หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง จ.อ่างทอง พระอภิญญาเสกพระจนไฟลุกจากมือ ประชาชนเห็นกัน ลือไปทั้งบาง.....

หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง จ.อ่างทอง พระอภิญญาเสกพระจนไฟลุกจากมือ ประชาชนเห็นกัน ลือไป

สวัสดีครับพี่ๆน้องๆ ทุกท่าน พอดีช่วงนี้ผมค่อนข้างจะชีพจรลงเท้า ได้มีโอกาสเดินทางบ่อยๆ ฉนั้นตามประสาคนชอบไปกราบทำบุญกับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รวมทั้งครูบาอาจารย์ที่เก่งกล้าในเวทย์วิทยาคม จึงคอยสอดส่องเสมอๆ ว่าเส้นทางที่เรากำลังไปมีวัดไหนที่น่าสนใจ เพื่อที่จะได้แวะเข้าไปกราบไหว้ทำบุญบ้าง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ (9/04/49) ผมมีโอกาสได้ไปกราบหลวงปู่สาย (พระครูสุนทรขันติคุณ) เจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ในขณะนี้หลวงปู่มีอายุถึง 93 ปีแล้ว

หลวงปู่สายท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว จ. สิงห์บุรี ทุกๆท่านก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อซวงกันมาบ้างอยู่แล้วนะครับ ลูกศิษย์หลวงพ่อซวงที่ผมเคยได้ยินชื่ออีกรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อเกรียง (จำไม่ได้ว่าท่านอยู่วัดไหน รู้แต่ว่าน่าจะอยู่แถวๆ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง) องค์นี้ท่านก็ดังในเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน ประมาณนั้นนะครับ ได้มีโอกาสคุยเรื่องประวัติของหลวงปู่กับพระที่ดูแลหลวงปู่อย่างคร่าวๆนะครับ เท่าที่จำได้คือท่านบวชเป็นพระมาตั้งแต่อายุ 21 ปี (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) แล้วก็เรียนมาหลายอาจารย์ แต่ที่หลักๆเลยคือ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว และท่านก็เรียนวิทยาคมมาจากอีกหลายๆอาจารย์ นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาสมุนไพรอีกด้วย

 

ที่วัดของหลวงปู่ก็มีวัตถุมงคลให้บูชาอยู่เหมือนกัน มีหลายรุ่นหลายแบบให้เลือก มีทั้งรูปหล่อ เหรียญ พระเนื้อผง รูปถ่าย ผ้ายันต์ ฯลฯ อัตราค่าทำบุญบูชาวัตถุมงคลก็มีหลายอัตราก็แล้วแต่ว่าวัสดุที่ใช้ทำเป็นอะไร แต่ที่ผมเคยได้ยินมาคือ สายคาดเอวของหลวงปู่ดีมากๆ ผมถามท่านว่าท่านเรียนทำสายคาดเอวมาจากไหน ท่านบอกว่าเรียนมาจากวัดชีปะขาว พระที่ดูแลหลวงปู่เล่าว่า สมัยก่อนมีวัยรุ่นเอารัดประคตมาให้หลวงปู่ลง แล้วก็เอาไปตีรันฟันแทงกัน (แต่ว่าไม่เข้า หนังเหนียวอะไรทำนองนี้) หลวงปู่ทราบข่าวก็เลยไม่ลงให้ใครอีกเลย ปัจจุบันนี้สายคาดเอว ตะกรุดต่างๆ ก็จะมีลูกศิษย์ลูกหามาช่วยกันถักช่วยกันจาร แล้วหลวงปู่ก็จะอธิษฐานจิตให้อีกที

พระที่ดูแลหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า คนส่วนใหญ่ที่ใช้วัตถุมงคลของหลวงปู่ ก็จะเด่นในเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตาค้าขาย แต่โดยตัวหลวงปู่เองเป็นพระพูดน้อย ไม่พูดโอ้อวดตนเอง แต่สวดมนต์ทำวัตรทุกวันไม่ขาด ตอนที่ยังแข็งแรงก็ปัดกวาดวัดด้วยตัวเอง ทำกิจต่างๆของสงฆ์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตัวผมเองไปกราบหลวงปู่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่พบท่าน ท่านก็ยิ้ม เมตตาต้อนรับพูดคุยเป็นอย่างดี ดูท่านยังแข็งแรง เดินเหินสะดวก ความจำดี ตอนที่ไปพบหลวงปู่ หลวงปู่กำลังช่วยพระลูกวัดทำรูปหลวงปู่ใส่กรอบกระจก เตรียมเอาไว้แจกคณะที่มาทอดผ้าป่า หลวงปู่ลงมือช่วยทำด้วยตัวเองเลยนะครับ เห็นแล้วน่าประทับใจมากๆ

