ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

แผ่นดิน ทวารวดี หมายถึง กรุงอโยธยาของพระกฤษณะ

คำว่า "อมราวดี" หมายถึง เมืองของพระอินทร์

อาจจะเป็นคำคู่กันระหว่าง อมราวดี กับ ทวารวดี

อมราวดี อาจจะหมายถึง อินเดีย
ทวาราวดี อาจจะหมายถึง สุวรรณภูมิ
​

 

ช้างโบราณสูงถึง 3 เมตร คนที่จะขี่ข้างได้ถนัด น่าจะเป็นคนตัวสูง. แสดงว่าคนโบราณตัวสูง อย่างเช่น สูงสักสองเมตรอย่างสมเด็จพระนเรศ สำหรับคนต่างชาติแบบญี่ปุ่นในสมัยนั้น คงบังคับช้างไม่ไหว ชาติพันธุ์ที่ตัวเล็กมีเยอะ ชาวเยว่ที่เป็นชาวเขา ส่วนใหญ่ตัวเล็ก ชาติกษัตริย์ กับชาติฝรั่งตัวสูงใหญ่

ชาติกษัตริย์นักรบที่สามารถทำสงครามยุทธหัตถีกันได้ ต้องทรงเป็นคนตัวสูงใหญ่ ง้าว ต้องหนัก เพื่อให้ฟันคนฟันกระดูกคนขาดในคราวเดียว

เคยเห็นง้าวของอู๋ซันกุ้ย หนักหลายสิบกิโล ด้ามยาวจากปลายถึงปลาย 3 เมตร

 

การที่เจ้านางคาดผ้าสายสะพายอาจจะมึมาตั้งแต่อยุธยา



ภาพเจ้านางที่คาดสายสะพาย จากพระกรุวัดบ่อทองคำ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2128



กับจิตรกรรมฝาพนังที่วัดปราสาท นนทบุรี สร้างสมัยพระเจ้าทรงธรรม โดยเจ้าพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์ (พระเจ้าปราสาททอง) คาดจากรูปคล้ายเจ้านางที่คาดสายสะพาย

ป.ล. ที่อ้างถึงพระกรุวัดบ่อทองคำ เพราะเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่มีอยู่ เพื่อยืนยันการมีตัวตนจริงของพระองค์บัว ภายหลังคือเจ้าแม่วัดดุสิต และยืนยันว่าพระองค์บัวทรงเป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระนเรศวรกับพระนางมณีจันทร์(พระนางมณีรัตนา)

พระนามณีจันทร์และ พระองค์บัว



สมเด็จพระนเรศและพระนางมณีจันทร์​

 

พระโอษฐ์ พระนาสิก(จมูก) ของพระราชวงศ์ที่สืบสายกันมา อยู่ในแนวทางเดียวกัน

ดิฉันเห็นว่าหน้าพระองค์ท่านทรงสง่างามและมีร่องรอยพระพักตร์ของสายพระโลหิตแบบเดียวกัน. สง่างามยิ่งนัก

https://vt.tiktok.com/ZSF6PXNou/

 

พระนเรศท่านจะมีมเหสีได้มากกว่านี้ ก็ทำได้เพราะท่านสง่างามและเก่งกาจ มีคนอยากถวายผู้หญิงให้ท่านเยอะแยะ แต่ทรงมีเพียงไม่กี่องค์ พระองค์ท่านบริหารเวลาอย่างสมดุลทั้งหน้าที่ เป้าหมาย และครอบครัว พระองค์ท่านทรงฝึกกรรมฐานไม่เคยขาดทรงฝึกทหารให้เข้ากรรมฐานด้วย เพราะไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนจะจากกันในศึกไหน ทรงฝึกให้ทหารยึดกรรมฐานและพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้งของดวงจิตได้เกาะ พระองค์ท่านก็ฝึกเช่นกัน ส่วนพระนางมณีจันทร์ทรงสวดมนต์และทำกรรมฐานด้วยการสวดมนต์เสมอ. ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะมีศึกเกิดขึ้นตลอด ความตายจะมาเยือนใครเมื่อไหร่ก็ไม่รู้. สถานการบ้านเมืองแบบนั้น ทุกคนต้องระลึกถึงการพร้อมตายอยู่เสมอ จะกลัวก็ไม่ได้

