1. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    ที่มาของ ''ธรรมทานชนะทานทั้งปวง''จากโอษฐ์พระพุทธเจ้า

    ที่มาของ ''ธรรมทานย่อมชนะทานทั้งปวง'' จากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า
    ผู้ตั้งคำถามนี้ คือ เทวดาจากหมื่นจักรวาล ตั้งมา12ปีไม่มีใครตอบได้
    ผู้นำพาคำถามนี้มาถามพระพุทธเจ้า คือ พระอินทร์ หรือท้าวสักกะ

    ท่านจะรู้ว่าเหตุผลใดและอานิสงค์ใดที่ทำให้ธรรมทานชนะทานทั้งปวง

    และเรายังรู้อีก3ธรรมบท คือรสอะไรชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีอะไรชนะการยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหาประเสริฐสุดเพราะอะไร

    เมื่อท่านอ่านจบท่านจะเป็นบุคคลหนึ่งที่อยากทำทานประเภทธรรมทานมากก็ได้ครับ

    ดังบทสรุปดังนี้

    " ธรรมทาน ย่อมชนะทานทั้งปวง, รสแห่ง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ธรรม ย่อมชนะรสทั้งปวง, ความยินดีในธรรม<o:p></o:p>
    ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง, ความสิ้นไปแห่งตัณหา<o:p></o:p>
    ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."<o:p></o:p>

