ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างโรงครัวด่วน - ด้วยวัตถุมงคล - ประกาศปิดรับบริจาคแล้วครับ

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย พระครูวินัยธรสุพิน, 5 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Beer1469

    Beer1469 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +1,078
    พระทำบุญ

    ชุดที่ 2 ครับ บูชาองค์ละ 150 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3891.jpg
      IMG_3891.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      33
    • IMG_3892.jpg
      IMG_3892.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_3893.jpg
      IMG_3893.jpg
      ขนาดไฟล์:
      999.2 KB
      เปิดดู:
      29
    • IMG_3894.jpg
      IMG_3894.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      37
    • IMG_3916.jpg
      IMG_3916.jpg
      ขนาดไฟล์:
      667.4 KB
      เปิดดู:
      39
    • IMG_3917.jpg
      IMG_3917.jpg
      ขนาดไฟล์:
      782.8 KB
      เปิดดู:
      31
    • IMG_3918.jpg
      IMG_3918.jpg
      ขนาดไฟล์:
      691.8 KB
      เปิดดู:
      32
    • IMG_3895.jpg
      IMG_3895.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      38
    • IMG_3896.jpg
      IMG_3896.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      37
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2008
  2. Beer1469

    Beer1469 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +1,078
    พระทำบุญ

    ชุดที่ 3 ครับ บูชา 199 บาทครับ (จตุคาม มี 2 องค์ครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3887.jpg
      IMG_3887.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_3888.jpg
      IMG_3888.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      39
    • IMG_3897.jpg
      IMG_3897.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_3898.jpg
      IMG_3898.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      34
    • IMG_3914.jpg
      IMG_3914.jpg
      ขนาดไฟล์:
      819.5 KB
      เปิดดู:
      34
    • IMG_3915.jpg
      IMG_3915.jpg
      ขนาดไฟล์:
      876.6 KB
      เปิดดู:
      37
    • IMG_3905.jpg
      IMG_3905.jpg
      ขนาดไฟล์:
      685.8 KB
      เปิดดู:
      30
    • IMG_3906.jpg
      IMG_3906.jpg
      ขนาดไฟล์:
      744.5 KB
      เปิดดู:
      40
    • IMG_3907.jpg
      IMG_3907.jpg
      ขนาดไฟล์:
      743.5 KB
      เปิดดู:
      33
  3. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ขออำนาจพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ จงดลบันบาลบุญที่ข้าเจ้าสร้างมาทั้งหมด

    จงถึงแก่โยมทุกท่านเทอญสาธุ
     
  4. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    วันนี้ 8 ต.ค.51 ผมได้โอนเงินร่วมบุญแล้วครับ 200 บาท
     
  5. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307

    สาธุขออนโมทนาบุญ
     
  6. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    หลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี

    (หลวงพ่อสด จนฺทสโร)



    จิตของตัวที่เดิมอาบในลูกที่เกิดในอกของตนนั่นแหละ จำได้รสชาติใจนั้นแน่ เอาใจดวงนั้นแหละ เอาไปรักใคร่เข้าในบุคคลอื่นทุกคน เหมือนกับลูกของตน ให้มีรสมีชาติอย่างนั้น ถ้ามีรสมีชาติอย่างนั้นละ เมตตาพรหมวิหารของตนเองป็นแล้ว เมื่อเมตตาพรหมวิหรเป็นขึ้นเช่นนี้ แล้วอัศจรรย์นัก ไม่ใช่พอดีพอร้ายให้ใช้อย่างนี้ ใช้จิตของตนให้เอิบอาบ ถ้าว่าทำจิตไม่เป็น ก็แผ่ได้ยาก ไม่ใช่แผ่ได้ง่าย แต่ลูกของตนแผ่ได้ ลูกออกใหม่ ๆ น่ะ เอิบอาบ ซึมซาบ รักใคร่ ถนอมกล่อมเกลี้ยงบุตรของตนกระฉับกระเฉงแน่นแฟ้นเพียง ใด ให้เอาจิตดวงนั้นแหละมาใช้เรียกว่า เมตตาพรหมวิหาร เอาไปใช้ในคนอื่นเข้าก็รักใคร่อย่างนั้นแหละ เมตตรารักใคร่อย่างนั้นแหละ เมตตารักใคร่อย่างบุตรน่ะ



    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุคคลที่เข้าถึงแล้ว ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถึงพระพุทธเจ้า ก็ถึงตัวธรรมกาย ถึงตัวธรรมกายก็เหมือนถึงพระพุทธเจ้า ถึงธรรมกายได้ธรรมกาย ไปกับธรรมกายได้ ไปนรก สวรรค์ ไปนิพพานได้ ผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ ถึงพุทธรัตนเช่นนี้ละ ก็จะรู้จักคุณพุทธรัตนว่า ให้ความสุขแก่ตัวแค่ไหน บุคคลใดเข้าถึงแล้วก็ปราบปลื้มเอิบอิ่มตื้นเต็ม สบายอกสบายใจ เพราะพุทธรัตนบันดาลสุขให้แล้ว ส่งความสุขให้แล้ว ถึงว่าจะให้ความสุขเท่าไร มากน้อยเท่าไร ตามความปรารถนา สุขกายสบายใจ เรามีอายุยืนเจริญหนักเข้า มีอายุยืน ทำหนักเข้า ทำชำนาญหนักเข้า ในพุทธรัตนมีคุณเอนก เวลาเจ็บก็ไม่อาดูรไปตามกาย เวลาจะตาย ก็นั่งยิ้มสบายอกสบายใจ เห็นแล้วว่าละจากกายนี้ มันจะไปอยู่โน้น เห็นที่อยู่ มีความปรารถนา นี่คุณของพุทธรัตนพรรณาไม่ไหวนี้เรียกคุณพระพุทธเจ้า คือ ธรรมกาย



