อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๖ : เสียงสยองขวัญ

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 กรกฎาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    16.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๖ : เสียงสยองขวัญ

    ขึ้นชื่อว่าเสียงแล้ว ย่อมเป็นที่พอใจ และไม่พอใจของคนเราแตกต่างกันไป เสียงที่คนพอใจเป็นอิฏฐารมณ์นั้น ต้องเป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟัง อย่างเสียงจากเครื่องดนตรี หรือเสียงหวานจากเพศตรงข้ามเป็นต้น เสียงดนตรีนั้นถ้ามีฝีมือจริง ๆ แล้ว จะสามารถแสดงผลได้เป็นที่น่าอัศจรรย์

    ขณะเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง "นางพญาจิ้งจอกขาว" อาตมาเผลอหลับ พอเสียงขลุ่ยเปิดตัวนางเอกดังขึ้น อาตมาถึงกับหูตาสว่างโพลง ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปสิ้น ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะเบิกบานอะไรเช่นนั้น กระตุ้นความรู้สึกให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า นึกถึงสายน้ำรี่ไหล สกุณาระเริงไพร ทุ่งหญ้าแมกไม้เขียวขจี...

    อานุภาพของเสียงดนตรีนั้น "สุนทรภู่" เปรียบไว้ว่า "อันดนตรีมีคุณทุกสิ่งไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์" แต่เสียงดนตรีแม้จะมีพลานุภาพเพียงไหน ยังแพ้เสียงออดอ้อนเว้าวอนของเพศตรงข้าม จิตใจที่แข็งแกร่งดังเหล็กเพชรก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟมานักแล้ว ดังนั้น...ผู้ถือพรหมจรรย์จึงไม่ควรให้เพศตรงข้ามมาเว้าวอนมากนัก ไม่อย่างนั้นมักเสียท่า ถูกสมิงสาวแห่งป่ากิเลสงาบไปรับประทานซะเยอะแล้ว...!

    ส่วนเสียงที่เป็นอนิฏฐารมณ์อันไม่น่าพอใจ ได้แก่เสียงอันเป็นปฏิปักษ์กับอารมณ์ของเราในขณะนั้น ๆ เช่น กำลังฟังเพลงอยู่อย่างสุดมันในอารมณ์ คุณแม่ก็บ่นว่าหนวกหู ฟังอะไรก็ไม่รู้เสียงยังกับควายออกลูก...!

    เช่นนี้เสียงเพลงก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่คุณแม่ และเสียงบ่นของคุณแม่ก็ไม่เป็นที่ชอบใจของคุณลูกเช่นกัน หรือท่านที่ปฏิบัติกรรมฐานย่อมไม่ต้องการเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะเป็นศัตรูกับสมาธิเป็นต้น

    อาตมาชอบป่าเขาลำเนาไพรเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าบรรยากาศในป่าเขาก่อให้เกิดความสงบวิเวกอย่างบอกไม่ถูก เสียงลมพัด เสียงน้ำไหล เสียงกิ่งไม้ใบไม้หล่น เสียงนก เสียงสัตว์ป่าร่ำร้อง เสียงจั๊กจั่นเรไรหรีดหริ่งลองไนกรีดเสียง ชวนให้จิตใจสงบเยือกเย็น คงเป็นเพราะเสียงเหล่านี้เป็นเสียงของธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่ง สภาพจิตอันเป็นธรรมชาติมาแต่เดิมจึงยอมรับได้ง่าย ไม่ดิ้นรนส่งส่ายไปสู่อารมณ์อื่น...

    เสียงธรรมชาติที่เป็นศัตรูของความสงัด ส่วนใหญ่เป็นเสียงคน และต้องเป็นเสียงที่เราฟังเข้าใจด้วย จิตจะนึกคิดปรุงแต่งไปตามคำพูดของเขา เลยวุ่นวายหาความสงบไม่ได้ อาตมาเคยไปอาศัยกับกะเหรี่ยงในป่าเขา ฟังภาษาเขาไม่เข้าใจก็เหมือนกับฟังเสียงนกเสียงกา เขาพูดอะไรมาเราสั่นหัวท่าเดียว จิตใจจึงไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอสาวกะเหรี่ยงมาพูดบ้าง เสียงนกเสียงกาก็ชักจะฟังรู้เรื่อง เสียงเพศตรงข้ามจึงทรงมหิทธานุภาพที่สุด...!