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 323
    <o:p></o:p>
    ๑๐. เรื่องท้าวสักกเทวราช [๒๔๙]<o:p></o:p>
    ข้อความเบื้องต้น<o:p></o:p>
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภท้าวสักก-<o:p></o:p>
    เทวราช ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " สพฺพทานํ " เป็นต้น.<o:p></o:p>
    ปัญหา ๔ ข้อของเทวดา<o:p></o:p>
    ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง เทพดาในดาวดึงสเทวโลกประชุม<o:p></o:p>
    กันแล้ว ตั้งปัญหาขึ้น ๔ ข้อว่า " บรรดาทานทั้งหลาย ทานชนิดไหน<o:p></o:p>
    หนอแล ? บัณฑิตกล่าวว่าเยี่ยม, บรรดารสทั้งหลาย รสชนิดไหน ?<o:p></o:p>
    บัณฑิตกล่าวว่ายอด, บรรดาความยินดีทั้งหลาย ความยินดีชนิดไหน ?<o:p></o:p>
    บัณฑิตกล่าวว่าเลิศ, ความสิ้นไปแห่งตัณหาแล บัณฑิตกล่าวว่าประเสริฐ<o:p></o:p>
    ที่สุด เพราะเหตุไร ? แม้เทพดาองค์หนึ่ง ก็มิสามารถจะวินิจฉัยปัญหา<o:p></o:p>
    เหล่านั้นได้. ก็เทพดาองค์หนึ่ง ถามกะเทพดาองค์หนึ่ง, แม้เทพดาองค์นั้น<o:p></o:p>
    ก็ถามเทพดาองค์อื่นอีก, ก็เทพดาทั้งหลาย ถามกันและกันอย่างนั้น ด้วย<o:p></o:p>
    อาการอย่างนั้น ได้ท่องเที่ยวไปในหมื่นจักรวาลถึง ๑๒ ปี.<o:p></o:p>
    เทวดาพากันไปถามปัญหาท้าวมหาราชทั้ง ๔<o:p></o:p>
    เทวดาในหมื่นจักรวาล ไม่เห็นเนื้อความแห่งปัญญาโดยกาลแม้มี<o:p></o:p>
    ประมาณเท่านี้ ประชุมกันแล้ว ไปยังสำนักของท้าวมหาราชทั้ง ๔, เมื่อ<o:p></o:p>
    ท้าวมหาราชกล่าวว่า " พ่อทั้งหลาย ทำไมจึงมีเทพสันนิบาตกันใหญ่ ?"<o:p></o:p>
    จึงกล่าวว่า " พวกผมตั้งปัญหาขึ้น ๔ ข้อแล้ว เมื่อไม่สามารถจะวินิจฉัยได้<o:p></o:p>
    จึงมายังสำนักของท่าน," เมื่อท้าวมหาราชกล่าวว่า "ชื่อปัญหาอะไรกัน ?<o:p></o:p>
    พ่อ " (จึงบอกเนื้อความนั้น) ว่า " พวกผมไม่สามารถวินิจฉัยปัญหา<o:p></o:p>
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 324<o:p></o:p>
    เหล่านี้ได้ คือ ' บรรดาทาน รส และความยินดี ทาน รส และความยินดี<o:p></o:p>
    ชนิดไหนหนอแล ประเสริฐสุด ? ความสิ้นไปแห่งตัณหาเทียว ประเสริฐ<o:p></o:p>
    สุด เพราะเหตุไร ?" จึงมาหา.<o:p></o:p>
    ท้าวมหาราชทั้ง ๘ กล่าวว่า " พ่อทั้งหลาย แม้พวกเราก็หารู้เนื้อ<o:p></o:p>
    ความแห่งปัญหาเหล่านี้ไม่; แต่พระราชาของพวกเรา ทรงดำริอรรถที่ชน<o:p></o:p>
    ตั้งพันคิดแล้ว ย่อมทรงทราบโดยขณะเดียวเท่านั้น, พระองค์ประเสริฐ<o:p></o:p>
    วิเศษกว่าพวกเราทั้งหลาย ทั้งทางปัญญาและทางบุญ, พวกเราจงไปยัง<o:p></o:p>
    สำนักของพระองค์เถิด" แล้วพาหมู่เทพดานั้นนั่นแลไปยังสำนักของท้าว-<o:p></o:p>
    สักกเทวราช, ถึงเมื่อท้าวสักกเทวราชนั้นตรัสว่า " พ่อทั้งหลาย ทำไม<o:p></o:p>
    จึงมีเทพสันนิบาตกันใหญ่ ? " ก็กราบทูลเนื้อความนั้น.<o:p></o:p>
    ท้าวสัu3585 .กะทรงพาพวกเทวดาไปเฝ้าพระศาสดา<o:p></o:p>
    ท้าวสักกะตรัสว่า " พ่อทั้งหลาย คนอื่นย่อมไม่สามารถรู้เนื้อความ<o:p></o:p>
    แห่งปัญหาเหล่านี้ได้, ปัญหาเหล่านั่น เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้า, แล้ว<o:p></o:p>