    เราตั้งใจแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ท่านตั้งอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านสอนอย่างไร ท่านก็สอนว่า ท่านสอนพวกเราให้อดใจ ให้อดทนคืออดใจ อดใจเวลาโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น หยุดนิ่งเสีย รู้นี่รสชาติอภิชฌา อยากจะได้สมบัติของคนอื่นเป็นของ ๆ ตน อยากกว้างขวาง ใหญ่โตไปข้างหน้า ต้องหยุดเสีย อดทนหรืออดใจเสีย ประเดี๋ยวก็ดับไป ดับไปด้วยอะไร ด้วยความอดทน คืออดใจนั่นแหละ ความโกรธประทุษร้ายเกิดขึ้น นิ่งเสีย อดเสีย ไม่ให้คนได้ยิน ไม่ให้คนอื่นรู้กิริยาท่าทางทีเดียว ไม่แสดงกิริยามารยาทให้ทะเลิกทะลัก แปลกประหลาดอย่างผีเข้าทีเดียว ไม่รู้ทีเดียว นิ่งเสีย ประเดี๋ยวหนึ่ง ความโกรธประทุษร้ายหายไป ดับไป พยาบาทนั้นหายไป มิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มิจฉาทิฏฐินั้นแปลว่าเห็นผิดละ รู้อะไรไม่จริงสักอย่าง เลอะ ๆ เทอะ ๆ เกิดขึ้น หยุดเสีย ไม่ช้าประเดี๋ยวดับไป



    นั่นแหละความโลภเกิดขึ้น อภิชฌาให้ดับไปได้ อภิชฌาเกิดขึ้นชั่วขณะ อดเสียให้ดับไปได้ ฆ่าอภิชฌาตายครั้งหนึ่ง นั่นเป็นนิพพานปัจจัยเชียว จะถึงพระนิพพานโดยตรงทีเดียว ความพยาบาทเกิดขึ้นให้ดับลงไปเสียได้ ไม่ให้ออก ไม่ให้ทะลุทะลวงออกมาทางกาย ทางวาจาให้ดับไปเสียทางใจนั่นดับไปได้คราวใด คราวนั้นได้ชื่อว่าเป็นนิพพานปัจจัยเชียวหนา สูงนัก กุศลนี้สูง จะบำเพ็ญกุศลอื่นสู้ไม่ได้ทีเดียว หยุดนิ่งเสีย ไม่ช้าเท่าไร ประเดี๋ยวเท่านั้น ความเห็นผิดดับไป นั่นเป็นนิพพานปัจจัยทีเดียว นี่ติดอยู่กับขอบนิพพานเชียวหนา



    ถ้าให้ทาน ให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ของชอบไม่ให้ เก็บเสียซ่อนเสีย ของไม่ดีที่ไม่เสมอใจให้เสีย ให้อย่างนี้มันเลือกได้ ให้ของไม่ดีเป็นทาน เป็นทาสทาน จัดว่ายังเข้าไม่ถึงสหายทาน เป็นทาสทานแท้ ๆ เพราะเลือกให้ หากว่ามีมะม่วงสักสามใบตั้งขึ้น ก็จะให้ใบเล็กเท่านั้นแหละ เอามะม่วงสามใบเท่า ๆ กัน ก็จะให้ใบที่ไม่ชอบใจนั่นแหละ เอามะม่วงสามใบเสมอกัน ก็จะเลือกเอาอีกแหละ ลูกที่ไม่ชอบใจจึงให้ ลูกที่ชอบไม่ให้ หรือมันใกล้จะสุกแล้วไม่ให้ ให้ที่อ่อนไปอย่างนี้ อย่างนี้เป็นทาสทานไม่ใช่สหายทาน



    ถ้าให้สหายทานจริงแล้ว ก็ตัวบริโภคใช้สอยอย่างไร อย่างนั้นเป็นสหายทาน ถ้าว่าสามีทานละก็ เลือกหัวกระเด็นให้ ถ้าเลือกหัวกระเด็นให้เช่นนี้ละก็เป็นสามีทาน ลักษณะโพธิสัตว์เจ้าให้ทานนะ ให้สามีทาน ให้สหายทานให้สามีทานทีเดียว ทาสทานไม่ให้ นี้เราสามัญสัตว์ ชอบให้แต่ของที่ไม่ประณีต ไม่เป็นของที่ชอบเนื้อเจริญใจละก็ให้มันเป็นทาสทานไป เสมอที่ตนใช้สอยมันก็เป็นสหายทานไป แต่ว่าพวกเราที่บัดนี้เป็นสามีทานอยู่ก็มี เช่นเลี้ยงพระสงฆ์องค์เจ้า ตบแต่งสูปพยัญชนะเกินกว่าบริโภคทุกวัน ๆ ที่เกินใช้สอย เช่นนี้เป็นสามีทานประณีตบรรจงแล้วจึงให้ อย่างนีเรียกว่าเป็นสามีทาน



