เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 กันยายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องเพราะว่าอากาศทางทองผาภูมินั้น เหมือนกับต้นฤดูหนาว ก็คือค่อนข้างจะเย็น นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเห็นทะเลหมอกอำเภอทองผาภูมิ ถ้ามาในช่วงนี้ ได้ดูจนจุใจอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่อากาศเปลี่ยนแรงมาก จึงทำให้บุคคลที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกาย ก็ออกอาการ "เดี้ยง" ไปตาม ๆ กัน ขนาด "ลูกอ้วน" (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ซึ่งอึดพอกับควาย ๒ ตัว ก็ยังมาลาเรียขึ้นสมอง อาเจียนจนกระทั่งทำงานต่อไม่ไหว ต้องกินยาแล้วนอนพัก

    กระผม/อาตมภาพยังคงนำพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตยามเช้าตามปกติ ก็คือถ้ายังลากสังขารไปไหว ก็ทำหน้าที่ของตนไปจนวินาทีสุดท้าย เรียกง่าย ๆ ว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าต้องจากไปก็จากไปอย่างสง่างามที่สุด เหมือนกับทหารที่ปฏิญาณตนว่า "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร" ส่วนกระผม/อาตมภาพสมัยที่เรียนวิชาทหารอยู่กับเพื่อน ๆ ก็มักจะแปลงคำขวัญนี้ว่า "ตายในสนามรบเป็นศพของทหาร..!" เมื่อตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถ้ายังไหวก็ต้องไป..!

    เมื่อบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางไปยังวัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมการตรวจประเมินตามโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้วัดวาอารามหลายแห่ง ที่รกเรื้อหาคนดูแลไม่ได้ ทำให้กลายเป็นวัดที่สะอาดสะอ้าน สมกับเป็นสถานที่ในพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าหลัก ๕ ส. นั้นก็คือ สะสาง สะอาด สะดวก สร้างระเบียบ สร้างวินัย

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว เป็นสิ่งที่พระภิกษุสามเณรต้องทำตามปกติอยู่แล้ว แต่ก็มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่งที่อยู่อาศัยวัด ไม่ได้อยู่ให้วัดได้อาศัย ประมาณว่าหญ้ารกจนกระทั่งแทบจะเลี้ยงเสือได้ทั้งฝูงก็ยังไม่ไปเหลียวแล หรือว่าวัดวาอารามสกปรกโสโครกเหมือนกองขยะ ก็ไม่ได้ไปเหลียวแล

    กระผม/อาตมภาพเคยได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ตอนนั้นท่านยังเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชธรรมโสภณ สั่งให้ไปช่วยพัฒนาวัดทองผาภูมิ เพราะว่าเป็นวัดที่ทรุดโทรมมาก เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสในยุคนั้นเอาแต่จัดตลาดนัด เก็บเงินอย่างเดียว ขยะเต็มวัดไปหมดก็ไม่ได้เหลียวแล โดยเฉพาะด้านหลังโบสถ์ซึ่งเป็นที่ว่างกว้างใหญ่ สามารถทำประโยชน์ได้มาก ก็มีแต่กอหญ้าสูงท่วมหัว..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    กระผม/อาตมภาพจำได้ว่า นำพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนส่วนหนึ่งไปช่วยกันโกยขยะ เก็บไปทั้งหมดด้วยรถขยะของทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ขนาดที่ใช้ไฮโดรลิกอัดขยะแล้ว ยังต้องขนไปถึง ๒๓ เที่ยวด้วยกัน..! ท่านทั้งหลายลองนึกดูเอาเองก็แล้วกันว่า ขยะท่วมมาจนถึงโบสถ์ก็ยังไม่ได้ใส่ใจ ส่วนพวกบรรดาหญ้าต่าง ๆ ที่สูงท่วมหัว ก็ต้องไปหวด ไปตัด ไปฉีดยาฆ่า กว่าที่จะทำให้ทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยขึ้นมาได้ ก็ใช้เวลาไปหลายเดือน..!

