เติมบุญด้วยการสวดมนต์ทุกวันศศินา วิมุตตานนท์

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    'เติมบุญด้วยการสวดมนต์ทุกวัน'ศศินา วิมุตตานนท์

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ศศินา วิมุตตานนท์ "เติมบุญด้วยการสวดมนต์ทุกวัน"</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] หลังจาก ศศินา สุทธิถวิล (วิมุตตานนท์) หรือ "อ้อ" ก้าวขึ้นสู่เวทีการประกวดนางสาวไทย และคว้าตำแหน่ง นางงาม ผู้ใช้ภาษาไทย ดีเด่นประจำปี ๒๕๓๘

    ถือเป็นใบเบิกทางให้เธอเดินเข้าสู่อาชีพผู้ประกาศข่าว ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง ๗ โดยทำหน้าที่ประกาศในช่วง ข่าวเด็ด ๗ สี และสะเก็ดข่าว ซึ่งเธอเชื่อว่า "ความสำเร็จของชีวิตในวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการสวดมนต์ ที่ครอบครัวสอนให้ทำ ตั้งแต่เป็นเด็กหญิง"
    ศศินา บอกว่า ได้รับการปลูกฝังเรื่องเข้าวัดและสวดมนต์ จากคุณพ่อและคุณแม่ มาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ หรือระหว่างนั่งรถไปโรงเรียน ก็จะสวดมนต์กันในรถ อยู่บ้านก็ต้องนั่งสมาธิ สวดมนต์ก่อนนอน
    สมัยก่อนบ้านอยู่ลาดพร้าว คุณพ่อคุณแม่จะพาไปตักบาตรทุกๆ เช้าวันพุธ ที่วัดลาดพร้าว นอกจากนี้ท่านยังพาไปทำบุญ พร้อมกับนุ่งขาวห่มขาวที่วัดพระธรรมกาย พอโตขึ้นมาก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดมากนัก วันนี้พยายามจะไปวัดเดือนละ ๑ ครั้ง แต่การไหว้พระสวดมนต์ก็ทำทุกวัน
    ปัจจุบันมีลูกชาย (พอเพียง วิมุตตานนท์) ก็ปลูกฝัง เหมือนกับเราถูกครอบครัวปลูกฝัง ก่อนไปโรงเรียนจะให้เขาปล่อยปลา หรือระหว่างที่นั่งรถพาเขาไปโรงเรียน เราก็จะพาสวดมนต์ เพื่อซึมซับในเรื่องของคุณธรรมและการให้
    จริงๆ การสวดมนต์เหมือนเราทำอะไรแล้วมีพระคุ้มครอง อีกส่วนหนึ่งเป็นการสะสมบุญ ถือว่าเราได้ทำบุญทุกวัน อย่างน้อยทำให้จิตใจเราอยู่ในสิ่งที่ดีงาม สิ่งสำคัญทำให้จิตใจสบาย
    "จริงๆ เชื่อว่า เราใช้บุญหมดไปทุกวัน เราก็จะต้องสะสมบุญใหม่เพิ่มตลอด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำบาป แต่ความที่เราเป็นอยู่ มีงานทำ มีเงินเดือนใช้ มีครอบครัวที่ดี มีลูกน่ารัก ส่วนนี้คิดว่าเป็นเพราะบุญที่เราสะสม ที่เราทำมา แต่ถ้าเราไม่สะสมบุญต่อ ชีวิตเราอาจไปเจอปัญหาต่างๆ นานา หรือวิบากกรรมในอดีตชาติที่อาจไม่รู้ก็ได้ บาปกรรมที่เราทำในปัจจุบันอย่างไม่ตั้งใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันอาจส่งผลมาได้ ทำให้เราต้องสวดมนต์ที่จะช่วยได้ ทำให้เกิดสติ เกิดปัญญา" ศศินา กล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