พระอาจารย์สิงห์ทน (ท่านเคยระลึกได้ว่าท่านเป็นพระมหาเถรคันฉ่อง) เล่าเรื่องการปรุงน้ำว่านให้พระนเรศเพื่ออาบ เป็นกะทะต้มน้ำว่าน อาบกันแบบร้อนๆ ต้องมีอาคมถึงจะไม่รู้สึกร้อน พระอาจารย์สิงห์ทนบอกว่าอาบให้หนังเหนียว แกร่ง ฟันแทงไม่เข้า พระองค์ดำท่านทรงดำจากแดดส่วนหนึ่งและดำจากการอาบน้ำว่านส่วนหนึ่ง

 

พระนางมณีจันทร์ดูแลการค้าระหว่างประเทศด้านตะวันออก โดยดูแลในฐานะกองเรือของราชสำนัก ปักธงครุฑดำที่เรือ

เคยเห็นในหมิงสือลู่ มีอยู่ชื่อหนึ่งเหมือนชื่อ มณีรัตนา คนจีนออกเสียงเฉพาะตัวเสียงเต็มเป็น Niu Da Ra (นิว ตา รา) เป็นผู้ส่งสินค้านี้ไปจิ้มก้อง จนบัดนี้ยังไม่แน่ใจว่าใช่ หมายถึง พระนางมณีรัตนา หรือไม่ค่ะ ปีที่ส่งเป็นปีในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร คาดว่า คนจีนอาจจะฟังตัวครึ่งเสียงไม่ถนัด ทำให้ชื่อพระนาง "มะ ณี รัด ตา นา" เป็น "Niu Da Ra" ชื่อในสุพรรณบัฎของพระนางมณีจันทร์คือ พระนางมณีรัตนา (เมื่อได้รับการแต่งตั้งมักจะมีการเปลี่ยนชื่อตามธรรมเนียมราชสำนัก)

เห็นรายการสินค้าที่บันทึกไว้มีรายการสินค้าฝิ่นด้วย (น่าจะเอาไปใช้ในสำนักหมอหลวงของราชสำนักหมิง) เหมือนพระนางจะทราบว่าราชสำนักจีนใช้ฝิ่นเพื่อทำยาระงับปวด

D ในภาษาจีน ให้ออกเสียงเป็นเสียงตัว ต เต่า

 

ดูเหมือนทั้งสมเด็จพระนเรศ และพระเจ้าปราสาททองจะใช้สัญญลักษณ์ดาว 8 แฉก ให้หมายถึงพระนาง



สมัยสร้างวัดปราสาท นนทบุรี พระเจ้าปราสาททองยังไม่ได้สถาปนาพระมเหสี ยังอยู่ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม ดังนั้นเจ้านางที่ไปร่วมสร้าง ที่เป็นไปได้มีพระนางมณีจันทร์ และ พระองค์บัว อีกพระองค์คือพระเอกกษัตรีย์ ร่วมกันถือสายโยงเพื่อเททองพระ ประธาน. พระองค์ไลให้พระมารดาเป็นประธานในพิธี

ในสมัยพระเจ้าทรงธรรมคงได้รับการคืนพระยศ พระองค์ไลได้เป็นพระบรมวงศ์ เจ้านายชั้นลุง อา ของพระเจ้าอาทิตยวงศ์

​

 

อาจารย์ที่เสวนาเรื่อง จิ้มก้องและกำไร กล่าวได้ถูกต้อง ประเทศไทย เป็นคนเปิดมิติการค้าทางทะเลกับจีน อ่าวไทยกับกวางตุ้ง ทำมานานตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา

ถ้ารื้อฟื้นการค้าทางทะเลซึ่ง ไทยเราเป็นเจ้าการค้าทางทะเลกับจีน เพราะจีนไม่ค่อยแต่งสำเภามาไทย มีแต่ไทยแต่งสำเภาไปจีนค้าขายมากที่สุด อาจจะยังไม่ต้องสร้างแลนด์บริด์ให้เสียสตางค์เลย เอาของเก่ามาปัดฝุ่น ทำเงินเข้าประเทศได้ก่อน ไม่ต้องรอการสร้างแลนด์บริดท์ ไม่ต้องลงทุนมาก และทำได้เลย อันนี้เห็นด้วยกับอาจาร์ยผู้เขียนหนังสือ จิ้มก้องและกำไร

เล่มนี้ทำให้รู้ว่าสมัยพระเจ้าปราสาททองมีเงินคงคลัง ประมาณ 5 ล้านบาท พระองค์มีม้าอาหรับ 2000 ตัว มีช้าง 2500 ตัว​