    บรรดาผู้ที่ดูแลวัดอยู่ แต่ว่าทำตนแค่อยู่อาศัยวัด ไม่ได้อยู่ให้วัดอาศัย เมื่อมาเจอโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. ซึ่งบังคับว่าทุกวัดจะต้องทำตามหลัก ๕ ส. ทั้งนั้น วัดไหนทำได้ดีก็จะมีการยกขึ้นเป็นวัดตัวอย่าง โดยมีการตรวจประเมินเพื่อยกขึ้นเป็นต้นแบบ คล้าย ๆ กับหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบเช่นกัน ปีนี้ของจังหวัดกาญจนบุรีนั้น ได้เสนอวัดปรังกาสีของอำเภอทองผาภูมิ และวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) ของอำเภอเมือง ขึ้นเป็นวัดต้นแบบในครั้งนี้

    กระผม/อาตมภาพในฐานะรองประธานคณะกรรมการโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุขด้วยหลัก ๕ ส. ของวัดปรังกาสี จึงต้องมาร่วมงานทั้งในฐานะรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ และในฐานะรองประธานคณะกรรมการโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. อีกด้วย ซึ่งประธานที่มาตรวจในครั้งนี้ของหนกลางก็คือ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี โดยคณะกรรมการที่มานั้นมีทั้งฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และฝ่ายมหานิกายรวมกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วยกันทั้งนั้น

    เมื่อเข้าไปถึงศาลานิทรรศการ ปรากฏว่าหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ท่านได้ระดมคนมาจัดนิทรรศการไว้อย่างสวยงาม และตอบโจทย์ทั้ง ๕ หมวดของโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. อย่างครบถ้วน ดังนั้น..จึงไม่มีอะไรที่น่าห่วง

    กระผม/อาตมภาพร่วมงานจนถึง ๑๐ โมงก็ขอตัวออกมาวิ่งลงไปยังวัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) เพื่อไปดูความเรียบร้อยให้กับพระครูบ่าว - พระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม ป.ธ. ๓) เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม แต่ว่าวิ่งไปไม่ถึง ต้องแวะสถานบริการน้ำมันเพื่อเข้าส้วมเสียก่อน เนื่องเพราะว่ามาลาเรียลงกระเพาะ ถ่ายเสียจนแทบจะไม่มีแรงเดิน ต้องฉันยาแล้วกลับขึ้นรถมา วิ่งต่อไปจนกระทั่งถึงที่หมาย

    ปรากฏว่าเมื่อเห็นความอลังการงานสร้างที่วัดปรังกาสีมาแล้ว ทางวัดราษฎร์ประชุมชนารามจึงดูจืดไปหน่อย กระผม/อาตมภาพยังปรารภกับพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ ซึ่งมาร่วมงานในฐานะผู้บังคับบัญชาเจ้าของพื้นที่ว่า "ถ้าเราตรวจประเมินที่วัดราษฎร์ประชุมชนารามก่อน แล้วไปจบที่วัดปรังกาสีก็จะหรูหรามาก แต่เนื่องจากว่าเราไปตรวจจากที่ไกลมาที่ใกล้ จึงทำให้รู้สึกว่าจืดไปหน่อยหนึ่ง"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ครั้นทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาเริ่มงานตรวจประเมินแล้ว กระผม/อาตมภาพที่นอกจากเคยเป็นอดีตพระวัดราษฎร์ประชุมชนารามแล้ว ก็แทบจะไม่มีส่วนร่วมในจุดไหนเลย จึงขออนุญาตลาทุกคน เพื่อที่จะเดินทางไปเยี่ยมหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งท่านป่วยด้วยโรคถุงลมปอดโป่งพอง เข้าห้องไอซียูไปนาน

    ตอนนี้ได้ยินว่าออกมาอยู่ห้องพิเศษแล้ว ซึ่งหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอท่านให้ข้อมูลว่า "อยู่ที่ชั้น ๓ ของตึก ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา"

