เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 มีนาคม 2025 at 17:27.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,049
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,680
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 21.jpg
      21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316 KB
      เปิดดู:
      8
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,049
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,680
    ค่าพลัง:
    +26,542
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่โรงแรม DEL Style Osaka - Shin Umeda ในเขตฟูกุชิมะ เมืองโอซากา อยู่ที่ ๗ องศาเซลเซียส

    วันนี้พวกเรานัดพบกันตอน ๖ โมงเช้า ลงมาเช็คเอาท์กับเครื่องซึ่งรับหน้าที่แทนคนได้ทั้งหมด แล้วฝากกระเป๋าใบใหญ่เอาไว้ที่โรงแรม โดยมีบริษัทรับขนส่งไปที่สนามบินให้กับพวกเรา จากนั้นก็เดินไปยังสถานีรถไฟกลางโอซากา เพื่อที่จะนั่งรถไฟไปยังสถานีชินโอซากา ปรากฏว่ารถไฟมารออยู่อีกแล้ว..!

    พวกเราขึ้นไปนั่งก้นยังไม่ทันร้อน ประมาณ ๔ นาทีก็มาถึงสถานีชินโอซากา สิ่งแรกที่ทำก็คือเดินหาล็อคเกอร์เพื่อฝากกระเป๋า ซึ่งนับว่าเป็นความสะดวกอย่างมาก เนื่องเพราะว่ามีปัญญาก็ยัดของเข้าไปให้เต็มล็อคเกอร์ คิดวันละ ๗๐๐ เยนเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะได้รับใบฝากมา แต่ส่วนสำคัญก็คือบัตร IC ซึ่งเขาหักเงินเรา เขาจะจำรหัสบัตรเอาไว้ด้วย ถ้าหากว่าใช้บัตรคนอื่นก็ไม่สามารถที่จะเปิดล็อคเกอร์ได้

    หลังจากนั้น พวกเราก็ไปกดดันเจ้าของร้านข้าวกล่องให้ทำการจำหน่ายอาหารแต่เช้า ซึ่งเป็นอาหารกล่องแบบเย็น กระผม/อาตมภาพได้ข้าวหน้าปลาไหลมาจากหมอโส (นายโสภณ ศิริปุณย์) ซึ่งรสชาติอร่อยมาก ทั้ง ๆ ที่ฉันเย็น ๆ อย่างนั้นแหละ..!

    เมื่อฉันเสร็จเรียบร้อย เข้าห้องน้ำกันแล้ว พวกเราก็ไปขึ้นรถไฟด่วนชินคังเซน เที่ยว ๐๗.๒๓ น. ตรงไปยังเมืองฮิโรชิมา ซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์ โดนระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ การขึ้นรถไฟด่วนนั้น คุณเผือกน้อย (นายเฉลิมเดช รุจิราวรรณ) เจ้าของทัวร์ครั้งนี้ ได้ทำการจองที่นั่งพิเศษเอาไว้แล้ว จึงได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ยังไม่ถึงชั่วโมงครึ่งดี เราก็มาถึงเมืองฮิโรชิมา จุดหมายปลายทางของวันนี้แล้ว

    อากาศทางด้านนี้อยู่ที่ ๙ องศาเซลเซียส แดดจัดจ้าดีมาก พวกเราเข้าห้องน้ำกันแล้ว ใครที่เงินไม่พอก็เติมเงินเสียก่อน แล้วมานั่งรถรางตรงไปยังสวนสันติภาพ ซึ่งเป็นสวนที่มีอาคารโดมอยู่หลังหนึ่งที่ค่อนข้างจะหัวดื้อ ก็คือโดนระเบิดปรมาณูแล้วไม่ยอมพังลงทั้งหมด ทางประเทศญี่ปุ่นจึงได้จัดการอนุรักษ์เอาไว้ และสร้างเป็นสวนสาธารณะ