 

รูปนี้เหมือนจะแกะให้มีอีกพระองค์ซ้อนอยู่ด้านหลังสมเด็จพระนเรศวร โดยคล้ายยื่นมือมาประคอบคนโท

ชฎา 3 ชั้น



แต่งตัวแบบเจ้านางฝ่ายเหนือ มีสไบทับ ทรงผมแบบเป็นมวยผมกลางศีรษะ






เขียนว่า พระนเรศ วรราชาธิราช ?? หรือไม่





หน้าตาพระเจ้าตะโดเมงสอหรือไม่
​

 

ในสมัยพระเจ้าทรงธรรมทรงคืนยศชั้นมเหสีของกษัตริย์องค์ก่อนให้พระนางมณีจันทร์และยศชั้นเจ้าฟ้าให้พระโอรสธิดาของพระนาง. เป็นการยืนยันกลายๆว่าพระเจ้าทรงธรรมเป็นพระโอรสของพระนเรศพระองค์หนึ่ง

 

พระยาที่ลงท้ายชื่อตำแหน่งว่าวรวงศ์ ต้องเป็นชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป
เช่น พระองศ์ไล เป็น ออกญาศรีวรวงศ์
ลูกชายโกษาปาน ชั้นพระองค์เจ้า เป็น ก็ได้ตำแหน่ง พระยาวรวงศา

จึงคิดว่าขุนวรวงศาธิราช อาจจะเป็นชั้นพระองค์เจ้ามาก่อน

 

เคยเล่าเรื่อง ตอนประมาณ 5 ชันษา พระนางจะต้องเริ่มถูกรัดเท้าเพื่อให้เป็นเท้าดอกบัว ตอนนั้น พระนางโดนรัดเท้าไปแล้ว และเท้าอักเสบส่งกลิ่นเหม็นเน่า (การพันเท้าจะพันไว้อย่างนั้นไม่มีการแกะเพื่อผ่อนคลายหรือล้างเท้า) พอเหม็นเน่าพระนางในวัยเด็กจึงประท้วงการรัดเท้าด้วยการไม่กิน ร้องไห้เพราะเจ็บและทรงนอนเพื่อประท้วงการรัดเท้า จนผู้ใหญ่ยอมคลายผ้ารัดเท้าออกแล้วปล่อยให้นางใช้ชีวิตปกติที่มีเท้าขนาดปกติ ซึ่งการรัดเท้าเป็นความงามอีกประการหนึ่งที่จะต้องเข้าไปแข่งกันตอนคัดเลือกเป็นพระสนม เป็นความงามประการเดียวที่นางไม่มี เวลาต้องไปยืนวัดเท้าในอ่างเล็กๆ เท้านางก็จะใหญ่เกินกว่าจะลงไปยืนได้ และท่านจางคิดว่าราชสำนักหมิงคงจะไม่ต้องการนาง ภายหลังตอนพระนางอายุ 17 ราชสำนักหมิงเปลี่ยนใจหรือยังไงไม่ทราบ ยอมมองข้ามการไม่รัดเท้าของนางและจะมอบตำแหน่งฮองเฮาตำหนักตะวันตกให้โดยไม่ต้องคัดเลือก ทำให้ท่านจางต้องรีบตัดสินใจหลังจากพระนางถูกราชสำนักเรียกให้เข้าไปซ้อมการทรงเครื่องยศและผ้าคลุมที่หนักอึ้ง (เป็นผ้าคลุมที่ทำจากผ้าหนาและปักเต็มที่) เพื่อเข้าพิธีรับตำแหน่ง ซ้อมไปแค่หนึ่งวัน ราชสำนักปล่อยให้กลับบ้านได้นัดหมายให้มาซ้อมต่อวันถัดไป (แต่นางถูกพาหนีเสียก่อน)

ถ้าพระนางมีเท้าดอกบัวคงจะใช้ชีวิตลำบากมากในสยาม เพราะพระนางต้องทรงกระโดดลงกราบเรือสำเภาขนสินค้าบ่อยๆเพื่อสรุปยอดสุดท้ายอีกครั้งก่อนเรือออก พระนางทรงทำงานเหมือนไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ซึ่งคนที่มาจากครอบครัวที่รวยมากอย่างพระนางก็ไม่ค่อยมีใครต้องทำงาน แต่พระนางทรงมองว่าการสงครามมีมาตลอด จะต้องมีเงินทองเตรียมพร้อมไว้เสมอในการซื้ออาวุธ ซื้อเรือ จ้างทหารต่างชาติ และอื่นๆ (บางทีการที่พระนางทรงทำงานค่อนข้างหนักอาจจะเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้พระนเรศทรงโปรดพระนางมาก)

