เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 มกราคม 2025 at 17:30.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,314
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,612
    ค่าพลัง:
    +26,466
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,314
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,612
    ค่าพลัง:
    +26,466
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่เด่นเดชารีสอร์ตอยู่ที่ ๑๕ องศาเซลเซียส แปลว่าหนาวน้อยกว่าทองผาภูมิ

    กระผม/อาตมภาพตรวจแก้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน และทำหนังสือเชิญบรรดา "มเหสักโข" ให้มาร่วมงานปิดทองประจำปีรอยพระพุทธบาทและทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบตี ๕ ต้องรีบสรงน้ำ แต่งตัว เก็บข้าวของขึ้นรถ แล้วไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ต ซึ่งคุณเล็ก (ปรภาว์ บุญริ้ว) ผู้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องที่พักเรื่องอาหารให้ ตั้งแต่ที่วัดศิลาวาส (ปางโม่) มาจนถึงที่นี่ ได้มากำชับกำชาบรรดาแม่ครัวของทางรีสอร์ต ให้จัดข้าวปลาอาหารรอเอาไว้แล้ว

    โดยมีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร และท่านติงลี่ (พระอธิการสมมาศ คุณาธิโก) เจ้าอาวาสวัดประตูด่าน จังหวัดกาญจนบุรี มาร่วมฉันเช้าด้วย

    จากนั้นก็วิ่งตามกันขึ้นไปยังสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งทุกปีถ้าหากว่าอาศัย "พี่กู" นำขึ้นไป ก็จะเจอเส้นทางที่สลับซับซ้อนจนกระทั่งไปถึงทีหลังคนอื่นเขาทุกครั้ง เนื่องเพราะว่าการวิ่งตอนกลางคืนนั้นจดจำทางได้ยาก และ
    "พี่กู" ก็มีสันดานชอบ "โชว์พาว" ก็คือพาไปเส้นทางที่ยากที่สุด ซับซ้อนที่สุด เพราะต้องการจะอวดว่ารู้มาก ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ด่าไปทุกครั้ง

    จนกระทั่งบางที
    "พี่กู" ก็ถามกลับมาว่า "ขอโทษ เมื่อกี้พูดว่าอะไร ฉันฟังไม่ทัน" ทำเอาทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง แต่พอขากลับเมื่อไร "พี่กู" ก็จะพาออกถนนเส้นใหญ่ทุกครั้ง ต้องมาด่าโขมงโฉงเฉงกันอีกรอบหนึ่งว่า "ทำไมตอนขาเข้ามึงไม่พากูมาทางนี้ ?" ซึ่ง "พี่กู" ก็จะตีมึน ทำไม่รู้ไม่ชี้ทุกครั้ง..!

    ต้องบอกว่าในเรื่องของการพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีนั้น ถ้าไม่ใช่เส้นทางที่เราไม่รู้จักจริง ๆ ไปเส้นที่เรารู้จักเสียจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีประสบการณ์โดน
    "พี่กู" พาไปตกคลองบ้าง พาไปทิ้งอยู่กลางป่าให้วนเป็น "ไก่ตาแตก" บ้าง..!

    เมื่อขึ้นไปถึง
    ปรากฏว่า ปีนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่มีการจัดสถานที่ให้สำหรับรถพระเถระโดยตรง แต่กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นป้ายชื่อของตนเอง เนื่องเพราะว่ามีแต่ติดป้ายครูบาท่านนั้น ครูบาท่านนี้ ส่วนประธานของงานอย่างกระผม/อาตมภาพไม่มีป้ายติด..! ต้องอาศัยจอดตามที่เจ้าหน้าที่จราจรเขาบอกให้ แล้วก็ต่อรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ วิ่งขึ้นดอยไปยังผาม้าจนกระทั่งถึงหน้าถ้ำ ซึ่งครูบาเหนือชัยท่านมาเข้านิโรธกรรมอยู่ ณ ที่นี้

