อีก๑ ปาฏิหาริย์ที่เวิลด์เทรดกับคุณหญิงณฐนนททวีสิน

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>คุณหญิงณฐนนททวีสิน กับ...อีก๑ ปาฏิหาริย์ที่เวิลด์เทรด</TD></TR><TR><TD vAlign=top>7 กันยายน 2550 17:55 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [/IMG] "ปฏิบัติการสะท้านโลก"ที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า "9-11" (ไนน์อิเลฟเว็น) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน2001 จะเวียนมาบรรจบอีกครั้งในอีก 9 วันข้าหน้านี้
แม้จะเกิดคนละซีกโลกของประเทศไทย แต่ก็มีคนไทยหลายคนรอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ถือว่าเป็น "ปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่งในชีวิต"

และหนึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อของคุณหญิงณฐนนททวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร รวมอยู่ด้วย

ในครั้งนั้นคุณหญิงณฐนนท ยังดำรงตำแหน่งปลัดกทม. โดยได้รับเชิญให้ไปประชุมร่วมกับสหประชาชาติ ที่ตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตรงกับวันที่ ๑๑ กันยายน๒๐๐๑ ที่มีปฏิบัติการสะท้านโลกที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า ๙-๑๑ (ไนน์อีเลฟเว่น)

ระหว่างเดินทางไปประชุมแล้วไม่ได้อยู่ในวันเกิดเหตุ น่าจะเป็นเดชะบุญของเราที่ยังไม่ถึงคราวตาย เพราะก่อนเกิดเหตุ ๑ วัน เลขานุการจากกรุงเทพฯ ส่งแฟกซ์มาที่โรงแรมแมริออท ซึ่งอยู่ติดกับตึกเวิลด์เทรด บอกว่า ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำให้เกิดความไม่สบายใจ จึงคิดว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย

เพื่อนรุ่นน้องแนะนำว่าลูกสาวป่วยแบบนี้ควรต้องเดินทางกลับ น้องที่เป็นญี่ปุ่นทำงานอยู่ในสหประชาชาติ ได้ไปขอตั๋วเครื่องบินของนอร์ทเวสต์ แต่ตั๋วมีไม่พอกลับ เพราะทุกคนจะกลับพร้อมกัน อาทิ ดร.พงศ์ศักติฐ์เสมสันต์ สุดท้ายมีคนไทยชื่อ แซมมี่ ซึ่งรู้จักกัน ไปซื้อตั๋วของนอร์ทเวสต์มาจนได้ ปรากฏว่า ได้ตั๋วเดินทางกลับประเทศไทยเพียงวันเดียวก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่ม

กระทั่งเวลาประมาณ๒๐.๐๐ น. วันที่ ๑๑ กันยายน ได้เดินทางมาถึงดอนเมือง ลูกสาวได้มารับ บอกว่าหายแล้ว พอรู้ว่าลูกสาวหายแล้ว ก็ยังไม่ได้เดินทางกลับบ้าน จึงไปทำงานต่อที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯ

ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่นั้นได้เห็นภาพจากทีวีที่ยังไม่ได้เปิดเสียง ครั้งแรกที่เห็นนึกว่าเป็นภาพจากการสร้างหนัง คิดว่าเขาสร้างหนังเก่ง สามารถเอาเครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดได้ยังไง มาตกใจอีกครั้ง เพราะเห็นซีเอ็นเอ็นรายงานอย่างต่อเนื่อง เลยเปิดเสียงฟังปรากฏว่า ตึกเวิลด์เทรดถล่มจริงๆ ตกใจมาก เพราะ ๒๔ ชั่วโมงที่แล้ว ยังนั่งประชุมอยู่ที่ตึกแห่งนั้น

"รอดมาได้คิดว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ยิ่งมาดูวันเดือนเกิดพบว่า ดร.พงศ์ศักติฐ์ ก็เกิดเดือนเดียวกัน ก็เลยมีโชคชะตาชีวิตที่คล้ายๆ กัน เพราะถ้าวันนั้นยังอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะประชุมหรืออยู่ที่โรงแรมก็คงตาย เพราะโรงแรมก็พังหมดเหมือนกัน ไม่ตายคิดว่ายังไม่พ้นกรรม ยังต้องรับกรรมกันต่อไป ชีวิตวันนี้ต้องสวดมนต์อิติปิโสวันละ ๖๓ จบ พร้อมสวดพาหุงและคาถาชินบัญชร สวดแล้วก็ทำให้เรากำหนดจิตและสงบ จริงๆ มันก็มีทุกข์แต่อยู่ที่เราจะหาทางดับทุกข์นั้นได้อย่างไร" คุณหญิงณฐนนท กล่าว

จากปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณหญิงณฐนนทบอกว่า เป็นเสมือนเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ประมาทกับชีวิต ชีวิตที่ผ่านมาเป็นคนสะสมพระเครื่อง โดยส่วนใหญ่ได้มาจากการไปเป็นอาจารย์สอนพระธรรมทูต ซึ่งจะบอกกับพระทุกรูปว่า การมาสอนไม่ได้รับค่าสอน แต่ขอรับพระเครื่องที่อยู่ในย่ามของพระทุกรูปแทน พระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็จะให้พระตามที่ขอ เพราะเชื่อว่าพระจะโกหกญาติโยมไม่ได้ แล้วพระเครื่องที่สะสมยังมีพระสมเด็จวัดปากน้ำรุ่น ๒ ถึงรุ่นปัจจุบัน

กระทั่งมีอยู่วันหนึ่งคนรับใช้ที่บ้านขโมยพระเครื่องที่เก็บไว้ไปทั้งหมด รวมทั้งเครื่องประดับที่คุณแม่ให้ไว้ด้วย ทำให้เสียใจอย่างมาก

ในครั้งนั้นร้องไห้เป็นการใหญ่แต่ในที่สุดก็กลับคิดว่า เมื่อพระเครื่องที่สะสมหายไปแล้วจะเสียใจทำไม โดยได้สติจากหลวงพ่อท่านหนึ่งบอกว่า สมบัติผลัดกันชม สมบัตินี้คงไม่ใช่ของเรา หรือจะเป็นเรื่องของกรรมเก่า ที่เขามาทวงคืน

พอคิดได้แบบนี้ก็ทำใจได้ระดับหนึ่งเพราะชาตินี้ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้ ประกอบกับเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นวัดอินทรฯ วัดหลวงพ่อโสธร แล้วไปที่วัดเทวราชกุญชร พระราชสุธี เจ้าอาวาสวัดได้มอบพระสมเด็จนางพญา ส.ก.องค์นี้ที่แขวนติดตัวแทน

"คิดดี จิตใจดี ทำดี นี่เรียกว่าเป็นประเด็นสำคัญของการสะสมพระเครื่อง โดยความเป็นจริงพระที่สำคัญที่สุดจะเป็นพระในบ้าน คือคุณพ่อคุณแม่ ที่ปัจจุบันพระในบ้านที่เหลืออยู่องค์เดียวแล้วก็จะเป็นแม่ที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การแขวนพระเครื่องเป็นการให้ระลึกถึงในการทำความดี เป็นเครื่องเตือนสติเตือนใจให้เราสบายใจ สิ่งสำคัญคนเราจะแขวนพระหรือไม่นั้นก็อยู่ที่จิตใจ และขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเรามากกว่า" คุณหญิงณฐนนท

อย่างไรก็ตามแม้วัยจะล่วงเลยมาถึง ๖๒ ปี แต่หลายคนมองว่ายังปิ๊งปั๊ง คุณหญิงณฐนนท บอกว่า ไม่ได้บำรุงอะไรเป็นพิเศษ นอกจากธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่ว่าทำความดีละเว้นความชั่ว แล้วทำจิตใจให้ผ่องใส ตรงนี้ขึ้นอยู่ที่จิตใจของเรา ที่เป็นตัวกำหนด เรากำหนดทุกข์เราก็เป็นทุกข์ เรากำหนดจิตให้เป็นสุขเราก็เป็นสุข ฉะนั้น ที่ผ่านมาเวลาที่มีทุกข์ก็จะนึกถึงจิต คิดถึงภูเขาหรือหิน ว่าหินนี้ช่างแข็งแกร่ง กับสิ่งที่เป็นทุกข์คือ ลม เพราะลมมากระทบหินเมื่อไรหินก็ยังอยู่สิ่งนี้จึงสอนว่าอะไรที่เราไม่ได้กระทำผิด เราต้องยืนหยัดให้ได้อย่างหินนั่นเอง