    เมื่อไปถึง
    ที่ชั้น ๓ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีพระภิกษุรูปนี้อยู่ ขอให้กลับไปดูที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินกึ่งวิกฤตที่ท่านเคยอยู่ เมื่อลงไปถึง ทางด้านนั้นก็บอกว่าท่านออกไปแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางว่าไปอยู่ที่ไหน ท้ายที่สุดก็ได้ข้อมูลว่า ท่านไปอยู่ห้องพิเศษหมายเลข ๒๑๐ ของชั้น ๒ ตึก ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกนี่เอง

    แปลว่ากระผม/อาตมภาพวิ่งเลยขึ้นไปชั้น ๓ แล้วย้อนลงมาห้องฉุกเฉินกึ่งวิกฤตที่ชั้น ๑ จากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปชั้น ๒ รู้สึกว่าวันนี้แม้จะป่วยจนหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ว่าก็ยังได้เดินออกกำลังไปอีกตั้งมากตั้งมาย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ต้องการเช่นนั้นเลย..!

    ครั้นเข้าไปถึง ปรากฏว่าหลวงพ่อรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ท่านดีใจจนกระทั่งวางมือวางไม้ไม่ถูก เนื่องเพราะว่าป่วยมานาน ช่วงก่อนก็อยู่ในห้องไอซียู ถัดมาก็อยู่ในห้องฉุกเฉินกึ่งวิกฤต จึงไม่มีใครมาเยี่ยมมาเยือน นอกจากกระผม/อาตมภาพที่บุกห้องฉุกเฉินกึ่งวิกฤต ไปเยี่ยมมารอบหนึ่ง วันนี้มาอยู่ห้องพิเศษแล้ว สามารถที่จะเข้าเยี่ยมได้ตลอดเวลา จึงได้ถวายปัจจัยช่วยค่ารักษาพยาบาลท่านไป ๑๐,๐๐๐ บาท
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    พร้อมกับเรียนท่านว่า "จะแฮ็ปปี้เบิร์ธเดย์ก็เกรงใจ" เนื่องเพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดครบ ๗๙ ปีของท่านพอดี แต่ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะแบบนี้ก็แปลว่า อีกไม่กี่วันท่านคงจะกลับไปรักษาตัวทางอำเภอทองผาภูมิได้แล้ว

    กระผม/อาตมภาพดูแล้วว่าอาการของท่านดีขึ้นมาก แต่ว่าไม่ทราบว่าถ้ากลับขึ้นไปทางทองผาภูมิแล้ว เจออากาศเปลี่ยนแรง ๆ คนแก่อายุ ๗๙ ปีจะทนไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

    โดยเฉพาะท่านก็ฝากผีฝากไข้กับกระผม/อาตมภาพมาหลายปีแล้วว่า "ถ้าผมตายเมื่อไร ช่วยเผาศพให้ด้วย" กระผม/อาตมภาพยังชอบใจว่า หลวงพ่อรองเจ้าคณะอำเภอ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท และเป็นผู้ที่ไม่หวั่นเกรงความตาย ถึงเวลาสามารถฝากให้เผาผีกันได้แบบหน้าตาเฉย กำลังใจลักษณะแบบนี้ต้องบอกว่า สมกับเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส

    จึงได้สั่งความให้กับสามเณรที่เฝ้าอยู่ว่า "ดูแลหลวงพ่อไว้ให้ดี กระผมเองดูแลทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งหลวงปู่หลวงพ่อมาหลายต่อหลายรูปหลายท่าน มั่นใจว่ากุศลผลบุญนี้ ถ้าตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องมีคนช่วยดูแลอย่างแน่นอน พวกท่านก็เร่งสร้างกุศลผลบุญให้มากเข้าไว้ ถึงเวลาถ้าเราเป็นอะไรไป กุศลนี้มาช่วย เราก็จะได้มีคนดูแลเช่นกัน"

    หลังจากนั้นก็ได้ลาท่าน เพื่อเดินทางไปยังวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าจะได้ทำหน้าที่ประธานในการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...