แบบไหนได้อานิสงค์มากกว่า-จากประสบการณ์ครับ

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย Jaturaphat24, 8 มกราคม 2007.

  1. Jaturaphat24

    Jaturaphat24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2007
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +222
    สวัสดีทุกท่านนะครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม
    ทุกวันนี้ ผมให้อาหารสุนัขจรจัด ให้อาหารกระแต รวมถึงนกด้วย ผมรู้ดีว่าการทำบุญกับสัตว์นั้นมีอานิสงค์น้อยกว่าทำกับคน ถึงแม้ว่าว่าคนๆนั้นจะเป็นคนทุศีล ถึง 10 เท่า(เพราะสัตว์เดรัจฉานไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี) แต่ว่าสุนัขตัวนี้มันเดินมาส่งถึงที่บ้านผมทุกวันเหมือนกัน
    จนเกิดความประทับใจว่า เออ..หมานี่ยังซื่อสัตย์ยังรู้จักบุญคุณมากกว่ามนุษย์บางคนอีก รวมทั้งทุกครั้งที่ให้อาหารนกเหมือนกัน ผมจะเห็นคู่นกแม่ ลูก บินมาพร้อมกัน แม่นกจะคอยจิกกล้วย แล้วค่อยๆเดินไปป้อนให้ลูกของมัน ทำให้ผมเห็นว่า
    เออ..นกยังรักลูกของมัน มากกว่าแม่ใจร้ายบางคน ทุกท่านลองสังเกตนะครับว่า ทุกครั้งที่นกจิกกล้วย กล้วยจะติดปากแบบมอมแมม ไม่มีนิ้วปาดให้สะอาด ผมเห็นเวลามันทำความสะอาดปากมัน มันจะเอาปากถูๆ สีๆ กับพื้น ทำให้ผมยิ่งรู้สึกซึ้งใจในความพยายามของแม่มัน(บางครั้งผมสวดมนต์อยู่ แต่จิตไปปีติกับนก แม่ ลูก จนน้ำตาคลอ) ทุกวันนี้ผมพยายามเอาผลไม้ให้มันกิน เพราะ ไม่อยากให้พวกมันไปทำปาณาติบาตกับสัตว์อื่น มันจะได้เกิดเป็นมนุษย์ซักที
    เอาล่ะครับ
    คราวนี้ขอพูดเกี่ยวกับเรื่องวรรณะบ้าง พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า คนเราจะเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับการกระทำ ไม่ได้ขึ้นอยู๋กับว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครใช่ไหมครับ ถ้าจะบอกว่าเค้ามีอาชีพเป็นตำรวจ แต่ถ้าการประพฤติของเค้าชอบ ลักเล็กขโมยน้อย อย่างนี้ต้องเรียกว่า โจร ถึงจะถูกใช่ไหมครับ
    ***ผมเลยอยากถามทุกท่านว่า การที่ผมให้ทานกับสัตว์เดรัจฉาน กับ ให้ทานกับคนทุศีล แบบไหนได้อานิสงค์มากกว่ากันครับ***
    --คือ ผมมองว่ามนุษย์มีความคิดอ่านมากกว่าสัตว์ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีแต่ก้อยังทำ เมื่อเทียบกับสัตว์แล้ว สัตว์ไม่มีความคิด ความอ่านแต่ยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง--
    -*-*-*-*-*-*-*รบกวนทุกท่านชี้แนะด้วยครับ-*-*-*-*-*-*-*-*-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pra-Promm.jpg
      Pra-Promm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.2 KB
      เปิดดู:
      967
  2. doungkamon

    doungkamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +676
    จากการที่พระท่านบอกอานิสงส์ของการให้ทาน ว่า
    ให้กับสัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง ยังไม่มากเท่าให้กับคนทุศีลครั้งเดียว
    ...........................
    โดยส่วนตัวคิดว่าอย่างนี้นะคะ

