หลวงปู่ปานปราบนักเทศน์จอมกิเลส

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 29 กันยายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <DD>[​IMG]<DD>เรื่องการเทศน์นี่มันมีอยู่ตอนหนึ่ง หลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยว เทศน์มีชื่อเสียงมากในตอนนั้น โด่งดังมาก อาจารย์เกี้ยวนี่น่ะเสียงกังวาน เสียงห้าวหาญ หลวงพ่อปานนิ่มนวล พอเหมาะกัน ถ้าจะเปรียบเสียงก็เหมือนเสียงฉิ่งกับเสียงฉับ คนหนึ่งฉิ่ง อีกคนหนึ่งฉับ ถ้ามันฉิ่งเสียเหมือนกันก็น่าเบื่อ หรือเสียงฉับ ๆ เสียเหมือนกันก็น่าเบื่อ คนหนึ่งฉิ่งอีกคนหนึ่งฉับมันก็น่าฟัง อาจารย์เกี้ยวเสียงดัง ห้าวหาญ แคล่วคล่องมาก หลวงพ่อปานนิ่มนวลเสียงกังวาน แต่กระแสเสียงดังไม่ต่างกัน หลวงพ่อปานเก่งมหาสติปัฏฐาน เวลาเทศน์มหาสติปัฏฐานสูตรน่ะความจริงเป็นขั้นปรมัตถ์ เป็นข้อปฏิบัติทั้งหมด คนฟังไม่อยากให้เลิก ฟังกันเงียบกริบ หาคนเบื่อก็แสนยาก ฉันฟังนักเทศน์สมัยนี้เทศน์มหาสติปัฏฐานสูตรเพียงแต่ละบรรพก็ไม่ครบถ้วน เลิกแล้วฟังไม่รู้เรื่องเลย สำหรับหลวงพ่อปานเทศน์ เวลาเราฟังท่านเทศน์รู้สึกว่าเราจะเป็นอรหันต์เสียเดี๋ยวนั้นเลย ความชุ่มชื้นใจ มีอาการคล้ายว่าจะเป็นอรหันต์เสียเดี๋ยวนั้น นี่ท่านเทศน์ไพเราะมาก ตานี้มาว่ากันถึงการเทศน์ที่จังหวัดพิษณุโลก ในการเทศน์คราวนั้นมันก็มีเรื่องใหญ่ คือว่า เจ้าคุณสอนนิมนต์หลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยวไป แล้วก็บอกด้วยว่ามีคู่เทศน์องค์หนึ่ง คือ เทศน์ด้วยกัน ๓ องค์ องค์นั้นเขามีชื่อที่โน่นมาก ท่านเองทั้งสององค์ก็ไม่แน่ใจด้วยเขามีชื่อเสียงมาก ดีไม่ดีเขาจะถามเอาจนท่านทั้งสองจะตอบไม่ได้ ก็ซ้อมกันเดือนหนึ่ง ตกบ่าย ๆ ละก็ ๒ องค์มาซ้อมกันเดือนหนึ่งเลย ซ้อมถามกัน ซ้อมตอบกัน อาจารย์เกี้ยวเป็นคนถาม หลวงพ่อปานเป็นคนตอบ หลวงพ่อปานเป็นคนถาม อาจารย์เกี้ยวเป็นคนตอบ ซ้อมกันอยู่อย่างนั้น <DD>ตอนไหนใครไม่รู้ก็ค้นหาตำรับตำรากัน เอาให้ช่ำ ท่านซ้อมกันอยู่ ๑ เดือน เวลาไปใช้เรือแจว สมัยนั้นมันมีรถมีเรือไฟอะไรที่ไหนเล่า ใช้เรือแจว แจวขึ้นไปกว่าจะถึงจังหวัดพิษณุโลก เวลาขึ้นไปถึงวันงานที่เจ้าคุณสอน มีงานเขาสวดมนต์เย็นกันก่อน หลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยวขึ้นไปเห็นพระองค์นั้นเขานั่งอยู่หน้าองค์อื่น ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของถิ่น ท่านขึ้นไปกราบ ๆ เขาไม่รับ เขาไม่ยกมือรับไหว้ น้ำร้อนน้ำชาเขาก็ไม่ยกมาให้ เขาไม่เสือกมาให้ฉัน เรียกว่า เขาไม่บอกให้กิน เขารับประเคนของเขาไว้ เขาก็กินของเขาคนเดียว เขาไม่อยากพูดด้วย ตอนนั้นหลวงพ่อปานเลยถามเขาว่า ท่านขอรับ ในวันพรุ่งนี้เราจะเทศน์อะไรกัน องค์นั้นเขาตอบว่ายังไงรู้ไหม เขาตอบว่า เราเป็นนักเทศน์นี่ จะถามอะไรกันล่ะ จะเทศน์อะไรก็ไปรู้กันบนธรรมาสน์ อาจารย์เกี้ยวชักไม่พอใจ หลวงพ่อปานก็แปลกใจว่า เอ๊ะ เขาจะเอาธรรมะขึ้นไปเทศน์หรือจะเอากิเลสขึ้นไปเทศน์กันแน่ พอถึงเวลาจะสวดมนต์ อาจารย์เกี้ยวนั่งรองเขา หลวงพ่อปานนั่งรองอาจารย์เกี้ยว หลวงพ่อปานกระซิบบอกอาจารย์เกี้ยวว่า เวลาเขาสวดมนต์แกฟังดูนะ เขาว่าจังหวะจะโคน เขาใช้เสียงถูกต้องตามภาษาบาลีไหม ทีนี้เวลาสวดมนต์จริง ๆ เขาว่าตามภาษาบาลีเปี๊ยบ เขาว่าไม่ผิด พอเลิกแล้วก็กลับลงมาเรือ อาจารย์เกี้ยวบอกว่ เขาแน่โว้ย เขาว่าไม่ผิดเลย เสียงหนักเสียงเบาเสียงอะไรก็ตามเถอะ จังหวะจะโคนนี่เขาว่าไม่ผิด ท่าเขาแน่เหมือนกัน เจ้าคุณสอนลงมากระซิบว่า พระองค์นี้น่ะชอบหักพระ หมายความว่า แกล้งกัน แกล้งถามให้จน ขอให้หลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยวระมัดระวังไว้ หลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยวบอกว่า ฉันก็เทศน์แค่รู้ซิ เลยรู้น่ะฉันเทศน์ไม่ได้หรอก เขาถามมา ถ้าฉันตอบไม่ได้ก็ยอมเขา ทำไงได้เล่า พระไตรปิฎกเราจะรู้ได้หมดยังไง
    <DD>เมื่อเจ้าคุณสอนขึ้นไปแล้ว ท่านก็เตือนอาจารย์เกี้ยวว่า คืนนี้ท่านทำกรรมฐานให้เต็มที่นะ เข้ากรรมฐานให้เต็มที่ แล้วเวลาจะเทศน์กับเขาก็ต้องเข้าถึงฌาน ๔ หรือ ฌาน ๘ เราต้องเอาฌานช่วยเสียแล้ว ถ้าขืนเทศน์กับเขาตามธรรมดา ตำรับตำราน่ากลัวจะไม่ไหว หลังจากเตือนกันแล้วอาจารย์เกี้ยวก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราซ้อมเทศน์กันใหม่ วันพรุ่งนี้จะเทศน์น่ะมันแบบยี่เก จะเล่นประชันกับเขาก็ต้องไปซ้อมเล่นอีก ไม่แน่ใจใจตัวเองก็ซ้อมกัน ๒ องค์ พระองค์นั้นนั่งอยู่บนศาลาได้ยินเสียง หนักเข้าทนไม่ไหวไปนั่งอยู่ชายตลิ่ง ทั้ง ๒ องค์ท่านก็ไม่สนใจ ท่านก็ซ้อมกันจนจบ หลวงพ่อปานก็ไล่อภิธรรมอาจารย์เกี้ยว อาจารย์เกี้ยวตอบได้ฉาดฉานเพราะท่านคล่องมาก ตั้งวิเคราะห์ได้ทุกตัว อาจารย์เกี้ยวก็ซักวิสุทธิมรรคหลวงพ่อปาน ๔๐ กอง ให้ตอบให้ได้ ๕ ชั้น ตอบ ๕ ชั้นนะ คำว่า ตอบ ๕ ชั้น หมายความว่า พูดได้ ๕ สำนวน ตอบให้ได้ ๕ สำนวน ตั้งแต่ยากลงไปหาง่าย กล่าวคือ พูดให้คนฟังที่มีบารมีสูงจนกระทั่งเด็กเล็ก ๆ ก็เข้าใจ อธิบายแบบนั้นหลวงพ่อปานก็ทำได้ เพราะซ้อมกันหนักอยู่แล้ว พอหยุดซ้อม พระองค์นั้นลงไปแฮะ อีคราวนี้พระองค์นั้นลงไป ไปถึงไปยกมือไหว้ถามว่า พรุ่งนี้จะเทศน์แบบนี้รึ หลวงพ่อปานก็บอกว่า เทศน์แบบนี้ แกบอกว่า เทศน์แบบนี้ผมไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้อาจารย์เกี้ยวไม่พูดด้วยแล้ว อาจารย์เกี้ยวท่านไม่ใช่แบบหลวงพ่อปาน ท่านนักบู๊นี่ นักบู๊จริง ๆ พ่อนอนคลุมหัวคลุมเท้าเสีย จีวรคลุมไม่พูดด้วย ตอนก่อน ไปไหว้ไม่รับไหว้ ถามว่าจะเทศน์เรื่องอะไรไม่ตอบ ให้ไปรู้บนธรรมาสน์ ตอนนี้จะมาบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่กับหลวงพ่อปานพูดกันไปคุยกันไป อาจารย์เกี้ยวไม่คุยด้วย พอเวลาใกล้ค่ำ พระองค์นั้นก็ลากลับวัด รุ่งขึ้นเช้าก็มาเทศน์กัน พอตอนเช้าท่านถามว่าจะเทศน์เรื่องเมื่อวานนี้รึ หลวงพ่อปานตอบว่า ผมซ้อมกันมาแบบนี้ผมก็เทศน์แบบนี้ละ เทศน์อย่างอื่นผมไม่ถนัด ท่านบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ขอให้ถามท่านเบา ๆ อาจารย์เกี้ยวเอามั่งบอกว่า เฮอะ เรื่องนักเทศน์ไม่ต้องเบา ไม่ต้องหนัก เมื่อไม่มีความสามารถก็อย่าขึ้นธรรมาสน์ นั่นแน่ นักเลงโตเอาเข้าแล้ว พอขึ้นธรรมาสน์เข้าจริง ๆ ไปถามท่านเข้าท่านตอบไม่ได้ ใบลานตีกันปับ ๆ ๆ เพราะสั่น เป็นอันว่า วันนั้นหลวงพ่อปานกับอาจารย์เกี้ยวเทศน์กัน ๒ องค์ อีกองค์ไม่ต้องเทศน์
    <DD>อยู่ที่พิษณุโลกอีก ๑ เดือน ไม่ได้เว้นเลย ๑ เดือนนี่หาวันเว้นไม่ได้เลย ไปวัดโน้นไปวัดนี้ เจ้าคุณสอนเป็นคนนำ เพราะเป็นอาจารย์ของเจ้าคณะจังหวัดด้วย ชาวบ้านชอบภาษาการเทศน์ด้วย เทศน์ไพเราะจับใจมาก ว่ากันถึงเรื่องเทศน์ ลูกหลานฟังแล้วจำไว้นา นักเทศน์นี่ก็มีกิเลสเหมือนกัน นักเทศน์มีกิเลสก็เอากิเลสขึ้นไปเทศน์ เอากิเลสมาแจกชาวบ้าน แล้วชาวบ้านจะบรรลุมรรคผลได้ยังไง มันเป็นของยาก คนที่เขาสรรเสริญกิเลสเขาก็เอากิเลสแจกกัน เราเป็นผู้รับแจกก็รับแจกเอากิเลสมา แต่คนที่แจกเขาบอกว่า ไอ้นี่น่ะ ขอโทษเถอะ เขาแจกขี้นะ แต่เขาบอกว่าเพชร เขาเอาขี้หมาขี้คนหรืออะไรก็ตามที่มันเหม็นมาแจกให้เรา แต่เขาบอกว่า นี่แหละเพชร มันมีราคามาก ประดับประดาร่างกายสวยงามมาก เราไม่รู้จักนึกว่าขี้เป็นเพชรก็เลยเอาขี้มาประดับตัว แล้วมันจะสวยตามความประสงค์ไหม นี่ลูกหลานฟังแล้วก็ลองคิดดูนะ คิดไปว่ามันจะเป็นความจริงแค่ไหน สำหรับนักเทศน์ที่แบกเอากิเลสขึ้นมาเทศน์มันก็เป็นอย่างนี้แหละ สมัยฉันนี่ก็โดนมาเยอะเหมือนกัน นักเทศน์ประเภทนี้ โดนมาเยอะ แต่ทว่าเขาไม่กล้าเล่นงานฉัน ถ้าฉันได้เจอะตัวดี ๆ ละก็ ฉันถามว่าจะเทศน์เรื่องอะไร ถ้าเขาจะบอกไปรู้กันบนธรรมาสน์ ฉันท้าเลย บอกว่าวันนี้เราจะเอากิเลสขึ้นไปเทศน์น่ะไม่ต้องตั้งนะโม อย่าเอาพระพุทธเจ้ามาเกี่ยวข้อง เอากันท่านกับผม ๒ คน เท่านั้นแหละ มาเท่าไรเท่ากัน ไอ้อย่างท่านน่ะมันไม่ถึง ๓ เพลงหรอก ตกม้าตาย นี่ฉันแกล้งขู่นา ส่วนใหญ่งอก่อหมดนึกว่าฉันเก่ง แต่ความจริงถ้าเอาจริง ๆ บางทีฉันแย่เหมือนกัน ฉันน่ะมันไม่รู้อะไร เพราะเจ้าผู้นี้มันมีกิเลสนี่ เราเอากิเลสบ้าไปยันมันเข้า มันก็นึกว่าเราบ้ามากกว่ามัน มันก็เบาบ้าลงไป นี่ฉันล่อเสียหลายรายเหมือนกันแบบนี้</DD><DD>ที่มา http://www.putthawutt.com/html/menu.html</DD>
     
  2. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    จ๊าบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...