    แต่ว่าบารมีหนึ่ง ๆ กว่าจะได้เป็นบารมีนะ ไม่ใช่เป็นของง่าย ทานบารมีเต็มดวงนะ ดวงบุญที่เกิดจากการบำเพ็ญทานได้เป็นดวงบุญ ดวงบุญใหญ่โตเล็กเท่าไหร่ไม่ว่า สร้างไปเถอะ ทำไปเถอะ แล้วเอาดวงบุญนั้นมากลั่นเป็นบารมี ดวงบุญมากลั่นเป็นบารมีนะ บุญมีคืบหนึ่งเต็มเปี่ยมเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ทีเด ียว เอามากลั่นเป็นบารมีได้นิ้วเดียว เท่านั้นเองกลมรอบตัวเท่านั้นแหละ กลั่นไปอย่างนี้ทุกบารมีไปจนกว่าบารมีนั้นจะเต็มส่วน แล้วก็บารมีที่จะเป็นอุปบารมี เอาบารมีนั้นแหละ คืบหนึ่งเต็มส่วนเอามากลั่นเป็นอุปบารมีได้นิ้วเดียว แล้วเอาอุปบารมีนั้นแหละ คืบหนึ่งกลมรอบตัวเอามากลั่นเป็นปรมัตถบารมีได้นิ้วเ ดียว



    ขั้นสมถะนี่ กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพหรม กายรูปพรหมละเอียด นี่มันขั้นสมถะ แต่รูปฌานเท่านั้น เลยไปไม่ได้ พอถึงกายธรรมมันขึ้นวิปัสสนา ตาพระพุทธเจ้าท่านก็เห็นเบญจขันธ์ทั้งห้าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แท้ ๆ เห็นจริง ๆ จัง ๆ อย่างนั้นละ เห็นแท้ทีเดียว เห็นชัด ๆ ไม่ได้เห็นด้วยตากายในภพ เห็นด้วยตาธรรมกาย รู้ด้วยญาณธรรมกาย เห็นอย่างนี้แหละเห็นด้วยตาของพระตถาคตเจ้า รู้ด้วยญาณของพระตถาคตเจ้า ธรรมกายนั้นเป็นตัวของพระตถาคตเจ้าทีเดียว ไม่ใช่อื่น เห็นชัดอย่างนี้นี่แหละ เห็นอย่างนี้แหละเขาเรียกวิปัสสนา เห็นเบญจขันธ์ห้าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา



    เห็นเป็นอนิจจังน่ะเห็นอย่างไร เห็นตั้งแต่กายมนุษย์เกิด กายมนุษย์เกิดไม่อยู่ที่ เกิดไปเรื่อย ๆ เกิดริบ ๆ เหมือนไฟจุดอยู่ มีไส้ มีน้ำมัน มีตะเกียง จุดมันก็ลุกโพลง เราเข้าใจว่าไปดวงนั้นเป็นอย่างนั้นแหละ ไอ้กายมนุษย์มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ แต่ตาธรรมกายไม่เห็นอย่างนั้น เห็นไฟเก่าหมดไปไฟใหม่เดินเรื่อยขึ้นมา ไฟเก่าหมดไปไฟหม่เดินเรื่อยขึ้นมา แล้วก็เอามือคลำดูข้างบนก็รู้ ร้อนวูบ ๆ ๆ ไป อ้อไฟใหม่เกิดเรื่อย กายมนุษย์นี้ก็เช่นเดียวกัน ไอ้เก่าตายไปไอ้ใหม่เกิดเรื่อย หนุนไม่ได้หยุดเหมือนไฟ เหมือนดวงไฟอย่างนั้นแหละ ไม่ขาดสาย มันเกิดหนุนอย่างนั้น นั่นเห็นขนาดนั้น เห็นเกิด เห็นตายเรื่อย เกิดแล้วก็ตายไป เกิดแล้วก็ตายไป ไม่มีหยุดละ เหมือนกันหมดทั้งโลก เห็นทีเดียวว่ามีแต่เกิดกับดับ



    ยงฺกิญจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ สิ่งทั้งปวงมีความเกิดเป็นธรรมดา ย่อมมีความเกิดเสมอ สิ่งทั้งปวงมีเกิดเสมอ มีความดับเสมอ มีเกิดกับดับสองอย่างเท่ากันหมดทั้งสากลโลก เห็นด้วยตาธรรมกาย รู้ด้วยญาณธรรมกายจริง ๆ อย่างนี้ ทำเป็นวิปัสสนาเห็นจริงเห็นจังอย่างนี้ ฯ



    (คัดย่อมาจาก หนังสืออมตวาทะ ของ พระมงคลเทพมุนี)

    (จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 1)
    <!-- / message -->
     
  7. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    เมื่วานนี้วันที่ 9 ตุลาคม 51

    ได้จ่ายค่าแรงช่างดังนี้


    ช่างคูน 3,200 บาท

    ช่างสิงห์ 2,600 บาท

    ช่างชาญ 2,100 บาท

    ช่างแป๋ง 2,000 บาท

    ช่างเจียน 1,600 บาท
     
  8. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ยังรับบริจาคอยู่เรือยๆจนแล้วเสร็จ
     
  9. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    มีน้อยควรให้น้อย มีมากควารให้มาก

    วันหนึ่งอาตมาได้มีโอกาสคุยกับโยมแท็กซี่ท่านหนึ่ง โยมแท็กซี่พ่อแม่อยู่ไหม ?... อยู่ครับ... อยู่ที่ไหน ?... อยู่ร้อยเอ็ดครับ... ส่งเงินให้ท่านบ้างหรือเปล่า เดือนละห้าร้อยก็ยังดี ?... ท่านครับ ผมต้องดูแลเมียต้องดูแลลูก แค่ใช้เองก็เกือบจะไม่พอแล้วครับ..... อืม !! ถ้าแม่พ่อคิดกับลูกอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ ลูกคงไม่โตขนาดนี้แน่ๆ แต่แม่พ่อกลับคิดอีกอย่าง เรายังไม่ได้ทานไม่เป็นไร เพราะอดได้โตแล้ว ต้องให้ลูกทานก่อนกินก่อน ซื้อขนมอะไรมา มีของอะไรดีต้องแบ่งให้ลูกก่อน พอลูกได้กินอร่อยก็ชื่นใจอิ่มไปด้วย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคี้ยวสักคำ
    มีน้อยควรให้น้อย มีมากควรให้มาก การที่จะไม่ให้พ่อแม่นั้นไม่ดีเลย พ่อแม่เป็นต้นทุนบุญกุศล เป็นต้นกำเนิดเกิดชีวิต และยิ่งให้สิ่งของแก่พ่อแม่ก็เหมือนบูชาพระอรหันต์ ก็ยิ่งเหมือนทำบุญกับพระอรหันตเจ้า เพราะท่านเป็น
     