    ถ้าการให้กับคนทุศีลครั้งหนึ่งนั้น ให้ไปเพื่อหวังให้เขากลับตัวเป็นคนดีมีศีลธรรม เมื่อเขากลับตัวได้จริงๆ เขาก็จะไปทำคุณประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองอีกเป็นร้อยเท่า ซึ่งมีค่ามากกว่าการให้สัตว์เดรัจฉาน ซึ่งสามารถทำดีได้เท่าความสามารถของสัตว์จริงๆ ค่ะ

    แต่ทางที่ดี ให้หมดเลยไม่เลือกจะดีกว่าค่ะ ขึ้นชื่อว่าความดี ทำให้มากๆ ไว้จะเป็นคุณแก่ตัวเองค่ะ ^_^
     
  3. โชษิตา

    โชษิตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +18
    การให้ทานคือการสละแล้ว ให้กลับคนหรือสัตว์ก็ได้ตามเวลาที่เหมาะสม ไม่เอาอานิสงค์มาเป็นตัวกำหนด เพราะมันจะทำให้เราทำทานเพราะอยากให้เกิดอานิสงค์กับตัวเองมากๆ ไม่ใช่การเสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง ความอยากไม่ว่าจะสิ่งดีหรือไม่ดี จะทำให้เรานึกถึงตัวเองมากกว่าสิ่งที่ควรจะทำ
     
  4. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนาบุญ (ทำต่อไปไม่ต้องสนใจผลของทานเดี๋ยวจิตจะเกิดความสงสัย)ควรมั่นใจว่าทั้งหมดนั่นคือการทำความดี..... สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. น้องบุญน้อย

    น้องบุญน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +44
    การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้เพื่อความสุขของผู้อื่น ให้เพื่อความสุขที่ถูกทำนองคลองธรรม ให้ไปเถอะคะเขาก็เป็นดวงจิตที่ต้องการความสุขเช่นกัน แต่เขาอยู่ในร่างนั้น
    เมื่อคุณมีทุนมีปัจจัย ก็เอื้อเฟื้อเขาไปเถอะคะ ไม่ต้องนึกถึงอนิสงฆ์ ให้กลั่นออกมาจากใจของคุณเพื่อสุนัขน้อยๆที่ไม่มีใครดูแล
     
  6. kaitheera

    kaitheera สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +15
    รักการให้สบายใจดี
     
  7. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    น่าคิดครับ ...ผมขอเสริมจากมุมมองของผม ดังนี้


    คือ ผมเข้าใจว่า ผลของทานนั้น จะมากหรือน้อย ในมุมมองของผู้รับทาน

    ผู้รับทานที่ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม(สังคมโลก)ได้มาก ก็จะมีผลมากตาม ตัวอย่างเช่น

    -เหตุผลที่ทำบุญกับสัตว์ มีผลน้อยกว่าทำบุญกับคนทุศีล เพราะอย่างไรเสีย คนก็ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม(สังคมโลก)ได้มากกว่าสัตว์ (และอาจสำนึกผิด เปลี่ยนเป็นคนมีศีลได้ในที่สุด)

    -เหตุผลที่การทำบุญกับอริยบุคคลระดับพระอรหันต์ ให้ผลมากกว่าการทำบุญกับพระโสดาบัน ก็น่าจะเพราะพระอรหันต์สามารถ แนะนำผู้คนให้ก้าวหน้าไปสู่นิพพาน ได้ไกลกว่าพระโสดาบัน

    -เหตุผลที่การเจริญอนิจจสัญญา มีผลมากกว่า การแผ่เมตตา มีผลมากกว่า การสมาทานศีล5 มีผลมากกว่า การถือสรณคมณ์ในพุทธศาสนา มีผลมากกว่าวิหารทาน ...ก็เพราะการปฏิบัตินั้นทำให้ผู้ปฏิบัติพบความสุขที่ใจโดยตรง และสูงขึ้นจนบรรลุนิพพาน และกลับเป็นคนที่มีประโยชน์ที่สุด(พระอรหันต์) ในที่สุด