    เหลือเชื่อตรงที่ว่าเรามาเช้าขนาดนี้แล้ว ยังมีผู้คนเป็นจำนวนมาก มารำลึกถึงบรรดาผู้ที่เสียชีวิตจากการโดนระเบิดปรมาณูในครั้งนั้น ซึ่งกระผม/อาตมภาพที่ได้อ่านเรื่อง "คู่กรรม" จากคุณทมยันตีมาตั้งแต่เด็ก จำวันที่ได้แม่นยำว่าเป็นวันที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,049
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,680
    ค่าพลัง:
    +26,542
    พวกเราน้อมจิตระลึกถึงบรรดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นก็เดินวนดูรอบสวนสันติภาพ ซึ่งมีทั้งอนุสาวรีย์ของเด็กหญิงซาดาโกะ ซึ่งถ้าใครเป็นคอนิยายเรื่อง "ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว" ก็จะรู้ถึงเด็กน้อยคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์จนป่วยเป็นโรคมะเร็ง แล้วพยายามที่จะพับนกกระเรียนให้ได้ครบ ๑,๐๐๐ ตัว เพื่อขอพรให้หายป่วย จนกระทั่งเป็นที่ประทับใจอย่างยิ่ง ทางราชการต้องสร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ แล้วพวกเราก็ยังเดินเลาะไปจนถึงจุดบริเวณที่เขาเอาไว้สักการะผู้เสียชีวิต ซึ่งจะต้องผ่านตะเกียงสันติภาพดวงมหึมา ที่จุดไฟเอาไว้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อไม่ให้โลกนี้มืดมิดไปด้วยสงคราม..!

    เมื่อร่วมสักการะผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พวกเราก็เดินวนอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนั้น ซึ่งบรรดาต้นซากุระนั้นมีแต่ดอกตูมกำลังรอบานอยู่ พวกเราตั้งความหวังเอาไว้ว่า ถ้าเดินทางจากที่นี่ต่อไปยังเมืองโอกายามะ ซึ่งอยู่ใต้ลงไปอีกหลายร้อยกิโลเมตรน่าจะมีดอกซากุระบานแล้ว เดินวนกันรอบแม่น้ำซึ่งแต่ละสายของญี่ปุ่นนั้นสะอาดจนเหลือเชื่อ ก็คือมองเห็นกรวดเห็นทรายใต้ท้องน้ำได้เลย

    พวกเราวนจนครบรอบแล้ว ก็เดินตามจีพีเอสไปหาร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านอาหารลับเฉพาะ ที่บอกว่ารสชาติอร่อยสุด ๆ เดินกันจนรู้สึกว่าไกลพอที่จะกลับเมืองไทยแล้ว ก็มาอยู่ที่หน้าร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกคนก็ลังเลเป็นอันมากว่าเขาไม่เปิดร้านหรืออย่างไร ? ปรากฏว่าเรามาถึงก่อน ๑๐ โมงเช้าไม่กี่นาที ทางร้านเปิดตอน ๑๐ โมงตรงเป๊ะ..!

    พวกเราเป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าไปสั่งอาหาร ซึ่งเน้นไปทางเนื้อล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กหมูหรือว่าสเต๊กเนื้อวัว แต่ละจานที่ทำออกมานั้นจานใหญ่จานโตน่ากินมาก ๆ แถมยังรสชาติอร่อยสมกับเป็นร้านลับที่บอกต่อกัน ไม่เช่นนั้นร้านคุณถ้าฝีมือไม่ดีจริง อยู่ในซอยขนาดนี้น่าจะหาลูกค้าไม่ได้ ในระหว่างที่พวกเรากำลังรับประทานอาหารกันอยู่ ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ กลายเป็นกดดันให้พวกเราต้องรีบอิ่มแล้วออกมายืนรอข้างนอก ต้องบอกว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่กินมาในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว..!

    จากนั้นพวกเราก็นั่งรถรางกลับไปยังสถานีรถไฟฮิโรชิมา ขึ้นรถไฟชินคังเซนตรงไปยังเมืองโอกายามะ ซึ่งจะว่าไปแล้ว รถไฟชินคังเซนนั้นเป็นรถที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดแล้วในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากว่าเที่ยวนี้เราไม่ได้จองตั๋วพิเศษเอาไว้ จึงต้องแออัดยัดเยียดกันอยู่ในสองตู้แรก ซึ่งคนแน่นมาก แต่ว่าทิดโฮป (นายกฤตบุญ ปัญจรัตนากร) อาศัยความสามารถพิเศษเฉพาะตัว หย่อนก้นลงนั่งได้ รอจนกระผม/อาตมภาพมาถึงก็ทำการเปลี่ยนที่นั่งให้ ต้องยกให้เป็นความสามารถที่หาคนเปรียบได้ยาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,049
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,680
    ค่าพลัง:
    +26,542
    เมื่อมาถึงสถานีรถไฟโอกายามะแล้ว พวกเราก็ทำการเติมเงินใส่บัตรเพิ่มเติม เพราะว่าต้องนั่งรถรางไป และเป็นรถรางสำหรับ "ทาสแมว" โดยเฉพาะ เนื่องเพราะนอกจากมีรูปแมวอยู่ทั้งหน้ารถ หลังรถ และในรถแล้ว แม้กระทั่งเสียงแตรก็ยังเป็นเสียงแมวอีกต่างหาก..!

