เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 ธันวาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,808
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,808
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มหาเถรสมาคมมีมติให้แต่งตั้งพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จะว่าไปแล้วก็เป็นตำแหน่งที่ใหญ่โตมาก แต่กระผม/อาตมภาพขอลดลงมาเอง เพราะว่าในเบื้องต้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านจะให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ นั่นก็ใหญ่เกิน..เดี๋ยวชีวิตจะอยู่ยาก..!

    สำหรับวันนี้เรามีพระเถระมาพักอยู่ด้วย ก็คือหลวงพ่อพระมหาเจริญ จิรวุฑฺโฒ ป.ธ. ๘ เจ้าคณะอำเภอบ้านบึง เจ้าอาวาสวัดพยอม จังหวัดชลบุรี ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน ซึ่งจะมีการประชุมองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ ๒ ของปี

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระผู้ใหญ่เจ้าคณะปกครองท่านชื่นชมกันมาก เพราะว่ามาถึงปัจจุบันนี้ มีการอบรมพระอุปัชฌาย์ไปแล้ว ๕๐ กว่ารุ่น ถ้าหากว่าไม่ได้ติดในส่วนของช่วงเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ก็น่าจะไปถึง ๕๘ หรือ ๕๙ รุ่นแล้ว แต่มาถึงปัจจุบันนี้ยังมีแค่ ๕๖ รุ่น มีรุ่นที่ ๕๑ ที่กระผม/อาตมภาพเป็นประธานรุ่นมา ๓ สมัยแล้ว ที่สามารถจัดตั้งเป็นองค์กรแล้วมีกิจกรรมต่อเนื่องกันทุกปี รุ่นอื่นเขาอยากจะเลียนแบบบ้าง แต่ตั้งขึ้นมาแล้วไม่มีกิจกรรมใด ๆ ลอยอยู่เฉย ๆ..!

    รุ่นที่ ๕๑ ของเราจะมีการประชุมสามัญปีละ ๒ ครั้ง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ครั้งแรกของปี ๒๕๖๗ ประชุมที่วัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) จังหวัดระยอง โดยมีหลวงพ่อเจ้าคุณเชาวลิตร - พระวชิรปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) เป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ ๒ คือครั้งนี้ วัดท่าขนุนเป็นเจ้าภาพ

    แล้วเรายังมีกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ปีละ ๑ ครั้ง ก็คือรวบรวมปัจจัยกันทำในสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ อย่างครั้งที่แล้วก็ช่วยกันสร้างเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลระยอง มีการช่วยเหลือกันในกลุ่มพระอุปัชฌาย์ อย่างเช่นว่าวัดไหนโดนน้ำท่วม ไฟไหม้ ก็ไปช่วยเหลือกัน หรือว่ามรณภาพ ก็ไปช่วยเป็นเจ้าภาพงานศพให้ หรือว่าพ่อแม่ของพระอุปัชฌาย์เสียชีวิต ก็ไปร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพให้ เหล่านี้เป็นต้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,808
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ทุกท่านต้องไม่ลืมว่า พระอุปัชฌาย์คือพ่อผู้ให้กำเนิดพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา เขามีกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ว่า ถ้าจะเรียก "หลวงพ่อ" ก็คืออย่างน้อยต้องเป็นพระมหาเถระ ๒๐ พรรษาขึ้นไปประการหนึ่ง ส่วนที่เรียก "หลวงพ่อ" ได้เต็มปากเต็มคำก็คือเป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะว่าเป็นพ่อของพระภิกษุสามเณรที่ท่านบวชจริง ๆ อีกประการหนึ่ง ในส่วนอื่นถ้าเรียกว่า "หลวงพ่อ" ก็ประดักประเดิด เนื่องเพราะว่าไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดพระภิกษุสามเณร

    แต่คราวนี้ในทางโลกนั้น การให้กำเนิดนั้นไม่ยาก การเลี้ยงดูให้ดีกลับเป็นเรื่องยาก ในทางธรรมนั้น การให้การบรรพชาอุปสมบทก็ไม่ใช่เรื่องยาก ยากตรงที่ว่าทำอย่างไรเราจะควบคุมพระภิกษุสามเณรของเราให้อยู่ในกรอบของศีลของธรรมได้ ? จะได้ไม่ไปปีนเสา ไม่ไปขู่วางมวยกับผู้ตื่นธรรม เหล่านี้เป็นต้น

    ถ้าไปนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ สมัยนั้นถ้าหากว่าท่านบวชให้ใครแล้วออกนอกลู่นอกทาง ท่านจับสึกหมด..! สามเณรขาดทำวัตรครั้งแรกให้อภัย ครั้งที่ ๒ ภาคทัณฑ์ ครั้งที่ ๓ ท่านสั่งเลย "เณร..ไปเอาเสื้อผ้ามา สึกวันนี้เลย..!" เคยมีพระลูกศิษย์ของท่านหนีไปอยู่ถึงจังหวัดอ่างทอง ซึ่งสมัยนั้นการเดินทางไม่ใช่ใกล้ ๆ หลวงปู่ท่านก็ตามไปสึกลูกศิษย์ท่านที่จังหวัดอ่างทอง..! พูดง่าย ๆ ว่า
    ถ้าทำผิดจะไม่เก็บเอาให้มัวหมองต่อพระพุทธศาสนา