  10. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข ในยุคเศรษฐกิจฝืด
    โดยท่าน ว.วชิรเมธี


    ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด แต่ชีวิตก็มีความสุขได้
    ถ้ารู้จักคิดบวกเพื่อชีวิตบวก!!



    ในงานเสวนาธรรมเรื่อง "ศิลป์และธรรม สุนทรียะแห่งชีวิต"
    (คิดบวก...ชีวิตบวก) โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
    ที่ดับเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆ นี้
    ได้ให้แง่คิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างให้มีสุข โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดดีทำดี


    "ท่าน ว.วชิรเมธี" เปิดฉากการเสวนาว่า
    สิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลา คือ ความคิด
    ชีวิตของคนเราเป็นเงาสะท้อนของความคิด
    เราคิดอะไร ชีวิตเราก็จะปรากฏมาอย่างนั้น
    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีทั้งดีและไม่ดี


    แต่มันอยู่ที่แนวความคิดของเราว่า
    เราจะเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
    มาทำให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆ
    ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไร เวลาเจองานหนักให้บอกกับตัวเองว่า


    นี่คือโอกาสกับตัวเองว่า ...นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
    เวลาเจอทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า...นี่คือแบบฝึกหัดที่ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิต




    การคิดบวกจะได้ผลหรือไม่ได้ผลต้องดูว่า
    มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราหรือไม่
    ซึ่งประโยคนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" ขยายความว่า

    การคิดบวกมี 2 ลักษณะ

    คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับความคิดอย่างเดียว

    คือ คิดบวกแล้วทำให้ชื่นอกชื่นใจ ทำให้ได้ปัญญา

    หรือคิดบวกแล้ว ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงจริงๆ
    เช่น ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างนี้
    เราต้องคิดบวก คือ คิดที่จะอยู่ให้ได้
    จะไปประท้วงให้น้ำมันลดลงได้หรือไม่

    คำตอบคือ คงไม่ได้ ในเมื่อลดไม่ได้ฉันจะลดเอง
    คือ ลดความต้องการบริโภคให้น้อยลง


    ที่เราทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้เพราะบริโภคมาก
    และมีเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทุกข์ คือ "โรคจมไม่ลง"
    คือ เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมหาเศรษฐีโลกทั้งหลาย
    ไปไหนต้องนั่งรถราคาแพงๆ คำใช้จ่ายก็สูงขึ้น
    แต่เราจมไม่ลง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังแย่
    เราก็จ่ายแพงขึ้นเพื่อประคับประคองตัวฉันให้โดดเด่นอยู่ในวงสังคม
    สุดท้ายไม่ใช่แค่จมไม่ลง มันล้มเลย


    หากจะอยู่ให้รอดในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้
    "ท่าน ว.วชิรเมธี" บอกว่า ต้องเปลี่ยนวิธีบริโภคจากที่เคยตามใจตัวเอง
    มาเป็นบริโภคตามความจำเป็น
    ถ้าวิ่งตามความอยาก ไม่ว่าวันไหนๆ เราก็จะทุกข์

    เพราะความอยากไม่เคยมีขีดจำกัด กินเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น
    ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อรักษาหน้าตา
    ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินรักษาภาพพจน์
    และจะมีความสุขได้ แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง



    ข้อมูลจาก...
    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

    คัดลอกจาก...
    http://hilight.kapook.com/view/26875

    ที่มา วงล้อแห่งธรรม <!--MsgFile=0-->
     
  11. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ภาพการก่อสร้าง ณ วันนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG0326A.jpg
      IMG0326A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      26
    • IMG0331A.jpg
      IMG0331A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      27
    • IMG0332A.jpg
      IMG0332A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      35
    • IMG0333A.jpg
      IMG0333A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.8 KB
      เปิดดู:
      28
    • IMG0334A.jpg
      IMG0334A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.3 KB
      เปิดดู:
      30
  12. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    เมื่อวานนี้ได้ทำการถมดินจำนวน 31 คันรถๆละ 200 บาท 5,890 บาท

    ค่ารถดันดิน 1,100 บาท
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างโรงครัวด่วน

    ด้วยคณะทางวัดเทียบศิลาราม กำลังสร้างโรงครัวขนาดความกว้าง

    8 x 12 เมตร ซึ่งต้องการใช้วัสดุดังนี้

    อิฐบ๊อก 1500 ก้อน ก้อนละ 6 บาท เท่ากับ 9,000 บาท

    ปูน 50 ถุง ราคาถุงละ 120 บาท เท่ากับ 6,000 บาท

    ทราย 6,000 บาท

    สังกะสี 82 แผ่น เท่ากับ 1,148 ฟุตๆละ 20 บาท เท่ากับ 22,960 บาท

    ค่าช่าง 15,000 บาท

    ร่วมทั้งหมด 58,960 บาท

    เหตุที่ต้องสร้าง

    ทางวัดไม่มีโรงครัว เครืองครัวที่จำเป็นใช้ไม่มีที่เก็บต้องเก็บรวมกับศาลาปฏิบัติธรรม