    ตรัสถามว่า " ก็เดี๋ยวนี้ พระศาสดาประทับอยู่ ณ ที่ไหน ?" ทรงสดับว่า<o:p></o:p>
    " ในพระเชตวันวิหาร" จึงตรัสว่า " พวกเธอมาเถิด, พวกเราจักไปยัง<o:p></o:p>
    สำนักของพระองค์" ทรงพร้อมด้วยหมู่เทพดา ให้พระเชตวันทั้งสิ้น<o:p></o:p>
    สว่างไสวในส่วนแห่งราตรี เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ประทับ<o:p></o:p>
    ยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง, เมื่อพระศาสดาตรัสว่า " มหาบพิตร ทำไม<o:p></o:p>
    พระองค์จึงเสด็จมาพร้อมกับหมู่เทพดามากมาย ?" จึงกราบทูลว่า "พระ-<o:p></o:p>
    เจ้าข้า หมู่เทพดาพากันตั้งปัญหาชื่อเหล่านี้, คนอื่นที่ชื่อว่าสามารถรู้เนื้อ<o:p></o:p>
    ความแห่งปัญหาเหล่านี้ได้ หามีไม่, ขอพระองค์ได้ทรงประกาศเนื้อความ<o:p></o:p>
    แห่งปัญหาเหล่านี้ แก่พวกข้าพระองค์เถิด."<o:p></o:p>
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 325<o:p></o:p>
    พระศาสดาทรงแก้ปัญหา<o:p></o:p>
    พระศาสดาตรัสว่า " ดีละ มหาบพิตร ตถาคตบำเพ็ญบารมี ๓๐<o:p></o:p>
    ทัศ บริจาคมหาบริจาค๑ แทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณแล้ว ก็เพื่อตัด<o:p></o:p>
    ความสงสัยของชนผู้เช่นพระองค์นี่แหละ, ขอพระองค์จงทรงสดับปัญหาที่<o:p></o:p>
    พระองค์ถามแล้วเถิด: บรรดาทานทุกชนิด ธรรมทานเป็นเยี่ยม, บรรดา<o:p></o:p>
    รสทุกชนิด รสแห่งพระธรรมเป็นยอด, บรรดาความยินดีทุกชนิด ความ<o:p></o:p>
    ยินดีในธรรมประเสริฐ, ส่วนความสิ้นไปแห่งตัณหาประเสริฐที่สุดแท้<o:p></o:p>
    เพราะความเป็นเหตุให้สัตว์บรรลุพระอรหัต" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถา<o:p></o:p>
    นี้ว่า :-<o:p></o:p>
    ๑๐. สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ<o:p></o:p>
    สพฺพํ รสํ ธมฺมรโส ชินาติ<o:p></o:p>
    สพฺพํ รตึ ธมฺมรตี ชินาติ<o:p></o:p>
    ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชนาติ.<o:p></o:p>
    " ธรรมทาน ย่อมชนะทานทั้งปวง, รสแห่ง<o:p></o:p>
    ธรรม ย่อมชนะรสทั้งปวง, ความยินดีในธรรม<o:p></o:p>
    ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง, ความสิ้นไปแห่งตัณหา<o:p></o:p>
    ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."<o:p></o:p>
    แก้อรรถ<o:p></o:p>
    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพทานํ เป็นต้น ความว่า ก็ถ้า<o:p></o:p>
    บุคคลถึงถวายไตรจีวรเช่นกับใบตองอ่อน แด่พระพุทธเจ้าพระปัจเจก-<o:p></o:p>
    พุทธเจ้าแล้วพระขีณาสพทั้งหลาย ผู้นั่งติด ๆ กัน ในห้องจักรวาลตลอด<o:p></o:p>
    . หมายถึงบริจาค ๕ คือ :- ๑. องฺคปริจฺจาค บริจาคอวัยวะ. ๒. ธนปริจาค บริจาค<o:p></o:p>
    ทรัพย์. ๓. ปุตฺตปริจฺจาค บริจาคบุตร. ๔. ทารปริจฺจาค บริจาคเมีย. ๕. ชีวิตปริจฺจาค<o:p></o:p>
    บริจาคชีวิต.<o:p></o:p>
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิu3585 .าย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 326<o:p></o:p>
    ถึงพรหมโลก. การอนุโมทนาเทียว ที่พระพุทธเจ้าเป็นต้นทรงทำด้วย<o:p></o:p>