มีชาวจีนรับจ้างคุ้มครองสินค้าส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่ได้อยู่ในกรุงศรี คนจีนกลุ่มนี้จะอยู่ชายฝั่งทะเลระหว่างที่ไม่มีงานคุ้มครองสินค้าก็จะออกเรือจับสัตว์ทะเลยังชีพ อาจจะอยู่แถวสมุทรปราการ หรือแถวพริบพรี(เพชรบุรี) อาชีพพวกนี้ไม่ได้รับการบันทึกไว้แต่คิดว่ามี และเนื่องจากทหารไทยต้องออกรบไม่สามารถตามไปคุ้มครองเรือสินค้าได้จึงเกิดกลุ่มอาชีพคุ้มครองเรือสินค้าขึ้น

 

The yi envoy and others, a total of 27 persons from the country of Siam, came to the capital and offered tribute. They were given rewards as well as headwear and belts in accordance with the precedents. (16 พ.ย. 2135)

สยามส่งทูตไปจีนถึง 27 คน เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2135

 

พระที่นั่งไอยสวรรคทิพยอาสน์ ตั้งอยู่บนสระน้ำผุด (สมัยรัชกาลที่ 5 ขุดสระใหญ่ขึ้น จนไปเชื่อมกับแม่น้ำ ทำให้น้ำไม่ใสเท่าเมื่อสมัยโบราณ)
น้ำในสระน้ำผุด ใช้ดื่มกินกันโดยไม่ต้องกรอง พระนางใช้น้ำจากสระนี้ได้เหมือนที่เคยใช้น้ำลำธารจากภูเขาเมื่อตอนอยู่ปักกิ่ง ไม่ลำบากต่อการดื่มกิน

การทำปลาตากแห้งต้องล้างด้วยน้ำในสระน้ำผุดนี้ก่อนตากแห้ง จะทำให้ปลาไม่เป็นเชื้อราง่าย

แสดงว่าน้ำจากสระน้ำผุดนี้มีแร่ธาตุสำคัญ และเป็นการกรองน้ำโดยธรรมชาติ การที่สมเด็จพระนเรศวรเลือกตั้งตำหนักบนเกาะนี้นับว่าทรงพระปรีชารอบด้าน น้ำดื่มบนเกาะนี้จึงไม่ลำบากเลย

สระน้ำผุด จะมี น้ำใส ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น เหมือนผ่านเครื่องกรองชั้นดี​

https://www.tiktok.com/@wherewegoingtmr/video/7254017031094242566

ตำหนักบ้านเลนตั้งอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์.

(คนบางปะอินไปวางรูปแม่อินหรือพระนางมณีจันทร์บนพื้น กลัวเหมือนกันว่าจะไม่เหมาะสม ที่วัดท่าใหม่อิ วางรูปพระนางได้เหมาะสมตามควร)

(เกาะนี้สมเด็จพระนเรศทรงประทับอยู่นานกว่าอยู่ในพระราชวังหลวง แต่คนบนเกาะไม่เห็นความสำคัญของจุดนี้ ไม่ได้กราบไหว้ท่านตามสมควร เอารูปพระนเรศไปวางก็ถูกเก็บไปหมด ทางวัดชุมพลนิกายารามไม่ได้บูชาพระนเรศในโบสถ์หรือบริเวณใกล้เคียงเลย บุญบารมีของพระองค์ท่านจะเสริมส่งสถานที่ได้แต่ไม่ได้ทำ)

พื้นที่เกาะถูเฉือนแล้ว บารมีวัดยังถูกบดบังจากความไม่เลื่อมใสอีก เอาขยะไปกองอยู่ใกล้เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง หาความสะอาดตาไม่ได้เลย ราศรีไม่เกิดเลย (ไปเมื่อวันสิ้นปี 2566 ไม่งามตาเลย)

ขนาดวัดปราสาท นนทบุรี ยังวางรูปเคารพสมเด็จพระนเรศเลย แต่วัดต้นตอตั้งต้นอย่างวัดชุมพลนิกายารามกลับละเลยการบูชาบุคคลที่ควรบูชา




https://www.matichonweekly.com/sujit/article_371230

 

