สุดยอดแห่งพระสมเด็จ ซึ่งถือเป็นเพชรน้ำหนึ่ง (พระสมเด็จโอฬาร)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 29 กันยายน 2013.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    เพราะได้ทำหน้าที่ช่วยทางวัดพิมพ์พระเช่นนี้ ผมจึงได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณใหญ่ ตลอดจนพระเถระชั้นรองของกุฏิใหญ่ และได้รับพระสมเด็จจากท่านเป็นกำนัลเป็นจำนวนมาก

    ตัวผมเองไม่มีอัธยาศัยเป็นนักสะสมหรือหวงกันสิ่งใดไว้กับตัว ดังนั้นเมื่อได้รับพระสมเด็จมาคราวใดก็มักจะเอาไปแจกให้กับบรรดาเพื่อนฝูงที่โรงเรียน หรือถ้าหากวันไหนไปเยี่ยมพ่อแม่ของเพื่อนที่บ้านก็จะนำพระสมเด็จไปมอบให้เป็นของขวัญ

    จึงทำให้ผมถูกเพื่อนนักเรียนล้อว่าเป็นหมอผี จนกระทั่งถึงวันนี้บางครั้งเมื่อปะหน้าเพื่อนนักเรียนในครั้งนั้น แม้ว่าแก่เฒ่าไปด้วยกันแล้วก็ยังเรียกล้อกันว่าไอ้หมอผีอยู่นั่นเอง

    การล้อเลียนนี้เห็นทีจะเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของคนไทยเพียงชาติเดียวเท่านั้น เพราะยังไม่เคยได้ยินหรือปรากฏว่าคนชาติอื่นๆ จะนิยมชมชอบการล้อเลียนแบบที่คนไทยกระทำกันเลย

    การล้อเลียนที่กระทำกันนั้นก็มักจะเอาของดีมาล้อเลียนให้เป็นของเสียอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เอาจุดอ่อนปมด้อยของคนมาล้อเลียนกันเพื่อทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกโปกฮา ซึ่งดูไปแล้วก็ไม่ค่อยเข้าท่าและไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เลยอีกอย่างหนึ่ง

    ดังเช่นคำว่าอรหันต์ซึ่งเป็นภาวะหรือสถานะสูงสุดในพระพุทธศาสนา กลับนำมาใช้ล้อเลียนกับความเลวร้ายต่างๆ ดังเช่นการล้อเลียนคณะกรรมการการเลือกตั้งที่โกงเลือกตั้งว่าเป็นห้าอรหันต์ หรือล้อเลียนกรรมการตัดสินการประมูลซึ่งโกงการประมูลว่าแปดอรหันต์ หรือการนำเอาลักษณะทางกายภาพที่หัวล้านหรือฟันหลอมาเป็นเครื่องล้อเลียน เป็นต้น

    เป็นการทำของดีให้กลายเป็นของเสียหรือไม่ก็เป็นการหาความสนุกขำขันจากความอับอายขายหน้าของคนอื่น ซึ่งน่าจะได้ทบทวนวัฒนธรรมแบบนี้เสียทีหนึ่ง

    พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคทรงความศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์เลื่องชื่อลือกระฉ่อนมาตั้งแต่ครั้งที่หลวงปู่นาคยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อท่านเจ้าคุณสิ้นบุญไปแล้วพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคก็ยิ่งมากค่าและหาได้ยากขึ้นทุกที แม้กระทั่งผมเองซึ่งเป็นศิษย์สำนักวัดระฆังก็ไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่องค์เดียวเพราะมีเท่าไรก็ให้คนอื่นไปจนหมด

    นี่แหละที่เขาว่าใกล้เกลือกินด่าง ความจริงไม่ได้กินด่าง แต่เป็นเพราะอัธยาศัยประจำตนที่เห็นสิ่งใดดีแล้วก็อยากจะให้ผู้อื่นได้สิ่งดีนั้นด้วย

