Shut_Up
ความเคลื่อนไหวล่าสุด:
11 พฤศจิกายน 2009
วันที่สมัครสมาชิก:
18 กันยายน 2008
โพสต์:
2
พลัง:
0

โพสต์เรตติ้ง

ได้รับ: ให้:
ถูกใจ 0 0
อนุโมทนา 0 0
รักเลย 0 0
ฮ่าๆ 0 0
ว้าว 0 0
เศร้า 0 0
โกรธ 0 0
ไม่เห็นด้วย 0 0

แชร์หน้านี้

Shut_Up

สมาชิกใหม่

Shut_Up เห็นครั้งสุดท้าย:
11 พฤศจิกายน 2009
    1. azalia
      azalia
      [IMG]
      [IMG]
      [IMG]
    2. เต้าเจี้ยว
      เต้าเจี้ยว
      ใกล้จะเอ็นท์ยัง
      โชคดีนะ

      ;welcome2
    3. pucca2101
      pucca2101
      อิอิ อันนี้เอารูปสวย สวย สวย สวย สวย มาให้ดูกระตุ้นต่อมความอยากเฉย ๆ ค่ะ เพราะปุ๊กก้าไม่คิดว่าจะมีพี่ ๆ คนไหนไป ปุ๊กก้าเกือบจะได้ไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ไป

      แต่น...แต้น...แต๊น...... นั่นคือ ยอดเขาโมโกจู ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่ อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร และ อ.แม่วงก์ และกิ่งอำเภอ แม่เปิน จ.นครสวรรค์

      โมโกจู สูงจากระดับน้ำทะเล 1,964 เมตร ใช้เวลาเดินป่า ไป - กลับ 5 วันค่ะ เป็นสวรรค์ของนักเดินป่านะคะ

      [IMG]
    4. pucca2101
      pucca2101
      หวัดดีค่ะ วันนี้ปุ๊กก้ามาเป็น ททท. ประจำเว็บพลังจิตนะคะ ( แต่งตั้งตัวเอง ) อิอิ นำรูปทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองทองอร่าม บานสะพรั่งเต็ม ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน มาฝากพี่ ๆ นะคะ หากพี่ ๆ คนไหนอยากไปเที่ยวก็เตรียมตัวได้แล้วนะคะ ดอกบัวตองจะบานเพื่อรอรับนักท่องเที่ยวในเดือน พ.ย. - ธ.ค. นะคะ แม่ฮ่องสอนยังมีธรรมชาติที่งดงามอีกหลายแห่งให้ไปสัมผัสกันนะคะ คนไทยเที่ยวไทยเพื่อไทยค่ะ

      [IMG]

      [IMG]

      [IMG]
    5. noobeibei
      noobeibei
      [IMG]

      [IMG]

      [IMG]


      [IMG]
    6. หมูสวย
      หมูสวย
      ของฝากจากเชียงรายค่ะ อิ..อิ เป็นงัยบ้างคะ สบายดีเปล่าเอ่ย
      ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึง คิดถึง^_^
      ตอนนี้ผึ้งอยู่ร้านnetที่เชียงรายค่ะ แวะมาเยี่ยม อิ อิ ^ ^

      [IMG]


      [IMG]
    7. azalia
      azalia
      อุ๊ยตาย...ไม่ได้ตั้งใจเซ็กซี่...หนุ่มๆจะหวั่นไหวไม๊น้อ...

      [IMG]
    8. noobeibei
    9. เฮียปอ ตำมะลัง
      เฮียปอ ตำมะลัง
      สวัสดีครับ คุณShut_Up ^^ สุขสดชื่นนะครับ

      [IMG]
    10. coolz
      coolz
      วันพุทธนี้ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำเดือน 11 วันเกิดเค้าน่ะ อิอิ
    11. coolz
      coolz
      วัดนี้สวยมากเลยจ้า

      [IMG]
    12. ภัทรอังคาร
      ภัทรอังคาร
      สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ ไม่เป็นไรหรอกได้ร่วมอนุโมทนาก็ถือว่าได้รับยันตฺ์เข้าไปบ้างแล้ว โอกาสหน้าถ้ามีอีกอย่าพลาดนะค่ะ เพราะดีมากๆ แล้วไว้คราวหน้าไปด้วยกัน ทุกอย่างฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ

      [IMG]
    13. noobeibei
      noobeibei
      จ๊ะพักผ่อนนะ...เดียวเดี๊ยงเหมือนสุ
    14. Komodo
      Komodo
      เหอๆ เด็กน้อย ไม่ยอมไปรับยันต์ กลัวอดดริ้งค์นะดิ
    15. ธรรมะสวนัง
      ธรรมะสวนัง
      ขอบคุณที่ลิงค์ให้ไปอ่านนะคะ ขอเวลาอ่านดูก่อนนะคะ ^_^
    16. ha801
      ha801
      ;aa19Goodmorning Krab 555
      ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆครับ
    17. noobeibei
      noobeibei
      ค่ะตื่นเช้าเหมืนกันนะ
    18. Shut_Up
      Shut_Up
      อีกความคิดเห็นนะ ครับ