    ขึ้นไปถึง กระผม/อาตมภาพก็นำเอาปัจจัยซึ่งรับมาจากญาติโยมทั้งหลายที่จังหวัดเชียงใหม่ ใส่บาตรถวายครูบาก่อนเป็นอันดับแรก พร้อมด้วยพระเลี่ยมทอง ๔ องค์ เนื่องเพราะว่าท่านนั้นถวายมาบ้าง ท่านนี้ถวายมาบ้าง ในเมื่อเขาถวายมาแล้วก็ให้ได้รับอานิสงส์สูงสุดไปก็แล้วกัน..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,314
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,612
    ค่าพลัง:
    +26,466
    พูดคุยทักทายระหว่างรอ จนกระทั่งครูบาท่านได้ฉันอาหารอ่อนเพื่อฟื้นกำลัง หลังจากที่อดอาหารมา ๗ วัน แล้วก็ช่วยกันประคองท่านลงมา ปรากฏว่าคนแก่กับคนแก่ ทำเอากระผม/อาตมภาพไม่รู้สึกหนาวเลย เนื่องจากว่าต้องรับน้ำหนักของครูบาในด้านขวาที่ท่านใช้การไม่ได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลวงพ่อนิลก็รับไปเกินครึ่ง..! ค่อย ๆ ขยับลงบันไดมาทีละขั้น ๆ กว่าจะมาถึงลานเจดีย์ด้านล่างซึ่งเขาเอาม้ามารับท่าน ก็ทำเอาทุกคนแทบจะ "หอบแดด" ไปตาม ๆ กัน อากาศ ๑๕ องศาเซลเซียส ตอนนี้ไม่รู้สึกเลยว่าหนาว..!

    นึกดูแล้วก็ขำดี เพราะว่าคนแก่อายุ ๖๖ ต้องประคองคนแก่อายุ ๖๓ ค่อย ๆ ขยับ ค่อย ๆ เดินลงมา ส่วนใหญ่แล้ว ตั้งแต่แรกที่คบหากันมาเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้วนั้น ทุกคนคิดว่าครูบาเหนือชัยอายุมากกว่ากระผม/อาตมภาพ และพรรษามากกว่ากระผม/อาตมภาพกันทั้งนั้น แต่พอรู้ว่าท่านอายุน้อยกว่า พรรษาน้อยกว่า ทุกคนก็มักจะทำหน้าแปลกใจกันทั้งสิ้น

    เมื่อส่งครูบาขึ้นม้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อาศัยเจ้าม้าเหล็กขับเคลื่อน ๔ ล้อ กลับลงมายังบริเวณลานกว้างทางด้านล่าง ซึ่งเขานำเสลี่ยงมารอรับ ต้องนั่งรอกันอยู่พักใหญ่กว่าที่ครูบาท่านจะขี่ม้าลงมาถึง เมื่อได้เวลา พวกเราก็เคลื่อนขบวน โดยที่ครูบาท่านไม่ได้ขึ้นเสลี่ยง เพราะว่าถ้าหากขยับลงจากม้าก็จะลำบากอีก มีกระผม/อาตมภาพนำหน้า หลวงพ่อนิลอยู่กลาง ท่านติงลี่อยู่ท้าย สามเสลี่ยงเคลื่อนตามกันไป โดยมีครูบาหน่อแก้วฟ้า (พระครูสมุห์เจษฎา โชติปญฺโญ) ประธานที่พักสงฆ์ลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้าโพธิญาณ จังหวัดนครราชสีมา เดินนำหน้าเปิดทางให้

    ขบวนกลองสะบัดชัยปีนี้ไม่มีการรำดาบหรือว่าพ่นไฟ จึงไปถึงเร็วกว่าปกติเล็กน้อย กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ปีนี้ทหารที่มาช่วยงานนั้นมีน้อยมาก ไม่มีคนผลัดเปลี่ยนในการแบกเสลี่ยง จึงให้วนรอบลานพระแก้วมรกตแค่ ๑ รอบเท่านั้น แล้วก็ลงจากเสลี่ยงมา เพราะว่าสงสารทหาร เนื่องจากตนเองเคยแบกเสลี่ยงมาแล้ว รู้ดีว่าน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ตรง ๆ โดยไม่มีผ้าหนา ๆ รองรับนั้น รสชาติสุดแสนจะประทับใจ..!

    กระผม/อาตมภาพลงมานั่งด้านล่าง รับการถวายสักการะจากครูบาหน่อแก้วฟ้า และครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ประธานที่พักสงฆ์ปรียนันท์ธรรมสถาน จังหวัดนครสวรรค์ สักครู่หนึ่ง ตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ จังหวัดลำพูน รุ่นพี่ที่อายุมากเกือบเท่ารุ่นพ่อก็มาถึง กราบทักทายกันแล้ว ให้ท่านนั่งเป็นเนื้อนาบุญได้ครู่หนึ่ง ครูบาเหนือชัยที่รอรับการทำบุญจากญาติโยมก็ลงมา พวกเราจึงเริ่มทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ขออนุญาตทำพิธีสืบชะตาให้กับครูบาเหนือชัย โฆสิโต ซึ่งปีนี้เป็นงานทำบุญอายุ ๖๓ ปีของท่าน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,314
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,612
    ค่าพลัง:
    +26,466
    เสร็จจากการบวงสรวงแล้ว พวกเราก็นั่งรอการแสดงของบรรดาช่างฟ้อนต่าง ๆ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดนาฏศิลป์ล้านนา ทำการแสดงถึง ๓ - ๔ ชุดต่อเนื่องกัน แม้กระนั้นก็ตาม เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง พวกเรายังต้องนั่งรอกันอีกพักใหญ่ กว่าที่บรรดาพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาจะมาถึง เนื่องเพราะว่าทุกปีนั้นจะเริ่มสืบชะตาประมาณ ๙ โมงครึ่ง แต่ว่าปีนี้ ครูบาเหนือชัยท่านเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น