    การไปช่วยทำพระสมเด็จทำให้ผมได้รู้จักกับคนบ้านเดียวกันซึ่งมาเป็นเด็กวัดอยู่คณะหนึ่งอีกหลายคน รุ่นพี่ๆ ก็มี 2-3 คน คือพี่วัลลภ พี่วินัย นอกนั้นเป็นรุ่นน้องๆ สำหรับพี่วินัยนั้นอยู่กับพระซึ่งเป็นอาคือพระมหาวิสุทธิ์ และเรียนกฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    ครั้นได้รู้จักมักคุ้นกันแล้ว พี่วินัยก็แนะนำว่าในวันข้างหน้าถ้ามีโอกาสก็ควรที่จะเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนวิชาความรู้ในการช่วยเหลือผู้คน จะได้นำความรู้ไปช่วยเหลือพี่น้องทางบ้านซึ่งถูกข้าราชการกดขี่ข่มเหงได้

    คนภาคใต้จะมีความรู้สึกเป็นอย่างเดียวกันว่าข้าราชการที่ส่งไปจากส่วนกลางให้ไปทำหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้นั้นไม่มีความเป็นมิตร เพราะวางตนเป็นเจ้านายเหนือประชาชน จนคนภาคใต้มักเรียกข้าราชการว่านาย และเป็นนายที่ข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎรจนสะท้อนเป็นความรู้สึกที่ตกผลึกอยู่ในหัวใจคนปักษ์ใต้ตลอดมา

    การเป็นเช่นนั้นเกิดขึ้นเพราะคตินิยมของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่มักลงโทษข้าราชการที่ไม่ดีหรือกระทำความผิดโดยการย้ายลงไปทำงานในภาคใต้ เพียงแค่คิดหวังจะลงโทษข้าราชการนั้นให้เข็ดหลาบ แต่ผลแท้จริงคนที่ถูกลงโทษก็คือประชาชนภาคใต้ เพราะคนเลวหรือคนชั่วนั้นไปอยู่ที่ไหนก็ย่อมทำชั่ววันยังค่ำ ยิ่งไปอยู่ห่างไกลสายตาของผู้มีอำนาจก็ยิ่งแสดงอำนาจบาทใหญ่ข่มเหงรังแกประชาชนมากขึ้นไปอีก

    ข้าราชการนั้นจึงไม่ได้ถูกลงโทษแต่กลายเป็นกรณีปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยจระเข้ลงน้ำ โดยประชาชนภาคใต้เป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษแทน จึงเป็นผลให้คนภาคใต้มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีต่อข้าราชการ และตกทอดต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

    ผิดกันไกลกับหลักคิดและวิธีการปกครองของจีนในสมัยโบราณ ซึ่งจะถือหลักการว่าการจะแต่งตั้งขุนนางคนใดไปทำหน้าที่ในแดนไกลจะต้องคำนึงถึงหลักการสามประการ คือ ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 15 ปี จะไม่คดโกงหักหลังผู้ใหญ่ในเมืองหลวงอย่างหนึ่ง ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีสติปัญญาความรู้เหมาะสมกับท้องที่ที่จะให้ไปทำหน้าที่อย่างหนึ่ง และเป็นผู้มีน้ำใจเมตตาอาทรต่ออาณาประชาราษฎรอีกอย่างหนึ่ง ครบสามอย่างนี้แล้วจึงจะแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่แดนไกลได้

    ศิษย์วัดคณะหนึ่งเป็นศิษย์วัดสหประชาชาติเพราะมาจากหลายภาคหลายจังหวัด ดังนั้นเมื่อมาสำนักอยู่ในคณะเดียวกัน ได้รู้จักมักคุ้นกันจึงทำให้ต่างคนต่างได้เรียนรู้ถึงการคบหาเพื่อนต่างถิ่น และได้รู้จักวิธีที่จะเรียนรู้อุปนิสัยใจคอของคนแต่ละถิ่นไปพร้อมๆ กัน นี่นับว่าเป็นอานิสงส์ของการอยู่ร่วมกันกับคนต่างหมู่ต่างเหล่าอย่างหนึ่ง

    การไปช่วยเขาทำพระสมเด็จทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักกับเด็กวัดรุ่นพี่คนสำคัญที่สำนักอยู่ที่กุฏิใหญ่ของหลวงปู่นาคที่ชื่อว่าโอฬารซึ่งเป็นคนภาคอีสาน และมีฐานะเป็นลูกหลานห่างๆ ของหลวงปู่

