนพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมายมากกว่า 10,000 ครั้ง เป็นต้นว่า การนั่งรับประทานอาหารในโรงอาหารข้างล่างของแฟลต แทนที่จะซื้อห่อกลับไป ตลอดจนการสังสรรค์กันในที่สาธารณะ

    จากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เวลานี้ ทุกๆ ประเทศต่างกำลังมองหาสิ่งที่สามารถถือเป็นสัญญาณของความหวัง ทว่าบทเรียนซึ่งสรุปได้จากสิงคโปร์ก็คือว่า เราไม่สามารถที่จะเผลอเพลินนิ่งนอนใจได้เลย และทุกๆ ประเทศต้องเตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับการเผชิญกับระลอกการระบาดครั้งที่ 2 รวมทั้งความเป็นไปได้ที่อาจจะมีระลอกที่ 3 หรือกระทั่งระลอกที่ 4

    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    https://mgronline.com/around/detail/9630000038036

    เพิ่มเติม
    - Singapore sees jump in virus cases as second wave grows
    http://theindependent.sg/singapore-sees-jump-in-virus-cases-as-second-wave-grows/

    - สิงคโปร์เผยยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่ง2,532ราย หลังเผชิญการระบาดในชุมชน
    https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=c2VYU0NSZUdXOWc9

    - #เราไม่ทิ้งกัน เวอร์ชั่นสิงคโปร์ รัฐบาลเตรียมแจกเงินประชาชนถ้วนหน้า 14,000 บาท สู้ภัยโควิด-19
    https://brandinside.asia/solidarity-budget-singapore-covid-19/
     

แชร์หน้านี้

Loading...