สมเด็จพระราชินีทรงมีพระราชเสาวนีย์เรื่องปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Toutou, 11 สิงหาคม 2007.

  1. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    คัดลอกมาบางส่วนคะ อ่านพระราชเสาวนีย์เต็มได้ที่ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=649285#post649285

    "...และอีกอย่างที่ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าเป็นพระราชินี ตั้งแต่อายุ 17 กว่าๆ ก่อน 18 ไม่กี่เดือน จนถึง 75 ยังขอร้องอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่มีผลอะไรเลย เรือ่งต้นไม้ก็ไม่มีผลสำเร็จ ทางการก็ไม่มีกฎหมายอะไร หรือมาตรการที่จะดูแลรักษาป่า เพื่อเก็บน้ำจืดไว้ แล้วก็ ภรรยาท่านประธานาธิบดีแห่งลาว เมื่อตอนมาเยือนประเทศไทย ก็พูดกับข้าพเจ้าบอกว่า เอ๊ะคนไทยทำไมชอบตัดป่านัก ตัดป่าของตนเองเหี้ยนเตียนหมด อีกหน่อยเถอะ ระวังจะไม่มีน้ำกิน ยังก้าวร้าวเข้าไปตัดป่าในเมืองลาวอีก ลาวไม่ยอมเด็ดขาดไล่เปิดไปหมด การฟังประมุขของประเทศเขาว่าให้อย่างนี้ ข้าพเจ้าก็บอก ถูกของท่าน การตัดป่าไม้ของเราเอง โดยเราไม่มีแหล่งน้ำที่ดี เป็นการที่โง่เขลามาก และอย่างที่เวลานี้หนังสือพิมพ์ลง พอฝนตกหนักเขา เอาที่มีภูเขาสูงต่างๆ คนก็เต้นตกใจ กลัวดินถล่มลงมาทับบ้าน กระท่อมบ้านช่องของตัวเองตาย อันนั้นไม่ใช่เพราะปล่อยให้คนที่มักมากไปตัดป่าหรือ ธรรมชาติ เขาสูงเต็มไปด้วยป่า ซึ่งเวลาฝนตกมากเท่าไหร่ต้นไม้เหล่านี้จะโดยอัตโนมัติ สูบน้ำลงไปใต้ดินหมด ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะลงมา แต่ดินนั้นไม่มีวันถล่มลงมาที่มีต้นไม้และพืชต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านสอนข้าพเจ้าอย่างนี้ นี่เป็นอย่างนี้ พูดเท่าไหร่ไม่ฟังก็ต้องตายซะก่อน เห็นซะก่อนถึงจะเชื่อฟัง เพราะว่ามันต้องถล่มแน่เพราะพื้นที่เป็นที่สูงอย่างนี้ มันเป็นป่า เมื่อฝนแรงมากตกลงมา ดินมันก็ต้องถล่มลงมาทับตัวเองนั่นแหละ แล้วไม้ที่ตัวเองขึ้นไปตัดต่างๆ ก็ถล่มมากับน้ำด้วย มาทับหมดเลย ข้าพเจ้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง มาทับตาย ทำลายหมู่บ้านต่างๆ เป็นจำนวนมากก็ด้วยเหตุนี้ ทีนี้หน้าที่ของพวกเราคือว่า จะต้องกระจายข่าวไปว่า อันนี้ที่จะตายไม่ตายแหล่ก็เรื่องที่ปล่อยให้คนที่เห็นแก่ตัวไปเที่ยวตัด ถล่มป่าไม้ ไม่ดูภูมิประเทศ ไม่ดูถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่คนยากคนจนที่อยู่ชายเขา ริมเขา เพราะฉะนั้นก็หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านว่า ตั้งต้นเสียทีเถิด..."