 

พระท่านเล่าว่า มีคนเอาเหรียญของหลวงปู่ไปลองยิง ก็ยิงไม่ออก (3นัด) แต่พอหันปากกระบอกไปทางอื่นกลับยิงออก ครั้งหนึ่งมีงานวัด แต่ว่าเมฆฝนกำลังมาและคาดว่าฝนคงจะตกแน่นอน มีคนไปบอกหลวงปู่ว่าฝนจะตกแล้วทำยังไงดี แต่หลวงปู่ก็ไม่พูดอะไร ทำเฉยๆเหมือนไม่สนใจ (ประมาณว่าจะตกก็ปล่อยมัน) พอคนที่มากราบหลวงปู่กลับกันไปหมดแล้ว แค่มีชายคนหนึ่งบ้านอยู่ข้างๆวัดแอบอยู่หลังต้นไม้แอบมองหลวงปู่ ก็เห็นว่าหลวงปู่มองซ้ายมองขวา พอท่านเห็นปลอดคนท่านก็ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นแล้วทำท่าเหมือนแหวกอากาศ ปรากฏว่าเมฆฝนที่เคลื่อนตัวเข้ามาบริเวณวัดก็แยกตัวออกเหมือนกับว่ามีใครเอามือจับเมฆเหล่านั้นแยกออกไป และฝนก็ไม่ตกในงานวัดในครั้งนั้น (เรื่องนี้พระท่านบอกว่ามีพยานยืนยันได้ แต่ผมลืมไปแล้วว่าชื่ออะไร พระท่านก็บอกเหมือนกัน)

 

ตอนนี้ที่วัดของหลวงปู่ กำลังจะทำการบูรณะพระวิหาร อายุประมาณ 134 ปี (สร้าง 2415) ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว แต่ว่ายังขาดปัจจัยเป็นจำนวนมาก ผมจึงอยากจะขอเชิญชวนทุกท่านให้ช่วยกันบอกข่าวบุญนี้ต่อๆกันไปนะครับ จะได้ได้บุญร่วมกัน ใครมีโอกาสก็ไปกราบทำบุญกับหลวงปู่ได้ ท่านใจดีมาก เป็นกันเอง ตอนนี้หลวงปู่ท่านก็อายุมากแล้ว มีเวลาก็หาโอกาสไปกราบท่านกันนะครับ ไปช่วยกันบูรณะพระวิหารเก่าแก่ ได้ทั้งทำบุญกับพระปฏิบัติดี ทำบุญสร้างถาวรวัตถุฝากไว้ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ได้ของดีๆมาไว้บูชาอีกด้วย

 

รูปนี้ หลวงปู่ท่านยิ้มแบบเมตตามากๆเลยครับ

 

พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่สาย ขันติโก" วัดดอนกระต่ายทอง อ.ไชโย จ.อ่างทอง มีชื่อเสียงในการเพ่งกสิณ พลังจิต ในการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ได้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้เคารพศรัทธาอยู่บ่อยครั้ง

เล่ากันว่าท่านได้เพ่งกสิณบรรจุพลัง จนไฟลุกไหม้จากมือวิ่งไปตามสายศีล ในรอบมณฑลพิธีโดยที่สิ่งของอื่นๆ อยู่ในสภาพปกติ ซึ่งน่าจะไหม้ไฟไปด้วย

มีประชาชนที่ร่วมพิธีได้เรียนถามหลวงปู่สายว่า เกิดอะไรขึ้นท่านบอกว่า "บรรจุกสิณธาตุไฟแรงไปหน่อย" หลังเสร็จพิธี ประชาชนต่างเช่าบูชาวัตถุมงคลรุ่นนั้นไปจนหมด

หลวงปู่สาย ท่านสืบสายวิชาอาคมพลังพุทธคุณ จากอดีตเจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์สายของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นพระอภิญญาวาจาสิทธิ์ วิปัสสนาแก่กล้า สำเร็จวิชากสิณไฟชั้นสูง พุทธาคม เมตตา คงกระพันชาตรี ท่านได้จัดสร้าง "วัตถุมงคล รุ่นพุทธคุณไตรมาส 51" ขึ้น ซึ่งมี "เหรียญพุทธซ้อนบัลลังก์พุทธคุณ" ผู้ที่อาราธนาติดตัว จะทำให้เกิดเมตตาเป็นมหาเสน่ห์แคล้วคลาดปลอดภัย