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง
ภาพ กริยาวัตร พงษ์แก้ว​

-->


"ปฏิบัติการสะท้านโลก"ที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า "9-11" (ไนน์อิเลฟเว็น) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน2001 จะเวียนมาบรรจบอีกครั้งในอีก 9 วันข้าหน้านี้
แม้จะเกิดคนละซีกโลกของประเทศไทย แต่ก็มีคนไทยหลายคนรอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ถือว่าเป็น "ปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่งในชีวิต"



และหนึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อของคุณหญิงณฐนนททวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร รวมอยู่ด้วย

ในครั้งนั้นคุณหญิงณฐนนท ยังดำรงตำแหน่งปลัดกทม. โดยได้รับเชิญให้ไปประชุมร่วมกับสหประชาชาติ ที่ตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตรงกับวันที่ ๑๑ กันยายน๒๐๐๑ ที่มีปฏิบัติการสะท้านโลกที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า ๙-๑๑ (ไนน์อีเลฟเว่น)



ระหว่างเดินทางไปประชุมแล้วไม่ได้อยู่ในวันเกิดเหตุ น่าจะเป็นเดชะบุญของเราที่ยังไม่ถึงคราวตาย เพราะก่อนเกิดเหตุ ๑ วัน เลขานุการจากกรุงเทพฯ ส่งแฟกซ์มาที่โรงแรมแมริออท ซึ่งอยู่ติดกับตึกเวิลด์เทรด บอกว่า ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำให้เกิดความไม่สบายใจ จึงคิดว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย

เพื่อนรุ่นน้องแนะนำว่าลูกสาวป่วยแบบนี้ควรต้องเดินทางกลับ น้องที่เป็นญี่ปุ่นทำงานอยู่ในสหประชาชาติ ได้ไปขอตั๋วเครื่องบินของนอร์ทเวสต์ แต่ตั๋วมีไม่พอกลับ เพราะทุกคนจะกลับพร้อมกัน อาทิ ดร.พงศ์ศักติฐ์เสมสันต์ สุดท้ายมีคนไทยชื่อ แซมมี่ ซึ่งรู้จักกัน ไปซื้อตั๋วของนอร์ทเวสต์มาจนได้ ปรากฏว่า ได้ตั๋วเดินทางกลับประเทศไทยเพียงวันเดียวก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่ม

กระทั่งเวลาประมาณ๒๐.๐๐ น. วันที่ ๑๑ กันยายน ได้เดินทางมาถึงดอนเมือง ลูกสาวได้มารับ บอกว่าหายแล้ว พอรู้ว่าลูกสาวหายแล้ว ก็ยังไม่ได้เดินทางกลับบ้าน จึงไปทำงานต่อที่ศาลาว่าการกรุงเทพฯ

ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่นั้นได้เห็นภาพจากทีวีที่ยังไม่ได้เปิดเสียง ครั้งแรกที่เห็นนึกว่าเป็นภาพจากการสร้างหนัง คิดว่าเขาสร้างหนังเก่ง สามารถเอาเครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดได้ยังไง มาตกใจอีกครั้ง เพราะเห็นซีเอ็นเอ็นรายงานอย่างต่อเนื่อง เลยเปิดเสียงฟังปรากฏว่า ตึกเวิลด์เทรดถล่มจริงๆ ตกใจมาก เพราะ ๒๔ ชั่วโมงที่แล้ว ยังนั่งประชุมอยู่ที่ตึกแห่งนั้น

"รอดมาได้คิดว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ ยิ่งมาดูวันเดือนเกิดพบว่า ดร.พงศ์ศักติฐ์ ก็เกิดเดือนเดียวกัน ก็เลยมีโชคชะตาชีวิตที่คล้ายๆ กัน เพราะถ้าวันนั้นยังอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะประชุมหรืออยู่ที่โรงแรมก็คงตาย เพราะโรงแรมก็พังหมดเหมือนกัน ไม่ตายคิดว่ายังไม่พ้นกรรม ยังต้องรับกรรมกันต่อไป ชีวิตวันนี้ต้องสวดมนต์อิติปิโสวันละ ๖๓ จบ พร้อมสวดพาหุงและคาถาชินบัญชร สวดแล้วก็ทำให้เรากำหนดจิตและสงบ จริงๆ มันก็มีทุกข์แต่อยู่ที่เราจะหาทางดับทุกข์นั้นได้อย่างไร" คุณหญิงณฐนนท กล่าว

จากปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณหญิงณฐนนทบอกว่า เป็นเสมือนเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ประมาทกับชีวิต ชีวิตที่ผ่านมาเป็นคนสะสมพระเครื่อง โดยส่วนใหญ่ได้มาจากการไปเป็นอาจารย์สอนพระธรรมทูต ซึ่งจะบอกกับพระทุกรูปว่า การมาสอนไม่ได้รับค่าสอน แต่ขอรับพระเครื่องที่อยู่ในย่ามของพระทุกรูปแทน พระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็จะให้พระตามที่ขอ เพราะเชื่อว่าพระจะโกหกญาติโยมไม่ได้ แล้วพระเครื่องที่สะสมยังมีพระสมเด็จวัดปากน้ำรุ่น ๒ ถึงรุ่นปัจจุบัน

กระทั่งมีอยู่วันหนึ่งคนรับใช้ที่บ้านขโมยพระเครื่องที่เก็บไว้ไปทั้งหมด รวมทั้งเครื่องประดับที่คุณแม่ให้ไว้ด้วย ทำให้เสียใจอย่างมาก

ในครั้งนั้นร้องไห้เป็นการใหญ่แต่ในที่สุดก็กลับคิดว่า เมื่อพระเครื่องที่สะสมหายไปแล้วจะเสียใจทำไม โดยได้สติจากหลวงพ่อท่านหนึ่งบอกว่า สมบัติผลัดกันชม สมบัตินี้คงไม่ใช่ของเรา หรือจะเป็นเรื่องของกรรมเก่า ที่เขามาทวงคืน

พอคิดได้แบบนี้ก็ทำใจได้ระดับหนึ่งเพราะชาตินี้ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้ ประกอบกับเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นวัดอินทรฯ วัดหลวงพ่อโสธร แล้วไปที่วัดเทวราชกุญชร พระราชสุธี เจ้าอาวาสวัดได้มอบพระสมเด็จนางพญา ส.ก.องค์นี้ที่แขวนติดตัวแทน

"คิดดี จิตใจดี ทำดี นี่เรียกว่าเป็นประเด็นสำคัญของการสะสมพระเครื่อง โดยความเป็นจริงพระที่สำคัญที่สุดจะเป็นพระในบ้าน คือคุณพ่อคุณแม่ ที่ปัจจุบันพระในบ้านที่เหลืออยู่องค์เดียวแล้วก็จะเป็นแม่ที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การแขวนพระเครื่องเป็นการให้ระลึกถึงในการทำความดี เป็นเครื่องเตือนสติเตือนใจให้เราสบายใจ สิ่งสำคัญคนเราจะแขวนพระหรือไม่นั้นก็อยู่ที่จิตใจ และขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเรามากกว่า" คุณหญิงณฐนนท

อย่างไรก็ตามแม้วัยจะล่วงเลยมาถึง ๖๒ ปี แต่หลายคนมองว่ายังปิ๊งปั๊ง คุณหญิงณฐนนท บอกว่า ไม่ได้บำรุงอะไรเป็นพิเศษ นอกจากธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่ว่าทำความดีละเว้นความชั่ว แล้วทำจิตใจให้ผ่องใส ตรงนี้ขึ้นอยู่ที่จิตใจของเรา ที่เป็นตัวกำหนด เรากำหนดทุกข์เราก็เป็นทุกข์ เรากำหนดจิตให้เป็นสุขเราก็เป็นสุข ฉะนั้น ที่ผ่านมาเวลาที่มีทุกข์ก็จะนึกถึงจิต คิดถึงภูเขาหรือหิน ว่าหินนี้ช่างแข็งแกร่ง กับสิ่งที่เป็นทุกข์คือ ลม เพราะลมมากระทบหินเมื่อไรหินก็ยังอยู่สิ่งนี้จึงสอนว่าอะไรที่เราไม่ได้กระทำผิด เราต้องยืนหยัดให้ได้อย่างหินนั่นเอง


เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง

ภาพ กริยาวัตร พงษ์แก้ว ​

<TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>





</TD></TR></TBODY></TABLE>​

--------------
Ref.
http://www.komchadluek.net/2007/09/08/j001_134225.php?news_id=134225