      นีโอเปรียบเสมือนกับพระพุทธเจ้าใน The Matrix ภาคแรก ตอนที่พลังของนีโอเพิ่งตื่นขึ้นมา และสามารถหยุดกระสุนได้เป็นครั้งแรก นีโอ สามารถมองเห็นทุกอย่างในโลกของ matrix เป็นตัวโค้ดสีเขียววิ่งไปวิ่งมาทั้งหมด เปรียบเสมือนกับตอนที่พระเจ้าเพิ่งตรัสรู้ และเข้าใจในความเป็นไปของโลกทั้งหมด นีโอก็เปรียบเสมือนเป็น พระเยซู ในตอนจบของ The Matrix Revolution นีโอได้สละชีวิตตัวเองเพื่อปราบสมิธ แลกกับความสุขสงบของมนษย์ทุกคน

      ภาพที่นีโอนอนกางแขนแล้วมีสายปลั๊กจากเครื่องจักรเสียบตามตัว
      ดูไม่ต่างอะไรไปจากภาพที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์เลย และตอนที่นีโอเดินไปหาเครื่องจักร โดยที่มีผ้ามัดไว้ที่ตาที่บอด ก็ดูคล้ายๆกับมงกุฏหนามที่พระเยซูต้องสวมไว้บนหัว ก่อนที่จะถูกตรึงกางเขน

      สถานีรถไฟ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกของมนุษย์และโลกของ Matrix ในทางศาสนาก็เปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกของคนเป็นและโลกของวิญญานในตอนนั้น นีโออยู่ในอาการโคม่า เรียกได้ว่าครึ่งเป็นครึ่งตาย จึงต้องมาติดอยู่ในสถานีรถไฟนี้ รถไฟในฉากนี้ ที่จะพาคนจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง ดูยังไงๆ ก็เหมือนกับ รถไฟทางช้างเผือกของญี่ปุ่นที่คนตายทุกคนจะต้องขึ้นเพื่อไปยังโลกของวิญญาน ที่สถาปนิกบอกว่า Matrix นั้นถูกทำลาย และสร้างใหม่มาถึงห้าครั้งแล้ว ก็เปรียบเสมือนหลักการของศาสนาฮินดู ที่จะมีพระศิวะ เป็นผู้สร้างโลก และเมื่อโลกนี้เกิดสกปรกหรือเสื่อมโทรม ก็จะมีมีอีกพระเจ้าอีกองค์หนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) เป็นผู้ทำลายโลก แล้วก็สร้างใหม่ แล้วทำลายใหม่ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

      ชุดเครื่องแบบสีดำที่นีโอใส่ ใน The Matrix Reloaded และ Revolutionที่มีชายเสื้อยาวๆออกมา และปกเสื้อแข็งๆปิดตรงคอ ดูยังไงๆ ก็เหมือนกับเครื่องแบบของหลวงพ่อ ในศาสนาคริสต์ และใน matrix ทั้งสามภาค จะเห็นว่านีโอจะสีหน้านิ่งและพูดด้วยเสียงที่เบานิ่งตลอดทั้งเรื่องแทบจะไม่มีการแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าหรือน้ำเสียงเลย ก็คล้ายๆกับพระในศาสนาพุทธ ที่ต้องสำรวมกิริยาและคำพูด

      ใน The Matrix ตอนแรก ฉากที่ มอร์เฟียสประลองฝีมือกับนีโอ ด้วยกังฟู มอร์เฟียสได้พูดกับนีโอว่า
      " I can only show you the door. You are the one who has to walk through it."
      "ผมทำได้แค่ชี้นำทางให้คุณเท่านั้น แต่คุณต้องเป็นคนลงมืองกระทำเอง" อันนี้เป็นคำสอนมาจากศาสนาพุทธ นิกายเซน โดยตรงเลย

      ใน The Matrix Reloaded และ Revolution การที่สมิธ สามารถใช้ร่างของผู้อื่นกอบปี้ตัวเองได้อย่างมากมาย สมิธก็เหมือนกับกิเลศและตันหาที่สามารถแพร่ระบาดและครอบงำจิตใจของมนุษย์ที่อ่อนแอ ได้อย่างง่ายดายแต่ใน The Matrix Reloaded สมิธ ไม่สามารถกอบปี้ตัวเองในร่างของนีโอได้ เพราะอย่างที่บอกว่า นีโอ ซึ่งกลายเป็น The One แล้ว ก็เปรียบเสมือนกับพระพุทธเจ้าที่ได้ละเว้นซึ่งกิเลสทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว

      มอร์เฟียสเคยบอกไว้ว่า ตอนที่ The One คนแรกได้เสียชีวิตลง ทุกคนเชื่อว่าเค้าจะต้องกลับมาใหม่ (กลับชาติมาเกิด) และมอร์เฟียสก็ได้ทุ่มเททั้งชีวิตในการตามหา The One คนใหม่ โดยหวังว่า The One คนใหม่จะช่วยนำทางและกอบกูอิสระภาพสู่มวลมนุษย์ อันนี้ก็คล้ายๆกับเวลาที่องค์ดาไลลามะเสียชีวิตลง แล้วชาวทิเบทจะต้องออกตามหาร่างประสูติใหม่ขององค์ดาไลลามะ

      ความคิดที่ว่า จิตใจ มีอำนาจเหนือร่างกาย ก็มาจากหลักการของศาสนาพราห์มการกระทำบางอย่างที่ อาจจะเหนือขอบเขตความสามารถของร่างกาย แต่ถ้าหากว่าจิตใจเชื่อว่าเราสามารถทำได้ เราก็จะทำได้ เช่นการที่ ทรินิตี้ หรือมอร์เฟียสสามารถกระโดดได้ไกลเป็นหลายๆสิบๆเมตรหรือสามารถใช้หมัดชกทะลุกำแพงคอนกรีต ก็เป็นผลมาจากการฝึกความเข้มแข็งของจิตใจ (ไม่ใช่ร่างกาย)