    พระคาถา ๔ บาทในสมาคมนั้นประเสริฐ; ก็ทานนั้น หามีค่าถึงเสี้ยว<o:p></o:p>
    ที่ ๑๖ แห่งพระคาถานั้นไม่: การแสดงก็ดี การกล่าวสอนก็ดี การสดับ<o:p></o:p>
    ก็ดี ซึ่งธรรม เป็นของใหญ่ ด้วยประการฉะนี้. อนึ่ง บุคคลใดให้ทำ<o:p></o:p>
    การฟังธรรม, อานิสงส์เป็นอันมากก็ย่อมมีแก่บุคคลนั้นแท้. ธรรมทาน<o:p></o:p>
    นั่นแหละ ที่พระพุทธเจ้าเป็นต้นให้เป็นไปแล้ว แม้ด้วยอำนาจอนุโมทนา<o:p></o:p>
    โดยที่สุดด้วยพระคาถา ๔ บาท ประเสริฐที่สุดกว่าทานที่ทายกบรรจุบาตร<o:p></o:p>
    ให้เต็มด้วยบิณฑบาตอันประณีตแล้วถวายแก่บริษัทเห็นปานนั้นนั่นแหละ<o:p></o:p>
    บ้าง กว่าเภสัชทานที่ทายกบรรจุบาตรให้เต็มด้วยเนยใสและน้ำมันเป็นต้น<o:p></o:p>
    แล้วถวายบ้าง กว่าเสนาสนทานที่ทายกให้สร้างวิหารเช่นกับมหาวิหาร<o:p></o:p>
    และปราสาทเช่นกับโลหปราสาทตั้งหลายแสนแล้วถวายบ้าง กว่าการบริจาค<o:p></o:p>
    ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นต้นปรารภวิหารทั้งหลายแล้วทำบ้าง. เพราะ<o:p></o:p>
    เหตุไร ? เพราะว่าชนทั้งหลาย เมื่อจะทำบุญเห็นปานนั้น ต่อฟังธรรม<o:p></o:p>
    แล้วเท่านั้นจึงทำได้. ไม่ได้ฟัง ก็หาทำได้; ก็ถ้าว่าสัตว์เหล่านี้ไม่พึง<o:p></o:p>
    ฟังธรรมไซร้, เขาก็ไม่พึงถวายข้าวยาคูประมาณกระบวยหนึ่งบ้าง ภัต<o:p></o:p>
    ประมาณทัพพีหนึ่งบ้าง; เพราะเหตุนี้ ธรรมทานนั่นแหละ จึงประเสริฐ<o:p></o:p>
    ที่สุดกว่าทานทุกชนิด.<o:p></o:p>
    อีกอย่างหนึ่ง เว้นพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าเสีย แม้<o:p></o:p>
    พระสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้น ผู้ประกอบด้วยปัญญา ซึ่งสามารถ<o:p></o:p>
    นับหยาดน้ำได้ ในเมื่อฝนตกตลอดกัลป์ทั้งสิ้น ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุ<o:p></o:p>
    โสดาปัตติผลเป็นต้น โดยธรรมดาของตนได้; ต่อฟังธรรมที่พระอัสสชิ-<o:p></o:p>
    เถระเป็นต้นแสดงแล้ว จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล, และทำให้แจ้งซึ่ง<o:p></o:p>
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 327<o:p></o:p>
    สาวกบารมีญาณ ด้วยพระธรรมเทศนาของพระศาสดา; เพราะเหตุแม้นี้<o:p></o:p>
    มหาบพิตร๑ ธรรมทานนั่นแหละจึงประเสริฐที่สุด. เพราะเหตุนั้น พระ-<o:p></o:p>
    ศาสดาจึงตรัสว่า "สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ. "<o:p></o:p>
    อนึ่ง รสมีรสเกิดแต่ลำต้นเป็นต้นทุกชนิด โดยส่วนสูงแม้รสแห่ง<o:p></o:p>
    สุธาโภชน์ของเทพดาทั้งหลาย ย่อมเป็นปัจจัยแห่งการยิ่งสัตว์ให้ตกไปใน<o:p></o:p>
    สังสารวัฏ แล้วเสวยทุกข์โดยแท้. ส่วนพระธรรมรสกล่าวคือโพธิปักขิย-<o:p></o:p>
    ธรรม ๓๗ ประการ และกล่าวคือโลกุตรธรรม ๙ ประการนี้แหละ<o:p></o:p>
    ประเสริฐกว่ารสทั้งปวง. เพราะเหตุนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่า " สพฺพรสํ<o:p></o:p>
    ธมฺมรโส ชินาติ."<o:p></o:p>
    อนึ่ง แม้ความยินดีในบุตร ความยินดีในธิดา ความยินดีในทรัพย์<o:p></o:p>
    ความยินดีในสตรี และความยินดีมีประเภทมิใช่อย่างเดียวอันต่างด้วยความ<o:p></o:p>
