หลวงพ่อท่านสอนธรรมแห่งการครองเรือน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 15 สิงหาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    ต่อจากนี้ไปก็จะขอพูดถึงเรื่องการปฎิบัติเพื่อความเหมาะสมในฐานะที่เป็นฆราวาสธรรมดาคือ ชาวบ้านธรรมดา ก็ไม่พูดกันถึงว่าเป็นนักบุญนักกุศล นักวัดนักวา หรือว่าเป็นนักธรรมะธัมโมเกินไป ที่นี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสไว้เฉพาะชาวบ้านธรรมดา ๆ จริง ๆ นี่จะเห็นว่าพระพุทธเจ้านี่ไม่ใช่จะรู้แต่เรื่องพระนิพพานเท่านั้น สมเด็จพระภควันต์ก็ทรงมีความรู้เพื่อความเหมาะสมเพื่อชาวบ้านธรรมดาด้วย ต่อนี้ไปก็จะขอนำวิธีปฎิบัติ หมวดแรก ที่จะนำมาแนะนำท่าน เป็นหมวดแรกจริง ๆ ท่านพูดถึง ศีล 4 (กรรมกิเลส) กระผมก็จะขอหลีกไปเสีย เพราะข้างหน้าจะมีศีล 5 ถ้าเรามาพูดกันถึงศีล 4 แค่นี้ รู้สึกจะเบาเกินไป ผมจะหลีกไป จะขึ้นต้นด้วย อบายมุข เสียเลย

    หมวดนี้ท่านเรียกว่า อบายมุข คำว่า อบายมุข ท่านแปลมาว่า เหตุเครื่องฉิบหาย 4 อย่าง เหตุที่เป็นเหตุให้สร้างความฉิบหาย ไอ้คำว่าฉิบหายนี่ขอได้โปรดอย่าถือว่าเป็นของหยาบ เป็นศัพท์ธรรมดาของภาษาบาลี คำว่าฉิบหายนี่หมายความว่าหาความดีอะไรไม่ได้เลย ถ้าคนใดมีกำลังใจ พอใจในเหตุ 4 ประการนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วถือว่า ท่านผู้นั้นเข้าถึงความฉิบหาย คือหมดความดี ไม่ต้องเอาถึงความดีของเป็นพระเป็นเณร นักปฎิบัติสมถภาวนา แม้แต่ความดีอย่างคนธรรมดาก็ดีไม่ไหว อบายมุข 4 ประการ คือเหตุแห่งของความฉิบหาย 4 ประการนั้นก็คือ


    ความจริงความเป็นนักเลงหญิงนี่พูดเฉพาะผู้ชายนะ ถ้าจะพูด อย่างผู้หญิงบ้างก็ต้องเรียกว่า เป็นนักเลงชาย นักล่าชาย ถ้าผู้ชายก็เป็นนักล่าหญิง เป็น อันว่า เป็นคนเจ้าชู้ไม่มีขอบเขต มีความปรารถนาในความรักหาที่สุดไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสว่า หาความดีไม่ได้ คนประเภทนี้ไม่มีดี ทั้งนี้เพราะอะไรล่ะ ถ้าหากว่าเป็นคนมีรักมาก มีสามีมาก มีภรรยามาก ฐานะความเป็นอยู่ของตัวมันก็หมด อย่างที่โบราณท่านกล่าวว่า สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร เป็นเหตุแห่งความฉิบหาย ถ้าชายคนใดมีภรรยาเกินกว่า 1 คน ความจริงมีภรรยา 1 คน นี่ก็รู้สึกว่าหนักมาก เพราะนอกจากภรรยาแล้วก็ยังมีบิดา มารดาของภรรยา มีพี่น้องของภรรยา ญาติของภรรยา ที่ยังจะเพิ่มความหนักใจ นอกนั้นก็ยังมีลูกไหลออกมาทีละคน สองคน ลูกโผล่ขึ้นมาคนหนึ่งก็ทุกข์ครั้งหนึ่ง โผล่ขึ้นมาอีกคนก็ทุกข์อีกครั้งหนึ่ง ลูกแต่ละคนกว่าจะโตนี่ต้องใช้อะไรบ้าง มันก็เกิดความหนัก ทรัพย์สินที่เราจะพึงหาเฉพาะคู่ตัวผัวเมีย มันไม่ได้ ต้องหาเพื่อลูก ลูกกว่าจะโตมาแต่ละคน ใช้ภาระหนัก คือการหาเงินหาทองทรัพย์สินจับจ่ายเท่าไหร่ นี่ต้องคิด และประการที่สอง ลูกแต่ละคนเมื่อเวลาที่จะเข้าการศึกษา ต้องใช้เงินใช้ทองเท่าไหร่ ถ้าเผอิญเป็นลูกดีก็ยังค่อยยังชั่ว ถ้ากลายเป็นลูกอกตัญญู ไม่รู้คุณ แล้วพ่อแม่จะบ้าตาย