ทางวัดควรตั้งพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศผู้สถาปนาเกาะบ้านเลนที่เป็นเกาะชุ่มน้ำดินตะกอน (ไม่ใช่ชุมชนโบราณอย่างตำนาน) พระนเรศสร้างตำหนักที่นี่และมีภาระกิจกองพลาธิการงานเพื่อแผ่นดินก็ทำที่นี่ ควรบูชานะจะเป็นมงคล บารมีวัดจะได้มี อย่าสร้างพระเอกาแต่ให้สร้างพระนเรศ โดยบูชาแบบบูรพกษัตริย์ ไม่อิงตำนานเรื่องพระเอกาเรือล่มเพราะนั่นแต่งขึ้นใหม่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต้นยางที่ติดพระเจดีย์ที่ว่าพระเอกามาเกาะตรงนั้นขึ้นจากน้ำ สมัยโน้นยางหรือต้นไม้ที่อ้างถึงอยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน แม่น้ำอยู่ที่ริมอีกด้านเลยของเส้นทางคลองขุดใหม่ในสมัย ร 5 และที่เกาะนี้ไม่มีคนพื้นเมืองมาเล่าตำนานสืบต่อ เพราะจากวังเจ้า แล้วก็มาร้างไปตอนเสียกรุง พม่าไล่ต้อนคนไปหมดเป็นเกาะร้าง สุนทรภู่ก็บอกว่าร้าง ไม่มีตำนานเก่าแก่อย่างที่อ้างว่าพระเอกาเรือล่ม เกาะนี้เริ่มมีชาวบ้านมาอาศัยคงเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง

ข้าพเจ้าขออธิษฐานให้เทวดาไปดลใจให้เจ้าอาวาสเกิดแรงบันดาลใจอยากสร้างพระตำหนักพระนเรศวรเพื่อบูชาพระองค์ให้เกิดมงคลต่อวัดด้วยเทอญ มีบารมีพระองค์ท่านอยู่ทั่วทั้งเกาะแต่ไม่บูชา

 

ทหารม้าฝึกรบแบบจู่โจม ปัจจุบันยังฝึกกันอยู่ หน่วยรบกองโจรของพระนเรศคาดว่าทรงใช้หน่วยจู่โจมบนหลังม้าลักษณะนี้

https://vt.tiktok.com/ZSFhE62Xy/

 

เรื่องพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ สร้างนครวัดนครธม เมื่อปี ค.ศ. 1113 ตรงกับราชวงศ์ซ่งใต้ ที่มาของคำเรียกเจ้าว่าเจ้า จากแซ่ของกษัตริย์ราชวงศ์

ท่านจางจวีเจิ้งเรียกพระนเรศว่า หัวเจ้า ซ่ง อาจจะเป็นเพราะคนเอเซียกลางอย่างตระกูลเจ้า ขึ้นเป็นใหญ่ในดินแดนตอนใต้ของจีน

พวกเยว่ร้อยเผ่าก็ยังอยู่ เป็นคนจากเอเซียกลาง เป็นสยามเผ่าหนึ่ง ในสมัยจ้านกั๋ว เยว่อ๋องโกวเจี้ยน สร้างพระขรรธ์ ดาบของโกวเจี้ยน คาดว่าประเพณีการสร้างพระขรรธ์ยังสืบต่อมาในเผ่านี้ และเผ่านี้อยู่เหนือเวียดนาม ยาวลงมาตลอดแนวชายฝั่งอ่าวตังเกี๋ย

 

อีกพระองค์ที่ร่วมสมัยกับการสร้างปราสาทนครวัด นครธม ซึ่งท่านเป็นเจ้าชายจากแคว้นอุทธยาน เดินทางเข้าสู่ทิเบต ไปเป็นกษัตริย์ในทิเบต คือท่านปัทมสมภพ ท่านไปเป็นกษัตริย์ แว่นแคว้นก็ไม่ไกลจากถิ่นที่คนน่านเจ้าอยู่ ท่านอาจจะมามีอิทธิพลบ้าง ในฐานะการนำศิลปะวัฒนธรรมอินเดียมาเผยแพร่ เพราะท่านเป็นเจ้าชาย นำคนติดตามท่านมาจากอินเดียหลายหมื่นคน