    เสียงอีกประเภทหนึ่งเป็นเสียงที่เราไม่ทราบที่มา ไม่ทราบว่าต้นเสียงเป็นอะไร ทำให้ขวัญหนีดีฝ่อเอาง่าย ๆ เช่นเวลาอยู่ในป่ามีเสียงคนแก่คุยกัน เสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวน ถ้ามีกันหลายคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเผ่นเข้ากลางวง ถ้าอยู่คนเดียวมีหวังเผ่นป่าราบจับไข้หัวโกร๋น หมดสิทธิ์ใช้หวีตลอดชาติ...!

    บางทีอาตมาได้ยินพระนับร้อยนับพันสวดมนต์ดังกระหึ่มน่าเลื่อมใส แต่หาแหล่งที่มาไม่เจอ ขณะรับราชการอยู่ที่กองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายกาญจนบุรี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์) วันดีคืนดีจะมีเสียงโห่ร้องเอาวา เสียงช้างม้าโกญจนาท เสียงขับพลเข้าประจัญบาน เสียงอาวุธปะทะกัน เหมือนกับมีกองทัพโบราณกำลังรบราห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่ใช่ได้ยินกันแค่คนสองคน บางทีทหารทั้งกองพันได้ยินพร้อม ๆ กัน แต่เมื่อตามหาเข้าจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน ?

    "หลวงพ่อ" ท่านไปธุดงค์ มีขบวนทิพย์ดุริยางค์ตามขับกล่อมไปตลอดทาง เมื่อเห็นว่าไม่สนใจจริง ๆ พวกเล่นโผล่มาทั้งขบวนเลย ทั้งโห่ทั้งแห่พร้อมสรรพ หรือพระบางท่านกำลังอดอาหาร ได้ยินเสียงขูดมะพร้าว ตำน้ำพริกอยู่ใกล้ ๆ แต่เดินตามไปเถอะ...เหนื่อยแทบขาดใจไม่ถึงซักที ไม่ทราบว่ามาจากฟากฟ้าป่าหิมพานต์ไหน...?

    ชีวิตทหารชายแดนนั้นอยู่ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์อย่างน่าอิจฉา แสงจากปากกระบอกปืนและพลุส่องสว่าง สีเขียวแดงเหลืองของระเบิดควันและกระสุนส่องวิถี เสียงสนั่นลั่นป่าของอาวุธสงครามนานาชนิดไงล่ะพระคุณท่าน...ใครว่าห่างไกลแสงสีอย่าไปเชื่อเชียว...เสียงสยองขวัญสั่นประสาทอาตมาก็เจอมาแล้ว...เรื่องมันเป็นอย่างนี้...

    คืนนั้นอาตมากับสิบตรีมาโนต วานะวงศ์ และ สิบตรีรัว สุดใจ อยู่เวรดึกที่หน้าฐานตามเคย ประมาณตีหนึ่งเศษ ๆ เสียงประหลาดอย่างหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน มันโหยหวนแซ่ส่ำไปหมด เหมือนกับมีกองทัพปิศาจนับหมื่นนับแสนรายล้อมเข้ามารอบด้าน เสียงหมาในหมู่บ้านทัพเซียมที่ห่างไปเล็กน้อย หอนประสานรับกันระงมทั้งหมู่บ้าน...!

    อาตมาคว้าเอ็ม.๑๖ คู่มือ ร้องบอกหมู่มาโนตที่ผวาลุกอย่างขวัญหายว่า "ฉายไฟเร็ว..ข้าจะยิง...!" แสงไฟฉายขนาดห้าท่อนสว่างจ้า นิ้วที่แตะไกปืนของอาตมาชะงักค้าง เสียงไอ้ผีนรกหายวับไปเหมือนฟิวส์ขาด... เบื้องหน้ามีแต่ต้นไม้กับทุ่งหญ้า เจ้าของเสียงที่กะว่าบุกเข้ามาห่างไม่ถึงวาไม่รู้ว่าอันตรธานไปไหน...!

    ท่านผู้อ่านช่วยบอกหน่อยได้ไหม...? ว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่...?

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...