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ไป เชียงราย เวลานี้ที่พูดนี่เป็นวันที่ 21 สิงหาคม 2521 ไปที่เชียงราย เมื่อเดือนก่อนโน้น เห็นจะเป็นเดือนกรกฎาคม ใช่แล้วก่อนเข้าพรรษาหนึ่งวัน กลับมาถึงวัดมีคนเขาบอกให้ฟังว่ามีท่านสุภาพสตรีท่านหนึ่งมีฐานะดีมาก อยู่ในตัวเมืองของ จังหวัดเชียงราย แต่ปรากฎว่าลูกของท่านออกไปนอกรีตนอกรอย ไปคบเพื่อที่ไม่น่ารัก นำเงินนำทองไปใช้มาก หายไปนาน วันหนึ่งลูกกลับมาบ้าน ท่านก็ดีใจ คิดว่าลูกจะมาอยู่กับท่าน พ่อแม่นี่เป็นอย่างนี้นะ รักลูก แม้ลูกจะเลวจะทรามประการใดก็ตามที ท่านก็ยังมีความรัก ก็อาศัยเมตตาปรานีของท่านมาก แต่ลูกกลับทรยศคิดคดไม่ซื่อตรง คือไม่รักพ่อ ไม่รักแม่ เมื่อท่านพ่อท่านแม่เผลอ ก็ขโมยเงินไปก้อนใหญ่หน่อย ลักเงินออกไปแล้วก็ไปอยู่กับเพื่อนตามเดิม ไอ้การไปอยู่น่ะไม่ใช่เพื่อนธรรมดานะ เป็นเพื่อนผู้ทำลายชาติ ปรากฎว่าท่านแม่ต้องล้มป่วยลงตาย เสียใจเพราะลูก นี่เพียงแค่เรามีลูกเฉพาะคู่ตัวผัวเมียสองคน ไม่ถึงขั้นเป็นนักเลงหญิง มันก็ยังสร้างความทุกข์ขนาดนี้ ทีนี้ถ้าผู้ชายคนใดเป็นนักเลงสตรี เจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ทรัพย์สินที่หามา นี่มันก็หมด เพราะว่าการที่จะเอาใจให้คนรักมันต้องมีวัตถุเป็นปัจจัย เอาเป็นเครื่องล่อ ไอ้ความรักที่แท้จริงนี่ความจริงไม่ต้องอาศัยเครื่องล่อ มันรักกันได้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเลงนี่ ไม่ใช่รักจริง คือรักผ่านไป กลายเป็นประเภทซื้อความรัก ทรัพย์สินที่มีก็จะต้องถล่มทลายลงไปในเร็ววัน ฉะนั้นองค์สมเด็จพระชินศรีจึงตรัสว่าถ้าใครเป็นนักเลงหญิง ผู้นั้นก็เข้าถึงความฉิบหาย เพราะไม่สามารถจะสร้างตัวให้ทรงตัวอยู่ได้

    ก็มีเขาลือกันเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา เขาบอกว่าคนที่พังเพราะ พ พ ม เขาใช้ศัพท์ว่า พ พ ม พังเพราะเมีย อย่างนี้มีมาก เขาว่าพังเพราะเมียนี่ไม่ใข่เมียทำให้พัง พังเพราะมีเมียมากเกินไป ไม่มีการยับยั้ง รายได้ที่หามาก็ไม่พอจับจ่าย เป็นเหตุให้ล้มละลาย เพราะเป็นคนระเริงหลงในการเจ้าชู้ นี่ขอพูดให้ฟังย่อ ๆ นะ ก็พูดมากไปซะแล้ว จำให้ดีว่าถ้ามีเมียมาก ก็สิ้นเปลือง มีเมียมากความเดือดร้อนมาก มีเมียมากกลุ้มมาก มีเมียมากลูกมากใช้จ่ายมาก มีเมียมาก ความหนักใจมีมาก ไอ้คำว่ามาก ๆ ที่กล่าวมานี่มันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งนั้น แล้วเราจะมีความสุขจะหาความดีที่ไหน