    การสวดมนต์ยังให้หลักยึด หลักคิด มีสติ ได้ปัญญา ในบางครั้งที่เรามีปัญญานึกอะไรไม่ออก จริงๆ ปัญหาทุกปัญหามีทางออก แต่ ณ เวลานั้นอาจยังไม่เจอทางออก แต่ต้องมีไม่ช้า ไม่นานก็ต้องมี แต่เมื่อเราสวดมนต์ดึงสติกลับมา แทนที่เราจะไปตีโพยตีพายกับปัญหา เราหยุดแล้วก็นิ่ง จากนั้นเอาธรรมะเข้ามาช่วย ก็จะทำให้ปัญหานั้นค่อยๆ ดีขึ้น เราก็จะหาทางแก้ปัญหานั้นได้ แต่ถ้าเราไม่มีปัญหา การสวดมนต์ก็ทำให้เกิดความสบายใจ
    ศศินา บอกด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนเชื่อในเรื่องของวิบากกรรม เนื่องจากถ้าเราได้ดูคนทุกระดับชั้น ใช่ว่าทุกคนจะมีแต่ความสุข หรือใช่ว่าทุกคนจะมีแต่ความทุกข์ ภาพรวมแล้วทุกคนจะมีสุขทุกข์ปะปนกันไป หากถามว่าความสุขหรือทุกข์นั้นเกิดมาจากอะไร ตรงนี้ก็ต้องมีเหตุทำให้เขาสุข และทุกข์ก็มีเหตุทำให้เขาทุกข์ ถ้าเราได้ศึกษาพระไตรปิฎกหรือธรรมะมากขึ้น จะรู้ทันทีว่า เราเกิดมาพิการแบบนี้เป็นเพราะวิบากกรรมที่เราทำอะไรไม่ดีไว้ หรือเราเกิดมามีหน้าตาผิวพรรณผ่องใส เพราะว่าเราทำอะไรมา
    บางคนอาจมองว่าเรื่องวิบากกรรมเป็นเรื่องไม่จริง ตรงนี้อยากบอกว่า เราเชื่อไว้ก่อน เราจะสุขใจตั้งแต่เบื้องต้นที่เราทำ วิบากกรรมจะมีจริงหรือไม่มี เราไม่รู้แน่ชัดได้ หากเราเชื่อว่ามันจริงเราทำความดีไว้ก่อน อย่างน้อยก็สามารถกันเหนียวให้แก่เราได้ ดีกว่าบอกว่าไม่จริง แล้วไปทำชั่ว ไปฆ่าคน สร้างบาป คิดว่าไม่มีโลกหน้าโลกนี้ แต่ถ้าสิ่งเหล่าเกิดขึ้นกับชีวิต เราก็ต้องรับกรรมที่เราทำไว้แน่นอน
    สำหรับเหตุผลที่ไม่แขวนพระนั้น ศศินา บอกว่า มีอยู่เหตุผลเดียว คือ อาชีพผู้ประกาศข่าวต้องเปลี่ยนชุดบ่อยครั้ง ทำให้ไม่สะดวกต่อการแขวนพระ แม้จะไม่มีพระเครื่อง แต่ก็มีพระธรรมอยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าเราจะไปไหนทำอะไรก็ตาม ระลึกนึกถึงพระอยู่ศูนย์กลางใจ พระก็จะอยู่ในใจเราตลอดเวลา พระก็เป็นสิ่งสมมติที่ให้เราใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เหมือนดังคำที่บอกทุกครั้งที่ทำสมาธิ ว่าบางสำนักให้ยุบหนอ พองหนอ หรือบางแห่งให้สัมมาอะระหัง และบางสำนักให้นับหนึ่งสองหายใจเข้าหายใจออก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสมมติให้เรามีจิตใจที่นิ่งและสงบ
    "พระเครื่องจึงเป็นสิ่งสมมติที่ทำให้เรามีเครื่องยึดเหนี่ยว ถือว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่กับตัว ให้เราเคารพศรัทธา ทำให้เรามีกำลังใจ เกิดความมั่นใจต่างๆ นานาขึ้น อ้อคิดว่าคนห้อยพระก็ดี ทำให้เขามีกำลังใจ เป็นสิ่งที่เขามองว่า เป็นสิ่งดีมีพระคุ้มครองให้ทำความดี แต่ตัวอ้อคิดว่าเราเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเราปฏิบัติตาม แค่นี้ก็ได้ผลเหมือนกับการห้อยพระนั่นแหละ" ศศินา กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ ณัฐพงศ์ เขียวศรี 0