    ช่วงนี้ฝนก็ตกจำต้องสร้างจริงๆ

    ร่วมบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี พระสุพิน อตฺตสนฺโตธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ

    บัญชีเลขที่ 326-0-16077-9 ออมทรัพย์ ( โอนเงินเข้าบัญชีแล้วกรุณาโทรแจ้ง ฯ )

    โทรศัพท์ 085-657-8676

    หรือ .. pharasupinattasanto@gmail.com
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  14. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    คลายอารมณ์ร้าย
    บรรยายโดย พระอาจารย์สุโข กตปุญโญ

    สำนักปฏิบัติธรรมแก้วมณีนนท์นพเก้า
    ต.ลาดบัวหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา


    สิบนิ้วต่างธูปเทียน ขอเคารพเหนือเศียรเกล้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เหนือสามโลก ขอกราบไหว้บูชาพระธรรม เป็นเครื่องระงับดับทุกข์โศก แก่สัตว์โลกในวัฏฏะสงสาร ขอเคารพคารวะแด่พระสงฆ์ ผู้ทรงพระธรรมวินัยศีลาสมาจาร เป็นเนื้อนาบุญของโลกตลอดกาล ตามรอยพระศาสดาจารย์ผู้ส่องประทีบธรรม

    ขอเจริญพรมายังญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย อันเวลาและวารีไม่มีที่จะคอยใคร เรือเมล์และรถไฟย่อมวิ่งไปตามเวลา หากโอ้เอ้อืดอาดก็จะพลาดปรารถนา พลาดแล้วจะโศกาอนิจจาเราช้าไป ถึงทำบาปทำชั่วมากมายเพียงใด ถ้ากลับใจก่อนลมหายใจดับ มาทำพูดคิดดีมีคุณค่า ก็สามารถที่จะนำตนพ้นจากทุกข์ ไปสู่สวรรค์พรหมนิพพานได้ แต่กรรมทำแล้วไม่เคยไร้ผล กรรมอกุศลติดตามไปเสมอ แต่ถึงกระนั้นก็ตามที ถ้าทำความดีแล้วมั่นคง ดุจองค์พระองคุลิมาล เคยเดินหลงทางผิดปลิดชีวิตคนอื่นมากมายมหาศาล แต่พอมาพบพระศาสดาจารย์ จึงละทางบาปเดินทางบุญ จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก

    วันนี้มีโอกาสได้มาพบปะญาติโยมอีกครั้งหนึ่ง ก็ขอให้ทุกองค์ทุกรูปทุกนามทุกท่านมีศีลรักษาตน มีองค์ศีลองค์สมาธิองค์ปัญญา อะไรเล่าในโลกนี้จะเป็นที่พึ่งให้สุขสงบร่มเย็นได้เท ่ากับพระธรรม เป็นอย่างไรบ้างโยม พออดพอทนอยู่ได้ไหม ? ในความทุกข์ความลำบาก ในความเจ็บกายเจ็บใจ ในสรรพสังขารที่เกิดขึ้นปรุงแต่งแล้วดับ อารมณ์เศร้าซึมเหงาท้อแท้พอจะดับอารมณ์เหล่านี้ได้บ้ างแล้วหรือยัง ? ราคะ โทสะ โมหะ ความรักในสิ่งสวยๆ งามๆ หลงอยู่ในโลกีย์นี้พอละได้บ้างแล้วหรือยัง ? ความโกรธความเกลียดความชิงชัง เมื่อถูกบุคคลอื่นทำให้ไม่พอใจพอละได้บ้างแล้วหรือยั ง ? ความหลงยึดว่านั่นนี้ตัวเราตัวเขา เราๆ เขาๆ ที่ยึดมั่นอยู่ในจิตวิญญาณนั้นลดลงได้บ้างแล้วหรือยั ง ?

    ถ้าลดลงได้บ้างแล้วแสดงว่าตอนนี้ก็นั่งได้สบาย ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากซะบ้าง นั่งสบาย เอาสติเป็นเครื่องปิด คือ เห็นเหมือนไม่เห็นถ้าเห็นสิ่งที่ร้อนใจ แต่ถ้าเห็นธรรมะแล้วยินดีพอใจปีติปราโมทย์ ก็จะเป็นทุนทำให้เกิดกำไรได้ คือ พอใจยินดีในพระธรรมไม่ผิดหรอก

    สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    รสแห่งธรรม ย่อมชนะรสทั้งปวง
    ขุ.ธ.๒๕/๖๓

    ธมฺมปีติ สุขํ เสติ
    ผู้มีปีติในธรรม อยู่เป็นสุข
    ขุ.ธ.๒๕/๒๕

    ความทุกข์ร้อนความวุ่นวายที่เกิดจากตัวเราเองเจ็บไข้ ได้ป่วย หรือจากการที่คนอื่นทำพูดคิดไม่ดีต่อเรา เบียดเบียนเรา คดโกงเรา คู่ครองนอกใจ โกหกหลอกลวงแช่งด่าเรา คนเมาคนบ้ามาล่วงเกินเรา จะทุกข์อย่างไรก็ตาม ทุกข์ในจิตของเราดับได้หมดเมื่อ
     
  15. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ดังนั้น เมื่อบวชมาแล้วมีทรัพย์สมบัติ มีญาติโยมเคารพมากมาย มีลาภสักการะมากมาย ดูแล้วน่าชื่นใจ ใครก็ทำได้ในโลกีย์ แต่ถ้าไม่มีสมบัติสิ่งใดเลย แล้วสุขสงบร่มเย็นเบิกบานได้นั้น ใครทำได้บ้าง ? นี่แหละพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำได้แล้วและสาวกของพร ะองค์ก็ทำตาม