 

นอกจากนั้นยังมี "มีดหมอ บรมครู 95" ใบมีดทำด้วยเหล็กน้ำพี้ชั้นดี จากบ้านน้ำพี้ ต.น้ำพี้ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ อุดผงพุทธคุณ 9 ผงมหาพุทธาคมและเกศาหลวงปู่สาย อานุภาพ ป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้ายที่มอบไม่เห็นด้วยตา

"ตะกรุดใบลาน" มหาพร ขันติโวบารมี ทำจากใบลานอายุ 87 ปี ผสมด้วยเกศาหลวงปู่สายที่มีพระธาตุขึ้น, พระธาตุข้าว, พระธาตุสีวลี, พระธาตุปัจเจกพุทธเจ้า ผงพุทธคุณ 9 ผงมหาพุทธคุณ ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ อันตรายทั้งปวง พรที่ให้ชีวิตมีความสุข เจริญรุ่งเรือง เป็นมหามงคลในชีวิต

"เหรียญเฮง" เครื่องรางแห่งความโชคดี ในพ.ศ. 2551 นี้ เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ ประชาชนทั่วไปต่างต้องดิ้นรนประกอบสัมมาอาชีพ หาเงินทองเพื่อเลี้ยงครอบครัวนอกจากความขยันขันแข็งแล้ว ก็ยังต้องอาศัยโชคด้วย

 

หลวงปู่สายจึงสร้างและตั้งชื่อว่า "เหรียญเฮง" เพื่อสื่อนำพา ความโชคดีเกี่ยวกับ เงินทอง ลาภ ฯลฯ ตรงกลางเป็นอักษรภาษาจีนว่า "เฮง" และภาษาไทยว่า "โชคดี" ล้อมรอบเหรียญด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่สาย ได้มอบให้มีหัวใจพระคาถาชินบัญชร จากจารึกที่สถูปเจดีย์ สร้างถวายเจ้าเหนือหัว จุฬาลงกรณ์ จุลจอมเกล้า ปัญจมหาราชา ร.5 เมื่อ ร.ศ. 89 มีทั้งหมด 31 คำ พระเจ้า 5 พระองค์ คอยปกป้องผู้บูชา หนุนด้วยธาตุทั้ง 4 หัวใจมหาเศรษฐี หัวใจพระคาถาสีวลี หัวใจแก้ว 3 ประการ หัวใจแก้ว 8 ประการ หัวใจมงกุฎพระพุทธเจ้า หัวใจบารมี 30 ทิศ หัวใจอิทธิฤทธิ์ และคาถาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ป้องกันอันตรายต่างๆ สามารถพกติดตัวเป็นเครื่องรางของขลัง สื่อนำพาโชคลาภ ป้องกันอันตรายต่างๆ สมกับคำว่า "เฮงและโชคดี"

หลวงปู่สายบอกกับลูกศิษย์ลูกหาว่า "ถ้าอยากเฮง โชคดี เอาติดตัวไว้นะ"

 

สุดยอด คชสีห์ อุดผง หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง จ. อ่างทอง เน้อทองแดง
รุ่นพระเจ้า 16 พระองค์ 16 พุทธาคม หลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง จ. อ่างทอง .................... พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เวลา 13.19 น. พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก พระครูสุนทร ขันติคุณ ( หลวงปู่สาย ) เป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรก หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ. อยุธยา หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว จ. นครปฐม หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ. อยุธยา หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ. อยุธยา หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ จ. อยุธยา หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ จ. อยุธยา หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ. อยุธยา หลวงพ่อเจือ วัดโคกหิรัญ จ. อยุธยา หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ. อยุธยา หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ. ลพบุรี หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง จ. ปทุมธานี หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ. อยุธยา หลวงพ่อชวน วัดเขาแก้ว จ. อ่างทอง หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ. อยุธยา พระอาจารย์อ๊อด วัดสายไหม จ. ปทุมธานี หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค จ. อุทัยธานี พระอาจารย์มงคล วัดบ้านพาด จ. อยุธยา