    -->
    [​IMG]

    หลังจาก ศศินา สุทธิถวิล (วิมุตตานนท์) หรือ "อ้อ" ก้าวขึ้นสู่เวทีการประกวดนางสาวไทย และคว้าตำแหน่ง นางงาม ผู้ใช้ภาษาไทย ดีเด่นประจำปี ๒๕๓๘
    ถือเป็นใบเบิกทางให้เธอเดินเข้าสู่อาชีพผู้ประกาศข่าว ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง ๗ โดยทำหน้าที่ประกาศในช่วง ข่าวเด็ด ๗ สี และสะเก็ดข่าว ซึ่งเธอเชื่อว่า "ความสำเร็จของชีวิตในวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการสวดมนต์ ที่ครอบครัวสอนให้ทำ ตั้งแต่เป็นเด็กหญิง"
    ศศินา บอกว่า ได้รับการปลูกฝังเรื่องเข้าวัดและสวดมนต์ จากคุณพ่อและคุณแม่ มาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ หรือระหว่างนั่งรถไปโรงเรียน ก็จะสวดมนต์กันในรถ อยู่บ้านก็ต้องนั่งสมาธิ สวดมนต์ก่อนนอน

    สมัยก่อนบ้านอยู่ลาดพร้าว คุณพ่อคุณแม่จะพาไปตักบาตรทุกๆ เช้าวันพุธ ที่วัดลาดพร้าว นอกจากนี้ท่านยังพาไปทำบุญ พร้อมกับนุ่งขาวห่มขาวที่วัดพระธรรมกาย พอโตขึ้นมาก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดมากนัก วันนี้พยายามจะไปวัดเดือนละ ๑ ครั้ง แต่การไหว้พระสวดมนต์ก็ทำทุกวัน

    ปัจจุบันมีลูกชาย (พอเพียง วิมุตตานนท์) ก็ปลูกฝัง เหมือนกับเราถูกครอบครัวปลูกฝัง ก่อนไปโรงเรียนจะให้เขาปล่อยปลา หรือระหว่างที่นั่งรถพาเขาไปโรงเรียน เราก็จะพาสวดมนต์ เพื่อซึมซับในเรื่องของคุณธรรมและการให้