    อบายมุขข้อที่ 2 สำหรับฆราวาส พระก็ควรศึกษาจะได้ไปแนะนำ การเป็นนักเลงสุรา ความจริงนักเลงสุรานี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไอ้ค่าสุราแต่ละคราวที่เราต้องจับจ่าย ถ้าเผอิญเราต้องดื่มสุราวันละ 1 บาท เราก็ต้องสูญเสียทรัพย์สินที่เราจะบำรุงความสุขของเราไปวันละ 1 บาท ปีหนึ่ง 365 บาท สิบปีล่ะ 3,650 บาท แต่ไอ้การดื่มสุราวันละบาทน่ะไม่มีล่ะ ถ้าวันละ 10 บาทแล้วจะว่ายังไง เวลานี้เขาดื่มกันเป็นร้อย ๆ บาท พัน ๆ บาท ถ้าเงิน ทั้งหลายเหล่านี่ถ้าหากเราจะสะสมมันไว้เก็บมันไว้ เป็นเครื่องบำรุงความสุขในครอบครัวหรือตัวของเราเอง ใช้ให้มันเป็นประโยชน์นี่ มันจะเป็นทรัพย์สินที่ทำความสุขให้เกิดขึ้นมามาก การดื่มสุราเมรัยนี่ ดื่มแล้วมันก็ไม่อิ่ม ดีไม่ดีมันก็ชวนเข้าคุกเข้าตะราง เราจะเห็นได้ว่า คุกตะรางนี่เขาสร้างหลบถนน เราเดินไปนี่เดินผ่านคุกผ่านตะรางยาก เขาหลบถนน คนดี ๆ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์นี่เข้าคุกเข้าตะรางยาก บางทีจะเข้าไปเยี่ยมใครสักหน่อย เจ้าหน้าที่เขาก็ว่า ยังไม่ถึงเวลาเยี่ยมครับ ต้องเป็นเวลานั้น เวลานี้ แต่ว่าคนดื่มสุราเมรัยมาก ๆ เขามี อิสรภาพ มีอำนาจมาก คุกตะรางแม้ว่าจะไม่สร้างขวางถนน เขาก็เดินเข้าไปง่าย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าสุราพาไป สร้างให้เกิดเรื่องเกิดราว เป็นอันว่า เงินเสียเปล่าไม่พอ ยังทำลายอิสรภาพไปด้วย เรื่องของสุราข้างหน้ามีมาก สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโทษของสุราไว้ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้


    อบายมุข คือเหตุแห่งความฉิบหาย ข้อที่สาม ได้แก่การเป็นนักเลงการพนัน ไอ้ นักเลงการพนันนี่ ท่านทั้งหลาย ดูก็แล้วกัน พวกโจรร้ายที่ต้องเข้าคุกเข้าตะราง หนีออกนอกบ้านนอกช่อง มาจากการพนันมาก ถ้าการพนันมีที่ไหน โจรผู้ร้ายมีมากที่นั่น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ถ้าเราเล่นได้ มันได้กำไร ก็อยากจะเล่นมันใหญ่ ถ้าคนแพ้ทำยังไง นอนเป็นทุกข์ จะต้องแก้มือให้ได้ ถ้าหาด้วยความสุจริตไม่ได้ ก็หาด้วยการทุจริต ฉะนั้นนักการพนันที่ไหนมีมาก ที่นั่นมีโจรมาก ที่นั่นมีความเดือดร้อนมาก นักพนันนี่เป็นคนไร้เหตุไร้ผล เป็นคนขาดสติสัมปชัญญะในด้านของความดี นี่เรียกว่าเป็น นักเลงการพนันจริง ๆนะ ผมเคยเห็นมา บางคนเขามีฐานะหาเช้ากินค้ำ เป็นคนยากจน แต่ว่าหาได้มาแล้ว แทนที่จะเก็บงำ เอามากินมาใช้ในบ้าน กลับไปเล่นไพ่เล่นโปกัน ถ้าหากหมดแล้วก็เกิดความเดือดร้อน บ้านนั้นทะเลาะกันไม่หยุด เพราะความกลุ้มที่ไม่มีเงินไม่มีทอง นี่เป็นอันว่าใครเป็นนักการพนัน องค์สมเด็จพระภควันต์ตรัสว่าผู้นั้นก็เข้าถึงเหตุแห่งความฉิบหายเหมือนกัน