หากเอ่ยถึงหลวงปู่สาย ขันติโก หรือ พระครูสุนทร ขันติคุณ แห่งวัดดอนกระต่ายทอง อ.ไชโย จ.อ่างทอง เมื่อ 6-7 ปีก่อน อาจจะไม่มีใครรู้จัก แต่ปัจจุบันชื่อเสียงของท่านก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก ด้วยการปลุกเสกกษิญไฟเต็มพลัง ไฟลุกไหม้สายศีลจากมือวิ่งไปตามเส้นสายศีล รอบมณฑนพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพ รุ่นทรัพย์ไพศาล ณ ศาลหลักเมืองอ่างทอง พระผู้มีจริยวัตรงดงามดั่งดอกบัว พระผู้มีเมตตาบารมีสูงส่ง เคร่งครัดในวิปัสนาธุระ และคันธะธุระ กิจวัตรอันพึงมีในเพศบรรพชิต ทำนุบำรุงพุทธ ศาสนาทุกด้านอย่างยิ่งยวด ตลอด ๖๔ ปี ๗๓ พรรษา พระผู้มีวิชาว่านยาสมุนไพรโบราณ สืบสานวิชา สัพพวิชา พุทธาคม หลวงปู่สุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อซวงวัดชีปะขาวสหะธรรมมิก หลวงปู่โต๊ะวัดสระเกต หลวงพ่อพุฒวัดวงภาส เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำใหญ่ เจ้าของวัตถุมงคล พุทธคุณครอบจักรวาล เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันธ์ โชคลาภผลพูลทวี วัตถุมงคลหลายรุ่น หลายวาระล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณอันสูงยิ่ง ก็เป็นที่ทราบกันดี ณ เวลานี้ และวัตถุมงคลที่จะเกิดขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง ครั้งแรกของการปลุกเสกไตรตลอดมาสเหรียญพุทธซ้อน บัลลังพุทธคุณอลังการ งานพุทธศีล สุดยอดพุทธคุณ บัลลังแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังคคุณ คุณแห่งบิดามารดา คุณครูอาจารย์ เป็นที่ระลึก การบรณะวิหารหลวงพ่อขาวเป็นเหรียญที่มีความงดงาม ด้านพุทธศีลเหรียญหนึ่ง ด้านหน้าเหรียญเป็นองค์พระปติมา นามหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด มีอักขระล้อมรอบ องค์พระทั้งด้านในด้านนอก เช่น พุทธะสังมิ นะ ชาลี ติ นะโมพุทธายะ เตชะสุเนมะภูจะนาวิเว มะอะอุ ด้านล่างเหรียญมีพระพุทธรูปปางป่าเรไร ซึ่งประดิษฐ์ฐานอยู่หน้าวิหาร อายุ 138 ปี ด้านข้างมียันอักขระ ฤถายันครู ทาสทั้งสี่ นะมะพะทะ เฆกะมะอุ และ อักขระพระเจ้า 16 พระองค์ พุทธครูครองจักรวาล เหรียญนี้มีความสมบูรณ์ทางพุทธคุณยิ่ง โดยเหรียญนี้ได้ยกพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในวิหารมหาอุตม์คู่วัดมาไว้ด้านหน้าของเหรียญและพระพุทธรูปปางป่าเรไรที่ประดิษฐานอยู่หน้าวิหารมาไว้ด้านล่าง เหรียญด้านหน้ามีความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยว่าศิรมีเคราะห์ หรือเคราะห์หามยามร้าย ก็อาราธนาปกป้องให้พ้นเคราะห์ได้ ด้านข้างพญาหงษ์สองตัวคู่ เปรียบได้ถึงความสง่างาม เป็นเมตตามหาลาภอย่างยิ่ง ด้านหลังของเหรียญเป็นรูปหลวงปู่ปั้นนั่งสมาธิ หลวงปู่ท่านเป็นองค์ปฐมผู้สร้างวัดดอนกระต่ายทอง และวิหารหลวงพ่อขาวมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องปฏิหารย์มากมายเล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่นจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันยังมีสาธุชนไปบนบาลศาลกล่าวทุกวัน เครื่องบนที่เห็นเป็นประจำคือข้าวหมาก การงาน โชคลาภ หลวงปู่สายท่านเรียกหลวงปู่ปั้นว่าพ่อ เหรียญนี้จึงมีความสมบูรณ์ ความเข้มขลังทุกด้าน ทุกประการ
โอกาสที่ทางวัดดอนกระต่ายทอง นำโดยทิตญาณจิต มีมุฑิตาจิต เพื่อตอบแทนพระคุณบรมครูศรีไชโย หลวงปู่สาย ขันติโก จึงต้องการสร้างมณฑปเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป รูปหล่อหลวงปู่ปั้น รูปหล่อหลวงปู่สาย จึงได้ขออนุญาติจัดพิมพ์เหรียญที่ระลึกในการบรณะวิหารหลวงพ่อขาว เพื่อหารายได้จัดสร้างมณฑป

