กรดกัดแก้ว หน้าล่าสุด

ในภาพนี้ เป็นครั้งที่ผมหลอมพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้ว มีขนาดใกล้เคียงกัน ซึ่งอย่างนี้เรียกว่า ความถูกต้อง

…………………………………………………………


แต่ครั้งที่ลูกน้องช่างแก้วผม ได้รับคำสั่งจากนายคนใหม่ของเขาให้หลอมพระแก้วยืนสูง 70 c.m. ซึ่งนับว่าเป็นการทดลองครั้งแรกนั้น เป็นนัดตัดเชือกว่า หากสำเร็จ พระแก้วยืนสูง 70 c.m. หากสำเร็จ ก็จะมีโครงการใหญ่เกิดขึ้น มีการสร้างพระแก้วยืนจำนวนมากเกิดขึ้นในไทย ในขณะนั้นการว่าจ้างยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากนายใหม่ยังไม่เคยหลอมแก้วเลย ยังไงไม่ทราบ ลูกน้องช่างแก้วผมที่คิดว่ากำลังจะได้งานใหม่ ก็มาหลอมหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยองเข้าไปในเตาเดียวกัน ( ซึ่งเตานี้คือเตาอบเซรามิคขนาดอุตสาหกรรม )

น้ำหนักขององค์หลวงปู่ทิมแค่กิโลเศษๆ แต่พระแก้วยืนสูง 70 c.m. หนักถึง 12 กิโลกรัม ต่างกันประมาณ 12 : 1 สิ่งที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความผิดพลาดอย่างมาก พระแก้วยืนไม่สำเร็จ โครงการล้มเลิกไป นี่เป็นเหตุเศร้าใจอีกอย่าง คือเจ้านายใหม่ไม่มีองค์ความรู้ว่า ชิ้นงานที่ต่างขนาดกันถึงขนาด 12 : 1 ( 12 ต่อ 1 ) นั้น แล้วเราจะยึดสูตรไหนเป็นเกณฑ์ ยึดเล็ก ใหญ่อาจเสีย ยึดใหญ่ เล็กอาจเสีย ถ้าเป็นผม ผมจะบอกว่า ผมจ้างคุณให้ไม่หลอมองค์เล็กในเตาเดียวกันเอาเท่าไร ? แต่นี่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มาถามความเห็นผมก่อน ไปทำพลาดกันมาก่อนค่อยมาปรึกษาผม

 

เราพักเรื่องโครงการหลอมพระแก้วยืนสูง 70 c.m. ที่ล้มเลิกไป ผมไม่อยากโทษใครทั้งสิ้น คนเป็นนายใหม่ควรใส่ใจกับการเป็นอยู่ของลูกน้องใหม่ว่า เขาต้องกระเสือกกระสนเกินจำเป็นหรือไม่ ?

ขอพักไว้ ให้พอนึกได้ว่า มีอะไรเกี่ยวเนื่องจะได้พูดใหม่ครับ

 

ฝรั่งส่วนมาก ยังไม่รู้จักศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูปแบบไทย ซึ่งพระพุทธรูปแบบไทยนี้นั้น ให้ความรู้สึกถึงความประณีต ละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะยุคใด

ขณะที่ฝรั่งเริ่มหันมาสร้างพระพุทธรูปจากแก้วคริสตัลกันแล้ว หากแต่ไม่มีทางสร้างได้สวยได้อารมณ์เท่ากับที่คนไทยสร้าง แต่คนไทยกลับยังหลับอยู่

 

วันนี้บังเอิญมีเรื่องเกี่ยวกับรูปปฏิมากรรมยืนให้เข้ามาคุยกันหลายสายงาน เลยน่าจะหยิบยกเรื่องความรู้เกี่ยวกับพระยืน ซึ่งคนส่วนมากมักให้พระยืนไม่ว่าจะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ยืนบนข้อเท้าเพียวๆ 2 ข้อเท้า ซึ่งหากน้ำหนักรูปหล่อสูงประมาณ 70 c.m. ซึ่งถือว่าเป็นรูปหล่อขนาดที่มีน้ำหนักประมาณ 12 หรืออาจถึง 15 kg. ขึ้นไปนั้น น้ำหนักที่ลงบนข้อเท้าทั้งสอง อาจมีปัญหาได้

