(๑๔) ผจญมาร

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 25 กันยายน 2009.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    ต่อมาเมื่อต้นปี ๒๕๐๗ ข้าพเจ้ายังถูกคุมขังฟรีอยู่ ณ ห้องขังสันติบาล กรมตำรวจ ได้ทราบว่าทางกองการวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จะส่งพระวิปัสสนาจารย์ไปทำการเผยแผ่ปฏิบัติศาสนา ณ ประเทศอังกฤษ ข้าพเจามีความดีใจเป็นพิเศษ เพราะการเผยแผ่ปฏิบัติศาสนาให้แพร่หลายไปในโลกนั้น ข้าพเจ้าได้ดำริมานานแล้ว ณ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นั้น เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๑ ข้าพเจ้าเคยไปเผยแผ่ปฏิบัติศาสนามาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นได้ประกอบพิธีอุปสมบทพระภิกษุชาวยุโรปขึ้น ๒ รูป พระภิกษุชื่อ "วิมโล" รูปหนึ่ง พระภิกษุชื่อ "ธมมิโก"รูปหนึ่ง โดยได้อาศัยสถานเอกอัครราชทูตไทยประำจำประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ทำการอุปสมบทแทนอุโบสถ ปัจจุบันพระภิกษุวิมโลนั้น ยังดำรงเพสบรรพชิตอยู่ ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาลัทธิเถรวาท อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศให้กำเนิดเธอ ส่วนพระภิกษุธมมิโกนั้น ลาสิกขาไปแล้ว เพราะเป็นโรคลำไส้ อุปสมบทอยู่ไม่ได้ โดยเหตุที่ข้าพเจ้ามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ในอันี่จะทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แพร่กระจายไปในโลก เมื่อทราบว่า กองการวิปัสสนาธุระวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งมีีเจ้าคุณพระเทพสิทธิมุนีเป็นผู้อำนวยการอยู่ ข้าพเจ้าจึงได้เขียนหนังสือจากสันติบาลไปและอนุโมทนา โดยผ่านเจ้าคุณพระสุวิมลธรรมาจารย์ ซึ่งมีข้อความดังนี้

    ณ ห้องขังสันติบาล กรมตำรวจ
    ๒๐ มกราคม ๒๕๐๗

    เจ้าคุณพระสุวิมลธรรมาจารย์ ที่รัก

    รู้สึกโสมนัสมาก ที่ทราบว่ากองการวิปัสสนาธุระ จะส่งเจ้าคุณพระราชสิทธิมุนี ไปเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และทราบว่า เจ้าคุณพระราชสิทธิมุนี ก็ยินดีรับไปสนองสมเจตนา เรื่องนี้ฟ้าร้องมานานแล้ว แต่ฝนไม่ตกสักที คราวนี้ฝนคงตกแน่นอน และจะเป็นมหากุศลอันใหญ่หลวง กับทั้งจะเป็นเกียรติประวัติของพระพุทธศาสนาลัทธิเถรวาส ของประเทศไทยไปตลอดกาล

    อนึ่ง เพื่อความสมบูรณ์แบบ จึงใคร่ขอเสนอแนะมาดังต่อไปนี้
    ๑. การไปครั้งนี้ ควรไปในนามกองการวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุ ภายใต้ความอุปถัมภ์ของสมเด็จพระสังฆราช หรือคณะสงฆ์ไทย ทั้งนี้เพื่อเป็นเกาะแก่งในอนาคต