    จริงๆ การสวดมนต์เหมือนเราทำอะไรแล้วมีพระคุ้มครอง อีกส่วนหนึ่งเป็นการสะสมบุญ ถือว่าเราได้ทำบุญทุกวัน อย่างน้อยทำให้จิตใจเราอยู่ในสิ่งที่ดีงาม สิ่งสำคัญทำให้จิตใจสบาย
    "จริงๆ เชื่อว่า เราใช้บุญหมดไปทุกวัน เราก็จะต้องสะสมบุญใหม่เพิ่มตลอด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำบาป แต่ความที่เราเป็นอยู่ มีงานทำ มีเงินเดือนใช้ มีครอบครัวที่ดี มีลูกน่ารัก ส่วนนี้คิดว่าเป็นเพราะบุญที่เราสะสม ที่เราทำมา แต่ถ้าเราไม่สะสมบุญต่อ ชีวิตเราอาจไปเจอปัญหาต่างๆ นานา หรือวิบากกรรมในอดีตชาติที่อาจไม่รู้ก็ได้ บาปกรรมที่เราทำในปัจจุบันอย่างไม่ตั้งใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันอาจส่งผลมาได้ ทำให้เราต้องสวดมนต์ที่จะช่วยได้ ทำให้เกิดสติ เกิดปัญญา" ศศินา กล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
    การสวดมนต์ยังให้หลักยึด หลักคิด มีสติ ได้ปัญญา ในบางครั้งที่เรามีปัญญานึกอะไรไม่ออก จริงๆ ปัญหาทุกปัญหามีทางออก แต่ ณ เวลานั้นอาจยังไม่เจอทางออก แต่ต้องมีไม่ช้า ไม่นานก็ต้องมี แต่เมื่อเราสวดมนต์ดึงสติกลับมา แทนที่เราจะไปตีโพยตีพายกับปัญหา เราหยุดแล้วก็นิ่ง จากนั้นเอาธรรมะเข้ามาช่วย ก็จะทำให้ปัญหานั้นค่อยๆ ดีขึ้น เราก็จะหาทางแก้ปัญหานั้นได้ แต่ถ้าเราไม่มีปัญหา การสวดมนต์ก็ทำให้เกิดความสบายใจ
    ศศินา บอกด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนเชื่อในเรื่องของวิบากกรรม เนื่องจากถ้าเราได้ดูคนทุกระดับชั้น ใช่ว่าทุกคนจะมีแต่ความสุข หรือใช่ว่าทุกคนจะมีแต่ความทุกข์ ภาพรวมแล้วทุกคนจะมีสุขทุกข์ปะปนกันไป หากถามว่าความสุขหรือทุกข์นั้นเกิดมาจากอะไร ตรงนี้ก็ต้องมีเหตุทำให้เขาสุข และทุกข์ก็มีเหตุทำให้เขาทุกข์ ถ้าเราได้ศึกษาพระไตรปิฎกหรือธรรมะมากขึ้น จะรู้ทันทีว่า เราเกิดมาพิการแบบนี้เป็นเพราะวิบากกรรมที่เราทำอะไรไม่ดีไว้ หรือเราเกิดมามีหน้าตาผิวพรรณผ่องใส เพราะว่าเราทำอะไรมา
    บางคนอาจมองว่าเรื่องวิบากกรรมเป็นเรื่องไม่จริง ตรงนี้อยากบอกว่า เราเชื่อไว้ก่อน เราจะสุขใจตั้งแต่เบื้องต้นที่เราทำ วิบากกรรมจะมีจริงหรือไม่มี เราไม่รู้แน่ชัดได้ หากเราเชื่อว่ามันจริงเราทำความดีไว้ก่อน อย่างน้อยก็สามารถกันเหนียวให้แก่เราได้ ดีกว่าบอกว่าไม่จริง แล้วไปทำชั่ว ไปฆ่าคน สร้างบาป คิดว่าไม่มีโลกหน้าโลกนี้ แต่ถ้าสิ่งเหล่าเกิดขึ้นกับชีวิต เราก็ต้องรับกรรมที่เราทำไว้แน่นอน

    สำหรับเหตุผลที่ไม่แขวนพระนั้น ศศินา บอกว่า มีอยู่เหตุผลเดียว คือ อาชีพผู้ประกาศข่าวต้องเปลี่ยนชุดบ่อยครั้ง ทำให้ไม่สะดวกต่อการแขวนพระ แม้จะไม่มีพระเครื่อง แต่ก็มีพระธรรมอยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าเราจะไปไหนทำอะไรก็ตาม ระลึกนึกถึงพระอยู่ศูนย์กลางใจ พระก็จะอยู่ในใจเราตลอดเวลา พระก็เป็นสิ่งสมมติที่ให้เราใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เหมือนดังคำที่บอกทุกครั้งที่ทำสมาธิ ว่าบางสำนักให้ยุบหนอ พองหนอ หรือบางแห่งให้สัมมาอะระหัง และบางสำนักให้นับหนึ่งสองหายใจเข้าหายใจออก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสมมติให้เรามีจิตใจที่นิ่งและสงบ

    "พระเครื่องจึงเป็นสิ่งสมมติที่ทำให้เรามีเครื่องยึดเหนี่ยว ถือว่ามีพระพุทธเจ้าอยู่กับตัว ให้เราเคารพศรัทธา ทำให้เรามีกำลังใจ เกิดความมั่นใจต่างๆ นานาขึ้น อ้อคิดว่าคนห้อยพระก็ดี ทำให้เขามีกำลังใจ เป็นสิ่งที่เขามองว่า เป็นสิ่งดีมีพระคุ้มครองให้ทำความดี แต่ตัวอ้อคิดว่าเราเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเราปฏิบัติตาม แค่นี้ก็ได้ผลเหมือนกับการห้อยพระนั่นแหละ" ศศินา กล่าวทิ้งท้าย 0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ ณัฐพงศ์ เขียวศรี 0