ผมจึงขอยืมรูปเทวดาของลาลีคฝรั่งเศสมาให้เห็นการออกแบบที่ฉลาด เทวดาองค์นี้สูงประมาณ 70 c.m. ซึ่งถ้าหากน้ำหนักลงที่ข้อเท้าทั้งสองก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน ดังนั้นลาลีคจึงออกแบบให้เทวดานั่งบนก้อนหินแก้ว เป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดมาก เมื่อลาลีคสร้างเสร็จองค์สูง 70 c.m. และสร้างเพียงองค์เดียว เขามีแผนการตลาดคือการสร้างแบบใกล้เคียงกัน แต่สูงแค่ 11 นิ้วคือไม่ถึง 30 c.m. ในจำนวนมาก องค์ใหญ่มีเพียงองค์เดียวจึงให้ประมูลไปที่ประมาณ 14 ล้านบาท เงินช่วยผู้ป่วยเอดส์ในมูลนิธิของท่านเซอร์เอลตันจอหน์ อังกฤษ และยังมีอีกหลายร้อยหลายพันชิ้นที่จำหน่ายเพื่อหาส่วนต่างช่วยเอดส์ ทราบว่าได้เงินไปหลายร้อยล้านบาทในการสร้างครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว

คนไทยก็สามารถทำได้นะ วิธีแบบนี้ไม่มีใครสงวนลิขสิทธิครับ ยิ่งทำมาก โลกก็ยิ่งร่มเย็น ให้ทานแก่ผู้ป่วยเจ็บ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาลโดยมูลนิธิฯ เป็นเรื่องดีทั้งสิ้นครับ

 

เทวดาองค์เล็กคือที่ผมว่ารุ่นสูง 11 นิ้ว องค์ละกี่หมื่นจำไม่ได้แล้ว น่าจะถึง 6 หมื่น ส่วนหัวใจสีแดง และ หัวใจสีใสขลิปทองรู้สึกชิ้นละ 4 หรือ 5 หมื่นบาท ได้เงินช่วยการกุศลหลายร้อยล้านบาทครับ

ถ้าเป็นเมืองไทยก็ลดราคาลงมาหน่อย เอาแค่ครึ่งราคาของลาลีคก็พอ แต่ละซีรีส์ก็อาจถึง 200 ล้านได้อย่างสบายๆครับ

 

ถ้าเป็นงานที่ได้ราคาดี ผมว่าก็อย่าไปเกี่ยงราคาต้นทุนที่ต้องไปกระเสือกกระสนหาวัตถุดิบที่ราคาต่ำเกินไป ในภาพนี้เป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของก๊าฟเฟอร์กลาส gaffer glass เป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่มีให้เลือกมากมายและหลากสีเหลือเกิน ในภาพนี้เป็นก้อนสีใสที่ดูๆเหมือนไม่ใส แต่เวลาหลอมจริงเขารับประกันความใสปิ๊ง และแทบไม่มีฟองอากาศเลย ( ต้องยอมรับความจริงนะครับว่า บนโลกนี้ แก้วไม่มีฟองอากาศเลยอย่างสิ้นเชิงนั้น ยังไม่มี )

เขาขายกิโลกรัมละไม่กี่ร้อยบาทครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาแก้วชนิดไหน ส่วนมากก็ให้ระบุไปเลยว่า เป็นแก้วคริสตัลที่มีส่วนผสมตะกั่วประมาณ 30%PbO หรือจะเลือกแก้วคริสตัลที่ไม่มีส่วนผสมตะกั่วเลยก็ได้ แต่เป็นผม ผมจะเลือกแบบที่มีตะกั่วครับ เพราะเราหลอมแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว และรู้สึกคุ้นเคยกับแบบนี้มากกว่า อีกทั้งเสียงที่ดังกังวาลก็น่าจะดังกังวาลได้ดีกว่า ( ขอเตือนท่านไปไปเคาะแก้วคริสตัลตามห้างร้านนะครับ เขาอาจบังคับขายเลยทันทีที่ท่านเคาะนะครับ โปรดระวัง เพราะหากเคาะไม่เป็น อาจมีรอยเล็กๆเกิดขึ้นได้ ซึ่งรอยเล็กๆแค่นี้แหละครับจะบังคับขายราคานับล้านบาทได้เลย )

 

หรือจะยังคงใช้ของจีนที่มีสีประมาณนี้ ราคากิโลกรัมละ 5 หยวน แต่อาจต้องมาปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งการปรับปรุงคุณภาพโดยช่างแก้วไทยนั้น ทำได้ครับ แต่มีค่าใช้จ่ายนับหมื่นๆบาท เพราะเขาจะต้องรับงานครั้งละไม่น้อยกว่า 300 kg. หากน้อยกว่านั้นเขาก็อาจไม่คุ้มค่าครับ

ของจีนโลละ 25.- บาท องค์ยืนสูง 70 c.m. ถ้าหนัก 12 kg. ก็เป็นค่าแก้วเพียง 300.- บาทเท่านั้นครับ

 

3 ภาพด้านบนนั้น คือตารางการอบลดอุณหภูมิหรือที่เรียกว่า Glass Forming Relaxation Process ของก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของ Gaffer Glass

 

การวางก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อเพื่อสร้างเลนส์ของกล้องฮับเบิ้ลในยุคหลังๆที่ต้องใช้เลนส์ที่ใหญ่โตกว่าเดิมมาก การหลอมต่อแบบนี้ ดีกว่าการตักด้วยช้อนตักขนาดช้อนละ 200 kg. ด้วยซ้ำไป