    ๒. การไปนั้น ควรจะให้ครบองค์พระรัตนตรัย คือมีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พระพุทธนั้นให้จัดพระพุทธรูปแบบพระพุทธชินราช ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๒ นิ้ว ไปองค์หนึ่ง มีจำหน่ายที่บ้านช่างฟุ้ง ซึ่งงดงามดี เจ้าคุณพระรัตนเมธีรู้จักพระพุทธรูปนั้น ผมยินดีรับเป็นเจ้าภาพ เพียงแต่ช่วยจัดให้เรียบร้อยและจารึกด้วย พระธรรมนั้น ให้จัดเอาพระไตรปิฎกฉบับสยามรฐบาลี ๑ จบ กับอัฏฐกถาอีก ๑ จบ (ประกอบด้วยทางสำนักที่กรุงลอนดอนเขาต้องประสงค์อยู่ด้วย) พระไตรปิฎกและอัฏฐกถานั้น ผมขอเป็นเจ้าภาพอย่างละ ๑ เล่ม ส่วนพระสงฆ์ได้แก่พระภิกษุวิปัสสนาจารย์ที่เราส่งไป

    ๓. ควรจัดโต๊ะหมู่บูชาลายทอง ชนิด หมู่ ๗ หรือหมู่ ๙ พร้อมทั้งเครื่องสักการะบูชาเต็มแบบ ๑ ชุด

    ของเหล่านี้ เมื่อแจ้งความประสงค์ให้ญาติโยมทราบแล้ว คงไม่เป็นการลำบาก มั่นใจว่าจะมีผู้ศรัทธาอย่างเพียงพอ เมื่อรวบรวมได้พร้อมเสร็จแล้ว ให้ส่งไปทางเรือล่วงหน้าไปก่อน ทุกชิ้นให้จารึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้ด้วย และเตรียมผ้าไตรไปด้วยเพื่อมีกุลบุตรประสงค์จะบวชจะได้สะดวกและสมกุศลเจตนาของเขาทันที

    อาสภเภร
    ๒๐ ม.ค.๐๗

    อนึ่ง เรื่องการเผยแผ่ศาสนานี้ ผมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและอับอายขายหน้ามานานแล้ว ในเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับพระต่างศาสนา ที่เขายอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ทั้งมีอุตสาหะอย่างแรงกล้า ไปเผยแผ่ศาสนาของเขาในกลุ่มชนบ้านป่าบ้านดอน เป็นนาถะของศาสนิกชนจริงๆ และทำงานได้ผลอย่างมหาศาล ซึ่งน่าอนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่ง ส่วนพระไทยเรานั้นจะให้ไปเผยแผ่แม้ในบ้านเมืองที่เจริญแล้ว และสะดวกทุกอย่าง ก็ไม่ค่อยมีพระที่สามารถหาได้ยากจริงๆ ที่สามารถอยู่บ้างก้ไม่ค่อยจะยอมเสียสละ เพราะขี้ขลาดตาขา ดีแต่อวดโม้คุยโตไปวันหนึ่งๆ ในถิ่นของตนเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์พิเศษอะไรเลย แล้วก็หลงว่าตนได้บำเพ็ญศาสนกิจอย่างบริบูรณ์ ถ้าใครตำหนิตามความเป็นจริงเข้าบ้าง ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นทีเดียว

    ว่าถึงการเผยแผ่แล้ว พุทธิด้วยกันฝ่ายข้างอาจาริยวาทหรือมหายาน เขาทำได้กว้างขวางกว่าเถรวาทมาก และทำมานานแล้ว ถึงอย่างไรก็น่าอนุโมทนาเขาอยู่เป็นอันมากทีเดียว มิฉะนั้นพุทธเราจะปรากฎเพียง ๕ หยิบมือ ใน ๕ ประเทศเล็กๆ เท่านั้น แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกองเรา คงจักเป็นปัจจัยในอนาคตได้บ้าง


    อาสภเถร
    ๒๐ ม.ค. ๐๗



    เรื่องประกอบ

    ในระยะกาลที่ข้าพเจ้าถูกจับกุมคุมขังแรกๆ ได้มีท่านผู้เป็นกัลยณมิตร และมีความกล้าสามารถพูดความจริง ได้หาทางช่วยเหลือข้าพเจ้า โดยทำหนังสือแสดงความจริง เจริญพรแด่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น มีข้อความดังต่อไปนี้

    วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่

    ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๓

    เรื่อง เสนอความคิดเห็นเรื่องความยุ่งยากในคณะสงฆ์
    ขอเจริญพร ท่านจอมพล นายกรัฐมนตรี

