เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ในส่วนของเรื่องรถทัศนาจรโดนไฟไหม้จนมีผู้เสียชีวิต ๒๓ ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนบาดเจ็บได้รับเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่วนผู้ที่เสียชีวิตก็รับเป็นเจ้าภาพงานศพให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เปรียบเสมือนกับพ่อของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อถึงเวลามีเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา ก็ทำหน้าที่สงเคราะห์ต่อลูก ๆ

    เพียงแต่ว่าทางส่วนราชการ ซึ่งทำหน้าที่ต่างพระเนตรพระกรรณ บางทีส่วนหนึ่งก็แกล้งโง่ อย่างเรื่องที่มีผู้เดือดร้อนเพราะว่าไปซื้อทองคำจากร้านแม่ตั๊ก ปรากฏว่าวันนี้มีคนส่งคลิปมาให้ บอกว่าผลการพิสูจน์แล้วจากทองคำที่หน้าร้านของแม่ตั๊กนั้น ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดทุกรายการที่นำไปทดสอบ..!

    กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ "น้ำตาจิไหล" คือถ้าไม่ใช่โง่สนิทก็ต้องแกล้งโง่ถึงขนาด..! เพราะว่าคนที่เดือดร้อนคือคนที่ซื้อทองคำไป คนที่เขาซื้อไปเขามั่นใจว่าของที่เขาซื้อไปนั้นไม่แท้ เพราะว่าขายต่อไม่ได้ แต่ฝ่ายตรวจสอบเอาทองคำที่หน้าร้านไปตรวจสอบ ฟังดูก็รู้ว่ามีงาน..!

    แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็ปล่อยเขาไป เรายืนดูอย่างห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็พอ เนื่องเพราะว่าสถานการณ์ทั้งประเทศชาติและทั้งโลกก็ต้องบอกว่ากระชั้นเข้ามามากขึ้นทุกที ใครมีญาติพี่น้องทำงานอยู่อิสราเอล บอกเขาไปเลยว่า "ถ้ามีโอกาสให้รีบกลับอย่างเร่งด่วนที่สุด" ถ้าใครจะคิดว่าคราวที่แล้วพกวัตถุมงคลวัดท่าขนุนแล้วรอดมาได้ คราวนี้จะอยู่ต่อก็ต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน..!

    เนื่องเพราะว่าเรื่องของวัตถุมงคลนั้น บางทีกันอาวุธขนาดเบาได้ แต่ไปเจออาวุธขนาดหนักก็กันไม่ไหว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าใครที่ไม่กลับ คิดว่าตนเองอยู่ในที่ปลอดภัย หรือว่ามีวัตถุมงคลดีช่วยเหลือตนเองได้ ให้หมั่นสวดมนต์ภาวนาเอาไว้ก็แล้วกัน..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพไปทำความสะอาดกุฏิเจ้าอาวาส เพื่อเตรียมสถานที่ไว้เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ซึ่งจะต้องมีการปลุกเสกเหรียญนาคเกี้ยวกันภัยทุกเนื้อด้วย ปรากฏว่าเจอปลวกกินกุฏิกระจายไปเลย..! เนื่องเพราะว่าช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา มัวแต่ไปยุ่ง ๆ อยู่กับเรื่องของการตรวจประเมิน เพื่อยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ ไม่มีเวลาไปดูไปแล แต่ก็อัศจรรย์ตรงที่ว่าปลวกกินกระจายหมดทุกอย่าง กินกรอบรูปกินอะไรไปหมด แต่ไม่สามารถที่จะกินแผ่นยันต์ได้ ทั้งยันต์มหาพิชัยสงคราม ยันต์พญาเต่ามังการเปิดโลกพลิกชีวิต ไม่ทราบเหมือนกับว่าเกิดจากความแคล้วคลาดหรือว่าคงกระพันกันแน่ ?

    แต่หลังจากที่เอาผ้ายันต์มาทำความสะอาดเพื่อรอเข้ากรอบใหม่ กระผม/อาตมภาพรู้สึกปวดข้อมือเหมือนอย่างกับเอ็นอักเสบ..! เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ทำความสะอาดผ้ายันต์โดยไม่ได้ขอขมาพระรัตนตรัยก่อน จึงต้องกราบขอขมาพระรัตนตรัย อาการที่เป็นอยู่ถึงได้หายไป ตรงนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเรื่องอานุภาพของวัตถุมงคล ว่าแม้จะเป็นผ้ายันต์ที่ไม่ได้มีอานุภาพมหาสะท้อนโดยตรง ก็ยังสะท้อนกลับแม้แต่กระผม/อาตมภาพ ที่จะว่าไปแล้วก็คือเป็นคนปลุกเสกเอง..!

    อีกประการหนึ่งก็คือยันต์เกราะเพชร สิ่งหนึ่งประการใดก็ตามที่ไม่ดีต่อตัวผู้ที่รับไป ก็จะโดนป้องกันเอาไว้ ก็เลยกลายเป็นว่าพลังงานส่วนหนึ่งก็น่าจะสะท้อนกลับ แต่ยันต์เกราะเพชรก็ไปกันเอาไว้ ก็เลยติดอยู่ที่ข้อมือ ไม่สามารถที่จะขึ้นสูงกว่านั้นได้

    ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อมั่นของพวกเรา ความเชื่อมั่นก็คือศรัทธา ซึ่งเป็นต้นของความเชื่อทั้งปวง ศาสนาทุกศาสนาต้องเกิดจากความศรัทธาก่อน ถึงจะเป็นศาสนาได้ เพียงแต่ว่าความเชื่อมั่นตรงนี้ ถ้าหากว่าประกอบไปด้วย ศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา เหล่านี้ ก็จะเป็นความเชื่อมั่นที่ก่อให้เกิดเวสารัชชกรณธรรม ท่านที่เรียนนักธรรมชั้นตรีอยู่ ลองไปดูหัวข้อนี้ว่า ธรรมที่ก่อให้เกิดความกล้านั้น ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?

    คราวนี้หัวข้อแรกคือความศรัทธาหรือเชื่อมั่นนั้น มีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย อย่างเช่นพระภิกษุสงฆ์ที่ออกธุดงค์ เราไม่มีอาวุธอะไรที่จะไปต่อสู้กับบรรดาภูตผีปิศาจหรือว่าสัตว์ร้าย ถ้าหากว่าเป็นในสมัยเก่า ๆ แม้แต่มีดโกนเขาก็ไม่ให้ติดไปด้วย เนื่องเพราะว่ามีดโกนสมัยก่อนนั้น ตัวมีดกับใบมีดเป็นชิ้นเดียวกัน เป็นอาวุธร้าย ชนิดที่เรียกว่าฆ่าคนได้แบบไม่ทันรู้ตัว เนื่องเพราะว่าถึงเวลาก็กำด้ามมีดไว้ ปล่อยให้ใบมีดทาบกับท้องแขนตัวเอง แล้วก็ใช้วิธีชกกึ่งปาด..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพระธุดงค์สมัยก่อน หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า พอกลับถึงวัดก็หมาเห่าลั่นไปหมด เพราะว่าผมยาวเฟื้อยมาแต่ไกล บางท่านก็อยู่ป่าไป ๙ เดือนเลย ก่อนจะเข้าพรรษาถึงได้กลับวัด คราวนี้ไม่มีมีดโกนก็ต้องกลับมาโกนหัวที่วัด ๙ เดือนผมยาวแค่ไหนก็ลองไว้กันดูก็แล้วกัน..!

    หรือไม่ก็มีดที่ใช้งานอื่น ๆ ท่านให้หักปลายทิ้ง อย่างเช่นมีดเจียนหมาก มีดเจียนหมากนั้นเป็นมีดสั้นเล็ก ๆ หรือมีดพับ ใบมีดน่าจะประมาณ ๒ นิ้ว หรือ ๒ นิ้วครึ่งเท่านั้น รุ่นหลัง ๆ พวกท่านไม่ค่อยได้เห็นกัน ขนาดมีดเจียนหมากยังให้หักปลายทิ้งเพื่อไม่ให้พึ่งเป็นอาวุธ ก็คือให้เราพึ่งคุณพระรัตนตรัยอย่างเดียว ถ้าหากว่าเป็นหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ท่านสร้างมีดหมอ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ที่เป็นพระไปขอ ท่านจะหักปลายมีดทิ้ง ดังนั้น..ถ้าใครได้มีดหมอหลวงปู่บุญแล้วปลายหัก ให้รู้ว่าหลวงปู่ท่านหักทิ้งเอง ก็คือป้องกันไม่ให้ลูกศิษย์อาศัยมีดหมอนั้นเป็นอาวุธ

    ในเมื่อมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย ถึงเวลาเผชิญภูตผีปิศาจหรือว่าสัตว์ร้ายแล้วผ่านไปได้อยู่บ่อย ๆ เราก็เกิดความเชื่อมั่นที่ไม่คลอนแคลน คราวนี้
    ความเชื่อมั่นต่อพระรัตนตรัยอย่างไม่คลอนแคลนนั้นเป็นพื้นฐานของพระโสดาบัน

    ข้อต่อไปก็คือเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางท่านก็มีสิ่งที่ตัวเองยึดถืออยู่ จะเป็นวัตถุมงคล วัตถุอาถรรพ์ ทนสิทธิ์ สิ่งที่เป็นธรรมชาติหรือคนสร้างขึ้นก็ตาม ในเมื่อมีความเชื่อมั่นก็ทำให้เกิดความกล้าขึ้นมาได้เช่นกัน

