เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 กุมภาพันธ์ 2025 at 20:39.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปบ้านเลขที่ ๒๔ ซอย ๓ โรงเรียนโสมาภาพัฒนา ถนนพระยาสุเรนทร์ ๓๕ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลกับตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ จังหวัดลำพูน และท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา จังหวัดสิงห์บุรี ไม่ต้องกล่าวถึงวัตถุมงคล หลากหลายตั้งแต่สูงสุดยันต่ำสุด ที่บรรดาผู้สร้างไม่ได้เกรงใจผู้เสกเลย..!

    หากแต่ว่าเรื่องที่ต้องการจะบอกกล่าวก็คือว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เมตตาให้แจ้งแก่ทุกท่านว่า ช่วง ๕ ปีนี้ ก็คือตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะเป็น ๕ ปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคน ใครที่อาศัยพระคาถาเงินล้านเพื่อความคล่องตัว ถ้ายังภาวนาไม่ถึงวันละ ๑๐๘ จบ ก็ขยับขึ้นไปวันละ ๑๐๘ จบได้แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สภาพเศรษฐกิจโลกและภาวะสงครามจะย่ำแย่มาก ดังนั้น..แม้แต่ผู้ที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านเป็นปกติ ก็ยังอาจจะฝืดเคือง แต่ว่าถ้าทำสม่ำเสมอก็เอาตัวรอดได้ บุคคลที่ไม่ได้ทำหรือว่าทำน้อย ทำไม่สม่ำเสมอ ก็จะสะดุดติดขัด ลำบากกว่าผู้อื่นเขา..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น ท่านใช้คำว่า "เป็นช่วงเงินสดขาดมือ" กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเตือนมานานแล้วว่า "ให้เก็บเงินสดติดเอาไว้บ้าง โดยเฉพาะบรรดาธนบัตรใบเล็ก" กระผม/อาตมภาพก็จัดการทุกอย่างตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาเตือนเอาไว้ แม้แต่น้ำก็ตุนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่ามีการขาดน้ำขึ้นมา
    ถ้าใช้อย่างประหยัดอย่างน้อยวัดท่าขนุนก็ยังไปต่อได้อีกเป็นเดือน

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาบอก ก็แปลว่าวาระกรรมของพวกเราไม่หนักนัก แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องใช้ความเพียรพยายามให้สม่ำเสมอ ถ้าหากว่าตนเองไม่มีอารมณ์ที่จะไปภาวนาจำนวนมาก ๆ ขนาดนั้น ก็เปิดการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบของกระผม/อาตมภาพในยูทูบก็ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ยอดวิวทะลุ ๑,๗๐๐,๐๐๐ วิวไปแล้ว ในส่วนที่ภาวนา ๙ จบก็ทะลุ ๒๓๐,๐๐๐ วิวไปแล้ว ท่านถนัดแบบไหนก็ทำแบบนั้น

    แต่ถ้าจะเอาตัวรอดกันจริง ๆ ก็คือวันละ ๑๐๘ จบ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเคยทำโดยแบ่งเป็น ๓ ช่วง ก็คือช่วงเช้า ๓๖ จบ ช่วงกลางวัน ๓๖ จบ ช่วงเย็น ๓๖ จบ รู้สึกว่าไม่หนักมาก และทำให้เราภาวนาโดยไม่ต้องไปเร่งให้จบเร็ว ๆ เนื่องเพราะว่าพระคาถาเงินล้านนั้น นอกจากอาศัยทานบารมีเป็นเครื่องหนุนเสริมให้เกิดลาภผลแล้ว ยังต้องมีสมาธิเป็นตัวหนุนเสริมที่สำคัญด้วย ถ้าหากว่าจิตของเราไม่ได้ภาวนาตามไปจนเป็นสมาธิ ผลก็จะเกิดน้อย หรือว่าไม่เกิดเลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    ปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพเห็นมีบางรายนำพระคาถาเงินล้านลงในยูทูบบ้าง ลงใน TikTok บ้าง แล้วก็ใช้คำว่า "แค่เปิดฟังก็รวยแล้ว" กระผม/อาตมภาพได้ยินก็ต้องถอนหายใจ ถ้าหากว่าแค่ฟังก็รวยแล้ว มีหวังได้รวยกันทั้งประเทศไปนานแล้ว..!