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    [​IMG]
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ต่อไปก็ขอกล่าวขอบใจผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ประกอบคุณงามความดีและบำเพ็ญกุศลนานาประการเพื่อข้าพเจ้า เช่น หลังจาก พ.ศ.2540 มีประชาชนตกงานกันมาก ข้าพเจ้าได้ขอให้ทางสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำนองเดียวกันกับสมัยพุทธกาล ซึ่งข้าพเจ้าชอบอ่านชอบค้นอ่านดูสมัยพุทธกาลทำกันอย่างไรบ้าง ที่มีผู้ใจบุญจัดตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารคนยากคนจน สภาพสังคมสงเคราะห์ได้ช่วยมากกว่าสมัยพุทธกาล คือไปให้การสงเคราะห์ด้านอื่นๆอีกด้วย เช่น เชิญแพทย์มาตรวจสุขภาพ มีนักกฎหมายมาให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมาย มีบริษัทห้างร้าน มารับสมัครงาน มีบริการตัดผมให้ สภาสงคมสงเคราะห์ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน มีผู้ใจบุญมาร่วมงานมาก บางคนมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยบริจาคทรัพย์ สิ่งของ ที่มีกำลังสติปัญญา ก็มาให้ความรู้ ให้คำปรึกษา ที่อุทิศกำลังกายเข้ามาช่วย มาประกอบเกี่ยวกับทำอาหาร และล้างจาน ก็มี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ และชื่นชมในความมีน้ำใจ ไม่ทอดทิ้งราษฎร์ในยามทุกข์ยากของคนไทย และโครงการนี้ก็ยังดำเนินการสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ มีประชาชนได้รับความช่วยเหลือไปแล้วหลายแสนคน คณะแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดทำโครงการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกช่วยเหลือเด็กยากจน ที่ป่วยเป็นโรคร้ายในกลุ่มโรคเลือด และโรคต่อมน้ำเหลือง หลายโรค ตั้งแต่ พ.ศ.2547 มาจนถึงปัจจุบัน โดยอุทิศแรงกายแรงใจทำงานกันอย่างอดทน เพราะแต่ละโรครักษายากทั้งนั้น โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเข้าร่วมโครงการผ่าตัดหัวใจเด็กเฉลิมพระเกียรติ ช่วยเหลือเด็กยากจนที่ต้องรอการผ่าตัดจากโรงพยาบาลของรัฐนานเป็นปีๆ ให้ร่นระยะเวลาเข้ามาจนเหลือ รอรายละประมาณ 3-4 เดือน เพื่อไม่ให้สุขภาพของเด็กทรุดโทรมมาก หรือเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นมาเสียก่อน
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เท่าที่ทราบ มีเด็กได้รับการผ่าตัดไป 200 กว่ารายแล้ว นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของน้ำใจที่คนไทยมีให้แก่กัน และนับเป็นของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าสำหรับข้าพเจ้า ขอขอบใจแทนคนไทยทุกคน ที่ได้รับน้ำใจและความกรุณาจากท่านทั้งหลาย และขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่าน หวังว่าทุกท่านคงจะหายเหนื่อยทันที่ ที่เห็นคนไข้หายป่วย หรือคนยากคนจนหายหิว อันนับเป็นกุศลที่ตอบสนองน้ำใจงดงามของท่าน อย่างทันตาเห็น ข้าพเจ้าขอโทษด้วยที่เสียงบางทีก็แหบ บางทีก็หายไป เพราะกลับจากไปต่างประเทศแล้ว ก็เป็นไข้หวัด พอเสร็จจากไข้หวัดก็เป็นหลอดลมอักเสบ ตอนนี้ยังไม่หายอักเสบดี เสียงก็เลยแหบเป็นเป็ดหน่อย ต่อไปจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านทั้งหลายฟัง เริ่มด้วยเมื่อเดือนที่แล้ว วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ข้าพเจ้า เป็นผู้แทนพระองค์ไปเยือนสหพันธ์รัสเซียอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญ ของประธานาธิบดีปูติน แห่งสหพันธ์รัสเซียระหว่างวันที่ 2 -11 กรกฎาคม 2550 ตรงกับโอกาสที่รัฐบาลรัสเซีย จัดงานฉลองครบ 110 ปี ความสัมพันธ์ของไทย และรัสเซีย ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนรัสเซีย เมื่อพุทธศักราช 2440 ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคสหพันธ์รัฐรัสเซีย เป็นผู้แทนรัฐบาลรัสเซียคอยต้อนรับ และยังมีอธิบดีกรมพิธีการทูต คอยดูแลแนะนำข้าพเจ้าระหว่างที่มีพิธีการต้อนรับ มีการตรวจแถว มีพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศ ซึ่งทหารรัสเซียเดินอย่างสง่างามเป็นระเบียบ ท่าทางเข้มแข็ง ประธานาธิบดีจัดให้ข้าพเจ้าพักในพระราชวังเคลมลิน
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าได้ไปยังอนุสรณ์สถานทหารนิรนามสงครามโลกครั้งที่ 2 วางพวงมาลาเพื่อแสดงความเคารพทหารนิรนามที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวางพวงมาลาแล้ว ก็มีพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศด้วย ต่อจากนั้นข้าพเจ้าไปยังจัตุรัสแดง และวิหารเซ็นเบซิล จัตุรัสแดงเป็นสถานที่ที่สำคัญ เป็นลานหินยาว ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก บริเวณโดยรอบมีวิหารเซ็นต์เบซิล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากของรัสเซีย สร้างด้วยอิฐสีแดง มีโดมทรงหัวหอม และยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์วีรบุรุษของรัสเซีย มีหอคอยที่สูงที่สุดของพระราชวังเคลมลิน และได้ไปดูพิพิธภัณฑ์ในพระราชวังเคลมลิน ซึ่งมีโบสถ์อะสัมชัน มีภาพเขียนบนฝาผนังสวยงาม และพิพิธภัณฑ์ศาสตราวุธ อันได้ชื่อว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย เป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของพระเจ้าแผ่นดินรัสเซียทุกสมัย เป็นที่รวบรวมเครื่องเพชรนิลจินดา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชกุฏภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค ฉลองพระองค์ รถม้าทรง และพระแสงศาสตราวุธต่างๆ ไปดูพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งเก็บพระมหามงกุฎ เครื่องเพชรของพระราชวงศ์ ซึ่งปกติยังไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพใดๆ แต่ได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ถ่ายภาพและทำข่าวได้ในครั้งนี้ วันพุธที่ 4 กรกฎาคม ไปดูหอศิลป์เตรติยาคอฟ เป็นที่แสดงงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย เช่น งานศิลปะที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของรัสเซีย และภาพวาดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงชาวรัสเซีย ข้าพเจ้าได้พบคนไทย และนักเรียนไทยที่พำนักอยู่ในรัสเซีย โดยเฉพาะนักเรียนไทยหลายคนได้ไปประจำอยู่ที่พักของข้าพเจ้าเพื่อช่วยในการติดต่อ เพราะว่าภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ยากพอใช้ นักเรียนไทยก็เลยไปช่วย และอยู่ช่วยทุกตึกที่คณะของข้าพเจ้าไปพักอยู่ นักเรียนไทยของเราเก่งมาก ภาษารัสเซียนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า เป็นภาษาที่ยากที่สุด แต่นักเรียนไทยเก่ง ขยัน สติปัญญาดี ได้เหรียญทอง ได้เกียรตินิยม ซึ่งเป็นที่ประทับใจของคนรัสเซียมาก อย่างนักเรียนไทยไปได้เหรียญทองที่ 1 ของนักเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ก็เป็นที่น่าชื่นชม คนรัสเซียบอกคนไทยนี่เก่งมาก ฉลาดมาก ข้าพเจ้าเชื่อเพราะว่าภาษารัสเซียนั้นยากที่สุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งอย่างนั้น ตอนค่ำได้ไปดูบัลเลต์ชุดสวอลเลคอันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกของรัสเซีย ที่โรงละครบอลซอย เธียร์เตอร์
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันพฤหัสบดี ที่ 5 กรกฎาคม 2550 ประธานาธิบดีเลี้ยงอาหารค่ำ อย่างเป็นทางการในพระราชวังเคลมลิน พิธีต้อนรับของประธานาธิบดีโก้มาก ข้าพเจ้าเดินเข้าไปพบกับประธานาธิบดีตรงกลางห้องพอดี ซึ่งมีธงชาติของทั้ง 2 ประเทศ เรียกว่าต่างคนต่างเดินมาคนละมุมแล้วมาพบกันตรงกลางห้องที่มีธงชาติของ 2 ประเทศ ข้าพเจ้าได้นำตัวแทนนักเรียนศิลปาชีพจากแผนกต่างๆรวม 5 คน พร้อมผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ เช่น เรือทองคำ สรรพคับสลักไม้จำลอง(***) นกยูงทองคำ ขันหงส์ทองใบใหญ่ เรือพระที่นั่งศรีพระสุพรรณหงส์จำลอง ไปจัดแสดงที่ห้องมาลาไคท์ ให้ประธานาธิบดีและแขกทีได้รับเชิญมางานเลี้ยงได้ชมด้วย เมื่อคราวเดือนตุลาคม 2546 ประธานาธิบดีปูติน ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และแสดงความสนใจ ขอชมโรงฝึกศิลปาชีพที่สวนจิตรลัดดา ใช้เวลาชื่นชมอยู่กว่าชั่วโมง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นผู้นำชม พอพบกับข้าพเจ้าที่งานพระราชทานเลี้ยง ที่พระที่นั่งจักรี ประธานาธิบดีปูตินก็หันมาพูดกับข้าพเจ้าว่า ที่ท่านตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพนี้ขึ้นเนี้ยะ เพื่อต่อสู้กับความยากจนใช่ไหม ข้าพเจ้าบอกใช่ เพราะว่าเมืองไทยเดี๋ยวนี้ประชาชนมากเหลือเกิน 65 ล้าน แล้วก็รอบๆ ชายแดนก็ยังมีคนที่ยากจนมาก จึงคิดว่าต้องพยายามหาอาชีพ ให้เขาทำให้ทุกคนมีงานทำ โดยเสริมสร้างให้เขามีความรู้ ความชำนาญ ในการทำศิลปะหลายอย่าง ที่กำลังจะสูญหายไปจากประเทศไทย ซึ่งเป็นของไทยแท้ๆ ไม่มีที่อื่นในโลก ข้าพเจ้าก็คิดว่า พวกสมาชิกที่ศิลปาชีพได้ทำสำเร็จโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะเวลานี้ของเหล่านี้ได้ไปแสดงอยู่ที่ มิวนิก ที่พิพิธภัณฑ์ที่มิวนิก ประเทศเยอรมนี แล้วก็ได้รับข่าวว่า มีคนเข้าไปชมเป็นจำนวนมากตลอดเวลา ก็ทำให้นักเรียนศิลปาชีพ ซึ่งข้าพเจ้าชวนไปด้วย ได้ไปเห็นผลงานของเขา