    พวกเราลงรถแล้วลงใต้ดินมุดไปอีกฝั่งหนึ่ง ตรงไปยังสวนที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นคือสวนโครักกูเอ็น ด้วยความหวังว่าจะมาชมดอกซากุระบานที่นี่ แต่ว่าหลังจากที่เดินข้ามแม่น้ำไปและซื้อตั๋วเข้าชม โดยที่กระผม/อาตมภาพและป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ได้ใช้สิทธิ์ผู้สูงอายุ เข้าไปข้างในแล้วต้องผิดหวังมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วแห้งแล้งกรอบเกรียมไปหมด เพราะว่าเพิ่งผ่านฤดูหนาวมาหมาด ๆ บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนกกระยาง นกกระสา นกเป็ดน้ำ ก็ไม่ได้กลัวคนเลย แถมยังมีปลาคาร์ฟฝูงใหญ่ ว่ายวนเวียนมารอรับอาหารอยู่ด้วย

    พวกเราเดินวนจนครบรอบแล้ว ก็มาเห็นต้นเหมยและต้นท้อบานสะพรั่งอยู่ใกล้ทางออก แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นดอกซากุระบานสมกับชื่อทริปที่ตั้งเอาไว้ แต่เนื่องจากว่าไม่ใช่ไฮไลท์ของงานนี้ เนื่องเพราะว่าในความรู้สึกของทุกคนนั้น ไฮไลท์ของงานนี้ก็คือการลุยหิมะหน้าร้อนที่ภูเขาโคยะซังมากกว่า..!

    เมื่อพวกเราถ่ายรูปกับดอกเหมยและดอกท้อกันจนกระทั่งหายเหนื่อยแล้ว ยังอุตส่าห์ลุ้นเต็มสตรีมด้วยการข้ามแม่น้ำกลับไปยังฝั่งปราสาทอีกา หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าปราสาทโอกายามะ หวังว่าจะไปเดินชมดอกซากุระบาน ข้างแม่น้ำอาซาฮีหลังตัวปราสาท แต่เมื่อเดินไปถึงแล้ว ทุกต้นมีแต่กิ่งก้านเปล่า ๆ มีรอยปริตูมออกมาเล็ก ๆ เท่านั้น คาดว่าอย่างน้อยอีกเดือนหนึ่งเต็ม ๆ ดอกซากุระถึงจะบานสะพรั่งอย่างที่พวกเราเห็นในรูปโฆษณา ถึงขนาดแซวกันว่าให้หม่อมเยี่ยม (ม.ล.พิชวัฒน์ จักรพันธุ์) ใช้ ChatGPT เติมดอกซากุระใส่กิ่งเปล่า ๆ เหล่านี้แทนก็แล้วกัน..!

    หลังจากรับประทาน "แห้ว" จนเต็มพุงทั้งคณะแล้ว พวกเราก็นั่งรถรางกลับมายังสถานีรถไฟโอกายามะ คุณเผือกน้อยผู้เชี่ยวชาญในการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น เข็ดจากการที่ต้องยืนเบียดกันตอนขามา จึงจัดการไปจองที่นั่งพิเศษให้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเสียด้วย และที่สะดวกกว่านั้นก็คือสามารถจองทั้งเที่ยวกลับไปยังสถานีชินโอกาซา และเที่ยวที่เดินทางต่อไปยังสนามบินนานาชาติคันไซอีกด้วย

    พวกเราจึงนั่งรถไฟด่วนชิงคังเซนมายังสถานีชินโอซากาอย่างมีความสุข แล้วก็มารับกระเป๋าจากล็อคเกอร์ ปรากฏว่าเจ้าล็อคเกอร์นั้นฉลาดกว่าที่เราคิด แค่เอาบัตร IC ของแต่ละคนไปแปะ ก็จัดการเปิดล็อคเกอร์ให้เลย ไม่นึกว่าระบบของเขาจะง่ายขนาดนี้ คิดว่าต้องกรอกรหัสตามหน้าบัตรที่ฝากเอาไว้เสียอีก

    เมื่อทุกคนเข้าห้องน้ำ หาน้ำดื่มกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มาขึ้นรถไฟเพื่อตรงไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ กระผม/อาตมภาพอาศัยเวลาที่มีอยู่ ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน แต่ผู้จัดการถอดเสียงลงไปในเว็บไซต์วัดท่าขนุน จะมีเวลาทำงานหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...