    ผมได้รู้กิตติศัพท์ของโอฬารมาจากลุงต๋อมก่อนแล้วว่าโอฬารนี้เป็นคนสำคัญเพราะได้สร้างพระสมเด็จโอฬารขึ้นมาจำนวนมาก

    พระสมเด็จโอฬารก็คือพระสมเด็จที่เด็กวัดคณะหนึ่งซึ่งมีโอฬารเป็นลูกพี่ใหญ่จัดทำขึ้น โดยอาศัยช่องว่างของการบริหารจัดการในการทำพระสมเด็จเป็นโอกาสในการจัดทำ

    คือเมื่อมีการพิมพ์พระสมเด็จของทางวัด ศิษย์วัดกลุ่มนี้ก็จะเอาปูนปลาสเตอร์ผสมผงอะไรต่อมิอะไรให้คล้ายๆ กับผงพระสมเด็จที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ ครั้นพอพิมพ์พระสมเด็จของวัดเสร็จแล้วก็ถือโอกาสนั้นนำผงปูนปลาสเตอร์ที่ผสมขึ้นเองพิมพ์พระสมเด็จเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง เป็นแต่ว่าไม่ได้เข้าพิธี ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกของหลวงปู่นาคและไม่ได้ผ่านกรรมวิธีใดๆ ในการปลุกเสกพระตามแบบฉบับของวัดระฆังเลย

    แต่ถ้าดูพุทธลักษณะก็จะเหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆังของแท้ทุกประการเพราะพิมพ์มาจากเบ้าเดียวกัน โดยคนพิมพ์คณะเดียวกัน เป็นแต่ไม่ได้ปลุกเสกเท่านั้น และความที่ไม่ได้ปลุกเสกนั้นไม่สามารถมองเห็นด้วยสายตาเปล่าได้

    คณะศิษย์วัดกลุ่มนี้ได้แอบจำหน่ายพระสมเด็จดังกล่าวแก่ผู้มีจิตศรัทธาทั้งที่มาขอเช่าที่วัด คือหากบังเอิญขณะนั้นไม่มีพระผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ก็จะนำพระชุดนี้ออกจำหน่าย หรือไม่ก็นำออกไปจำหน่ายภายนอก

    นับเป็นวิธีทำมาหากินที่ลงทุนน้อย กำไรมาก และอาจเป็นต้นแบบของการพุทธพาณิชย์ในยุคปัจจุบันนี้ก็ได้ แต่คงจะต่างกับการพุทธพาณิชย์ในทุกวันนี้เพราะพระสมเด็จโอฬารนั้นทำตามโอกาสสะดวก และจำนวนไม่มาก ไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันถึงขนาดลงโฆษณาจำหน่ายกันทางสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง

    เคยวิตกกังวลอยู่เหมือนกันว่าบรรดาผู้มีความศรัทธาในพระสมเด็จพระวัดระฆังหากพลั้งพลาดได้พระสมเด็จโอฬารไปแล้วจะเป็นประการใด เพราะห่วงใยว่าท่านเหล่านั้นจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่มีความศรัทธา

    แต่ในที่สุดก็เชื่อว่าอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมีมาแต่เหตุสามสถาน คือ บารมีของเจ้าประคุณสมเด็จอย่างหนึ่ง พลังจิตที่เกิดจากการปลุกเสกอย่างหนึ่ง และจิตใจที่ประกอบด้วยศรัทธาและกุศลของผู้มีจิตศรัทธาอีกอย่างหนึ่ง

    พระสมเด็จวัดระฆังของแท้ย่อมประกอบด้วยคุณลักษณะทั้งสามประการ แต่พระสมเด็จโอฬารคงขาดในประการที่สองคือพลังจิตจากการปลุกเสก แต่เมื่อผู้ครองพระสมเด็จนั้นหมั่นท่องหมั่นสวดพระคาถาชินบัญชรก็จะเพิ่มพูนพลังจิตขึ้นได้เอง และความศรัทธานั้นจะน้อมนำเอาบารมีเจ้าประคุณสมเด็จสื่อมายังองค์พระ และทำให้พระนั้นทรงความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้เหมือนกัน