 

<CENTER>สิ้นหลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>สิ้นพระครูสุนทรขันติคุณ ( หลวงปู่สาย ขันติโก ) วัดดอนกระต่ายทอง ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง
มรณภาพเมื่อเช้าวันนี้ เมื่อเช้านี้ ด้วยโรคชราครับ ขอร่วมไว้อาลัยกับท่านมาด้วย </CENTER>

 

กราบ กราบ กราบ อาลัยต่อหลวงปูสาย พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

 

เจ้ากรม ตัวจริงไม่เห็นออกตัวกันเลยครับ ใครมีของดี หรือประสบการณ์ ออกมาพูดคุยกันได้ครับ

 

ท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เก่งด้านกสินไฟครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่สาย เสียดายจัง ไปกราบท่านไม่ทัน

 

ตอนนี้พระเครื่องหลวงปู่สาย ได้หายไปจนจะหมดวัดแล้วครับ ใครที่ยังไม่มี ต้องรีบครับ หลวงปู่สาย ท่านเก่งกษิณไฟครับ ควรเก็บครับ ตอนนี้ของๆท่านเริ่มหายากม้ากก

 

ผมมีหนุมานล้มลุก 1 องค์ (หนุมานสวยมากครับเท่าที่เห็นสวยทุกองค์ครับ)กับ พระยอดขุนพล 1 องค์ครับครับ

 

รูปหล่อล้มลุกหนุมานฯ ลพ.สาย วัดดอนกระต่ายทอง

ลพ.สาย วัดดอนกระต่ายทอง พระเกจิอาจารย์พุทธาคมชั้นยอดแห่งจังหวัดอ่างทอง ผู้เป่าเสกอะไรเป็นขลังสิ้นทุกประการ อำนาจจิตท่านถึงขนาดนั่งปรกปลุกเสกทำให้สายสิญจน์ที่ถืออยู่เกิดไฟไหม้ ได้รับการยกย่องจากพระเกจิละแวกเดียวกันว่า "เป็นพระเกจิกสิณไฟ"

“หนุมาน” เป็นพญาวานรเผือกทหารเอกของพระราม ถือกำเนิดเกิดจากพระอิศวรมีเทวบัญชาให้พระพายพัดเอากำลังแห่งพระองค์และเทพ ศาสตราวุธของพระองค์ เข้าสู่ท้องของนางสวาหะที่ถูกสาป อันได้แก่ คทาเพชรเป็นสันหลัง, ตรีเพชรเป็นกาย, จักรแก้วเป็นศรีษะ นางสวาหะตั้งท้องนาน ๓๐ เดือน คลอดลูกออกทางปากเป็นวานรเผือกคลอดมาก็อายุได้ ๑๖ ปี ตรงกับวันอังคารเดือนสามปีขาล ลักษณะพิเศษของหนุมาน คือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร(สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกายหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตายเมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนได้อีก นอกจากนี้หนุมานยังเป็นลิงที่รูปงาม มีนิสัยเจ้าชู้ มีเมียมากถึง ๖ นาง ได้ทำงานที่ไหนก็ได้เมียเสมอ