ที่ตั้งใจรักษาศิลปะของประเทศ ให้คงอยู่นั่น บัดนี้เป็นผลสำเร็จแล้ว ด้วยฝีมือของคนไทยแท้ๆ ชาวต่างประเทศที่ได้ชมฝีมือของศิลปาชีพ จะถามว่าฝีมือเหล่านี้ สำเร็จด้วยจากนักเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะ หรือข้าพเจ้าตอบว่าเปล่าเลย คนเหล่านี้เป็นลูกชาวไร่ชาวนาที่ยากจนที่สุด และที่ข้าพเจ้าเลือกมาเป็นพิเศษ เลือกจากความยากจน ใคร ครอบครัวไหนยากจนที่สุด แล้วมีลูกมากที่สุด จะเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงเลือกมาแล้วมาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ที่ตึกเก่าๆ ที่ดั้งเดิมเป็นที่อยู่ของเจ้านายต่างๆ มากมายก่ายกอง ข้าพเจ้าให้เขาอยู่ที่นั่น แล้วมาทำการฝึกฝนที่จิตรลดา ในเรื่องเกี่ยวกับถมทอง แล้วก็การแกะสลักแบบไทยต่างๆ แล้วก็อะไร จรุงจิตต์อยู่ไหน คร่ำ ตอนนี้ชักจะแสดง 75 ฝีมือคร่ำข้าพเจ้าเกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อเลย ปรากฏว่าไปพบคนแก่มากแล้ว 70 ที่ในวังหลวง ที่ทำคร่ำบนดาบ แกอายุ 70 กว่าแล้วแต่พยายามสอน แต่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับข้าพเจ้าว่า ลุงจะบอกว่า พระราชินีนี่แปลกจริง คร่ำเขาทำบนเหล็กที่ดาบเท่านั้นเอง นี่พระราชินีจะทำให้แต่งที่โน้นแต่งที่นี่ อะไรต่างๆ ท่านแปลกจริงๆ เราก็เห็นว่าลุงแกแปลก ทำไมถึงไม่พยายามรักษาคร่ำ วิชาการคร่ำ จะทำเฉพาะที่ดาบอยู่อย่างนี้ ก็ทะเลาะกันอยู่พักนึง ในที่สุดแกก็ยอม
     
  8. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    พระราชินีไม่สบายนะ ยังเสด็จมางานและมีพระราชเสาวนีย์ประจำปีอีก
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2550 เป็นวันที่ข้าพเจ้าเดินทางจากกรุงมอสโกไปยังนครเซนต์ปีเตอร์เบิร์กส มีพิธีส่งอย่างเป็นทางการ ที่สนามบิน ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และมีการสวนสนาม ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในการสวนสนาม รู้สึกว่าสง่าเหลือเกิน และงดงามมาก ไม่ทราบว่าทหารหน่วยใด แต่มาคอยต้อนรับเวลาแขกเมืองมาเยี่ยมรัสเซีย หลังจากเสร็จการอื่นแล้วเขาจะเชิญแขกเมืองไปยืนอยู่ในที่ที่ เพื่อเกียรติยศ และทหารรัสเซียจะสวนสนาม ซึ่งโก้เหลือเกินโก้มาก ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหน มีการสวนสนาม เช่น ตอนมาถึง โดยมีผู้แทนรัฐบาล คนที่มารับคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาภูมิภาค เป็นผู้แทนรัฐบาลมาส่ง ซึ่งท่านเป็นคนที่ดูน่ารักที่สุด และคอยระมัดระวังคอยแนะนำข้าพเจ้าให้ยืนตรงไหน คอบกระซิบ และหนหนึ่งลมแรงเหลือเกิน ข้าพเจ้าซึ่งก็อ้วนขนาดนี้ก็ยังเซ รัฐมนตรีรีบเอื้อมมือมาประคองกลัวจะล้มลงไป เมื่อถึงนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นผู้หญิง ชื่อ มิสซิสวาเลนตินา อินเนิฟนามัถยินเวนนโก มาคอยรับ และก็ได้ทราบข่าวว่า ผู้ที่มารับข้าพเจ้าที่เป็นผู้ว่าราชการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ต่อไปก็มีหวังอาจจะเป็ฯประธานาธิบดีหญิงของรัสเซียก็เป็นได้ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เคยเป็นเมืองหลวงของรัสเซียมาก่อน นับได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป และได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังปีเตอร์ฮอร์บ ข้าพเจ้าได้ดู