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านไปใช้อัตโนมติ ทำให้ความดีความงามที่ครูบาอาจารย์ ต้องการให้ท่านจะต้องประพฤติปฏิบัติ ใน ศีล สมาธิ ภาวนา อย่างสม่ำเสมอ โดยมีผลพิเศษ ก็คือลาภผลที่จะพึงมีพึงเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย แต่ว่าท่านกลับไปกล่าวในลักษณะมักง่ายสำหรับคนขี้เกียจ..!

    เราลองนึกดูว่าบุคคลที่ไม่ยอมทำงานอะไรเลย แล้วจะร่ำรวยนั้นเป็นไปได้หรือไม่ ?

    บุคคลที่ทำงานแบบลวก ๆ สักแต่ว่าทำให้ผ่าน ๆ ไป สมควรแก่ความร่ำรวยหรือไม่ ?

    ส่วนบุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาทำด้วยความเคารพ พยายามที่จะภาวนาให้ครบตามจำนวน โดยทรงสมาธิจิตอยู่ตลอดเวลา สมควรที่จะร่ำรวยหรือไม่ ?

    บุคคลหลายประเภทที่ว่ามานี้ ท่านคิดว่าประเภทไหนจึงควรแก่ผลของพระคาถาเงินล้านมากกว่ากัน ?


    ในเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาเตือนมา แล้วในช่วงนั้นระยะเวลาก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ รู้สึกว่าจะใกล้เคียงกับช่วงที่บ้านเราเมืองเราเกิดอาการค่าเงินตกอย่างมหาศาล จากประมาณ ๒๐ บาทต่อ ๑ ดอลลาร์ พรวดไปจนเกือบ ๓๐ บาท ในสมัยรัฐบาลป๋าเปรม (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อดีตนายกรัฐมนตรี

    ในสมัยนั้น คุณบังเอิญ อ่องคล้าย ซึ่งเป็นลูกศิษย์สำคัญท่านหนึ่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ให้ความเชื่อถือกระผม/อาตมภาพว่า ในเรื่องมโนมยิทธิแล้วถือว่าไม่แพ้ใคร จึงมาสอบถามกระผม/อาตมภาพว่า ตัวของท่านเองจะพ้นจากความฝืดเคืองของเศรษฐกิจช่วงนี้ตอนไหนบ้าง ?

    เนื่องเพราะว่าจะว่าไปแล้ว ทางด้านจ่านายสิบตำรวจปัญญา - คุณบังเอิญ อ่องคล้าย เป็นคหบดี หรือคหปตานีผู้ที่ร่ำรวย เพียงแต่ว่าใช้เงินไปซื้อที่ดินเอาไว้ถึง ๓๐๐ กว่าแปลง บางแปลงก็หลายร้อยไร่..! จึงทำให้เงินไปจมอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ตรงนั้น เมื่ออยู่ ๆ ค่าเงินบาทตกจึงทำให้หมุนเวียนไม่ทัน ท่านคิดว่าถ้าขายที่ได้สักแปลงหนึ่งก็รอดแล้ว เมื่อคุณบังเอิญมาถาม กระผม/อาตมภาพกำหนดใจดูแล้ว ก็ตอบไปว่า "ต้องลำบากถึง ๗ ปี" ทำเอาคุณบังเอิญ อ่องคล้ายรับไม่ได้ แต่ว่าสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริง ๆ..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    ดังนั้น..ในงานสวดพระอภิธรรมถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อในปี ๒๕๓๖ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าจากวันมรณภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน มีการทำบุญกันยาว ๆ จนทะลุข้ามปี คุณบังเอิญก็มากราบขอขมา บอกว่า "ดิฉันไม่เชื่อว่าที่หลวงพี่พูดมาจะเป็นความจริง เนื่องเพราะว่าแค่ขายที่ได้ผืนเดียว ดิฉันกับสามีก็ลอยตัวได้แน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าทุกคนที่ไปบอกขายที่ให้ ล้วนแล้วแต่ฝืดเคืองไปทั้งสิ้น แล้วก็ยืดยาวมาเป็นระยะเวลาถึง ๗ ปีจริง ๆ อย่างที่ท่านว่า"