ด้วยคุณลักษณะอันวิเศษของหนุมาน โบราณาจารย์ท่านจึงนำมาจัดสร้างเป็นรูปหนุมานเครื่องรางของขลังที่มีคุณวิเศษอิทธิฤทธิ์ครอบจักรวาล เป็น มหาอุด อยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอำนาจ มหากำลัง เสน่ห์เมตตามหานิยม ในอดีตพระคณาจารย์ที่สร้างหนุมานที่มีชื่อเสียงมีหลายท่าน หลวงปู่สายท่านยังไม่เคยจัดสร้างหนุมานมาก่อน เคยถามท่านตอนที่อารมณ์ดีๆเกี่ยวกับการทำหนุมานท่านก็เล่าให้ฟังว่าเคยศึกษา ในตำราเก่าของหลวงปู่ศุขต้องทำให้มีตัวด้วยอาการ ๓๒ และธาตุ ต้องชุบตัวด้วยว่านยาแต่ก็ยังไม่เคยทำลองทำดูก็ดีเหมือนกัน ให้ทำเป็นรูปหนุมานนั่งขัดสมาธิเพชรลืมตาอ้าปาก หลวงปู่ท่านว่าเป็นตอนที่หนุมานลืมตาอ้าปากเมื่อออกจากญาณสมาบัติมาใหม่ๆ เวลานี้เป็นเวลาที่หนุมานมีกำลังมากที่สุดเพราะบำเพ็ญตบะทรงซึ่งมหิทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์มหาเดชมหาอำนาจเรียกกำลังปลุกตัวอย่างบริบูรณ์เต็มที่แล้วมีฤทธิ์มีกำลังแก่กล้าเต็มเปี่ยมอย่างที่สุด เรียกว่า “ทรงฤทธิ์” และการที่ลืมตาอ้าปากนั้นก็เพื่อให้เป็นเคล็ดในด้านตั้งตนตั้งตัวมีโชคลาภหา เงินหาทองคล่องมีกินมีใช้ตลอดไม่ขาดแคลน นอกจากนี้ที่ก้นยังทำเป็นแบบก้นล้มลุกเหมือนกับพระกริ่งล้มลุกของท่านเจ้ามา วัดจักรวรรดิ์ (สามปลื้ม) โดยถือเคล็ดคำว่า “ล้มลุก” เป็น อมตะเหมือนกับหนุมานที่ไม่มีวันตายตราบใดที่มีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนกำลังดัง เดิม นับเป็นครั้งแรกของการจัดสร้างหนุมานก้นล้มลุก เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหลวงปู่สายซึ่งยังไม่มีคณาจารย์องค์ใดจัด สร้างในรูปแบบนี้มาก่อน ที่ฐานได้บรรจุพระคาถา “หัวใจหนุมาน” คือ “หะนุมานะ ยะตะมะอะ” มีความงดงามอย่างยิ่ง คมชัดลึก เป็นงานที่ครบถ้วนทั้งศาสตร์และศิลป์ เมื่อมองดูราวกับหนุมานชีวิต ดูสงบสำรวมแต่มีพลังอย่างประหลาด
ครั้งนี้หลวงปู่ท่านให้ใช้ “ยันต์อิติปิโสทรงฤทธิ์”จากตำราเก่าแก่สายวัดปากคลองมะขามเฒ่าที่หลวงปู่ได้เคยศึกษามา อันว่าพระคาถาอิติปิโสนั้นมีอยู่มากมายหลายแบบนักแต่ละแบบย่อมทรงอานุภาพแตกต่างกันไปตามกลบทที่โบราณจารย์ท่านบรรจงผูกเรียงขึ้นไว้สำหรับยันต์“อิติปิโสทรงฤทธิ์”นั้น เป็นยันต์ตาราง ๘๑ ช่อง ตรงกลางลงองค์พระ ชั้นนอกล้อมด้วยบทพระพุทธคุณ ๕๖ อักขระลงอักขระแบบม้าย่อง ชั้นในตรงกลางลงด้วย “พระไตรสรณคมน์” ด้านหลังลงยันต์ “ยอดมงกุฏพระพุทธคุณ” ทรงคุณานุภาพยิ่งนัก คุ้มกันภยันตรายได้ทุกประการ จึงเป็นที่มาของคำว่า “รูปหล่อล้มลุกหนุมานทรงฤทธิ์มหาปราบ” ที่ก้นของหนุมานได้คว้านรูบรรจุอุดผงวิเศษนานับประการ อาทิเช่น เส้นเกศาและผ้าจีวรหลวงปู่สาย, ผงว่านยา ๑๐๘ , ผงพุทธคุณ, หินเขี้ยวหนุมาน, ตะกรุดนะธาตุ ฯลฯ ขอกล่าวถึงขั้น ตอนการสร้างหนุมานตามตำหรับหลวงปู่ศุขสักหน่อย ไม่ค่อยมีใครพูดถึงและเข้าใจว่าหลวงปู่ศุขเองท่านก็ไม่เคยทำไว้มีแต่เพียง กล่าวไว้ในตำราส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องราง ขั้นตอนก็พิสดารยุ่งยากมากต้องหล่อหลอมชนวนและแผ่นยันต์หนุมานต่างๆก่อเกิด เป็นเลือดเป็นเนื้อแห่งหนุมานตามฤกษ์ยามที่กำหนดโดยถือเอาเพชฌฆาตฤกษ์และ โจโรฤกษ์ซึ่งดีในด้านทำของขลังอยู่ยงคงกระพัน มหาปราบ และบรรจุมวลสารว่านยาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำมาเสกโดยการตั้งรูปตั้งนาม เรียกอาการ ๓๒ ตั้งธาตุปลุกธาตุหนุนธาตุด้วย ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ,วิญญาณธาตุ และ บรรจุหัวใจหนุมานลงในวัตถุมงคล จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำว่านยา ๑๐๘ เพื่อชุบตัวหนุมานให้เป็นกายสิทธิ์ทรงฤทธิ์เสกให้ครบ ๗ วัน ตาม ตำราการสร้างหนุมานของสายวัดมะขามเฒ่า ให้มีชีวิตมีตัวตนครบถ้วนทั้งรูปและนาม หลวงปู่ท่านตั้งใจทำให้เป็นพิเศษ แผ่นยันต์ที่ลงทั้งสิ้นเฉพาะในการนี้ ๓๒ แผ่นยันต์ เปรียบเสมือนอาการ ๓๒ ของหนุมานได้แก่