    ยินดีในการฟ้อนการขับการประโคมเป็นต้น ย่อมเป็นปัจจัยแห่งการยัง<o:p></o:p>
    สัตว์ให้ตกไปในสังสารวัฏ แล้วเสวยทุกข์โดยแท้; ส่วนความอิ่มใจ ซึ่ง<o:p></o:p>
    เกิดขึ้น ณ ภายในของผู้แสดงก็ดี ผู้ฟังก็ดี ผู้กล่าวสอนก็ดี ซึ่งธรรม ย่อม<o:p></o:p>
    ให้เกิดความเบิกบานใจ ให้น้ำตาไหล ให้เกิดขึ้นชูชัน ความอิ่มใจนั้น<o:p></o:p>
    ย่อมทำที่สุดแห่งสังสารวัฏ มีพระอรหัตเป็นปริโยสาน; ความยินดีใน<o:p></o:p>
    ธรรม เห็นปานนี้แหละ ประเสริฐกว่าความยินดีทั้งปวง. เพราะเหตุนั้น<o:p></o:p>
    พระศาสดา จึงตรัสว่า "สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ."<o:p></o:p>
    ส่วนความสิ้นไปแห่งตัณหา คือพระอรหัตซึ่งเกิดขึ้นในที่สุดแห่ง<o:p></o:p>
    . น่าจะเป็นบทเกิน, เพราะใครไม่สามารถทำเนื้อความเช่นนี้ ให้พระดำรัสของพระศาสดาได้.<o:p></o:p>
    . Celestial food ambrosia อาหารทิพย์ (อาหารของเทพดาในเรื่องนิยาย<o:p></o:p>
    ถือกันว่าทำให้ผู้บริโภคไม่ตาย ให้ความงามและความหนุ่มสาวอยู่ชั่วนิรันดร) ของเกินเครื่องดื่ม<o:p></o:p>
    อันโอชารส.<o:p></o:p>
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 328<o:p></o:p>
    ความสิ้นไปแห่งตัณหา, พระอรหัตนั้น ประเสริฐกว่าทุกอย่างแท้ เพราะ<o:p></o:p>
    ครอบงำวัฏทุกข์แม้ทั้งสิ้น. เพราะเหตุนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่า<o:p></o:p>
    " ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ."<o:p></o:p>
    เมื่อพระศาสดา ตรัสเนื้อความแห่งพระคาถานี้ ด้วยประการฉะนี้<o:p></o:p>
    อยู่นั่นแล ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๘ หมื่น ๔ พันแล้ว.<o:p></o:p>
    แม้ท้าวสักกะ ทรงสดับธรรมกถาของพระศาสดา ถวายบังคมพระ-<o:p></o:p>
    ศาสดาแล้ว ทูลว่า พระเจ้าข้า เพื่อประโยชน์อะไร พระองค์จึงไม่รับสั่งให้<o:p></o:p>
    ให้ส่วนบุญแก่พวกข้าพระองค์ ในธรรมทานอันชื่อว่าเยี่ยมอย่างนี้ ? จำเดิม<o:p></o:p>
    แต่นี้ไป ขอพระองค์ได้โปรดตรัสบอกแก่ภิกษุสงฆ์แล้วรับสั่งให้ ๆ ส่วน<o:p></o:p>
    บุญแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า." พระศาสดา ทรงสดับคำของ<o:p></o:p>
    ท้าวเธอแล้ว รับสั่งให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกันแล้ว ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย<o:p></o:p>
    ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเธอทำการฟังธรรมใหญ่ก็ดี การฟังธรรมตาม<o:p></o:p>
    ปกติก็ดี กล่าวอุปนิสินนกถาก็ดี โดยที่สุดแม้การอนุโมทนา แล้วพึง<o:p></o:p>
    ให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง."<o:p></o:p>
    เรื่องท้าวสักกเทวราช จบ.

    ที่มา:พระไตรปิฏกฉบับมหามงกุฏ 91เล่ม ในพระสุตตันตปิฏก ขุทกนิกาย คาถาธรรมบท
    เล่ม43 หน้า323-328
    <o:p> </o:p>
     
  2. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร
     
  3. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    ;aa22 อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    <O:p</O:p<!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...