    ฉะนั้น พระอริยเจ้าพระอรหันต์จึงเป็นเพื่อนของคนจน เป็นเพื่อนของคนยาก ไม่มีสิ่งใดจะให้กิเลสกำเริบเสิบสานอีก ตอนทุกข์ลำบากก็น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน ไม่อยากได้เลยความทุกข์ ตอนความสุขสบายเกิดก็น่าหวาดเสียวเพราะเดี๋ยวมันก็เป ลี่ยนเป็นอย่างอื่น ตอนมีสมบัติก็น่าหวาดเสียวเพราะเดี๋ยวสมบัติก็หมด ตอนมีแฟนก็น่าหวาดเสียวเพราะเดี๋ยวแฟนก็ไปนอกใจ

    โอ้โห !!! อะไรที่ได้เป็นวัตถุในโลกนี้มันมีโทษตามหลังมาทั้งสิ ้น ถึงจะเรียนรู้ รู้ได้ด้วยการเรียนการท่องจำแล้ว ถ้าไม่ได้ทำตามฝึกตาม มันก็ยังดับกิเลสดับทุกข์ไม่ได้

    การที่เราลอยคออยู่ในวัฏฏะสงสารมานาน ต้องอาศัยเรือศีลสมาธิปัญญาเป็นสำเภาให้เราข้าม น้ำทะเลกว้างใหญ่สุดไกลเหลือ ก็พอจะหาเรือข้ามไปให้ถึงท่าได้ แต่ทะเลทุกข์ คือ กิเลสเล่ห์มายาจะหานาวาชนิดใดข้ามไปดี ? อาศัยธรรมพระพุทธองค์ทรงคุณค่า เป็นนาวาข้ามไปได้ถึงที่ ปฏิบัติธรรมกรรมฐานบ่อยๆ ซี ข้ามวารีผ่านพ้นทุกข์ สุขก็มา ข้ามความทุกข์ได้แล้วความสุขมันมาเอง แต่ถ้าแสวงหาความสุขแล้วความทุกข์มันก็ตามมา เพราะที่ไหนมีสุข ที่นั่นมีทุกข์ติดตามมาด้วย

    ในโลกีย์วิสัย ๓๑ ภพภูมินี้ นรก ๑ , เปรต ๑ , อสูรกาย ๑ , สัตว์เดรัจฉาน ๑ , มนุษย์ ๑ , เทวดา ๖ , พรหม ๑๖ , อรูปพรหม ๔..... ๓๑ ภพภูมินี้ที่ไหนมีสุข ที่นั่นมีทุกข์ติดตามมาด้วย เพราะความสุขในโลกีย์จะมีความทุกข์พ่วงท้ายมาด้วยทุก ครั้ง แต่พอละความสุขเสียแล้วความทุกข์ก็เลยดับไปด้วย

    การคอยตริตรองพิจารณาเนื้อหาสาระแห่งธรรมอยู่บ่อยๆ จิตใจเราจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ นะญาติโยม อารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์นี้ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตลอด จนจับต้นชนปลายไม่ได้ ภาวนาอย่างไรถ้ายังไม่เรียนก็ยังไม่รู้ พอเรียนรู้เข้าใจแล้ว นั่งสมาธิก็ได้ นั่งหลับตาก็ได้ ไม่นั่งหลับตาก็ได้ ยืนเดินนั่งนอนทำอะไรมีสติอยู่ในกาย

    ตอนไหนคิดเรื่องกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก คือ ตรึกในเรื่องกาม ตรึกในเรื่องเบียดเบียน ตรึกในเรื่องคิดร้าย เรารู้แล้วว่าเป็นอกุศล ก็ให้รีบดึงจิตกลับมา ต้องคิดเรื่องดีทันที นี่คือการปฏิบัติธรรม นี่คือการพัฒนาจิต

    เคยพูดมากไร้สาระก็พูดให้น้อยลง เคยนินทาเพื่อนบ้านวันละหลายครั้งก็หยุดให้น้อยลง ไม่เคยชมคนอื่นก็เริ่มชมบ้าง การแสดงมุทิตาจิตชื่นชมยินดีกับการที่คนอื่นทำความดี นั้น เป็นจิตที่สูงเป็นบุญกุศลยิ่งสำหรับเราปุถุชน ความเหือดแห้งใจจะดับไป ความชุ่มชื่นจิตจะเกิดปรากฏ

    บุคคลที่ชอบยินดีกับการทำความดีของคนอื่นนั้น จะทำให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไว อกุศลกรรมเบาบางไว แต่ท่านใดเชื้อสายติดมาแต่อดีตชาติเป็นคนใจร้อนเป็นค นขี้โกรธนั้น การปฏิบัติธรรมจะลำบากนิดนึง เพราะเราอยากสงบแต่มันไม่ยอมสงบ อยากเมตตาแต่เมตตาไม่เกิด ไม่อยากอิจฉาแต่อิจฉามันมา ไม่อยากโกรธแต่มันโกรธ ไม่อยากไม่พอใจแต่มันไม่พอใจเกิดขึ้นก่อนเลย เพราะเราสั่งสมมันมานานแล้วในอดีตชาติ จึงทำให้การปฏิบัติธรรมต้องใช้ความอดทนที่มากเสียหน่ อย ถ้าไม่อดทนมากๆ ก็จะละมันไม่ได้ ถ้าไม่รีบละในชาตินี้แล้วมันติดไปในชาติหน้าก็จะหนาก ว่าเก่า