๑. แผ่นยันต์มหาอุดปืน ๒. แผ่นยันต์ปืนแตก ๓. แผ่นยันต์แคล้วคลาด ๔. แผ่นยันต์เพชรหลีก ๕. แผ่นยันต์เพชรกลับ ๖. แผ่นยันต์นะจังงัง ๗. แผ่นยันต์ฝนแสนห่า ๘. แผ่นยันต์กระทู้ ๗ แบก ๙. แผ่นยันต์พระเจ้าชุมนุมธาตุ ๑๐. แผ่นยันต์พุทธจักร ๑๑. แผ่นยันต์บารมี ๓๐ ทัศ ๑๒. แผ่นยันต์ตรีนิสิงเห ๑๓. แผ่นยันต์พิชัยสงคราม ๑๔. แผ่นยันต์หนุมานออกศึก ๑๕. แผ่นยันต์หนุมานยกธงรบ ๑๖. แผ่นยันต์หนุมานคลุกฝุ่น ๑๗. แผ่นยันต์ปถมัง ๑๘. แผ่นยันต์โสฬสมหามงคล ๑๙. แผ่นยันต์มหาทมึน ๒๐. แผ่นยันต์เกราะเพชร ๒๑.แผ่นยันต์อาการ ๓๒ ๒๒.แผ่นยันต์ปัญจอาวุธ ๒๓.แผ่นยันต์ประจำทิศทั้ง ๘ ๒๔.แผ่นยันต์บัวแก้วบัวขวัญ ๒๕.แผ่นยันต์ ๙ ยอด ๒๖.แผ่นยันต์พระเจ้าห้ามอาวุธ ๒๗.ยันต์เกศาผิด ๒๘.แผ่นยันต์อิติปิโสทรงฤทธิ์ ๒๙.แผ่นยันต์พญาหนุมาน ๓๐.แผ่นยันต์แสนสากเหล็ก๓๑.แผ่นยันต์มหาละลวย ๓๒.แผ่นยันต์ดวงชะตากำเนิดหนุมาน

สำหรับ แผ่นดวงชะตากำเนิดหนุมานสำคัญอย่างยิ่ง ท่านว่าเป็นชะตากำเนิดของเขา จะทำรูปเขาจะต้องมีดวงชะตาเกิดของเขาด้วย มันถึงจะเป็นตัวเป็นตนที่แท้จริง เขาจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ท่านว่าดวงชะตาหนุมานนั้นเป็น “ตรีโกณ” ในทางโหราศาสตร์

ส่วนว่านยาที่นำมาชุบตัวหนุมานได้แบ่งประเภทออกเป็น๕กลุ่มดังนี้

๑.) ว่านจำพวกคงกระพัน อาทิเช่น ว่านเฒ่าหนังเหนียว ว่านพระยาดาบหัก ว่านคางคก ว่านมหานิล ว่านสบู่เลือด ว่านมหาปราบ ว่านหนุมานประสานกาย ว่านหนุมานนั่งแท่น ฯลฯ

๒.) ว่าน จำพวกเมตตาและมหาลาภ อาทิเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านนางคุ้ม ว่านนางกวัก ว่านเศรษฐี ว่านนางล้อม ว่านขอทอง ว่านพญาเงินไหล ฯลฯ

๓.) ว่านจำพวกแคล้วคลาด อาทิเช่น ว่านเพชรหลีก ว่านเพชรกลับ ว่านเพชรหลง ว่านเกราะเพชร ว่านกำแพงเพชร ฯลฯ