    อย่างวันนี้มีเพื่อนฝูงส่งคลิปมา มีหลวงตาสิ้นคิดฝากถึงหลวงพี่น้ำฝน ก็คือพระสินทรัพย์ จรณธมฺโม ฝากถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หัวหน้าพระวินยาธิการคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ว่า ท่านปีนเสาจะต้องสึกตามกฎหมาย เพราะเป็นพระเร่ร่อนไม่มีสังกัด หลวงตาท่านบอกว่าให้มองในมุมที่ว่า ไม่ใช่ว่าท่านไม่อยากสังกัด แต่ท่านหาสังกัดไม่ได้ ก็เลยขอร้องให้หลวงพี่น้ำฝนรับเข้าสังกัดวัดไผ่ล้อมก่อน
    กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่า "ทำไมหลวงตาไม่รับเข้าวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ไปเลย ?" ท่านบอกว่า "ถ้าหากว่าเขาฝืนคำสั่งเจ้าอาวาส คราวนี้ความผิดชัดเจน แล้วค่อยจับสึก"

    เสียดายกระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่อย่างนั้นอยากจะบอกกับท่านว่า "ไอ้ท่านปีนเสาฝืนคำสั่งเจ้าอาวาสมา ๕ วัดแล้ว เขาถึงได้ขับออกจากสังกัด..!" ไล่ตั้งแต่วัดปุรณาวาส วัดตะล่อม วัดไทรม้า ไปโน่น...วัดโพทะเล จังหวัดพิจิตร ล่าสุดก็มาวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ไม่ได้สักที่เพราะว่าไม่ฟังเจ้าอาวาส บางทีหลวงตาท่านก็ได้ข่าวไม่ครบถ้วน

    ในเมื่อรับข่าวด้านเดียวแต่มีความเมตตาอยากจะช่วยเหลือ กระผม/อาตมภาพก็เห็นว่าท่านเป็นผู้มีความเมตตา เพราะฉะนั้น..ก็รับเข้าวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ไปเลย ถ้าหากว่าท่านทำผิดแล้วค่อยไปสึกหาลาเพศกัน แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าหลวงตาท่านจะเห็นตามที่กระผม/อาตมภาพถวายคำแนะนำนี้หรือเปล่า ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,808
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ในเรื่องของคณะสงฆ์เรา อันดับแรกเลย..พระอุปัชฌาย์ อันดับที่ ๒ เจ้าอาวาส อันดับที่ ๓ พระอาจารย์คู่สวด ถ้า ๓ อันดับนี้เข้มงวดกวดขัน พระเณรออกนอกคอกได้ยากมาก เพราะว่าพระอุปัชฌาย์มีหน้าที่ดูแลสอดส่องสัทธิวิหาริกที่ตนเองบวชให้ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือว่าสามเณร

    เจ้าอาวาสมีหน้าที่รับคนเข้า เอาคนออก ดูแลกิจการงานพุทธศาสนาทุกอย่างภายในวัดให้เป็นไปด้วยดี อำนวยความสะดวกในการทำบุญแก่ญาติโยมตามสมควร

    ส่วนคู่สวด หรือว่าพระอาจารย์พี่เลี้ยง ท่านเป็นอาจารย์ที่ต้องคอยถวายคำแนะนำแก่พระใหม่โดยตรง ๓ รายนี้ ถ้าหากว่าทำหน้าที่ตนเองอย่างเข้มแข็ง โอกาสที่พระภิกษุสามเณรของเราจะนอกคอกนอกทุ่งนอกท่านั้นยากมาก


    อย่างของวัดท่าขนุนของเรา ถ้าหากว่าทำผิดก็คือสึก แต่ก็มีพวกที่หนีไปที่อื่น เราก็ไม่ว่ากัน แต่ว่าขึ้นบัญชีดำแล้วแจ้งทางคณะสงฆ์เอาไว้ โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพตั้งแต่ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดทองผาภูมิ ก็ขอมติในที่ประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไว้แล้วว่า "ถ้าหากว่ามีพระภิกษุสามเณรโดนเจ้าอาวาสขับไล่ออกจากวัด หรือว่าโดนเจ้าสำนักขับไล่ออกจากสำนักสงฆ์ แห่งใดแห่งหนึ่งในอำเภอทองผาภูมินี้ วัดและสำนักสงฆ์อื่นห้ามรับเข้าสังกัด"

    พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าไม่สึกก็ไปหาที่อยู่ใหม่นอกอำเภอไปเลย ซึ่งทางคณะสงฆ์มีมติรับรองการปฏิบัติตามนี้ ตอนนั้นยังมีอยู่แค่ ๕๑ วัดกับ ๑๙ สำนักสงฆ์ ปัจจุบันนี้มี ๕๓ วัดกับ ๒๓ สำนักสงฆ์ ส่วนที่เกิดใหม่น่าจะยังไม่ทราบถึงมตินี้ จึงมาทบทวนให้ทุกคนฟังกันตรงนี้อีกครั้ง