    ดังนั้น บุคคลที่มีอารมณ์ร้อน แต่จิตลึกๆ นั้นใจดีมีเมตตา ต้องอดทนมากหน่อยเพราะตัวจิตตัวกิเลสนี้มันจะออกหน้า ก่อนเรา สติค่อยตามหลังตลอดอยู่เรื่อย การโกรธเกลียดชิงชังเป็นการสร้างอกุศลกรรมตลอดเวลาเล ย..... ส่วนคนที่มีเมตตากรุณาคอยคิดนึกแต่เรื่องดีๆ จะพูดจากับใครก็ไม่เป็นโทษไม่นินทาว่าร้ายใครลับหลัง บุญก็มีทันที ฉะนั้น บุญเกิดขึ้นทั้งกลางวันกลางคืนตั้งแต่ยังไม่ได้หมดเง ินสักหนึ่งสตางค์ พอหมด ๑ บาท ๑๐ บาท ๑๐๐ บาท ก็มีผลอีกมากมาย พอเริ่มภาวนาก็สงบได้เลย นี่คือมนุษย์ไม่เหมือนกันเลย บางคนนั่งสมาธิก็มีเสียงดังแว่วเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางคนนั่งสมาธิปุ๊บเห็นนั่นเห็นนี่ บางคนนั่งปั๊บก็ปวดทันที บางคนนั่งหลับตาปุ๊บเย็นสบายทันที

    นี่คือมนุษย์ในโลกา กรรมจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่างกัน มนุษย์ที่เกิดอยู่ในโลกใบนี้ไม่เหมือนกันเลย ชีวิตตั้งอยู่บนกรรมที่ตนทำมาแล้ว และกำลังมาสร้างกรรมใหม่

    บัดนี้ ขอให้ทุกท่านมาปฏิบัติธรรมตั้งสติให้ดี วันๆ หนึ่งทำเป็นโทษ พูดเป็นโทษ คิดเป็นโทษกี่ครั้ง ? พอเริ่มลดลงปุ๊บ นั่นแหละเรียกว่าภาวนา นอกจากนั่งหลับตาภาวนา ลืมตาภาวนา เดินจงกลม นั่งสมาธิแล้ว การลดความไม่ดีที่ติดนิสัยมา ให้ความไม่ดีลดน้อยลง นี้ชื่อว่าภาวนา ภาวนาแปลว่า ให้เกิด ให้มีขึ้น ให้เจริญขึ้น ให้ความดีมีมากขึ้น พัฒนาจิตให้ดีมีคุณภาพยิ่งขึ้น

    โยมญาติส่วนใหญ่อาราธนาให้อาตมาพูดเรื่องการแก้ความเ ครียด การดับความโกรธความแค้น เพราะโดนคนอื่นหลอก โดนนินทาว่าร้ายกล่าวร้าย โดนข่มเหงรังแก โดนคดโกงเบียดเบียน พออดไม่ไหวก็ด่ากลับเลย เพราะจิตของเราไปเกาะเกี่ยวคำพูด การกระทำไม่ดีของคนอื่นเอาไว้ในอก มันก็สุมนรกอยู่ในจิต ก็เลยเป็นอสรพิษกัดตัวเอง

    โยมท่านเอ๊ย !! อยู่ในโลกใบนี้จะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ ต้องเตรียมพร้อมเหมือนช้างศึกของพระราชา พร้อมที่จะเผชิญลูกศรที่พุ่งมาจากศัตรูทั้ง ๔ ทิศ ลูกศรคืออะไร ? คือ
     
  16. Jantip

    Jantip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +772
    ร่วมทำบุญครบ

    ...วันนี้โอนเงินร่วมสร้างโรงครัว 200.บาทครับ...
    นายอดิศร สุทธาวาสและครอบครัวครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.7 KB
      เปิดดู:
      26
  17. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    สาธุขออนุโมทนาบุญ
     
  18. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ฉะนั้น คนทำดีพูดดีมากๆ เทวดาก็หวั่นไหว แผ่นดินก็หวั่นไหว
     
  19. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    ผลแห่งกรรมที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา

    เรื่องชีวิตและกรรม มีความสลับซับซ้อนมากดังพรรณนามา คนที่มองชีวิตและกรรมในสายสั้น จึงไม่อาจเข้าใจชีวิตและกรรมอย่างแจ่มแจ้งโดยตลอดได้ แม้ผู้ได้ญาณระลึกชาติหนหลังได้ (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) และได้ญาณรู้อนาคต (อนาคตตังสญาณ) แต่ได้ระยะสั้นเพียงชาติ ๒ ชาติ ก็ยังหลงเข้าใจผิดได้ เพราะเห็นผู้ประกอบกรรมชั่วในปัจจุบันบางคนตายแล้วไป บังเกิดในสวรรค์ เห็นผู้ทำกรรมดีบางคนตายแล้วเกิดในนรก เขาไม่มีญาณที่ไกลกว่านั้น จึงไม่อาจเห็นกรรมและชีวิตตลอดสายได้

    ส่วนผู้มีญาณทั้งในอดีตและอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด เช่น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถเห็นกรรมและชีวิตได้ ตลอดสาย ทรงสามารถชี้ได้ว่า ผลอย่างนี้ๆ มาจากกรรมอย่างใด มีตัวอย่างแห่งกรรมมากมายที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุท ธศาสนาซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า บุคคลนั้นๆ ได้ประสบผลดีผลชั่วอย่างนั้นๆ อันแสดงถึงผลกรรมที่สามารถให้ผลข้ามภพข้ามชาติ จะขอนำบางเรื่องมาประกอบพิจารณาในที่นี้

