เรื่องเด่น อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๘ : นิมิตมรณะ

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 กันยายน 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,809
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +26,406
    48.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๘ : นิมิตมรณะ

    ดังได้กล่าวแล้วว่า นิมิตเป็นภาพที่ปรากฏขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ “หลวงพ่อ” เมตตาบอกถึงนิมิตที่คนใกล้ตายมักจะเห็น และสามารถบอกที่ไปของคนตายได้ด้วย ดังนี้

    - เห็นเปลวไฟลุกท่วม จะลงนรกโดยตรงเลย
    - เห็นคนสี่คนนุ่งแดงใส่แดงมารับ แบบนี้ต้องผ่านการสอบสวนของพระยายมราชก่อน แล้วไปตามผลดีชั่วของตน
    - เห็นป่า จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    - เห็นก้อนเนื้อ จะไปเกิดเป็นคนอีก
    - เห็นเทวดามายืนแถวหน้า พรหมยืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นเทวดา
    - เห็นพรหมยืนแถวหน้า เทวดายืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นพรหม
    - เห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยเจ้าอยู่ข้างหน้า พรหมอยู่กลาง เทวดาอยู่หลังสุด แบบนี้ไปนิพพาน

    นิมิตที่กล่าวมานี้ เป็นเพียง “แบบ” เท่านั้น อาจจะมีแตกต่างไปบ้าง ก็คงคล้ายคลึงกันอย่าง “ธัมมิกอุบาสก” เห็นเทวดาจากสวรรค์ทั้งหกชั้นนำรถทิพย์มารับ ลูกหลานบอกให้ท่านไปชั้นดุสิต ท่านจึงเอาพวงมาลัยคล้องงอนรถทิพย์ชั้นดุสิต ปรากฏว่าลูกหลานเห็นเพียงพวงมาลัยลอยอยู่ หาได้เห็นรถทิพย์หรือเทวดาดังที่ท่านเห็นไม่...

    นิมิตมรณะอีกอย่างที่คนโบราณสอนต่อ ๆ กันมาก็คือ ถ้าเห็นใครไม่มีหัว หรือไม่มีเงาหัว แปลว่าบุคคลนั้นจะตายภายในเจ็ดวัน คนเห็นจงอย่าตกใจ อย่าเอะอะ หากมีผ้าให้เอาผ้าม้วนกลม ๆ ขว้างใส่ พร้อมกับพูดว่า “เอ้า...ข้าต่อหัวให้...” แล้วรีบบอกคนนั้นให้ทราบ ให้เขาปล่อยชีวิตสัตว์ (ต้องเป็นสัตว์ที่จะถูกฆ่า หรือเขาขายให้คนไปฆ่าเท่านั้น) แล้วถวายสังฆทานด้วย จะช่วยต่ออายุให้ยืนยาวไปได้...

    แต่ต้องระวังไว้หน่อยคือ เพื่อนรุ่นพี่ของอาตมาเห็นเพื่อนไม่มีหัว แกก็จะช่วยแต่หาอะไรไม่ได้ บังเอิญหิ้วถังน้ำอยู่ เลยขว้างด้วยถังน้ำ แหม...แม่นเหลือใจ โพละเดียวตะครุบกบเปียกปอนไปทั้งตัว ขนาดบอกให้ทราบ เพื่อนยังโกรธแทบฆ่ากันตาย หาว่าแกแกล้ง เลยไม่ทำบุญอะไรทั้งสิ้น ต่อมาไม่กี่วันโดนรถชนขาหัก นี่ขนาดได้ถังน้ำไปต่อหัวทั้งใบแล้วนะ ถ้าไม่ได้คงถึงตายจริง ๆ...