    มีตัวอย่างให้เห็นเป็นจำนวนมากว่าพระสมเด็จโอฬารหรือพระสมเด็จที่แม้เป็นของปลอมแต่ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ปรากฏให้เห็นหลายหลากกรณีนักนับแต่อดีตเป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้

    โอฬารนี้มีลักษณะเป็นหัวโจกคนจริงๆ เหตุที่เรียกว่าหัวโจกโดยไม่เรียกว่าหัวหน้าก็เพราะว่าหัวหน้ากับหัวโจกนั้นต่างกัน คนเป็นหัวหน้าคนต้องรู้จักออกความคิด รู้จักใช้คนให้เหมาะสมสอดคล้องกับบุคลิกลักษณะความสามารถ รู้จักถนอมน้ำใจคน รู้จักรักษาหน้าตาผู้อื่น และมีคุณธรรมประจำตัว

    แต่คนที่เป็นหัวโจกนั้นมักไม่ค่อยมีคุณธรรมของความเป็นหัวหน้าคน แต่จะอาศัยอำนาจบางอย่างไม่ว่าอำนาจตามกฎหมาย หรืออำนาจนอกกฎหมาย หรืออำนาจที่อาศัยความเป็นวงศาคณาญาติกับผู้มีอำนาจแล้วทำตัวอยู่เหนือคนอื่น และคนอื่นซึ่งจำนนต่ออำนาจที่ว่านั้นก็ยอมตัวให้ใช้สอย ทั้งๆ ที่อาจไม่มีความนับถือศรัทธาต่อคนที่เป็นหัวโจกเลยแม้แต่นิดเดียว

    การที่ศิษย์วัดกลุ่มนี้ทำพระปลอมขึ้นจำหน่ายย่อมได้ทุนรอนเป็นจำนวนมาก เกินฐานะของเด็กวัด ดังนั้นจึงทำให้เด็กวัดกลุ่มนี้มีฐานะและความเป็นอยู่ดีกว่าเด็กวัดกลุ่มอื่นหรือเด็กวัดคณะอื่น บางคนสามารถเก็บเงินได้จำนวนมาก เป็นทุนรอนนำไปศึกษาต่อถึงต่างประเทศก็ยังมี

    พระสมเด็จแท้ที่หลวงปู่นาคทำนั้นเป็นการทำเพื่อหาเงินมาบูรณะพัฒนาวัดระฆังซึ่งเสื่อมทรุดต่อเนื่องมาแต่อดีต ศาสนสถานทั้งหลายภายในวัดทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด จะมัวรอเงินจากผ้าป่ากฐินศาสนสถานก็คงพังพินาศหมดสิ้น เพราะเหตุนี้หลวงปู่นาคท่านจึงคิดอ่านทำพระสมเด็จขึ้นเป็นอภินันทนาการแก่ผู้ที่มาทำบุญกับวัด

    พระที่หลวงปู่นาคปลุกเสกเสร็จแล้วได้มอบไว้แก่พระลูกศิษย์ซึ่งจะทำบัญชีจำหน่ายสำหรับผู้ใจบุญที่มาทำบุญกับวัด โดยหลวงปู่นาคมิได้จับต้องถือเงินหรือเก็บเงินไว้ด้วยองค์ท่านเองเลย

    ผงที่เหลือจากการทำพระแต่ละคราวก็จะเก็บใส่กะละมังไว้ แล้วขนขึ้นไปไว้บนกุฏิหลวงปู่นาค ซึ่งท่านมักจะวางไว้ข้างๆ โต๊ะหมู่บูชา

    พระที่ผ่านการทำและผ่านการปลุกเสกดังกล่าวนี้หากถึงคราววันมหาปวารณาช่วงเข้าพรรษาหลวงปู่ก็มักจะให้พระลูกศิษย์นำไปไว้ในโบสถ์ วางไว้หน้าพระประธาน โดยมีการนับจำนวนอย่างเข้มงวด ครั้นพ้นวันมหาปวารณาแล้วหลวงปู่นาคก็ให้นำพระเหล่านั้นกลับไปเก็บไว้ที่กุฏิของท่านดังเก่า ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะหลวงปู่นาคท่านรู้กรรมวิธีว่าวันเวลาและการใดที่จะอาศัยพลังแห่งความบริสุทธิ์และพลังอำนาจจิตของคณะสงฆ์เข้าเสริมพลังจิตที่ท่านเจ้าคุณได้ปลุกเสกไว้แต่เดิม