    ๑. ภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อจักขุบาล ท่านทำความเพียรเพื่อบรรลุมรรคผลจนตาบอดทั้ง ๒ ข้าง พร้อมกับสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นผลของกรรมที่เมื่อชาติหนึ่ ง พระจักขุบาลเป็นหมอรักษาโรคตา ประกอบยาให้คนป่วยตาบอดโดยเจตนา เพราะคนป่วยทำทีบิดพลิ้วจะไม่ให้ค่ารักษา เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบทภาค ๑ เรื่องจักขุบาล
    ๒. ชายคนหนึ่ง ชื่อจุนทะ มีอาชีพทางฆ่าหมูขาย คราวหนึ่งป่วยหนัก ลงคลาน ๔ ขาร้องครวญครางเสียงเหมือนหมู ทุกข์ทรมานอยู่หลายวันจึงตาย เรื่องนี้ปรากฎในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๑ เรื่องจุนทสูกริก
    ๓. ชายคนหนึ่ง มีอาชีพทางฆ่าโคขายเนื้อ วันหนึ่งเนื้อที่เก็บไว้เพื่อบริโภคเอง เพื่อนมาเอาไปเสียโดยถือวิสาสะ จึงถือมีดลงไปตัดลิ้นโคที่อยู่หลังบ้านมาให้ภรรยาทำเ ป็นอาหาร ขณะที่เขากำลังบริโภคอาหารอยู่นั้นลิ้นของเขาได้ขาดห ล่นลงมา เขาคลาน ๔ ขา เหมือนโค ร้องครวญครางทุกข์ทรมานแสนสาหัสและสิ้นชีพพร้อมกับโค หลังบ้าน เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบทภาค ๗ เรื่องบุตรของนายโคฆาต

    ฒกกฬ ๔. ภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อติสสะ เป็นแผลเปื่อยพุพองรักษาไม่หายพระพุทธเจ้ากับพระอานน ท์ไปช่วยดูแลให้อาบน้ำอุ่น แสดงธรรมให้ฟังพระติสสะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อม กับนิพพานในวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าที่เป็นแผลพุพองนั้นเพราะชาติก ่อน พระติสสะเป็นพรานนก จับนกขายเป็นอาหาร ที่เหลือก็หักปีกหักขาไว้เพื่อไม่ให้มันบินหนี เรื่องนี้ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๒ เรื่องปูติคัตตติสสะ

    ๕. พระนางโรหิณี พระขณิษฐาของพระอนุรุทพระญาติของพระพุทธเจ้า ทรงเป็นโรคผิวหนังอย่างแรง ทรงละอายจนไม่ปรารถนาพบผู้ใด เมื่อพระอนุรุทเถระมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์ พวกพระญาติต่างก็มาชุมนุมกัน เว้นแต่พระนางโรหิณี พระอนุรุทจึงถามหา ทราบความว่าพระนางเป็นโรคผิวหนัง พระเถระให้เชิญพระนางออกมาแล้วทรงแนะนำให้ทำบุญโดยให ้ขายเครื่องประดับต่างๆ เท่าที่มีอยู่ แล้วนำทรัพย์มาสร้างศาลาโรงฉัน ท่านขอแรงพระญาติที่เป็นชาย ให้ช่วยกันทำโรงฉัน พระนางโรหิณีทรงเชื่อ เมื่อสร้างโรงฉัน ๒ ชั้นเสร็จแล้ว ทรงปัดกวาดเอง ทรงตั้งน้ำใช้น้ำฉันสำหรับพระภิกษุสงฆ์เอง ถวายขาทนียะโภชนียาหารแก่ภิกษุสงฆ์เป็นประจำทุกวัน โรคผิวหนังของพระนางค่อยๆ หายไปทีละน้อยจนเกลี้ยงเกลา โรคนี้เป็นโรคที่เกิดแต่กรรม ต้องเอาบุญมาช่วยรักษา ลดอิทธิพลแห่งกรรมจนไม่มีอานุภาพในการให้ผลอีกต่อไปเ หมือนคนกินยาเข้าไปปราบเชื้อโรค วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จมาเสวยที่โรงฉันของพระนางโรหิณี แล้วตรัสให้พระนางทราบว่าโรคนั้นเกิดขึ้นเพราะกรรมขอ งพระนางเองในอดีตกาล พระนางโรหิณีเป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงพาราณสีมีจิ ตริษยาหญิงนักฟ้อนคนหนึ่งของพระราชา ได้ทำเองด้วย ให้คนอื่นทำด้วย คือการเอาผลเต่าร้างหรือหมามุ้ยโรยลงบนสรีระของหญิงน ักฟ้อนคนโปรดของพระราชา นอกจากนี้ยังให้บริวารเอาผงเต่าร้างไปโปรยบนที่นอนขอ งหญิงนักฟ้อนคนนั้นอีกด้วย หญิงนักฟ้อนคันมาก เป็นผื่นพุพองขึ้นมา ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส นี่คือบุพพกรรมของพระนางโรหิณี พระพุทธเจ้าตรัสเตือนว่าพึงละความโกรธความถือตัวเสีย เรื่องนี้ ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท ภาค ๖ เรื่องพระนางโรหิณี

    ๖. ในอรรถกถาสาราณียธรรมสูตร ภาค ๓ หน้า ๑๑๐
     
  20. พระครูวินัยธรสุพิน

    พระครูวินัยธรสุพิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +12,307
    เชิญท่านอนุโมทนาบุญโยมทรงพล ( ถ้ำเมืองนะ ) ได้ถวายปัจจัย

    จำนวน 55,000 บาท ร่วมสร้างโรงครัว
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...