    ด้วยเมื่อวานนี้ อาตมภาพได้ส่งบทความให้จัดทำหนังสือโยนก ตามที่ขอไปได้เชิญเอาหัวข้อสังเกตหรือโอวาทของท่านนายก ๒ ข้อที่ฝากให้แก่ที่ประชุมกรรมการจัดงานโยนก ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๐๓ เป็นกระทู้อธิบายใจความคือโอวาท ๒ ข้อนั้น คือการเคารพเอื้อเฟื้อปฏิสันถารการต้อนรับ และความไม่มีมานะถือดี แต่ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ดี ให้อภัยแก่อาตมาภาพด้วย

    เมื่อคืนนี้ ได้ฟังคำแถลงการณ์ของรัฐบาล เรื่องความยุ่งยากในวงการคณะสงฆ์ รู้สึกหนักใจแทนรัฐบาล อาตมภาพคิดว่า ท่านนายกเป็นประมุขบริหาร ได้บำเพ็ญหน้าที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างดียิ่ง ประชาชนพากันยอกย่องสรรเสริญทั่วไป นับได้ว่า ยังไม่เคยมีรัฐบาลชุดใด สามารถทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าได้ถึงขนาดนี้ อาตมภาพกล่าวด้วยความจริงใจ เพราะเท่าที่ได้สังเกตมาโดยลำดับเป็นเช่นนั้น อนึ่ง ท่านนายกก็เป็นนายกสมาคมชาวเหนือซึ่งทำคุณประโยชน์แก่สมาคมนี้เป็นอย่างมาก อาตมภาพจึงขอเรียนเสนอความคิดเห็นเรื่องที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาติและศาสนา เพื่อให้ท่านนายกได้ฟังความคิดเห็นของพระเถรชาวเหนือบ้าง ในชั้นนี้ขอเสนอความคิดเห็น เรื่องเกี่ยวกับความยุ่งยากในวงการคณะสงฆ์ดังต่อไปนี้