    พระสมเด็จวัดระฆังที่ผ่านกระบวนการจัดทำและกระบวนการปลุกเสกตามตำรับที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งยุคสมัยเจ้าประคุณสมเด็จนั้นจึงเป็นที่หวังและเป็นที่วางใจกันโดยทั่วไปว่าทรงไว้ซึ่งพุทธคุณ มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถปกป้องคุ้มครองภยันตรายทั้งปวงได้ และเป็นเครื่องส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้มีความศรัทธาตลอดมา

    อาจกล่าวได้ว่าการทำพระสมเด็จโอฬารคือการปลอมพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นแรกๆ และยังมีการทำปลอมกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นแต่กรรมวิธีทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่นไปทำพระสมเด็จมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วลงโฆษณาอ้างว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง ปลุกเสกที่วัดระฆัง

    ความจริงการปลุกเสกที่ว่าปลุกเสกที่วัดระฆังนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการปลุกเสกตามแบบวัดระฆังเลย เพราะเพียงแต่ขนพระใส่รถหกล้อหรือรถกระบะมาจอดไว้ที่นอกพระอุโบสถวัดระฆัง แล้วนิมนต์พระจากที่ไหนไม่รู้มานั่งสวดกันบนรถอย่างหนึ่ง หรือนิมนต์พระวัดระฆังนั่นแหละโดยไม่ได้บอกกล่าวว่าเป็นการปลุกเสกพระ แต่ทำทีเป็นทำบุญเลี้ยงพระ เมื่อเลี้ยงเสร็จแล้วพระก็ยะถา สัพพี ให้พรตามธรรมเนียม ในช่วงนั้นเองก็จะมีการต่อสายสิญจน์มาที่รถแล้วถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน คนที่เขาไม่รู้ก็พากันหลงเชื่อว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง ปลุกเสกที่วัดระฆัง


    การทำพระสมเด็จวัดระฆังปลอมขึ้นในลักษณะที่ว่านี้มีมากมายหลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ปัจจุบันนี้ทางวัดต้องห้ามการมากระทำการแบบนี้ เพราะถือเป็นการหลอกลวงมหาชนอย่างหนึ่งและทำให้วัดระฆังเสียหายต่อชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง

    แต่เป็นเรื่องแปลกที่พระสมเด็จปลอมนั้นหากจะดูให้ดีแล้วก็จะดูได้ง่ายว่าไม่เหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆังที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จวัดระฆังที่ทำขึ้นในครั้งไหนๆ

    สาเหตุอาจมาจากแบบพิมพ์พระ ซึ่งของวัดระฆังนั้นจะใช้ช่างมีฝีมือจากช่างบ้านช่างหล่อ ซึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์ถือว่าเป็นหมู่หนึ่งในช่างสิบหมู่ที่มีชื่อเสียง และถ่ายทอดสืบต่อกันมา แบบพิมพ์พระสมเด็จที่แกะโดยช่างมีฝีมือจากช่างบ้านช่างหล่อตลอดมานั้นจะมีลักษณะที่องอาจสง่างามเด่นชัด ผิดแผกจากแบบพิมพ์ที่แกะจากที่อื่นๆ

    เคยมีการสอบถามช่างแกะแบบพิมพ์พระบ้านช่างหล่อว่าเคยมีนักปลอมพระที่อื่นมาจ้างให้แกะแบบพิมพ์บ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่ามีเหมือนกัน และช่างเองก็รู้สึกแปลกประหลาดใจว่าถึงจะแกะแบบพิมพ์อย่างไรก็ไม่เหมือน ไม่มีลักษณะเด่นเหมือนกับแบบพิมพ์พระที่ทางวัดมาว่าจ้างให้แกะเลย นี่จะว่าเป็นอภินิหารของเจ้าประคุณสมเด็จอีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้
    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแกะแบบพิมพ์จากแหล่งอื่นซึ่งไม่มีวันที่จะแกะให้เหมือนกับแบบพิมพ์พระสมเด็จที่ใช้สำหรับทำพระสมเด็จวัดระฆังของแท้ได้เลย.


    Daily News - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...