ท่านเป็นเจ้าชายญาติของราชวงศ์ศากยะ เคลื่อนขึ้นไปอาศัยแถวแคว้นอุทยาน ในเขตอัฟกานิสถาน แล้วภายหลังต้องพาไพร่พลออกหาดินแดนอยู่ ไปถึงทิเบต คนทิเบตเชิญท่านไปเป็นกษัตริย์ด้วย ชื่อท่านมีคำว่าดอกบัวนำหน้า คล้ายคำว่า ปทุมสุริยวงศ์ กษัตริย์อินเดียทางเหนือเป็นสายสุริยวงศ์. ทางใต้อย่างเช่นพระเจ้าอโศก เป็นสายจันทรวงศ์

ท่านปัทมสมภพถึงทิเบต(ดินแดนติดกับน่านเจ้า)



ท่านปัทมสมภพเข้าไปเป็นกษัตริย์ทิเบตในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่สร้างนครวัด นครธม

เส้นทางการค้าทางบก เส้นทางสายไหม ก็มีการเติมคนอินเดียเข้ามาได้อีก และคนฝั่งตะวันออกอย่างจีนก็เดินทางไป เกิดการผสมผสาน คนินเดียเดินเข้าทิเบตได่ก๋เดินเข้าน่านเจ้าได้ตลอด เป็นที่มาของพวกนักรบ ที่ภายหลังกลายเป็นเจ้า

เชื้อสายอินเดียสายสุริยวงศ์จะเข้าสยา โดยการอพยพมาจากทางเหนือ

เชื้อสายอินเดียสายจันทรวงศ์จะเข้าสยาม ตามเส้นทางการค้าทางทะเลและทางบกบางส่วนผ่านการข้ามแม่น้ำสินธุ

พุทธมหายานที่เป็นคติการสร้างนครวัด นครธม มาจากอิทธิพลทางเหนือมากกว่า (เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ)

อิทธิพลศิลปะอินเดียเหนือ(เอาอิทธิพลจีนมาด้วย) กับอินเดียใต้ พบกันที่ สยาม

 

ตามตำนานกล่าวว่า พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ เกิดในดอกบัวที่หนองโสน

จำเรื่องที่เกี่ยวกับบางปะอินและพระพุทธเจ้าได้เรื่องหนึ่ง สอดคล้องกับตำนาน พระปทุมสุริยวงศ์ โดยตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงตากจีวรที่โขดหินของเกาะบางปะอินด้วย

พระเจ้าปราสาททองทรงเป็นเจ้าฟ้ามาก่อนและท่านเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากเอกสารจีนโบราณที่ท่านจางจวีเจิ้งนำมาสยามด้วย

 

พระนางสร้อยดอกหมากที่แต่งงานกับพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ น่าจะเป็นพระธิดาของจักรพรรดิราชวงศ์ซ่งใต้ คนแซ่เจ้า เรียกเจ้าว่าเจ้าเพราะเจ้าในราชวงศหนึ่งในเผ่าเยว่โบราณที่มาจากเอเซียกลางด้วยกัน และถือว่าเป็นสายตระกูลเดียวกันกับน่านเจ้า

พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์อาจจะเป็นกลุ่มเยว่ร้อยเผ่ากลุ่มหนึ่งที่สร้างเมืองที่บริเวณหนองโสน อาจจะโนเนม ก็เลยบอกว่าเกิดในดอกบัว (ตำนานเดียวกับพระปัทมสมภพแห่งทิเบต) และพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ซ่งใต้ที่เป็นชาวเยว่โบราณเหมือนกัน(ได้พ่อตารวยมากและมีอำนาจ) ให้ไปสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่เมืองอินทรปัตโดยมีทุนจากกลุ่มเยว่ทั้งหมดรวมถึงคนสกุลเจ้าในราชวงศ์ซ่งสนับสนุนทุนการก่อสร้าง ให้เป็นนครหลวงใหญ่ของกลุ่มคนเยว่หรือจะเรียกว่าสยามก็ได้ เพราะที่ทะเลสาบเมืองอินทรปัตก็เป็นที่ดินดำน้ำชุ่มที่หนึ่งเป็นซัมหรือสยามได้ ชาวบ้านพูดไท เจ้าพูดปาลวะ

ไม่แน่ใจว่า ตำนานภาคเหนือที่กล่าวถึงพระเจ้าสายน้ำผึ้งจะแต่งกับพระธิดากรุงจีนที่ชื่อเดียวกับพระมเหสีของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ คือชื่อพระนางสร้อยดอกหมากเหมือนกัน แล้วจะสรุปว่า พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์คือพระเจ้าสายน้ำผึ้ง แต่ยังไม่มีหลักฐานรองรับค่ะ