    ข้อต่อไปก็คือ ความเชื่อมั่นในผู้นำ อย่างที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อถึงเวลาเกณฑ์คนไปรบ แต่ละคนก็มีครูบาอาจารย์ของตัวเอง ต่างคนต่างไม่ยอมลงให้กัน แล้วก็ทำให้ขาดความสามัคคี โอกาสที่จะชนะข้าศึกมีน้อย

    องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๑ จึงได้ยึดวัตถุมงคลทั้งหมด ไม่ให้ใช้งาน แล้วพระองค์ท่านก็เสกน้ำมัน ซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกว่า "แต่งคน" หรือว่า "แต่งทัพ" ก็คือเสกน้ำมันแล้วก็เจิมให้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูตราแผ่นดินของรัชกาลที่ ๑ จะเห็นว่าเป็นรูปอุณาโลม นั่นก็คือสิ่งที่พระองค์ท่านเจิมให้กับทหาร แล้วก็ทดสอบกันตรงนั้นเลย สรุปก็คือผู้นำสามารถทำให้ลูกน้องทุกคนอยู่ยงคงกระพันได้หมด ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ทำให้ลูกน้องเกิดความเชื่อมั่น มีความกล้าขึ้นมา
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ประการสุดท้ายก็คือความเชื่อมั่นในตนเอง ทำสิ่งโน้นก็สำเร็จ ทำสิ่งนี้ก็สำเร็จ เจริญสมาธิภาวนาก็ทรงฌานได้ ทำพระคาถาอะไรก็ขึ้น ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง แบบเดียวกับที่ไกรทองเจอชาละวัน เขาบรรยายเอาไว้ว่าชาละวันใหญ่ไม่มากหรอก ๙ วาเท่านั้น..! ในโลกปัจจุบันของเราสถิติยังไม่มีจระเข้ใหญ่ขนาดนั้น เต็มที่ก็แค่ ๖ เมตรกว่า ถ้าชาละวัน ๙ วาก็ ๑๘ เมตร พูดง่าย ๆ ว่าฮุบทีเดียวทั้งแพทั้งคนก็ไม่เหลือ..! แต่ไกรทองไม่กลัว เพราะมั่นใจในวิชาที่ตนเองเรียนมา

    ดังนั้น..การที่เราจะใช้วัตถุมงคล ความศรัทธาจึงเป็นสิ่งที่ต้องมาเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นถ้ามีประสบการณ์ก็จะยิ่งมีความเชื่อถือ เชื่อมั่นหนักขึ้น แบบเดียวกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) แขวนสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง แล้วไปโดนกระทิงขวิด ใคร ๆ ก็คิดว่าตายแน่นอน เพราะว่ากระทิงขวิดนี่ ต้นไม้ขนาดขาอ่อนโครมเดียวขาดกระจายไปเลย..! แต่น้องเล็กมีแค่รอยช้ำโตประมาณเหรียญ ๑๐ บาท ที่ปลายเขากระแทกเข้าไปเท่านั้น แล้วก็ซี่โครงหัก ไม่รู้ว่าประเภทเป็นผู้หญิงแก่ง่ายตายยากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเกิดขึ้นแล้วเรามีประสบการณ์ก็จะทำให้เชื่อมั่น ดังนั้น..ไม่ว่าจะพกวัตถุมงคลอะไรก็ตาม แต่องค์นี้ต้องติดตัวไปด้วยเสมอ แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพอยู่ชายแดนตลอดปีกว่า สิ่งที่เชื่อมั่นที่สุดก็คือธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งวันนี้ก็โดนปลวกกินพอกัน แต่ว่าธงมหาพิชัยสงครามไม่มีอะไรเสียหายเลย แม้กระทั่งกระดานที่แปะอยู่โดนกินข้างหลังไปแค่ชั้นหนึ่ง พอลอกเอาขี้ปลวกออก ก็ยังคงดี ๆ ทั้งแผ่น..!

    ฉะนั้น..เราเคยมีประสบการณ์อะไร เราก็จะเชื่อมั่นในสิ่งนั้น แต่ต้องไม่ประมาท คนฉลาดต้องหนีให้เป็น ถ้าหนีไม่เป็น โอกาสตายมีสูงมาก เพราะเราไม่รู้ว่าเราหมดอายุขัยช่วงนั้นหรือเปล่า ?

    ก็ได้แต่ตักเตือนพวกเราเอาไว้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองของเราก็ไม่ดีนัก สถานการณ์โลกก็ย่ำแย่หนักขึ้นไปเรื่อย ๆ อะไรที่เคยตักเคยเตือนไว้ว่าควรจะทำอะไรบ้าง ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่เช่นนั้น ถึงเวลาเดือดร้อนขึ้นมา อย่าหาว่าครูบาอาจารย์ไม่บอกไม่กล่าวก็แล้วกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...