      เช่นเดียวกับที่นักบวชในศาสนาพารห์มฝึกทรมานตนเองเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของจิตใจแล้วสามารถทำอะไรหลายๆอย่างที่เหลือเชื่อได้ แต่ทว่าความสามารถเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในขอบเขตของกฏธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจาก นีโอ นีโอผู้ซึ่งกลายเป็น The One (ในศาสนาพราห์มเทียบได้กับการบรรลุโสดาบัน) สามารถทำในสิ่งที่อยู่เหนือกฏของธรรมชาติได้ เช่น บินได้
    19. Shut_Up
      Shut_Up
      ในทางคริสตศาสนา หากมีสิ่งใดที่ท่านเห็นว่าผิดพร่องประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะ ครับ


      Second Renaissance:เกิดใหม่สู่บาป (Animation ตอนหนึ่งใน The Animatrix)
      Animatrixตอนนี้เล่าอดีคก่อนการกำเนิดของmatrix
      (อันที่จริงก็มีอยู่ในบทแนะนำmatrixของมอร์เฟียสหลังนำนีโอมาสู่โลกความจริง ในภาค1)มนุษย์ได้หยิ่งทะนงในความฉลาดของตน สร้างปัญญาประดิษฐ์สมองกลAIเช่นเดียวกับที่ บรรพบุรุษมนุษย์ อดัม กับเอวา ร่วมชื่นชมกับผลไม้ต้องห้ามที่เป็นเหตุให้มนุษยชาติต้องพ้นจากแดนสวรรค์ สู่คุกนรกแดนจองจำ
    20. Shut_Up
      Shut_Up
      [IMG]
      วันนี้ 12:32 AM
      Veerasak_Chai

      กระทู้ต่อไป

      พี่อยากให้ย้อนไปดูหนังเรื่อง เดอะ เมตริกซ์ ทั้ง สามภาค
      แล้วน้องช่วยวิเคราะห์หน่อยว่าเป็นอย่างไร
      เกี่ยวข้องกับศาสนาใด และอย่างไร โดยละเอียดครัับ

      พี่รออ่านกระทู้นี้อยู่นะ

      ตอบ

      เมื่อผมได้วิเคราะห์ภาพยนตร์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พี่น้องตระกูลวาโชว์สกี ซึ่งเป็นผู้สร้าง
      ภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า "มีอะไรหลายอย่างที่โดดเด่น และน่าสนใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและ
      คณิตศาสตร์ ซึ่งติดตราตรึงใจเรามานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกฎควอนตัมฟิสิกส์
      และในแง่ที่ศาสตร์ทั้งสองมาบรรจบพบกัน" บทความนี้พยายามที่จะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละฉาก
      ในภาพยนตร์มีความพยามยามดำเนินเรื่องให้สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนาอย่างไร
      ก่อนอื่นใคร่ขอบอกว่า นี่เป็นเพียงการเชื่อมโยงอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น และไม่ได้มุ่ง
      เน้นความถูกต้องตามหลักปริยัติอย่างเคร่งครัด


      ***ภาคแรกของหนังเรื่องนี้ ได้ถูกเขียนบทขึ้นมาโดยรับอิทธิพลจากคัมภีร์ปรัชญาพุทธสายมหายาน ทางธิเบต***


      เท่าที่ผมจำได้เมื่อได้วิเคราะห์เป็นฉากแล้วมีฉากที่น่าประทับใจดังนี้ครับ


      ฉากหนึ่ง มอร์เฟียร์ซ พานีโอ ไปหา Oracle เขาบอกนีโอก่อนเข้าประตูว่า "ผมเป็นแค่คนบอกทาง แต่คุณคือคนที่ต้องเดินไปบนทางนั้นเอง" ซึ่งประโยคทำนองนี้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ จะศีล ก็ดี สมาธิ หรือปัญญาก็ดี เราแจกกันไม่ได้ ทำแทนกันไม่ได้ จะมีได้ ก็ต้องสร้างเอาเอง ด้วยตัวเอง พระท่านจึงกล่าวประโยคที่เราเคยได้ยินเสมอว่า "อัตตาหิ อัตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน



      และวิเคราะห์ตามแง่คิดของผมแล้วพอที่จะสรุปได้ดังต่อไปนี้ ครับ

      Matrix คือสังสารวัฏฏ์
      Matrix เทียบได้กับอะไร Matrix เปรียบเสมือนมายาหรือสังสารวัฏฏ์ (คือ เราอาศัยอยู่ในโลกแต่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ถูกต้อง ด้วยจิตใจที่หลงผิดของเราเอง) การถูก Matrix ปิดบัง
      ให้มืดบอดไม่ใช่สิ่ง ที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับสมัยนี้ ถ้าเราไม่ได้รับการศึกษา เราก็คงจะเข้าใจว่าโลกแบน(เพราะตามันเห็นว่าแบนจริง ๆ ) หรือไม่ก็เข้าใจว่าพระอาทิตย์สว่างตอนเช้าแล้ว
      ดับตอนกลางคืน เพราะเชื่อสายตาของตนเอง โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยสิ่งลวงตาลวงใจมากเหลือเกิน! ฝันร้ายของ Neo แม้ว่า Neo จะหวาดผวากับฝันร้ายซ้ำซากว่า Trinity ถูกยิง ตอนที่เธอจะ"ตาย" แต่เขาก็เชื่อว่า "มันจะไม่สิ้นสุด จนกว่ามันจะสิ้นสุด" เขาเชื่อเช่นนี้ เพราะเขายังไม่ได้เห็นเธอตายจริง ๆ ข้อนี้ช่วยให้เราระลึกได้ว่า แม้สิ่งต่าง ๆ มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นตามกฎแห่งกรรม แต่ก็อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ ตราบใดที่เรามี"ความเพียร"ในการกอบกู้สถานการณ์
      ให้เปลี่ยนแปลงไป และตอนหนังใกล้จบ Neo ก็สามารถทำให้ Trinity ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หลังจากที่เขาสามารถเข้าถึงภาวะใกล้ตายของเธอได้สำเร็จ Neo ผู้มีเมตตาแต่ขาดปัญญา แม้ Neo จะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองว่าเขาเป็น The One ที่สามารถช่วยทุกคนให้รอดพ้นจาก Matrix ได้ แต่ Neo ก็บอกกับ Trinity ว่า "ผมเพียงอยากรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง"Neo จึงเปรียบได้กับผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกรุณา แต่ขาดปัญญา ไม่รู้ว่าจะนำพาสรรพสัตว์หลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์ (การเวียนว่ายตายเกิด) ได้อย่างไร ตรงนึ้เท่ากับช่วยย้ำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาปัญญาควบคู่ไปกับ ความกรุณา อุปมาเหมือนกับนกที่จะต้องมีสองปีก จึงสามารถบินได้ ศรัทธาที่มืดบอดของ Morpheus หลายคนสงสัยว่า ทำไม Morpheus จึงเชื่อมั่นในคำทำนายของ Oracle ยิ่งนัก เขาเชื่อตั้งแต่ในภาคแรก และยืนยันความเชื่อที่ปราศจากเหตุผลรองรับ มาจนถึงภาค Reloaded ด้วยความเชื่อ
      อันงมงายของ Morpheus ลูกเรือทุกคนต่างเต็มใจปฏิบัติตามคบัญชาของเขาด้วยความเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวเขา เขาคือผู้ที่ทำให้ประชาชนชาว Zion มีความหวัง แต่แล้วในตอนจบของหนัง มันได้กลับกลายเป็นความสิ้นหวังไป (แต่เราก็หวังว่า Neo จะสามารถช่วยชีวิตชาว Zion ได้ในภาคที่ 3) ความเชื่อมั่นในคำทำนายของ "Oracle" เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นในความยึดมั่นถือมั่นของ Morpheus ทำให้ได้เห็นความต้องการลึกๆ และความเชื่อมั่นของเขา อย่างไรก็ตามในที่สุด ความ(ไม่)จริงก็ได้ปรากฏตามที่มันเป็น(ไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อของใครๆ) ตรงนี้ถ้าพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าคนเราทั่วๆไปก็เหมือน
      กัน คืดจะเชื่อในสิ่งที่เราต้องการเชื่ออยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เราจำเป็นต้องการให้ Oracleมาบอกเราให้เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ หรือต้องการเชื่ออยู่แล้วหรือ! ไม่จำเป็นเลย ใช่ไหมฉะนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อของการหลอกตัวเอง เพราะขาดปัญญา Smith คือ"มาร" Smith
      ซึ่งไล่ล่า Neo อย่างไม่ลดละ อาจเปรียบได้กับมารในตัว Neo เอง ที่พยายาม "ฆ่า" เขาด้วยการขัดขวางไม่ให้เขาบรรลุเป้าหมาย (คือการรู้แจ้งสัจธรรม) ในภาคแรก Neo ไม่ได้
      ทำลายล้าง Smith ให้สิ้นซาก เขาจึงกลับมาได้ในภาค 2 ตรงนี้บอกให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการกำจัดกิเลสมาร (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) ในตัวเราให้หมดสิ้นไป
      การที่ Smith สามารถ "เนรมิตกาย" ขึ้นมาตั้งมากมาย อาจเทียบได้กับการที่เรายอมให้กิเลสมารเกิดขึ้นในใจของเราอย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะไม่ได้ฝึกจิตใจให้เข้มแข็งพอ
      และมักทำอะไรตามความเคยชิน ไม่ทำด้วยความมีสติ เหตุการณ์ที่ซ้ำรอยเดิม ตอนที่ Neo หนี Smith อีกครั้ง Smith พูดว่า "มันกำลังเกิดขึ้นอีกแล้ว เหมือนครั้งก่อนเลย" แต่
      "กายเนรมิต" ของเขากลับพูดว่า "ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว" ตรงนี้บอกเราว่า การเวียนว่ายตายเกิด ทำให้เราต้องประสบเรื่องทำนองเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้นเรื่องแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด และมีหลายครั้งที่เราสามารถพัฒนาเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์ได้ ความเป็น SuperMan ของ Neo การที่ Neo เหาะได้เหมือน
      SuperMan สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของจิตใจที่มีอำนาจเหนือวัตถุ (ฤทธิ์) สามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อ (และดูเหมือนท้าทายกฎทาง Physics) ได้ อย่างไรก็ตามความสามารถนี้อย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เขารอดพ้นจาก Matrix ได้โดยเด็ดขาด
      เพราะอำนาจจิตไม่ได้นำมาซึ่งการรู้แจ้ง แต่เป็นเพียงผลพลอยได้ในกระบวนการฝึกจิตเท่านั้น (ตอน 2) ชุดของ Neo นอกจากเสื้อคลุมสีดำของ Neo จะใกล้เคียงกับชุดของ Zen แล้วใบหน้าของเขายังสงบนิ่งและสำรวมแบบพระแทบจะตลอดเวลาด้วย สองเรื่องนี้เป็นข้อสังเกต
      ที่น่าสนใจไม่น้อย