    (ตัดเข้าเคารพธงชาติ)
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเคยเป็นเมืองหลวงของรัสเซียมาก่อน นับได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังปีเตอร์โฮฟ ข้าพเจ้าได้ดูแต่ข้างนอก และได้ทรงฉายพระ บรมฉายาลักษณ์คู่กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2440 ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ทางการทูต จากสนามบิน ข้าพเจ้าเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานวีรชนผู้ปกป้องกรุงเลนินกราด ซึ่งเป็นที่ระลึกถึงทหารประชาชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องกรุงเลนินกราด ก็คือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อวางกระเช้าดอกไม้ ข้าพเจ้าจะเดินอยู่ตรงกลางข้างหลัง และมีทหาร ซึ่งโก้มากเลย 2 คน เชิญกระเช้าดอกไม้ชูขึ้นระดับอกของเขา และเดินไปกับเพลงเป็นพิเศษของเขา ตามจังหวะสง่างามมาก และข้าพเจ้าเดินอยู่ข้างหลังของทหารนี้ พอถึงที่หมายทหารจะไปวางกระเช้าดอกไม้ หรือว่าช่อดอกไม้อะไรก็ตาม ที่หน้าอนุสาวรีย์ แล้วถอยมาให้ข้าพเจ้าเดินเข้าไปแตะที่กระเช้าดอกไม้นั้น และถอยหลังมายืนสงบ ระลึกถึงวีรกรรมของทหารและประชาชนที่เสียสละชีวิตปกป้องกรุงเลนินกราด ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนี้ ทางรัฐบาลรัสเซียให้ข้าพเจ้าพักที่เนชั่นแนล คองเกรส พาเลซ
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2550 ไปวางพวงมาลายังที่ฝังพระบรมศพพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ปีเตอร์แอนด์ ปอล พวงมาลานี้ เป็นพวงมาลาดอกพุดตานทำด้วยทอง นาก และเงิน เป็นฝีมือนักเรียนศิลปาชีพ สวยงามมาก นักเรียนศิลปาชีพเป็นคนทำพวงมาลานี้ และข้าพเจ้าได้โอกาสไปเยี่ยมชมเรือรบหลวงออโรรา ซึ่งเป็นเรือสำคัญที่เคยมาเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในเรือมีสิ่งของพระราชทาน และตราประจำพระองค์ด้วย ข้าพเจ้าได้ไปชมพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจมิวเซียม หรือพระราชวังฤดูหนาว ซึ่งเป็นที่เก็บศิลปวัตถุล้ำค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย และโลก โดยสมเด็จพระจักรพรรดินีแคทเธอรีน มหาราชินีได้ทรงรวบรวมศิลปวัตถุ ที่พระราชวงศ์โรมานอฟเก็บสะสมไว้เป็นอันมาก ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 มหาราช ในพิพิธภัณฑ์นี้มีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม เหรียญตรา รวมทั้งหนังสือมากมาย
    ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังชมพิพิธภัณฑ์อยู่นี้ มีผู้นำโทรศัพท์มาให้ข้าพเจ้า บอกว่าประธานาธิบดีปูตินขอพูดโทรศัพท์กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ ข้าพเจ้าก็รับโทรศัพท์ ท่านประธานาธิบดีปูตินถามว่าทรงพระสำราญดีมั้ย ทรง ได้ทอดพระเนตรสิ่งที่สนพระทัยหรือเปล่า น่ารักมาก ข้าพเจ้าไม่นึกว่าประธานาธิบดีปูติน จะรับเสด็จอย่างเป็นกันเองและน่ารัก ทราบแต่ว่าประธานาธิบดีปูตินนั้น สนิทอยู่กับท่านนายกฯสุรยุทธ์ เพราะฉะนั้นก็คอยดูแลข้าพเจ้าแทนท่านนายกฯ มีโทรศัพท์ถามมาว่าเรียบร้อยมั้ย ทรงพระสำราญมั้ย

    ได้ชมเชิงเทียนทองคู่รูปหงส์ และพานแว่นฟ้าทองสองชั้นบนหงส์ เป็นของที่ระลึก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศเป็นมกุฎราชกุมาร และเสด็จมาเยือนประเทศสยาม เมื่อ พ.ศ.2434 และยังได้เสด็จไปประทับกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชวังบางปะอิน ชมนาฬิกามยุรา คือนาฬิการูปนกยูงทองคำ อันนี้สวยมาก น่าตื่นตาตื่นใจ สร้างโดยนายช่างชาวอังกฤษ ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งกลไกยังทำงานได้ดี นกยูงตัวเกือบเท่าตัวจริง นกยูงตัวจริง แต่อยู่ในตู้กระจกใหญ่ กลไกยังทำงานได้ดี นกยูงสามารถรำแพนหางและหมุนได้ตามเวลาที่กำหนด เวลาค่ำกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ของไทยประจำนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลี้ยงอาหารค่ำ ข้าพเจ้าที่พระราชวังคอนสแตนติน มีการแสดงระบำพื้นเมืองรัสเซีย สวยเหลือเกิน จนบัดนี้ยังไม่ทราบว่าเขาทำท่าไหน ดูเท้าเขาก็ยืนบนพื้นนี่ แต่ดูเหมือนกับว่าลอย เคลื่อนไหวลอยเรี่ย อันนี้ประหลาด พวกเราถามกันว่าอันนี้เขาทำยังไง ผู้หญิงที่แต่งตัวแบบชาวบ้าน ของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทำไมถึงดูเหมือนกับว่าไม่ได้เดิน ไม่ได้อะไรเลย แต่ทำไมดูเหมือนลอยอยู่อย่างนี้ การแสดงระบำพื้นเมืองชุดนี้ ประธานาธิบดีได้สั่งการด้วยตนเอง ให้ส่งคณะนาฏศิลป์ของสำนักประธานาธิบดีมาแสดงให้ชม
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2550 มหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งปัจจุบันมีอธิการบดีเป็นผู้หญิงมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาภาษาและวัฒนธรรมตะวันออก แก่ข้าพเจ้า เนื่องในภารกิจการที่ว่า ช่วยต่อสู้แก้ปัญหาความยากจนเพื่อประชาชน การส่งเสริมสันติภาพโลก และมิตรภาพระหว่างประเทศ การพัฒนาอาชีพและการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย มหาวิทยาลัยนี้ เป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งแรกในรัสเซีย และเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก

    ประธานาธิบดีปูติน รวมทั้งบุคคลสำคัญหลายคนของรัสเซีย สำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยนี้ มีประเพณีปฏิบัติของมหาวิทยาลัยที่อธิการบดีจะต้องตั้งคำถามผู้ที่จะได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ตั้งคำถาม 3 ข้อ คือ ท่านพร้อมที่จะส่งเสริมสันติภาพและมิตรภาพระหว่างมนุษยชาติหรือไม่ ท่านพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มกำลัง ในการสนับสนุนให้เยาวชนที่มีความสามารถ ได้บรรลุจุดมุ่งหมายทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ท่านสมัครใจที่จะรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กหรือไม่ และเจ้าหน้าที่เขาสอนข้าพเจ้าก่อนแล้วที่จะมีคำถามนี้ ทีแรกเขาขอให้ข้าพเจ้าตอบเป็นภาษาไทย และจะมีล่ามพูดภาษารัสเซีย แต่ตอนหลังเขาขอร้องว่า ขอให้ข้าพเจ้ารับคำว่า เยส เป็นภาษารัสเซีย 3 หน ซึ่งก็ไม่ยาก พูดว่า ดา ดา (DA) แต่ข้าพเจ้าเสียท่าไป