    ตอนบวชที่วัดท่าซุงใหม่ ๆ อาตมาพักอยู่ที่ป้อมยามด้านตะวันออก หลังร้านอาหารของวัด ข้างป้อมยามมีต้นพุทราใหญ่ ขึ้นแผ่คลุมด้านตะวันตกของป้อมไปทั้งแถบ ช่วยให้ยามบ่ายไม่ร้อนอบอ้าว (ขณะนี้ถูกโค่นทำเสาเรือนไปซะแล้ว)... ตอนเที่ยงของวันหนึ่ง อาตมากำลังนอนฟังเสียงตามสายของหลวงพ่อบรรยายธรรมะอยู่นั่นเอง อาตมาก็เห็นภาพที่น่ากลัวเหลือที่จะกล่าว...

    งูจงอางตัวมหึมาเลื้อยมาบนยอดพุทรา น้ำหนักตัวของมันทำให้ต้นพุทราไหวระเนนไปทั้งต้น มัจจุราชไร้เท้าเลื้อยปราด ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วดีดตัวพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ฉกใส่อาตมาที่นอนตะลึงตัวแข็งอยู่ทันที...!

    “หลวงพ่อ” ปรากฏขึ้นทางไหนดูไม่ทัน ท่านตวัดไม้เท้าเขี่ยขึ้นนิดเดียว เจ้าจงอางยักษ์ก็ฉกพลาดเป้า ฝังเขี้ยวลงพื้นกระดานข้างใบหน้าอาตมาโครมเบ้อเริ่ม ลำตัวมหึมาของมันฟาดพลั่กลงบนอก อาตมาถึงกับจุกแอ้ด ๆ ชักตาตั้งไปเลย...!

    เจ้างูร้ายเลื้อยลงบันไดไปยังชั้นล่าง เสียงลำตัวมันลากพื้นดังแสกสากชวนสยองขวัญ อาตมาพอหายจุก ก็เผ่นลุกขึ้นแบบอกสั่นขวัญหาย แล้วทำสิ่งบ้า ๆ แบบขาดสติเพราะตกใจ คือวิ่งลงบันไดไปเพื่อจะหนีงู...!

    พรวดลงมาชั้นล่างเพิ่งนึกได้ “เฮ้ย...ไอ้งูมันเลื้อยลงมานี่หว่า...” ทั้งที่ไม่กลัวงูมาก่อน อาตมาก็ขาแข็งวิ่งไม่ออก ค่อย ๆ มองซ้ายมองขวาเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว โธ่...ก็งูจงอางตัวเท่าต้นกล้วย คนบ้ากว่านี้ก็ยังกลัวเลย...!

    มองหาเท่าไรก็ไม่เจอ ประตูก็ปิดล็อกอย่างดี ดูใต้บันไดก็ไม่มี ย่องไปชะโงกดูในห้องน้ำก็ไม่มี มุมลับตาก็มีแค่สองที่นี้เท่านั้น “บนเพดานล่ะ...?” “ไอ้บ้า...งูบ้านคุณนะซิ...ถึงแขวนอยู่บนเพดานเหมือนจิ้งจกได้...”

    ทะเลาะกับตัวเองพักใหญ่ สติสตังค่อย ๆ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวหน่อย “เฮ้ย... “หลวงพ่อ” ยังอยู่ข้างบน” อาตมาวิ่งขึ้นมาข้างบน มีแต่ห้องโล่ง ๆ “หลวงพ่อ” หายไปไหน...? งงยิ่งกว่าถูกอีซ้ายของเขาทรายอัดปลายกระโดงคางซะอีก...

    “หลวงพ่อ” มาจากไหนแล้วหายไปไหน ไม่น่าประหลาดใจหรอก ยิ่งกว่านี้ท่านก็ทำได้ แต่ไอ้จงอางยักษ์ล่ะ...? ประตูหน้าต่างชั้นล่างปิดดิบดีมันหายไปไหน...แล้วหน้าต่างที่มันพุ่งเข้ามา ทั้งมุ้งลวดทั้งเหล็กดัดมีพร้อม มันเข้ามาได้อย่างไร...?

    งูลมเรอะ...? งูลมคืองูนิมิต แล้วทำไมเวลาตัวมันฟาดลงมาเราจุกแทบตายล่ะ...? งูลมมันต้องไม่มีน้ำหนัก...แล้วมันพุ่งเข้ามาเห็น ๆ เสียงฉกเสียงเลื้อย ยังดังถนัดหู โว้ย...! จะบ้าตาย...!

