หลวงพ่อพรหมชอบระฆัง

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 15 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    หลวงพ่อมีความสนใจเกี่ยวกับระฆัง ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเดินธุดงค์ไปถึงประเทศพม่า เพื่อนมัสการเจดีย์ชะเวดากอง ได้พบระฆังใบใหญ่ใบหนึ่งมีลักษณะกลมคล้ายกับขันข้าวใส่บาตรพระ แต่หมุนรอบตัวเองได้ ประทับใจท่านมาก เมื่อท่านมาอยู่วัดช่องแค จึงคิดที่จะสร้างระฆังตามแบบของพม่า หลวงพ่อจึงรวบรวมโลหะผสมที่มีทองเหลืองเป็นส่วนประกอบ เช่นขันลงหิน ถาด ทัพพี รวมถึงโลหะประเภททองเหลือง ทองแดง และเงิน นอกจากนี้ทางวัดยังได้จัดซื้อทองเหลืองขึ้นเพิ่มเติมอีก เมื่อได้จำนวนมากตามความต้องการของหลวงพ่อแล้ว จึงให้ช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งเป็นทรงระฆังตามที่ต้องการ เมื่อช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งแล้วปรากฏว่าขี้ผึ้งไม่แห้ง ขี้ผึ้งจะเหลวอยู่อย่างนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก

    หลวงพ่อให้ช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งขึ้นใหม่จนหุ่นแห้งดีแล้ว โดยหงายขึ้น มีเสาไม้ทำเป็นที่นั่งร้านสำหรับเททอง เมื่อช่างเททองลงไปในหุ่น ปรากฏว่าเมื่อเททองลงไปนั้น ทองที่หลอมเหลวกลับแข็งตัวก่อน ทำให้ลงไปไม่ถึงส่วนล่างสุดที่เป็นหูระฆัง

    หลวงพ่อไม่ละความพยายาม ท่านมุมานะที่จะทำให้ได้ โดยครั้งนี้ เมื่อช่างปั้นหุ่นแล้วได้ขุดดินเพื่อฝังหุ่นแล้วจึงเททอง ปรากฏว่าการเททองครั้งนี้ก็ไม่ติดอีก หลวงพ่อจึงคิดเลิกล้มในการหล่อระฆังดังกล่าว (หลวงพ่อใช้ความพยายามที่จะหล่อระฆังถึง 6 ครั้งด้วยกัน)

    เนื่องจากหลวงพ่อพรหม ท่านชอบระฆังอย่างนี้ การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อ จึงเน้นรูปแบบระฆังเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งพระผง และพระเหรียญ จนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่อพรหมไปแล้

    กดพิมพ์พระที่วัดช่องแค เป็นพระกดพิมพ์หน้าเดียวด้านหลังเรียบ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อพรหมนั่งสมาธิอยู่ภายในรูประฆังเรียกกันว่า "ระฆังเล็ก"

    รูปเหมือนระฆังเล็ก เนื้อเทาอ่อน จำนวน 3,000 องค์
    รูปเหมือนระฆังเล็ก เนื้อน้ำตาลเข้ม จำนวน 1,000 องค์
    รูปเหมือนระฆังเล็ก เนื้อสีขาวหม่น จำนวน 500 องค์

    ส่วนผสมและมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระมี 7 อย่าง คือ 1.ปูนขาวจากเปลือกหอยมือเสือ 2.กล้วยน้ำว้าตากแห้งบดเป็นผง 3.ดอกไม้แห้งบูชาพระที่วัดตากแห้งบดละเอียด 4.หมากสดตากแห้ง 5.ก้นบุหรี่ที่เหลือจากหลวงพ่อสูบ(บุหรี่ตราไก่) 6.ผงวิเศษจากแก้ว 3 ดวงที่หลวงพ่อปลุกเสกให้ 7.น้ำมันตังอิ๊ว

    วัตถุมงคลรุ่นฉลองมณฑปนี้ หลวงพ่อพรหมท่านปลุกเสกให้นานถึง 11 วัน 11 คืน คือ เริ่มปลุกเสกตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2514 ถึงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2514 และในตอนเช้าของวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2514 ท่านยังปลุกเสกแถมท้ายให้อีก กลางวันหลวงพ่อปลุกเสกให้ 1 ครั้ง และในตอนใกล้เที่ยงคืน หลวงพ่อพรหมปลุกเสกให้อีก 1 ครั้ง สรุปแล้วปลุกเสกให้ 23 ครั้ง 23 รอบ

    คณะกรรมการชุดสร้างมณฑปได้ดูแลหลวงพ่อพรหมอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากพิธีปลุกเสกแล้ว ยังมีงานฉลองมณฑปต่ออีก 3 วัน 3 คืน การปลุกเสกครั้งนี้ยาวนานและเป็นพิธีใหญ่

    ด้านการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อพรหม มีวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลที่ไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะปลุกเสกในบาตร ถ้ามีเทียนชัยจะจุดเทียนชัยหยดน้ำตาเทียนลงในบาตรน้ำมนต์ แล้วนำเทียนชัยวน 9 รอบ ต่อจากนั้นจึงนำดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคล เอามือคนไปรอบๆ โดยที่หลวงพ่อจะลืมตาแล้วเพ่งกระแสจิตอัดพลังลงไป แล้วจึงนำน้ำพระพุทธมนต์มาประพรมวัตถุมงคลทั้งหลาย

    พรหมท่านมักพูดเปรยๆให้ศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟังอยู่เสมอว่า วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกแล้ว คนที่มีตาทิพย์จะเห็นรังสีพวยพุ่งออกมาเป็นรัศมีกว้างไกล "ข้าฯลงให้ หมดทุกอย่าง มหาอุด ยิงไม่ออก คงกระพัน ฟันไม่เข้า เมตตามหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง" ลงไม่ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือ "กันคนอิจฉาริษยาไม่ได้" เพราะว่ามันไม่มีคาถาห้ามปากคน หลวงพ่อพรหมท่านกล้าพูดอย่างนี้ออกมาต่อหน้าผู้คน ทั้งๆที่ท่านเป็นคนนิสัยพูดน้อย ย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกให้ต้องมีอานุภาพของพุทธคุณล้นเหลือจริงๆ

    และเป็นที่สังเกตได้ว่า พระเนื้อผงของหลวงพ่อจะมีรอยบิ่นตามขอบ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ด้วยเกิดจากการที่หลวงพ่อเอามือคนวนอยู่ในบาตร พระที่มีรอยบิ่นจึงสันนิษฐานได้ว่า "ได้สัมผัสกับมือหลวงพ่อโดยตรง"

    พระผงรูปเหมือนระฆังเล็ก หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค รุ่นฉลองมณฑป
     

แชร์หน้านี้

Loading...