    ที่มา: คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2006/10/28/j001_60057.php?news_id=60057

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2806.jpg
      2806.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      1,394
  2. TIP..PPP

    TIP..PPP Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +38
    จริงคะ เราสวด ทุกวัน พาหุง มหากา ชิญบัญชร พระสีวลี
    จิตใจ นิ่งมาก
    สวด นะโมพุทธายะ สวดจน องค์พระ ขึ้น เกล็ด สี ฟ้า สีทอง
    นึกว่า เค้า ทำกันได้ กราบเรียน ถาม พระอาจารย์
    อาจารย์ บอกว่า
    ตอนเอาไป มีเกล็ด ไหมละ จะทำได้ ไง
    ปลื้มมาก คะ
     
  3. Nutuk

    Nutuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +347
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    #...ผู้ที่จะให้ธรรมทาน พึงตั้งอยู่ในองค์คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:personName w:st="on" ProductID="ดังกล่าวมานี้ จะยังประโยชน์ใหญ่">ดังกล่าวมานี้ จะยังประโยชน์ใหญ่</st1:personName> อานิสงส์ยิ่งใหญ่ให้เกิด ขึ้นกับผู้แสดงธรรมได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้แสดงธรรมได้บุญกุศลมหาศาล ดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส สรรเสริญว่า บุคคลให้ธรรมเป็นทาน โดยไม่ปรารถนาลาภสักการะ ย่อมมีอานิสงส์ประมาณมิได้...#
     
  4. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
    อนุโมทนาสาธุด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

    และขออุทิศบุญกุศลทั้งปวงแด่เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ
    ขอให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดไป ขอให้อโหสิรรมและ
    ขออโหสิกรรมกับทุกรูปทุกนามด้วยเถิด ขอให้ทุกท่านได้เข้าแดน
    พระนิพพานในชาตินี้ด้วยเถิด นิพพานะ ปัจจะโย โหนตุ

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติ

    หลังจากสวดบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามาก แนะนำบทสวดพุทธมนต์แบบย่อ ๆ แต่มีพลานุภาพมาก มีอานิสงส์มาก สวดไม่เกิน 5 นาทีจบ ดังนี้

    นะโม 3 จบ

    หัวใจ อิติปิโส ว่า
    อิสะวาสุ
    หัวใจพาหุง
    พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ
    หัวใจพระเจ้าสิบชาติ
    เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
    หัวใจบารมี 30 ทัส
    ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
    หัวใจพระอาการวัตตาสูตร
    มุนินทะ วะทะนัมโพชะ คัพพะสัมภาวะ สุนทะรีปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะ ยะตัง มะนัง
    หัวใจพระธารณะปริตร
    ทิฏฐิลา ทัณฑิลา มันติลา โรคิลา ขะระรา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
    หัวใจพระไตรปิฎก
    จิเจรุนิ
    หัวใจพระคาถาชินบัญชร
    ชะ จะ ต ะ สะ สี สัง หะ โก ทะ กะ เก นิ กุ โส ปุ เถ เส เอ ชะ ระ ธะ ขะ อา ชิ วา อะ ชิ สะ อิ ตัง
    คาถาบูชาพระพุทธเจ้า 16 พระองค์
    นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

    [​IMG]สวดจบควรแผ่เมตตาทุกครั้ง[​IMG]
     
  5. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ....
    <O:p</O:p
    ;aa16 การนั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)
    อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
    เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
    จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
    ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
    เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

    การสวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
    อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้าเงินทองไหลมาเทมา <O:p></O:p>
    แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
    แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร ,
    พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
    เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง
    ;aa9
     
  6. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    โมทนา สาธุ คิดดีทำดี สะสมบุญที่ละน้อยก็กลายเป็นมากมหาศาลประมาณมิได้เช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...