    ถ้าเป็นความฝัน “งู” คือ “ผู้หญิง” ถ้าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างแน่ ๆ และงานนี้เราหมดทางสู้อย่างเห็น ๆ ถ้า “หลวงพ่อ” ไม่เมตตาช่วย คงม้วยมอดเป็นแน่แท้...

    หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง “เธอ” ผู้ทำให้อาตมา “ฌานค้าง” มาตั้งแต่ก่อนบวช ตามตื๊อถึงวัด มาได้ทุกอาทิตย์ ขนาดปิดกุฏิก็ยังหาผู้ชายมาเป็นเพื่อน เคาะประตูเรียกออกมาจนได้ การโจมตีแบบต่อเนื่องทำเอาอาตมาตั้งตัวไม่ติดเลย...

    ขืนเป็นแบบนี้คงแย่แน่ จะรักษาด้วยการผ่าตัดมันก็ต้องทนเจ็บเอาบ้าง เมื่อ “เธอ” มาขอคำตอบครั้งหลังสุด อาตมาตอบไปว่า “เอาสมบัติทั้งสามโลกมาแลกกับความปรารถนาพระนิพพาน อาตมายังไม่ต้องการ อย่าว่าแต่ผู้หญิงคนเดียว” “เธอ” ร้องไห้โฮวิ่งจากไป ขณะที่คนผ่าตัดก็ใจจะขาดรอน ๆ...!

    ขนาดนี้ก็ยังไม่ใช่... “งูตัวนั้น” มาทีหลัง เป็นโยมที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด เพิ่งเคยมาครั้งแรก พอเห็นต่างคนต่างตะลึง สัญญาเดิมมันจับใจทันที อาตมาเดินหนีทันควัน รู้ดีว่าถ้าเปิดโอกาสให้เธอพูดแม้แต่คำเดียว อาตมาเสร็จแน่...!

    อาตมาเป็นฝ่ายหลบ ขณะที่เธอเป็นฝ่ายตาม แม้จะหลบขนาดไหน เวลาออกบิณฑบาต ทำวัตร กรรมฐาน ก็เจอกันจนได้ ถ้าเวลาเช่นนั้น อาตมาทำอะไรไม่ถูกเลย เป็นฝ่ายแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา...

    จู่ ๆ ก็มีคำสั่ง “หลวงพ่อ” เรียกอาตมาไปเฝ้าหน้าตึกให้ท่าน สถานที่นั้นเป็นเขตหวงห้าม ถ้าไม่มีธุระจริง ๆ ไม่มีทางหาข้ออ้างย่างเหยียบเข้าไปได้เลย งูสาวแสนสวยจึงหมดหนทางตามล่า อาตมาก็ไม่ต้องโผล่มาผจญกับเธอ จนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายหมดความพยายาม ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก นิมิตมหาประลัยช่างน่ากลัวแท้ ๆ ถ้า “หลวงพ่อ” ไม่แผ่เมตตาต่อเงาหัวให้ อาตมาคง “ตาย” ไปนานแล้ว...!

    ความตายอยู่ห่างเราแค่ชั่วลมหายใจเข้า – ออก อาจจะมาถึงตัววินาทีใดก็ได้ ขอท่านทั้งหลายอย่ามัวสนุกเพลิดเพลินอยู่เลย เราเหมือนอยู่บนเรือนที่ไฟกำลังไหม้ จงเร่งหาทางหนีไปให้พ้นภัยกันเถิด...

    ทาน – ศีล – ภาวนา เหมือนพาหนะที่จะนำพาเราให้ข้ามห้วงน้ำใหญ่ คือกิเลส จงเร่งทำให้มีขึ้นโดยไว เพราะมัจจุราชคือความตาย ไม่เคยผ่อนผันแก่มนุษย์หน้าไหนเลย พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางมาสองพันกว่าปีแล้ว จงเร่งเดินทางกันเถิด...!

    ๗ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...