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่บอกไปว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าอาตมภาพพูดเอง หากแต่ว่าเป็นเรื่องที่พระ หรือครูบาอาจารย์ซึ่งไปกราบเรียนถามแล้วท่านบอกมา อาตมภาพก็ยังไม่เคยเห็นว่าสิ่งที่ท่านบอกมานั้นจะผิด แต่เนื่องจากว่าระยะเวลายาวเกินไป และไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันของโยม การที่โยมไม่เชื่อก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ"

    มาในงานนี้ เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นระยะเวลายากลำบากถึง ๕ ปี แล้วขณะเดียวกันก็ให้มีเงินสดติดตัวไว้บ้าง เมื่อถึงเวลาจะได้ใช้จ่ายได้สะดวกคล่องตัวขึ้น เราเองก็อาจจะเก็บเอาไว้สักเล็กน้อย ในส่วนที่เหลือก็อย่าไปลงทุนในกิจการอะไร ในเมื่อยากลำบากถึง ๕ ปี ลงทุนไปก็อาจจะขาดทุนเสียเปล่า ๆ ยกเว้นอย่างเดียวที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกมาหลายปี และกระผม/อาตมภาพก็บอกกับทุกคนมาหลายปีแล้วก็คือ ให้พยายามปลูกพืชปลูกผักอะไรของเราเอาไว้ ถ้าถึงเวลาเขาไม่มีขาย เราจะได้มีกิน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถึงบ้านเราในปัจจุบันนี้จะอยู่ในสภาพของกึ่งอุตสาหกรรมก็ตาม แต่ว่าพื้นฐานใหญ่ของเราที่ผ่านมาก็คือการเกษตร โดยเฉพาะถ้าใครมีพื้นที่เพียงพอ ก็คือประมาณสัก ๑๐ ไร่ ก็ให้ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ตรัสเอาไว้เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว

    คาดว่าทำตอนนี้ยังทัน โดยเฉพาะพืชผักอายุสั้น ถ้าเราทำในลักษณะปลอดสารพิษ ไม่ว่าตลาดไหนก็ยินดีรับ และอาจจะขายได้ราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย เพราะว่าบุคคลที่รักสุขภาพมีมากขึ้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    ดังนั้น..อันดับแรกเลยก็คือว่าอย่าลงทุนอะไรมาก ถ้าหากว่าจะลงทุนก็ให้ลงทุนในเรื่องของพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะส่วนที่จะช่วยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพลโลกได้

    ส่วนต่อไปก็คือ
    ให้ภาวนาคาถาเงินล้านอย่างจริงจัง ชนิดต้องการผล ก็คือให้ภาวนาเป็นกรรมฐานอย่างน้อยวันละ ๑๐๘ จบ คนอื่นเขาจะเดือดร้อนเขาจะลำบากอย่างไร ถ้าเรามีความเพียรที่สม่ำเสมอ และทำดีทำถูก ก็จะช่วยให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น สามารถที่จะลากถูผ่านเหตุการณ์ลำบากนี้ไปได้ โดยที่ไม่ยากลำบากเหมือนกับคนอื่นเขา

    อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะลงบัญชีเงินทำบุญออนไลน์เสร็จ ก็คือบัญชีของเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ปรากฏว่าไปเจอบุคคลผู้รอบคอบอีกแล้ว ก็คือทำบุญแล้วต้องมีเศษสตางค์มาเสมอ โดยเฉพาะรายหนึ่งโอนเงินจำนวน ๐.๐๑ บาททุกวัน กระผม/อาตมภาพก็ต้องมาลงบัญชีทุกรายการ
    เพราะว่าบัญชีออนไลน์นั้นผูกอยู่กับกรมสรรพากร เขาสามารถที่จะตรวจสอบยอดเงินได้ทุกเวลา ถ้าหากว่าเราลงไม่ครบถ้วน ก็กลายเป็นทุจริต เมื่อเจ้าอาวาสทุจริต ก็กลายเป็นเจ้าพนักงานทุจริตประพฤติมิชอบ มีโทษมากกว่าคนปกติหลายเท่า..!

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่รักจะทำบุญทุกวันก็ขอเถอะ ไหน ๆ ก็จะทำบุญแล้ว ช่วยลงให้ครบบาทหน่อยได้หรือไม่ ? จะได้เป็น "คนเต็มบาท" กับเขาเสียที ไม่ใช่ทำบุญวันละ ๐.๐๑ บาท หรือว่า ๑ สตางค์ทุกวัน ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องลงบัญชีมือหงิกอยู่ทุกวัน..!

    ไม่ได้หมายความว่าระบบธนาคารจะไม่รวมยอดให้ แต่ว่า
    ระบบธนาคารถึงจะรวมยอดให้ เราก็ต้องชี้แจ้งได้ว่ายอดนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพลำบากมาก ถ้าหากว่าญาติโยมทั้งหลายโอนมาแบบมีเศษสตางค์ หรือว่าตั้งใจทำบุญเป็นเศษสตางค์ ก็เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น เมื่อสร้างความลำบากให้แก่พระ คือกระผม/อาตมภาพแล้ว จะคุ้มกับบุญที่ท่านได้รับหรือไม่ ?
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,400
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,621
    ค่าพลัง:
    +26,478
    อีกประการหนึ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวน ๘ ท่านโอนเงินเข้ามา ต่ำสุด ๕๐,๐๐๐ บาท ๒ ราย สูงสุด ๒๐๐,๐๐๐ บาท ๒ ราย อีก ๔ ราย ๆ ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวมแล้วเป็นยอดแค่ ๘ ท่านนี้คือ ๙ แสนบาทถ้วน ทำเอากระผม/อาตมภาพขวัญหนีดีฝ่อ เพราะไม่ทราบว่าท่านกำลังเล่นอะไรกันอยู่ ?

    จากรายได้ระดับเดือนละหลายพันหรือแค่หมื่นต้น ๆ อยู่ ๆ กระโดดขึ้นมาล้านกว่าบาท..! ไม่ใช่ว่าเพราะพระคาถาเงินล้านเกิดผลแน่นอน แต่ก็จำเป็นต้องบอกกล่าวให้ญาติโยมทั้งหลายได้รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าท่านตั้งใจโอนเงินทำบุญเพื่อหวังในการลดภาษีประจำปี ซึ่งจะต้องยื่นภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ นี้ กระผม/อาตมภาพก็ขออนุโมทนาด้วย

    แต่ขอทีเถิด ๘ คนโอนมาภายในวันเดียว เวลาไล่เลี่ยกัน แล้วจำนวนเงินมหาศาลขนาดนั้น จะทำกระผม/อาตมภาพช็อคตายเสียก่อน..! ถ้าหากว่าจะให้ดีก็ช่วยชี้แจงด้วยว่าท่านโอนมาเพื่อกองบุญการกุศลอะไรบ้าง ? ไม่เช่นนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพก็คงต้องลงในบัญชีสังฆทานต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...