      ชาว Zion เปรียบได้กับชาวพุทธ
      พลเมืองชาว Zion (ซึ่งเปรียบได้กับชาวพุทธ)
      ยังเพียงอยู่บนเส้นทางสู่อิสรภาพที่สมบูรณ์ (การรู้แจ้ง) เท่านั้น ยังไม่ได้บรรลุเป้าหมายที่แท้จริงเพราะอิสรภาพที่สมบูรณ์ (นิพพานในพระพุทธศาสนา) หมายถึง ความสงบระงับ ไม่มีความทะยาน
      อยากอีกต่อไป ชาว Zion ส่วนใหญ่รู้ความจริงของ Matrix (ความจริงแห่งสังสารวัฏฏ์) ระดับหนึ่งซึ่งอาจเทียบได้กับพระโสดาบันเท่านั้น ยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์ จึงไม่สามารถบรรลุเสรีภาพที่แท้จริง (สิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด) ส่วนชาว Zion ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้อื่นให้ตื่นตัวและหลุดพ้นอาจเปรียบได้กับพระโพธิสัตว์ในคติพระพุทธศาสนา Zion ล่มสลาย เปรียบได้กับพระธรรมอันตรธานสิ้น การทำลายล้าง Zion จนหมดสิ้น อาจเปรียบได้กับการสิ้นยุคพระพุทธศาสนา
      เพราะนั่นย่อมหมายความว่าไม่เหลือผู้รู้ความจริงเกี่ยวกับ Matrix (สังสารวัฏฏ์) แม้แต่คนเดียวNeo อาจเปรียบเสมือนพระพุทธเจ้า ในบางกรณีอาจถือได้ว่า Neo มีลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้า
      คือเป็นผู้ "หลุดพ้น" จาก Matrix (สังสารวัฏฏ์) โดยสิ้นเชิง และสามารถกลับเข้าไปได้โดยไม่ถูกครอบงำ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ผู้อื่น (สรรพสัตว์) ได้หลุดพ้นตาม แต่ Neo กลับ "รู้แจ้ง"
      น้อยกว่าที่เราคิด จึงอาจเทียบได้กับพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมด้วยแรงจูงใจ (ความกรุณา)แต่ขาดความรู้ (ปัญญา) ที่จะช่วยเหลือโลก Neo สามารถปลุกเร้าให้ชาว Zion ตื่นตัวเท่านั้น ไม่อาจดึงใครออกจาก Matrix ได้ หากคนคนนั้นไม่ตั้งใจและเพียรพยายามด้วยตัวเอง(ทำนองเดียวกัน พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ชี้ทางเดินเท่านั้น เราจะเดินหรือไม่เดินเป็นหน้าที่ของเรา)จิตใจที่จะสามารถหลุดพ้นได้ จึงต้องมีความปรารถนาและเพียรพยายามเป็นทุนเดิมที่ปรึกษา (Counsellor) พูดถึงความว่างเปล่าของเครื่องจักร ที่ปรึกษาระบุว่า เครื่องจักรช่วยชาวZion ทำงานมากมาย เช่นทำให้เกิดแสงสว่าง ความร้อน และอากาศ แต่ก็มีเครื่องจักรบางอย่างมีเป้าหมายทำลายพวกเขาด้วย ดังนั้น ลำพังเครื่องจักรเองจึงเสมือนเป็นสิ่งว่างเปล่า จะบอกว่า
      ดีหรือไม่ดีไม่ได้ การตั้งโปรแกรมหรือเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการสร้างและควบคุมเครื่องจักรต่างหากที่ทำให้เครื่องจักรดีหรือไม่ดี เหตุที่ฑูตสวรรค์ (Seraph) ต้องประลองฝีมือ ฑูตสวรรค์บอกNeo หลังจากที่ประลองฝีมือกัน เพื่อพิสูจน์ว่าใช่ Neo จริงหรือไม่ว่า "คุณไม่อาจรู้จักใครได้อย่างแท้จริง จนกว่าคุณจะได้สู้กับเขา" เราเองก็เช่นกันเราจะไม่รู้จักตัวเราเองเลย หากเราเอาชนะตัวเองไม่ได้ เราต้อง "สู้" กับตัวเองเพื่ออิสรภาพและการรู้แจ้ง