    เหตุแห่งความฉิบหาบข้อที่สี่ ก็ได้แก่ การคบคนชั่ว การคบคนชั่วหรือมิตรชั่วนี่มีความสำคัญมาก ว่าคนเราดี ๆ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าการคบคนเช่นใดย่อมเป็นเหมือนคนเช่นนั้น ดูตัวอย่างของ องคุลิมาล แต่ความจริงท่าน องคุลิมาล นี่ประวัติท่านเป็นคนดีมาก เป็นคนมีความระเบียบเรียบร้อย นบนอบ มีความกตัญญูรู้คุณของบิดามารดา เป็นคนมีปัญญาดี แต่อาศัยที่ไปคบอาจารย์เลว และอาศัยที่เพื่อนลูกศิษย์ด้วยกันมีความอิจฉาริษยา อาจารย์จึงได้ยุให้องคุลิมาลฆ่าคน ว่าฆ่าคนได้ถึงพันคนเมื่อไหร่ จะให้ความรู้พิเศษ คนที่มีความสามารถอยู่แล้วก็อยากจะมีความสามารถยิ่งขึ้นไป และการฆ่าคนนั้นก็ถือเป็นการยกครู ท่านไม่รู้ คิดว่ามันดี จึงทำ ในที่สุดท่านก็กลายเป็นโจรร้าย นี่อาศัยการที่เป็นโจรร้ายของ องคุลิมาล เพราะว่าคบคนไม่ดี คือครูเลว

    ต่อมาเมื่อพบองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าแล้ว สมเด็จพระประทีปแก้ว ทรงเตือนว่า องคุลิมาล เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุดหรือ เพียงเท่านี้ ท่านหมายความว่า เวลานี้เราหยุดจากบาปกรรมลามกแล้ว เธอยังไม่หยุดหรือ อาศัยที่เป็นคนดี ฟังพระดำรัสขององค์สมเด็จพระชินศรีเพียงเท่านี้ก็รู้สึกตัว ทิ้งมีดทิ้งพวงนิ้วมือของคนที่เอาคล้องคอไว้ วิ่งเข้าไปกราบองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้โอวาทเล็กน้อย ท่านก็ขอบวช บวชแล้วท่านก็เป็นพระอรหันต์

    นี่แหละบรรดาท่านทั้งหลายการคบมิตรนี่ก็มีความสำคัญ หากว่าเราคบเพื่อนดีก็เป็นศรีกับตัว คบเพื่อนชั่วก็พาเสียด้วยเหตุนานาประการ

    เป็นอันว่า อบายมุข ทั้ง 4 ประการ ตามที่กล่าวมา จงอย่ามีในใจของท่านทั้งหมด คือ หนึ่ง ความเป็นนักเลงหญิง หญิงก็อย่าเป็นนักเลงชาย สองอย่าเป็น นักเลงสุราเมรัย สามอย่าเป็น นักเลงการพนัน สี่อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร เวลานี้เยอะ คบคนชั่วเป็นมิตร จนกระทั่งคิดไม่อยากจะศึกษา เพื่อประโยชน์ข้างหน้า หวังความเป็นใหญ่ สำหรับ อบายมุข 4 ประการ ขอจบเพียงเท่านี้

    ต่อจากนี้ไปขอต่ออีกหน่อย เวลาเหลืออีก 10 นาที ท่านเรียกว่า ทิฎฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือประโยชน์ในปัจจุบัน 4 อย่าง นี่หมายความว่าถ้าปฎิบัติอย่างนี้สำหรับฆราวาสจะมีประโยชน์ในปัจจุบัน ความจริงคำสอนขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์ ไม่ว่าสอนธรรมเพื่อมรรคผลก็ดี หรือประโยชน์ ใด ๆ ก็ดี สมเด็จพระชินศรีหวังให้มีผลในชาตินี้ ไม่ใช่ต้องการผลในชาติหน้า ถ้าชาตินี้เราดีมีความสุข ชาติหน้ามันก็มีความสุข เรื่องชาติหน้าหรือวันหน้าไม่มีความจำเป็น อย่าไปสนใจกับวันเวลาที่ล่วงมาแล้ว หรืออาการที่ล่วงมาแล้ว และอย่าไปสนใจกับวันเวลาและอาการที่มันยังไม่มาถึง จงสนใจกับเวลานี้ที่เรานั่งอยู่ ที่กำลังมีความรู้สึกอยู่ ถ้าขณะนี้เราดี แล้วก็ไม่มีขณะไหนที่เราจะชั่ว เพราะจิตเรา มีความรู้สึกอยู่ว่า ขณะนี้อยู่ตลอดเวลา จะขอพูดตามที่เคยพูดว่า อารมณ์ของเรานี่มีเฉพาะปัจจุบัน ไม่มีอารมณ์อดีต ไม่มีอารมณ์อนาคต เพราะอดีตมันล่วงมาแล้ว เราดึงมันไม่ได้ อนาคตมันยังอยู่ไกล ยังมาไม่ถึง เราทำอารมณ์ของเราเวลานี้ให้ดี ละก็ดีตลอดไม่มีคำว่าชั่ว