    เมื่อคืนนี้ในรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ท่านบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติปรารภว่า ท่านต้องการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง มีหน้าที่ชี้แจงเหตุผลผิดถูก ในเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพระธรรมวินัยและพระพุทธศาสนาต่อสังคมของเรา แต่อยากให้ชี้แจงในนามของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง ก็คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

    ขอยืนยันว่าพูดไม่ผิดนะ มหามกุฏราชวิทยาลัย (มะ-หา-มะ-กุด-ตะ-ราด-ชะ-วิด-ทะ-ยา-ลัย) ออกเสียงอย่างนี้เลย เพราะว่าเป็นพระราชหัตถเลขา ใช้ ฏ.ปฏัก สะกด ปกติคำว่า "มกุฎ" ในปัจจุบันนี้ใช้ ฎ.ชฎา สะกด
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,808
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    ท่านบอกว่าให้คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติเข้ามาเป็นคณะกรรมการ ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น ให้คณะกรรมการกลุ่มนี้มีหน้าที่ชี้แจงต่อสังคมและโซเชียลต่าง ๆ อย่างเช่นหลวงพ่อพระครูที่อยู่จังหวัดกาญจนบุรี ท่านเก่งด้านวิปัสสนาธุระ ก็ให้ท่านรับผิดชอบเรื่องการปฏิบัติไป

    แล้วก็มีบุคคลเขาบอกว่า "หลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมอยู่ในรายการนี้ด้วยครับ..!" เล่นเอาท่านรองฯ บุญเชิดสะดุ้งเฮือก ถามว่า "ท่านอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยหรือ ?" พิธีกรบอกว่า "ท่านเป็นขาประจำครับ" ก็คืออาตมภาพเข้าร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมตั้งแต่ปีแรก ๆ อาทิตย์ละครั้ง แต่ละครั้งจะได้รับวุฒิบัตรผ่านการปฏิบัติธรรมครั้งละ ๓ ชั่วโมงทุกวันอาทิตย์ ปัจจุบันนี้ก็มีวุฒิบัตรอยู่ ๕๐๐ กว่าใบแล้ว..! เดาเอาก็แล้วกันว่าอยู่มานานเท่าไร ?

    เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่ดีมาก เพียงแต่ว่าในปัจจุบันของเรา บุคคลที่เคยชี้แจงต่อสังคมในด้านต่าง ๆ เท่าที่เห็นอยู่ก็มี พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ ๙) วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม ตอนที่ท่านยังแข็งแรงกว่านี้ ก็มีการชี้แจงต่อสังคมและออกเป็นหนังสืออีกด้วย ตอนนี้สุขภาพท่านไม่ไหวแล้ว

    แล้วก็ยังมีท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสาร - พระเทพวัชรสารบัณฑิต, รศ., ดร. (ประสาร จนฺทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ท่านก็แบกภาระเต็มตัว จนเขาเรียกกันว่า "อธิการบดีน้อย" โอกาสที่จะชี้แจงต่อสังคมเหมือนสมัยก่อนก็น้อยลงไปทุกที แล้วศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยก็โดนยุบไป เพราะท่านเห็นว่าไม่จำเป็นแล้ว เพิ่งจะยุบไปไม่นาน เรื่องต่าง ๆ ก็ประเดประดังกันมาอย่างที่ทุกท่านเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้..!

    ถ้าหากว่าท่านรองฯ บุญเชิดปรารภเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็คาดว่าจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว แล้วเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนก็คงไม่แคล้วจะต้องเป็น ๑ ในคณะกรรมการชุดนี้ เพราะว่าผู้บริหารในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นท่านอินทพร จั่นเอี่ยม ตัวผู้อำนวยการใหญ่ก็ดี ท่านสหัส บรรจงเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธมณฑล แล้วยังมีท่านธีรเดช จันทรัตน์ เลขานุการกรม พูดง่าย ๆ ว่าในระดับผู้
    ผู้บริหารในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คุ้นเคยกันเกือบทั้งนั้น ถ้าหากว่าปรารภไป ท่านก็คงจะอนุมัติในเวลาอันรวดเร็ว ก็แปลว่างานจะเพิ่มขึ้นมาอีก..!

    แต่เรื่องพวกนี้ยังมาไม่ถึงก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่ากระผม/อาตมภาพทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว เวลามีเรื่องเกิดขึ้นในวงการสงฆ์ พวกท่านทั้งหลายตั้งประเด็นขึ้นมา กระผม/อาตมภาพก็ออกมาชี้แจงจนโดน "ทัวร์ลง" ไปหลายวาระแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร เพราะวัดท่าขนุนมีหน้าวัดกว้างขวาง อนุญาตให้ "ทัวร์ลง" มาจอดได้บ่อย ๆ..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...