      การหยั่งเห็นองค์ประกอบ Matrix ของ Neo
      การที่ Neo สามารถหยั่งเห็นเนื้อในของ Matrix ว่าแท้จริงคือรหัสคำสั่งโปรแกรมที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา อาจเปรียบได้กับการหยั่งเห็นความไม่มีตัวตน (อนัตตา) ของสิ่งต่าง ๆ Oracleบอก Neo หลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องชะตาลิขิต เธอบอกด้วยว่า เธอรู้ทุกสิ่งที่กำลังจะเกิด แต่เธอก็พูดขัดกับตัวเองว่า Neo ต้องเพิ่มพลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาลิขิตที่ได้ "กำหนดตายตัว" แล้วนี่ย่อมแสดงว่า สิ่งที่ดูเหมือนได้ "ลิขิต" มาแล้ว แท้จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ยังเปลี่ยนแปลงได้อีก สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น หรือมีขึ้น เพื่ออะไร? Oracle บอก Neo ว่า "สิ่งใดก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นเพื่อเหตุผลบางอย่าง" ข้อนี้ไม่น่าจะถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวตัวอย่างเช่น ชาวพุทธบางคนเชื่อว่า คนเราเกิดมาเพื่อทำลายและหลุดจากกงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิด แต่บางคนอาจเชื่อว่าคนเราเกิดมาเพื่อเหตุผลอย่างอื่น ดังนั้น คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า เราควรมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรจึงมีได้หลากหลายสิ่งที่ควรคำนึงคือ คำตอบใดที่เราคิดว่าดีที่สุด ประเสริฐสุด แล้วดำเนินไปตามนั้น ทำนองเดียวกันMorpheus เองก็พูดว่า "เราทุกคนมาอยู่ที่นี่ เพื่อทำสิ่งที่เราทุกคนต้องทำเมื่อมาอยู่ที่นี่" แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เรา "ต้อง" ทำ เราเลือกได้ตลอดเวลาเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่าเป็นประโยชน์กว่า ตอนหนึ่ง Smith บอก Neo ว่า ทั้งสองอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะหลุดพ้นจาก Matrixแต่เพราะไม่หลุดพ้นต่างหาก ข้อนี้เป็นจริง เพราะแม้ว่าทั้งสองจะถอดออกจาก Matrix แล้วแต่ถ้าพวกเขาเป็นอิสระจาก Matrix จริง พวกเขาก็จะไม่ต่อสู้กัน ดังนั้น การจะเป็นอิสระจาก Matrix ได้ ยังต้องพัฒนาให้สูงขึ้นไปอีก

      Merovingian พูดถึงความไม่มีกฎเกณฑ์ (เหตุ & ผล)
      Merovingian พูดอย่างอหังการว่า "ทางเลือกคือสิ่งลวง ที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้นสำหรับผู้ไม่มีอำนาจ" เขาพูดขณะที่คิดว่าตัวเขาคือผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ที่กำลังชักใยผู้อื่นอยู่แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า เขาถูกภรรยาหักหลัง โดยเธอเลือกที่จะทำเอง และกว่าเขาจะรู้ก็สายเสียแล้ว มุมมองเรื่องนี้ของเขาจึงไม่ถูกต้อง แม้ว่าทางเลือกจะเป็นสิ่งลวง(ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่) ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่เฉย ๆ ยอมก้มหน้ารับชะตากรรม โดยไม่ดิ้นรนอะไรเพราะคุณไม่มีวันรู้ว่า ชะตาชีวิตของคุณเป็นอย่างไร และไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนเขายังบอกด้วยว่า "สิ่งใดที่เกิดแล้ว ย่อมเกิดแล้ว ไม่ผันแปรเป็นอย่างอื่น" ข้อนี้ชัดเจนในตัว เป็นที่น่าสังเกตว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงการเดินทางข้ามเวลา (ซึ่งโดยหลักการแล้วเป็นไปไม่ได้เพราะขัดกับกฎแห่งเหตุและผล) สิ่งใดที่ปรากฏขึ้นแล้ว จะไม่ปรากฏก็ไม่ได้ หรือจะปรากฏเป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้เช่นกัน ข้อคิดจากช่างทำกุญแจ ต่อข้อถามที่ว่า เขาจะไปไหน ขณะถูกไล่ล่าช่างทำกุญแจตอบว่า "ไปอีกทางหนึ่ง จะต้องมีอีกทางหนึ่งเสมอ" คำตอบนี้ทำให้เราได้ข้อคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เรามีทางเลือกอย่างน้อยสองทางเสมอ และเราเลือกได้อย่างอิสระแม้ในสภาพการณ์ที่บีบรัด ช่างทำกุญแจบอกว่า ประตูมีหลายบาน แต่ละบานเปิดสู่ "สถานที่"
      ที่ต่างกัน แต่จะมี "ประตูบานหนึ่งนำไปสู่ต้นกำเนิด (แกนกลางของ Matrix)" ประตูบานนี้อาจเทียบได้กับประตูที่นำไปสู่แก่นแท้ของความจริง นั่นคือพระไตรลักษณ์และจะนำไปสู่อิสรภาพได้ในที่สุด

      Morpheus พูดถึงเหตุผลแห่งการมีอยู่
      Morpheus พูดก่อนที่จะ "ทำสงคราม" ขั้นเด็ดขาดว่า "เราทุกคนสู้ศึกนี้มาชั่วชีวิต เราไม่ได้มาที่นี่โดยบังเอิญ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ ผมเชื่อว่าชะตาชีวิตลิขิตให้เรามาที่นี่" สงครามที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรากำลังเผชิญอยู่ คือสงครามในจิตใจ ที่เรากำลังต่อสู้กับ "ตัวตน" ของเราแน่นอน เราไม่ได้ "อยู่ที่นี่" โดยบังเอิญ แต่เป็นเพราะอำนาจกรรม ซึ่งจะเรียกว่า "ชะตากรรม"ก็ได้ ชักนำให้เรามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงกระนั้น "ชะตากรรม" ในอนาคตก็อยู่ในมือของเราเราสามารถกำหนดได้