    ๑. มูลเหตุแห่งความยุ่งยาก อาตมภาพรู้สึกกระดากปากที่จะเรียน เพราะไม่น่าจะเป็นพฤติการณ์ของพระเถระผู้ใหญ่ คือ
    (๑) ความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีกัน เอาดีเอาเด่นเฉพาะตัว ใครเด่นขึ้นก็คอยทำลายกัน
    (๒) การถือนิกายความลุ่มๆ ดอนๆ ถือเราถือเขา
    (๓) ชาวบ้านที่เข้าข้างถือหางก็นับว่ามีส่วนสำคัญในความยุ่งยากนี้
    ๒. การกล่าหากันมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ จะแก้ว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะพระผู้ใหญ่ขนาดนั้น จะไม่ทำผิดพลาดถึงขั้นนี้ เจตนาจะขุดโค่นรากกันอย่างลืมธรรม เพราะ
    (๑) เรื่องนี้เกี่ยวกับธรรมวินัยโดยเฉพาะ ควรจัดการเฉพาะแต่วงการสงฆ์ ไม่น่าจะให้ตำรวจต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พระวินัยก็ห้ามภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบแก่อนุปสัมปันคือคนที่ไม่ใช่ภิกษุ แต่ตำรวจเขาอาจจะเกรงใจพระหรืออาจจะเป็นไปได้ตามที่วิจารณ์กันมาว่า ตำรวจเป็นพรรคพวกของพระฝ่ายบริหาร
    (๒) เรื่องนี้ยังมิได้มีการไต่สวนตามพระวินัยและัสังฆาณัติ ระเบียบวิธีวิจัยพิจารณาวินิจฉัยอธิกร์ พระวินัยธรเท่านั้นที่จะให้พระสึกได้ ผู้อื่นไม่มีใครบังคับพระให้สึกได้ นี่ว่าตามสังฆาณัติ ซึ่งมีวิจารณ์กันว่า เป็นความบกพร่องของสังฆาณัติ แต่สังฆาณัติก็คือกฎหมายของพระ เมื่อยังมิได้แก้ไขก็ต้องปฏิบัติตาม เช่นเดียวกับกฎหมายของบ้านเมือง เมื่อมิได้พิจารณาตามระเบียบก็เป็นโมฆะ
    (๓) การดำเนินงาน ทำลับหลังผู้ต้องหาไม่มีการติดต่อบอกกล่าว หรือสืบสวนประการใด จู่ๆ ก็สั่งให้สึกเท่ากับประหารชีวิตในทางพระ จึงขาดความยุติธรรมและอาจารยนิยม
    (๔) เมื่อจะทำกันในฝ่ายบริหาร ซึ่งโทษอย่างมากก็เพียงถอดออกจากตำแหน่งก็ควรจะมีการพิจารณาสอบสวน จะมาสั่งถอดจากตำแหน่งง่ายๆ ไม่ได้
    (๕) ไม่มีการปรึกษาหารือกันในคณะสังฆมนตรีทั้งหมด เลือกเฉพาะบางรูปและได้ทราบว่าการสั่งลงโทษก็ทำเอาเองโดยพลการ จริงอยู่อาจจะแก้ตัวว่า รูปหนึ่งเป็นสังฆมนตรีปกครอง อีกรูปหนึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด แต่คนภายนอกเขาไม่มองเห็นอย่างนั้น ยิ่งได้ทราบว่ารูปหลังไม่ได้กินเกลียวกับเจ้าุคุณพระพิมลธรรม สังฆนายกไม่กินเกลี่ยวกับเจ้าพระศาสนโศภณก็ถูกมองไปในแง่ร้ายใส่ไฟกัน โดยเจตนาจะโค่นล้มกัน
    (๖) ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง เป็นพระมหาเถร มีฐานันดรถึงรองสมเด็จพระราชาคณะมีตำแหน่งสูง และเป็นอดีตสังฆมนตรี น่าจะมีการไว้หน้ากันบ้าง
    (๗) ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นผู้กว้างขวาง มีศิษยานุศิษย์มาก มีผู้เคารพมากทั่วประเทศ ก็นับว่าหาพระผู้ใหญ่ที่กว้างขวางในด้านนี้ไม่ได้ นอกจากคุณสมบัติส่วนตัว วัดมหาธาตุก็เป็นวัดใหญ่มีนิสิตทุกมุกประเทศ สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานวัดนี้ ก็เป็นที่สนใจและผู้มีนิยมศึกษาปฏิบัติทั่วไป การที่มีผู้เป็นห่วงในเรื่อง นอกจากเป็นห่วงเฉพาะตัวเจ้าคุณพระพิมลธรรมแล้ว ยังเป็นห่วงเกียรติของวัดมหาธาตุด้วย ท่านผู้นี้มีคุณลักษณะน่านับถือรักใคร่ มีปัญญาและไหวพริบทันคน ไม่อาฆาติพยาบาท ไม่ชอบแก้ตัว นิสัยเยือกเย็น มีกิริยาละมุนละม่อมไม่ถือตั เข้ากับคนได้ทุกชั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ เลขานุการของอาตมภาพ ซึ่งเป็นพระหนุ่มเพียง ๓ พรรษาเท่านั้น ได้ไปนมัสการเยี่ยมท่านๆ ก็ต้องรับโดยดี และเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ซักถาม เพราะนิสัยเยือกเย็นทำให้มีปมด้อย คือทำอะไรไม่ค่อยตรงตามกำหนด เช่น กิจนิมนต์, การประชุมคลาดเคลื่อนจากเวลา และเกิดความรำคาญแก่คนใจร้อน ส่วนคุณพระศาสนโศภณก็มีผู้เคารพนับถือมาก เป็นที่รู้จักคุ้นเคยแก่คนเป็นอันมาก ลูกศิษย์ก็มีมาก วัดราชาธิวาสก็เป็นวัดประวัติสาสตร์เกี่ยวกับเจ้านาย จึงมีเจ้านายและผู้ลากมากดีเอาใจใส่และไปบำเพ็ญกุศลเป็นอันมาก
    รวมความว่า การลงโทษของพระมหาเถระทั้งสอง ไม่เป็นไปโดยทำนองคลองธรรม และระบียบแบบแผน ทำโดยหุนหันไม่รอบคอบและมีเบื้องหลังอันไม่ดี จึงเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของพระฝ่ายบริหาร