    สำหรับคำถามของกระทู้ ผมเห็นว่า ทำทานระดับไหนได้ก็ดีทั้งนั้นแหละครับ ...ขอให้สุขใจ มีปีติกับสิ่งดีๆ และรู้สึกถึงการจาคะ (เสียสละ)

    บางครั้งผมก็อดคิดเรื่องความคุ้มค่า ในการทำทานต่อผู้รับระดับต่างๆ แล้วก็เกิดความโลภ หรือตระหนี่ขึ้นแทน ว่าทำทานทั้งทีน่าจะคุ้มค่าที่สุด ...ซึ่งก็กลับทำให้เกิดอกุศลจิตขึ้นมาแทน ทั้งความขุ่นมัว ความเสียดาย ความตระหนี่ ความโลภ ขึ้นแทน ...สุดท้ายคงต้องวางจิตใจให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้



    เวลามสูตร
    [พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕]


    [๒๒๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
    อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านอนาถ
    บิณฑิกคฤหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีว่า ดูกรคฤหบดี
    ในตระกูลของท่าน ยังให้ทานอยู่บ้างหรือหนอ ฯ
    ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในตระกูล
    ของข้าพระองค์ยังให้ทานอยู่ แต่ท่านนั้นเป็นของเศร้าหมอง เป็นปลายข้าว มีน้ำ
    ผักดองเป็นที่สอง ฯ
    พ. ดูกรคฤหบดี คนให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทาน
    นั้นโดยไม่เคารพ ไม่ทำความนอบน้อมให้ ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เหลือ
    ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ ย่อมบังเกิดผลในตระกูลใดๆ
    ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อม
    ไม่น้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมไม่
    น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร
    ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสีย
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ทั้งนี้เป็นเพราะผลแห่งกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ ฯ
    ดูกรคฤหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทาน
    นั้นโดยเคารพ ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อ
    กรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูล
    นั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อ
    บริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภค
    กามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส
    คนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ ฯ


    ดูกรคฤหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้น
    ได้ให้ทานเป็นมหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาด
    ถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐ ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้
    ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง
    ให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง ผ้ากัมพล
    เหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ให้แม่โคนม
    ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐
    คน ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้า
    โกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะสีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาด
    อย่างดีทำด้วยหนังชมด มีเครื่องลาดเพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า
    ๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย เนื้อละเอียด จะป่วยกล่าว
    ไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอน ไหลไปเหมือน
    แม่น้ำ
    ดูกรคฤหบดี ก็ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลาม
    พราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น ดูกรคฤหบดี แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้
    สมัยนั้น เราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน ก็ในทานนั้น
    ไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณานั้นให้หมดจด ดูกร
    คฤหบดี

    1. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว
    2. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค
    3. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทาน ที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค
    4. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค
    5. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค
    6. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีผู้เดียวบริโภค
    7. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีร้อยท่านบริโภค
    8. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค
    9. ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค
    10. ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค
    11. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค
    12. ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค
    13. การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค
    14. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ
    15. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
    16. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ

    17. ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ...
    18. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้น
    จากปาณาติบาต ...
    19. และการที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม

    จบสูตรที่ ๑๐
     
  8. dodhome

    dodhome เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +609
    ผมว่าอยู่ที่จิตนะครับ ผู้รับบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ และสิ่งที่ให้บริสุทธิ์ ถ้าทำบุญแล้วโสมนัสเกิดมากก็ได้บุญมาก วัดกันที่ใจ อานิสงค์นี้เป็นมาตราฐานครับ เหมือนกฏหมายยึดหยุ่นได้
     
  9. มังกร

    มังกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +436
    ถือว่าทำทาน ได้เมตตาบารมีเพิ่ม คือถ้าทำบุญกับคน กับพระสงฆ์ มันอาจจะไม่รู้สึกเิกิดอารมณ์ความสงสาร เมตตา มากกว่าให้กับสัตว์บางประเภทนะครับ เข้าใจแบบนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...