      สถาปนิกเปรียบได้กับ Ego ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Matrix (สังสารวัฏฏ์)
      สถาปนิก ในเรื่อง เขาเป็นผู้ที่มีความถือตัว เห็นแก่ตัว และชื่นชอบความสมบูรณ์แบบยอมรับความล้มเหลวไม่ได้ รวมทั้งที่เป็นของตัวเขาเอง ซึ่งเขาไม่เห็นว่านั่นเป็นความล้มเหลว จึงไม่ยอมรับ แต่กลับโทษว่าเป็นเพราะความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ (ผู้อื่น)เขาพูดว่าความหวังคือสิ่งลวง แต่ตัวเขาเองก็มีความหวัง เขาหวังว่า Neo จะลบล้างและเริ่มต้นระบบที่บกพร่องใหม่อีกครั้งตามที่เขาต้องการ ในเรื่องความสมบูรณ์แบบ เขาไม่น่าเป็นคนสมบูรณ์แบบ เพราะยังทำให้จิตใจของเขาสมบูรณ์แบบไม่ได้ เขาเปรียบเหมือนพระเจ้าจอมปลอมซึ่งเป็นเพียง "มนุษย์" เท่านั้น ู่ สถาปนิกเปรียบเหมือนตัณหาสถาปนิกอ้างตนว่าเป็นผู้ออกแบบ Matrix ในทางพระพุทธศาสนา สถาปนิกหรือ"นายช่างผู้สร้างเรือน" คือตัณหา มีข้อน่าสังเกตคือ ในเรื่อง "Little Buddha"คีนูรีฟซึ่งแสดงเป็นพระพุทธเจ้า(และในเรื่อง The Matrix แสดงเป็น Neo)ได้พูดกับตัณหาและเรียกตัณหาว่า"นายช่างผู้สร้างเรือน" การที่ Neo พบกับสถาปนิก
      ช่วยให้เขาตระหนักถึงธรรมชาติที่แท้จริงของเขาสถาปนิกเปรียบได้กับตัณหาเพราะเป็นผู้ผลักดันให้เราสร้าง Matrix - สร้างความยึดติดในสังสารวัฏฏ์หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ตรัสว่า "เรือนคืออัตภาพที่เกิดในภพนั้นๆ บ่อยๆเป็นของไม่เที่ยง เราแสวงหา นายช่างคือตัณหาผู้สร้างเรือน เมื่อไม่พบได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสารวัฏฏ์สิ้นชาติมิใช่น้อย การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ร่ำไปดูกรนายช่างผู้สร้างเรือนบัดนี้ เราพบท่านแล้วท่านจักไม่ต้องสร้างเรือนให้เราอีกโครงเรือนคือกิเลสของท่านเราหักเสียหมดแล้ว และยอดเรือนคืออวิชชาแห่งเรือนท่านเราทำลายแล้วจิตของเราไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดาแล้วจักดับอยู่ในภพนี้เอง"