    ทางออกก็คือ
    (๑) คณะสังฆมนตรีลาออก เพื่อจะได้พิจารณาและดำิเนินการใหม่ สังฆมนตรีจะตั้งช้าก็ได้ เว้นแต่สังฆนายกจะตั้งช้าไม่ได้ มหานิกายก็มีเจ้าคุณพระธรรมวโรดม วัดพระเชตุพนฯ ธรรมยุตก็มีเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดราชบพิธ รูปใดรูปหนึ่ง สมเด็จมหานิกายทั้งสองรูปคงจะรับไม่ได้ เพราะแก่มาก เจ้าคุณพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร ก็คงจะรับไม่ได้ เพราะไ้ด้ทราบว่าอาพาธด้วยโรคเกี่ยวกับประสาท
    (๒) ตั้งคณะกรรมการพิจารณาสอบสวนทางฝ่ายบริหารหรือจะฟ้องทางวินัยธรก็ได้ ถ้าผลการสอบสวนไต่สวนได้ความจริง ก็ัดการลงโทษ แต่ถ้าถูกยกฟ้อง ก็ต้องเสียหน้าฝ่ายบริหาร ฉะนั้น ข้อ (๑) จึงเหมาะกว่า

    อาตมภาพไม่มีอะไรกับท่านทั้งสองฝ่าย อาตมภาพเคยเป็นสามเณรวัดมหาธาตุ เป็นพระวัดเบญจมบพิตร เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราช รู้จักคุ้นเคยกับสังฆนายกดี ท่ายเคยชมเชยงานบริหารของอาตมาภาพหลายครั้ง เจ้าคุณพระศาสนโศภณก็คุ้นเคยกัน การที่เจริญพรเสนอความคิดเห็นมาครั้งนี้ เพื่อทางคณะสงฆ์และรัฐบาลหาทางออกโดยสันติ ซึ่งขณะนี้ประเทศชาติกำลังต้องการสันติและสามัคคีของคนในชาติอย่างยิ่ง เวลานี้ก็ยังมีใบปลิวและถ้อยคำโฆษณาชวนเชื่อทับถมกัน ล้วนไม่เป็นมงคลแก่ฝ่ายคณะสงฆ์ ใบปลิวใบสุดท้ายก็กล่าวโจมตีรัฐบาลโดยนักหาช่ง ซึ่งปัญญาชนย่อมเห็นว่าไม่เป็นความจริง และได้ทราบว่าสมเด็จพระสังฆราชจะทรงถอดเจ้าคุณพระพิมลธรรมออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่สังฆมนตรีปกครองลงนามไว้แล้ว เรื่องนี้ ถ้ารัฐบาลจะหาทางหลังจากการใช้อำนาจ โดยร้องขอได้ก็จะเป็นการดี