การสร้างเลนส์ของกล้องฮับเบิ้ลยุคหลัง ยิ่งสร้างได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เส้นผ่าศูนย์กลางสร้างได้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักลดลงไปเรื่อยๆ ( สังเกตุเฮ๊กซากอนด้านล่างของเลนส์ที่ทำให้น้ำหนักเลนส์กระจกนี้ สามารถลดได้มากมาย )

 

วันนี้ได้รับโทรศัพท์บอกว่า อ่านของผมทุกกระทู้ เป็นแรงบันดาลใจ ทำหนังสือพระแก้วแห่งสยามออนไลน์ทางเฟส. และแจ้งผมพร้อมให้ผมเข้าไปอนุโมทนา มีคนจ้างเช็กโกสร้างพระแก้วยืนสูง 2.2 ม. เสร็จแล้ว

 

ยังคอยคำตอบอยู่ครับ หากได้รับอนุญาตจึงค่อยโพสต์ทั้งภาพและเรื่องราวพระยืนสูง 2.2 เมตรที่คนไทยไปจ้างเช็กฯสร้างครับ

 

ยังคอยคำตอบอยู่ครับ หากได้รับอนุญาตจึงค่อยโพสต์ทั้งภาพและเรื่องราวพระยืนสูง 2.2 เมตรที่คนไทยไปจ้างเช็กฯสร้างครับ

 

ขออนุโมทนาสาธุการ การสร้างพระแก้วจากแก้วคริสตัลเนื้อแก้วตันๆ ปางยืนเปิดโลก สูงรวม 2.30 เมตร จากประเทศเชกโกสโลวาเกีย นับเป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกนับตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2561 ซึ่งผมคาดว่า นี่คือการจุดประกายพระแก้วคริสตัลขนาดประมาณเท่าองค์จริง

ขออนุโมทนาบุญครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

น้ำหนักองค์พระแก้วคือ 9XX กิโลกรัม ( เกือบ 1,000 kg. ) ถ้าหลอมด้วยก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีน ก็จะมีราคาค่าน้ำแก้วไม่แพงมากครับ ถือเอาราคาขายปลีกของจีนกิโลกรัมละ 5 หยวน = โลละ 25.- บาท ก็จะตกเฉพาะค่าแก้วคริสตัลองค์นี้ 25,000.- บาท

ถ้ากลัวว่าคุณภาพแก้วจากจีนจะยังไม่ดี เราไปซื้อก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของ Gaffer Glass เลย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของศิลปินแก้วและช่างแก้วชั้นนำของโลกแทบทุกท่าน เอาอย่างแพงสุดของสีใส ( ซึ่งสีใสนี่แหละที่ทำเป็นสีฝ้าขาว ) เอาแพงสุดก็โลละ 600.- บาท ก็จะตกเฉพาะค่าแก้วองค์นี้ 600,000.- บาท

นอกนั้นก็จะเป็นค่าเตาอบที่ต้องอบนานประมาณ 6 เดือน และค่าแรงคนงานและนายช่างซึ่งไม่ต้องมากคนครับ เพราะนี่เป็นงานในอีกเทคนิคหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องช่างมากเหมือนเทคนิคปั๊มหรือเป่าครับ

 

ผมคาดเดานะครับ ขณะนี้ผมคาดเดาว่า ทางโรงงานแก้วของเช็กเกียใช้วิธีการเทน้ำแก้วจากเบ้าหลอมจำนวนประมาณ 3 เบ้า เบ้าละ 350 ก.ก. ก็จะได้น้ำแก้วประมาณ 1,000 kg. พอดี และการที่เขาคำนึงถึงเรื่องฟองอากาศเป็นอย่างมาก และประกอบด้วยโรงงานของเช็กเขาเป็นโรงงานหลอมแก้วประเภทหลอมจากเบ้าหลอมด้วยแล้ว ความชำนาญในการหลอมจากเบ้าแล้วเทออกมาแบบนี้ ได้เปรียบวิธีในเทคนิคอื่นครับ แต่ต้องหลอมสำรองไว้เป็นประมาณ 6 เบ้า เพราะหากเกิดเบ้าแตกเบ้ารั่ว และเบ้าที่ยังมีฟองอากาศ นายช่างเรื่องฟองอากาศจะรายงานทันที และละเว้นเบ้านั้นเสีย จึงต้องหลอม 6 เบ้า แต่ใช้งานจริงแค่ 3 เบ้า แต่แก้วในโรงงานของเช็กไม่ได้เสียไปไหน เพราะเขาทำการผลิตแจกัน ถ้วย โถ ชาม จานอยู่ตลอดทั้งวันอยู่แล้วครับ ยังไงก็ใช้หมดครับ