๔.) ว่าน จำพวกกายสิทธิ์ เทวดารักษา อาทิเช่น ว่านพระอินทร์ ว่านพระอาทิตย์ ว่านมหากาฬ ว่านมเหศวร ว่านพระนารายณ์ ว่านตาละปัตฤษี ว่านประกายสิทธิ์ ว่านพระตบะ ฯลฯ

๕.) ว่านจำพวกสะกดกำบัง อาทิเช่น ว่านจังงัง ว่านกำบัง ว่านขุนแผนสะกดทัพ ว่านนาคราช ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีใบไม่รู้นอนทั้ง ๑๖ ชนิด ดังนี้ ใบ มหาระงับ ใบผักกะเฉด ใบกระทืบยอด หญ้าใต้ใบ ใบชุมเห็ด ใบสมิ แคขาว ใบตาล ใบขนุน ใบจาก ใบคูณ ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ใบพยุง ใบรัก ที่ขาดไม่ได้คือ หญ้าแห้วหมู ท่านว่าเพราะหญ้าแห้วหมูเป็นพืชที่ตายยากขนาดนำไปต้มแล้วก็ยังสามารถขึ้น ใหม่ได้อีกเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งของการชุบตัวหนุมานให้เป็นกายสิทธิ์ไม่มี วันตาย

จำนวนการจัดสร้างมีดังนี้

1.เนื้อนำฤกษ์โลหะชนวนล้วน ก้นอุดผงว่านเกศา,ผ้าจีวร,ผง,ฝังตะกรุดเงินสามดอก สร้าง ๕๙ องค์ (กรรมการ)

2.เนื้อนวฤทธิ์โลหะชนวนอาวุธสำริดโบราณ ก้นอุดผงว่านเกศา,ผ้าจีวร,ผง,ฝังตะกรุดเงินสามดอก สร้าง ๒๑๙ องค์

3.เนื้อตะกั่วผสมแร่จ้าวน้ำเงิน,ชินตะกั่วสังขวานรและชนวน ก้นอุดผงว่านเกศา, ผ้าจีวร,ผง ฝังตะกรุดเงินคู่ สร้าง ๑,๕๙๙ องค์

4.เนื้อทองแดงเถื่อนผสมชนวน ก้นอุดผงว่านผ้าจีวร,ผงฝังตะกรุดเงินหนึ่งดอกสร้าง ๒,๕๑๙ องค์

พระทุกเนื้อตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์ครับ

 

รีบหาเก็บกันนะครับ ^^

 

ถูกต้องครับ ตอนนี้ยังพอหาได้รีบเก็บกันได้นะครับ

และที่หายากของท่าน พลิกแผ่นดินตอนนี้ก็หากันไม่ได้ครับ กับ
สังวาลพระอิศวร และตะกรุดโทนพุทธโธปัญจะ ของหลวงปู่สายครับ หายากสุดๆๆๆๆ
สังวาลนี้ ทำจากจีวรของหลวงปู่สาย ท่านำจีวรมาจารยันต์เก้ายอด ยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ยันต์แม่พระธรณีปราบมาร ฯลฯ 108 พระยันต์ จากนั้นท่านก็เข้าสมาบัติกสิณไ ผูกปม เพื่อก่อให้เกิดเป็นสังวาลย์พระอิศวร หลวงปู่เชิญเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาเสกสังวาลย์นี้ให้ด้วย จึงมากด้วยพุทธคุณ หลวงปู่บอกเอาไว้ว่า สังวาลย์นี้ทำยากมาก ก่อนไม่อยู่ขอทำสักครั้งในชีวิตนี้ และท่านก็ได้นำแผ่ตะกั่วมาจารยันต์นพคุณต่างๆ หลายพระสูตร เพื่อเพิ่มมหิทธานุภาพ ให้สังวาลย์เพชรพระศวร มีค่าควรเมือง
หลวงปู่บอกอีกว่า เมื่อก่อนนี้เคยเรียนวิชานี้กับหลวงปู่ทบ วัดชนแดนมาหนหนึ่ง หลวงพ่อทบท่านสร้างสังวาลย์แบบนี้ น่าทึ่งมาก รังสีมีครบ 7 สีเลย สวยมาก ท่านเลยสอนให้ ฉันจึงอยากสร้างเอาไว้ในแผ่นดิน เพื่อบูชาครูองค์หนึ่งของฉัน
อย่าลืมหาเก็บกันไว้นะครับ ของดีของท่านเช่นกัน

 

ไปกราบท่านมาก่อนวันที่จะมรณะภาพ ได้เข้าไปอย่างไกล้ชิดน่า เสียดายพระดี ศรีสงฆ์