    การกล่าวหาเรื่องคอมมิวนิสต์ ได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างอิงได้เพียงพอ มีแต่ได้ภาพถ่ายผู้ต้องหาแต่งกายอย่างคฤหัสถ์ แต่ผู้ต้องหาก็อ้างว่า แต่เมื่อไปลงบ่อถ่านหิน จะเอาผิดก็ยาก บางครั้งพระขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องแต่กายแบบขึ้นเครื่องบิน เพื่อป้องกันอันตราย ทำการผ่าตัดบางครั้งก็ต้องแต่งแบบโรงพยาบาล ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าตนเป็นพระอยู่ ทุกวันนี้ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระ ไม่กินข้าเย็น กินอาหารต้องประเคน ทำให้ตำรวจผู้ปฏิบัตต้องกระอักกระอ่วนและรู้สึกขึ้นชอบกล เคยแต่ประเคนพระผ้าเหลือง แต่นี้ประเคนพระผ้าขาว ผู้ต้องหาทั้งสอง (พระมหามนัส จิตฺตทโม และพระมหานคร เขมปาลี) อาตมารู้จักและเคยพบที่ประเทศอินเดีย การไปทัศนาจรจีนแดง ก็คงเนื่องจากจะไปเห็นเมืองจีนฟรี และคงมีทัศนะเอนเอียงไปกับศรีเนรูห์ ที่ถือคติ "เข้าชิดศัตรูคบคนพาล" เพราะถือว่า บางทีอาจจะทำให้คนพาลกลับตัวได้บ้าง ทั้งอินเดียก็ให้เสรีในการอ่านหนังสือและแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นการทัศนะไม่ตรงกับคนส่วนมาก ที่ไม่ยอมคบคนพาล เพราะเกรงจะถูกชักจูงไปในทางที่ผิด แม้เพียงร่วมกินร่วมอยู่กับคนพาลก็เสียราศรี คอมมิวนิสต์ก็คืออันธพาลไม่มีปัญหา คนไทยมีนิสัียเสรรี คนที่ไปเข้าข้างคอมมิวนิสต์ ก็คงไม่ใช่เพราะความเลื่อมใสอย่างจริงใจ แต่เพราะเงิน อำนาจและปมด้อย อาตมภาพจึงไม่ปลงใจเชื่อว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นคอมมิวนิสต์ แต่อาจจะเอนเอียงไปบ้าง เพราะถูกเป่าหูและสิ่งแวดล้อมเมื่ออยู่ในประเทศอินเดีย ในสมัยที่จีนคอมมิวนิสต์ยังไม่รุกอินเดีย ธิเบศ และเนปาล รวมความว่าพอจะแก้ไขไ้ด้ ทางออกของรัฐบาลก็คือ ปล่อยผู้ต้องหาและคอยติดตามสังเกต ถ้าเป็นจริงก็จับอีกได้ เขาจะครองผ้าเหลืองหรือบวชก็ตามใจ ถ้าสงฆ์ยินยอม เพราะไม่ใช่อาบัติถึงที่สุด เป็นพระอีกได้

    ข้อสำคัญที่รัฐบาลควรระวังก็คือ อย่าให้ตำรวจใช้วิธีจับแล้วต้องเอาโทษให้ได้ เมื่อหาพยานหลักฐานไม่ได้ ก็สร้างขึ้นเองเพราะเกรงจะถูกลงโทษบ้าง ทำให้คนที่ไม่มีความผิดต้องรับโทษ ซึ่งท่านนายกก็คงจะทราบได้ดี

    การที่อาตมภาพได้เจริญพระเสนอความคิดเห็นมาทั้งนี้ ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกจากรู้สึกวิตกกังวล เกรงจะเกิดความยุ่งยากวุ่นวายในวงการคณะสงฆ์ และรัฐบาลก็พลอยจะกระทบกระเทือนไปด้วย และประสบกับความยุ่งยากอย่างกรณีประเทศลาวเข้าด้วย เกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ ในฐานที่ท่านนายกเป็นประมุขรัฐบาล และเป็นนายกสมาคมชาวเหนือ แม้ท่านนายกอาจจะไม่รู้จักอาตมาภาพและอาตมาภาพก็ขอเจริญพรถือวิสาสะว่ารู้จัก ก็ขอเสนอความคิดเห็นเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่ ได้โปรดถือเป็นเรื่องเฉพาะท่านนายก และถ้าหากความคิดเห็นที่อาตมาภาพเสนอมานี้ผิดพลาด หรือไม่เป็นที่ถูกใจประการใด ได้โปรดให้อภัยแก่อาตมภาพด้วย

    ขอเจริญพรด้วยความนับถือ

    พระธรรมราชานุวัตร
    เจ้าคณะตรวจการ ภาค ๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...