    ทีนี้ขอพูดถึง ทิฎฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือประโยชน์ในปัจจุบัน ท่านบอกว่า

    1) อุฎฐานสัมปทา ถึงพร้อมในความหมั่น คือความขยันหมั่นเพียร คือในการประกอบการ เครื่องเลี้ยงชีวิตก็ดี ในการประกอบอาชีพก็ดี ในการศึกษาเล่าเรียนก็ดี ในการทำหน้าที่การงานของตนก็ดี ในการประกอบอาชีพก็ดี ในการศึกษาเล่าเรียนก็ดี ในการทำหน้าที่การงานของตนก็ดี อย่างที่องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสไว้ในพระบาลีมงคลสูตรว่า อนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคลมุตตมัง ขึ้นชื่อว่าการงานทุกอย่างตามหน้าที่ ที่เราจะพึงทำ จะเป็นการขยันหมั่นการงานเพื่อการเลี้ยงขีพ การงานเพื่อการศึกษา การงานอะไรก็ตาม ธุระและหน้าที่ทั้งหมด จงมีความขยันหมั่นเพียรอย่าท้อถอย คิดเสียว่า ถ้าเราจะมีความสุขได้ ก็เพราะประโยชน์แห่งการประพฤติปฎิบัติ ความขยันหมั่นเพียรนี้จะสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเรา เพราะมันจะได้ผลเป็นเครื่องตอบแทน นี้เป็นอันว่าถ้าเรามีความขยันนี่ พระพุทธเจ้าบอกว่าเราจะมีความสุข คนขี้เกียจหาความสุขได้ยากแน่

    อารักขสัมปทา เมื่อเรามีความขยันหมั่นเพียร ได้ของมาแล้ว ได้เงินมาแล้ว ได้วิชาความรู้มาแล้ว และได้การงานแล้ว จงรักษาไว้ให้ดี เรียกว่าเตรียมดี ประพฤติชอบ คือเมื่อได้ทรัพย์มาแล้วก็เก็บ อารักขสัมปทา เรียกว่าเตรียมพร้อมในการรักษา คือ รักษาทรัพย์ที่แสวงหามาแล้ว รักษาไว้ให้ดี อย่าใช้สุรุ่ยสุร่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น แล้วก็ระวังอย่าให้อันตรายมันเกิดขึ้น อย่าเป็นคนประมาท แม้แต่การงานที่เราได้แล้วก็เช่นเดียวกัน จงอย่าคิดว่า การงานนี้ไม่ดี การงานนี้ไม่มีประโยชน์ ต้องคิดว่าการงานทุกอย่างที่เราจะพึงหามาได้ มันหาได้มายาก มีหลายท่านด้วยกันที่เคยเห็น พอได้งานได้การแล้วกลับเป็นคนประพฤติชั่ว ขี้เกียจทำงานทำการบ้าง หนีงานเลี่ยงงานเสียบ้าง อย่างนี้ในที่สุด เจ้าหน้าที่หรือผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นก็รังเกียจ ถ้ายิ่งเป็นนักบริษัทห้างร้านหรือว่าคนที่ประกอบอาชีพผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นก็รังเกียจ ถ้ายิ่งเป็นบริษัทห้างร้าน หรือว่าคนที่ประกอบอาชีพโรงงานต่าง ๆ เขาไม่ต้องการคนงานขี้เกียจ ไม่รักษาผลประโยชน์ของเรา เขาก็ไล่ไป ในที่สุดไม่มีงานจะทำ เงินก็ไม่ได้ ฉะนั้นองค์สมเด็จพระจอมไตรกล่าวว่าเมื่อเราเป็นคนขยันในด้านของความดี ก็จงรักษาผลของความดีของเราไว้ คืออย่าให้ผลของความดีมันสลายไป ทรงความดีไว้ ความดีในการขยันในการประกอบอาชีพ ความดีในการขยันในการศึกษาเล่าเรียน ความดีในการขยันในกิจธุระ เรารักษาเอาไว้ให้ทรงตัว ได้ผลความดีเกิดแล้ว รักษาไว้ ไม่ใช้ในสิ่งที่ ไม่จำเป็น อย่างนี้เราจะมีความสุข คือผลที่ได้ในปัจจุบัน