    กระผม/อาตมภาพนำท่านเข้าซุ้มสืบชะตา ทำการวงสายสิญจน์เหนือศีรษะของท่านแล้ว ก็ไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ส่วนหลวงพ่อนิลจุดเทียนขันสืบชะตาให้ทั้งครูบาเหนือชัยและญาติโยมที่จัดซุ้มเข้าร่วมพิธีด้วย เมื่อพระเจริญพระพุทธมนต์ท่านเริ่มสวด กระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิยาว ๆ ไปเลย ขึ้นไปกราบครูบาอาจารย์ทางสายเหนือ มีหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย เป็นต้นเป็นประธาน ฝากงานพระพุทธศาสนาของสำนักสงฆืถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ ให้หลวงปู่หลวงพ่อเมตตาดูแลด้วย

    เนื่องเพราะว่าเมื่อครูบาเหนือชัยท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ญาติโยมที่ไปร่วมงานก็รู้สึกว่าจะน้อยลงทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้ว ทางด้านคณะสงฆ์ภาค ๑๔ โดยพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ได้จัดให้มีการอบรมพระอุปัชฌาย์ถึง ๓ รุ่นต่อเนื่องกัน เหตุเพราะว่าช่วงที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้มีการงดฝึกอบรมพระอุปัชฌาย์ไปหลายปี เมื่อถึงเวลา ท่านอยากจะให้กลับไปสู่รอบเดิม จึงต้องทำการอบรมภายใน ๒ เดือน ถึง ๓ รุ่นด้วยกัน..!

    กระผม/อาตมภาพที่เป็นคณะกรรมการ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการอำนวยการก็ดี กรรมการฝึกซ้อมภาคปฏิบัติก็ตาม เมื่อรับคำสั่งแล้ว ปรากฏว่าตรงกับวันออกนิโรธกรรมของครูบาเหนือชัย จึงได้แจ้งมาทางนี้ว่า "ปีนี้ไม่สามารถจะขึ้นมาเป็นประธานในงานได้" ก็เลยไม่ทราบว่าปีที่ผ่านมา คนมากน้อยเป็นประการใด

    แต่ปีนี้เห็นคนบางตาลงไปถนัด จึงต้องฝากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายของสายภาคเหนือ ให้อนุเคราะห์สงเคราะห์แก่ญาติโยมที่มาร่วมบุญกับทางสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ โดยใช้คำขอว่า "ถ้าไม่เกินวิสัยแล้ว สิ่งใดที่เขาปรารถนาก็ขอให้สำเร็จ" ก็ถือว่าช่วยน้องได้เพียงแค่นี้เท่านั้น พอพูดถึงตรงนี้ ก็นึกถึง "แม่อี๊ด" ที่ใช้คำว่า "พระพี่ชายของครูบา" ทีไร คนก็จะมองกระผม/อาตมภาพด้วยสายตาแปลก ๆ ประมาณว่าให้เป็นน้องก็ยังรู้สึกว่าเด็กไป ทำไมถึงกลายเป็นพี่ไปได้ก็ไม่รู้ ?

    ครั้นเสร็จพิธีสืบชะตาแล้ว กระผม/อาตมภาพทำการผูกข้อมือรับขวัญ และพรมน้ำมนต์ถวายท่าน รับไทยธรรมแล้ว มอบปิ่นโตคืนให้ทางเจ้าภาพ ไปเลี้ยงพระทั้งหมดที่มาร่วมงาน ส่วนตนเองก็ขอลา วิ่งลงมาหาภัตตาหารฉันกันกลางทาง เพราะกว่าจะกลับถึงที่พักก็ใช้เวลาเป็น ๑๐ ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็ถึงประมาณ ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม มัวแต่มา "ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง" ฉันภัตตาหารปิ่นโตบนรถ อาจจะทำหกตกหล่นก็ได้ จึงถวายคืนให้กับทางเจ้าภาพไป แล้วตนเองมาหาข้าวกล่องฉันกลางทางจะสะดวกกว่า

    แล้วในระหว่างเดินทางจึงมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้เอาไว้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ขาดช่วงในการฟัง ไม่เช่นนั้นแล้ว บางท่านรอแล้วรออีก ไม่ได้ยินเสียงเตือนสักที บางทีมีการทวงถามไปในเฟซบุ๊กอีกต่างหาก..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...