      สถาปนิกพูดถึง Neo
      Neo "ทำไมผมมาอยู่ที่นี่?"
      สถาปนิก "ชีวิตของคุณคือผลรวมของส่วนเกินของสมการที่ไม่สมดุลในโปรแกรม Matrix
      แล้วกลายมาเป็นสิ่งผิดปรกติในที่สุด ซึ่งแม้ผมจะพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็กำจัดให้หมดไปไม่ได้แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือการคาดคิด และจึงไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องมาอยู่ที่นี่ไง" เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่ ภาวะของความไม่รู้นี้คือความหลงหรืออวิชชา ตัวอวิชชานี้เองทำให้เราต้องเกิดใหม่ เราคือสมการที่ไม่สมดุล เนื่องจากเรามีความหลง ความหลงทำให้เราเป็นสิ่งผิดปรกติของโลกนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะควบคุมไม่ได้และถ้าขณะใดเราไม่ควบคุมตัวเราเอง ตัณหาหรือสถาปนิกก็จะมาควบคุม ู่ สถาปนิกพูดถึงพลังของสิ่งเล็กน้อย สถาปนิก "เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความบกพร่องขั้นพื้นฐาน จึงก่อให้เกิดความผิดปรกติต่อระบบ ซึ่งถ้าปล่อยปละละเลย ก็จะเป็นภัยคุกคามระบบได้ ดังนั้นความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจสะสมและทวีความรุนแรงจนเป็นภัยพิบัติได้ โลกเราก็เช่นกันเราทุกคนต่างมีกรรมร่วมและเชื่อมโยงกันในลักษณะที่แยกแยะลำบาก การกระทำของคนคนหนึ่งอาจนำมาซึ่งหายนะของโลก หรือช่วยเหลือโลกก็ได้ สถาปนิกพูดถึงความรับผิดชอบของ Neoสถาปนิกพูดกับ Neo ว่า "ปัญหาก็คือ คุณพร้อมรับผิดชอบต่อการตายของทุกชีวิตในโลกนี้หรือไม่"ในแง่นี้ Neo เปรียบได้กับพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ซึ่งพยายามช่วยชีวิตสรรพสัตว์อย่างเต็มความสามารถ สถาปนิกพูดถึงทางเลือก "สุดท้าย" สถาปนิก "มีประตูสองประตูประตูขวานำไปสู่ต้นกำเนิด และช่วยชาว Zion ได้ ประตูซ้ายพาคุณกลับไปสู่ Matrix ไปหาเธอแต่เผ่าพันธุ์ของคุณก็สิ้นสุดด้วย เราเองก็ต้องเลือกตลอดเวลา ทางเลือกมีสองทางเป็นอย่างน้อยอยู่หรือไม่อยู่ ทำหรือไม่ทำ เราเลือกได้ว่าจะติดอยู่ในสังสาร หรือหลุดพ้นออกไป สถาปนิกพูดถึงปฏิกิริยาลูกโซ่ สถาปนิก "แต่เราก็รู้แล้วว่าคุณกำลังจะทำอะไรไม่ใช่หรือ? ผมสามารถเห็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่บ่งบอกว่าอารมณ์กำลังชนะเหตุผล เพราะอารมณ์กำลังปิดตาคุณไม่ให้เห็น
      ความจริง ทั้งที่ความจริงนั้นออกจะเรียบง่ายและชัดเจน เธอกำลังจะตาย และคุณก็ไม่มีทางหยุดยั้งได ้ (Neo เดินไปเปิดประตูซ้าย ซึ่งตรงข้ามกับที่สถาปนิกคาดคิด*) Neo ทำให้สถาปนิกคาดการณ์ผิดพลาด โดยการทำสิ่งที่ตรงข้ามกับที่สถาปนิกต้องการให้ทำ เราเองแม้จะติดอยู่ในวงจรปฏิกิริยาลูกโซ่ของเหตุและผล แต่เราก็ทำลายวงจรนี้ได้ เราสามารถตัดวงจรการเวียนว่ายตายเกิด ด้วยการรู้แจ้งสัจธรรม การที่ Neo เลือกประตูที่ช่วยชีวิต Trinityเป็นการทำลายโปรแกรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (การเกิดและการตาย) ได้เด็ดขาด หากเขาเลือกอีกประตูเพื่อช่วยชีวิตชาว Zion ตามที่ "ได้โปรแกรม" ไว้ ก็เท่ากับทำซ้ำรูปแบบเดิมที่คนก่อนเคยทำแล้ว (และนำไปสู่การเกิดใหม่ต่อไป) การทำลายลูกโซ่ของ Neo เท่ากับไปเปลี่ยนแปลงระบบ และเป็นการช่วยมวลมนุษย์อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดเสรีภาพที่แท้จริง Neo ตระหนักว่า
      ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ Matrix บูท (เกิด) ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง การเกิดใหม่โดยไม่มีอะไรก้าวหน้าหรือไม่มีอิสรภาพมากขึ้น เป็นสิ่งไร้ค่า เพราะไม่ช่วยให้เราเข้าใกล้ความสุขที่แท้จริง ูสถาปนิกพูดถึงความหวัง สถาปนิก "ความหวังคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์หลงผิดได้มากที่สุด
      มันทั้งทำให้คุณเข้มแข็งที่สุด และอ่อนแอที่สุดในเวลาเดียวกัน ข้อนี้บอกเราว่าความหวังจะเป็นความศรัทธาที่มืดบอดได้ หากไม่มีปัญญากำกับ

      ทำไมเลือกความจริง ไม่เลือกสิ่งลวง
      เมื่อดูหนังเรื่องนี้ เราอาจถามตัวเองว่า "ทำไมเราควรเลือกที่จะใช้ชีวิตในโลกแห่ง "ความจริง"ที่ดูออกจะแห้งแล้ง ไร้สีสัน ทั้งที่มีโลกมายาที่น่าอภิรมย์กว่า คำตอบคือ ก็เพราะโลกมายาไม่มีอยู่จริง ความสุขในโลกมายาจึงไม่จริงด้วย ความสุขที่แท้จริงมาจากการควบคุมชีวิตได้ทั้งหมด และสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้องชัดเจน (ปัญญา) ชีวิตหรือความสุขใน Matrix(สังสารวัฏฏ์) ต้องขึ้นกับความเมตตาสงสารของ Matrix ซึ่งก็เหมือนกับที่เราต้องอิงอาศัยวัตถุจึงจะมีความสุขได้ แต่นั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ความสุขที่แท้ต้องมาจากการมีจิตใจอิสระไม่ต้องอิงอาศัยหรือพึ่งพิงสิ่งใด เราเองก็ติดอยู่ใน Matrix เป็นไปได้ไหมว่า เราทุกคนล้วนเลือกที่จะเชื่อมต่อหรือติดอยู่ใน Matrix เอง ไม่มีการบังคับใด ๆ มีอะไรปิดตาหรือลวงเราอยู่หรือเปล่าทำไมเราไม่หลุดพ้นเสียที? ทำไมต้องโหลดใหม่ หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งที่สอง
      ผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ทำไมภาคนี้จึงตั้งชื่อว่า The Matrix "Reloaded" ก็เพราะระบบ Matrixได้รับการ Load ใหม่ (หรือเกิดใหม่) ทั้งระบบอีกครั้งนั่นเอง เราทุกคนก็ต้อง "Load"ประสบการณ์ใหม่หลายครั้ง จนกว่าจะแน่ใจ รู้แนวทางที่ถูกต้อง และหลุดพ้นได้โดยสิ้นเชิงในที่สุด
  • Loading...
  • Loading...
Loading...