    ข้อที่สาม องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ตรัสว่า กัลยาณมิตตตา จงคบแต่คนที่ดีเป็นเพื่อน อย่าคบคนชั่วเป็นเพื่อน ถ้าเราจะรู้ว่าคนชั่วมันมีสภาพเป็นอย่างไร ก็หลบเข้าไปดู อบายมุข ก็แล้วกัน ว่าเขาเป็นนักเลง ถ้าขายเป็นนักเลงหญิง หญิงเป็นนักเลงชาย นี่ชั่วไม่ดี มีความรักไม่มีขอบเขตพาพัง แล้วเป็น นักเลงดื่มสุราเมรัย สูบเฮโรอีน ไม่ดี เป็นนักเลงการพนัน ไม่ดี เป็นคนชั่ว มีความอกตัญญูไม่รู้คุณพ่อคุณแม่ ไม่รู้คุณบิดามารดา ไม่รู้คุณประเทศชาติ หวังจะทำลายชาติ อย่างนี้ไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อมิตร คนอย่างนี้องค์สมเด็จพระชินศรีบอกว่า จงเลี่ยงอย่าคบ จงคบแต่คนดีที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูรู้คุณ รู้จักเก็บหอมรอมริบ มีความประพฤติเรียบร้อย ตั้งอยู่ในระเบียบวินัย กฎข้อบังคับไม่ดื้อด้านตั้งอยู่ในโอวาทของบิดามารดา ตั้งอยู่ในโอวาทความดีที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน คนเหล่านั้นมีความเคารพระเบียบประเพณีนิยมในท้องถิ่น เคารพกฎหมายของบ้านเมือง เคารพกฎข้อบังคับของหมู่คณะ เคารพบิดามารดา มีความรักกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และประเทศชาติ มีความหวังดีต่อเพื่อน คนประเภทนี้ควรคบ เมื่อคบแล้วเราก็จะมีแต่ความสุข

    สมชีวิตา ท่านบอกว่าเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ อันนี้มีความสำคัญมาก มีเงินเดือน 300 จ่าย 400 ก็เสร็จ มีเงินเดือน 1,000 จ่าย 2,000 ก็เสร็จ ฉะนั้น เมื่อเราหาได้น้อย เราก็ใช้น้อยตามความจำเป็น เว้นไว้แต่ว่าถ้ามันเกิดการป่วยไข้ไม่สบาย เกิดการทุกขเวทนาหนัก มันจำเป็นจะต้องหาเป็นพิเศษนี่ก็เป็นเรื่องจำเป็น ถ้าไม่จำเป็นแล้ว เรามีบาท เขามีสิบบาท เรามีบาท เราก็กินบาท เขามีสิบบาท เขาก็กินสิบบาท เขามีกับข้าวชั้นดี อาหารราคาแพง เรามีอาหารราคาถูก เราก็ครองชีวิตได้ เสื้อผ้าเขาใช้ราคาแพง แต่ไอ้เสื้อผ้าราคาถูกก็ปกปิดความอายของร่างกายได้ ถ้าจิตใจมีความสันโดษก็ดี และมีสติสัมปชัญญะทรงตัว รู้ฐานะของตัวอย่างนี้ ไม่ใช้ให้เกินพอดี องค์สมเด็จพระชินศรี กล่าวว่า ชาตินี้ทั้งชาติก็จะมีความสุข

    บรรดาท่านภิกษุ สามเณรทั้งหลาย ท่านอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย สำหรับ คิหิปฎิบัติ คือ ข้อ ปฎิบัติของฆราวาสที่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถทรงแนะนำว่ากันมาได้เพียงแค่ 2 หมวด เวลาก็หมดเสียแล้วสำหรับวันนี้ ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดีจงมีแต่ท่านผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี

    ที่มา http://thaisquare.com/Dhamma/book/kihi/content.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...