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม ไปชมมหาวิหารเซนต์ไอแซค ซึ่งเป็นวิหารใหญ่ที่สุดของรัสเซีย สร้างด้วยศิลปะ คลาสสิก ผสมกับบารอค โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนและฝรั่งเศส ใช้เวลาก่อสร้างนานนับ 100 ปี ที่นั่นข้าพเจ้าได้ไปพบกับนักเรียนไทย บางคนไปรอพบข้าพเจ้าที่นั่น และเขาบอกว่าชื่นใจเหลือเกินที่ข้าพเจ้าคิดแบบชุดไทยขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้เวลาเห็นใครใส่ชุดนั้น เขาเดินตรงรี่ไปทักทายได้ รู้ว่าเป็นคนไทย ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่กล้าไปทัก ไม่ทราบว่าเป็นชาติไหน ทีหลังก็ไปชมบริษัทอัญมณีอานานอฟ ซึ่งมีนายอันเดร อานานอฟ เป็นเจ้าของ เป็นหัวหน้านักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของรัสเซียในปัจจุบัน เขาได้รับรางวัลระดับนานาชาติเป็นอันมาก ช่างของบริษัทอานานอฟสามารถสร้างไข่ ประดับอัญมณีและเครื่องลงยาได้งดงามคล้ายคลึงมากกับผลงานของคาร์ล ฟาแบร์เช่ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในปลายราชวงศ์โรมานอฟ ไม่ใช่มีชื่อเสียงเฉพาะที่รัสเซียและยุโรป มีชื่อเสียงไปทั่วโลกหมดเลย ซึ่งผลการลงยาของเขา สมัยนี้ยังไม่มีใครสามารถลงยาได้เช่นนั้น

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงสั่งให้ฟาแบร์เช่ลงยาพระบรมรูปพระราชโอรส พระราชธิดาของพระองค์ ซึ่งเป็นเข็มกลัด ซึ่งข้าพเจ้ายังมีอยู่ในปกของตัวข้าพเจ้าเองเลย สมัยนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงซื้อผลงานของฟาแบร์เช่ไว้หลายชิ้น เมื่อคราวที่ประธานาธิบดีปูตินไปเยือนประเทศไทย มาขอดูที่รัชกาลที่ 5 ทรงสั่งซื้อเอาไว้ โดยฝีมือฟาแบร์เช่นี้ นายอานานอฟมีน้ำใจ อนุญาตให้นักเรียนศิลปาชีพที่ติดตามข้าพเจ้าไปเข้าชมขั้นตอนการผลิตเครื่องลงยาและอัญมณีของบริษัทอนานอฟด้วย ไปชมพระราชวังสมเด็จพระจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 มหาราชินี ที่เราได้ยิน ได้อ่านตามหนังสือต่างๆ ตามต่างประเทศว่าแคทเธอรีน เดอะเกรท พระราช-วังนี้ตกแต่งอย่างงดงามอลังการ ห้องที่งดงามที่สุด เป็นห้องอำพัน อำพันนี่ ข้าพเจ้าทีแรกไม่ทราบว่าคืออะไร แต่ตอนหลังเขาอธิบายให้ฟังว่าอำพัน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า แอมเบอร์ คือยางไม้ เป็นไม้สมัยเมื่อหมื่นปี หลายพันปี จึงแข็ง มีสีเหลืองสองสี เหลืองเหมือนวิสกี้ และเหลืองแจ่มใสอีกเหลืองหนึ่ง มีค่าที่ว่าเป็นยางไม้ ธรรมดา แล้วก็อยู่จนกระทั่งแข็งตัวเป็นก้อน อันนี้แปลกมาก
    จากนั้นข้าพเจ้าได้ไปนั่งรถม้าชมสวนของพระ ราชวังนี้ ซึ่งสวยงามมาก และตลอดทางมีคนรัสเซียที่นำข้าพเจ้าไปด้วย และมีนักเรียนไทยที่เป็นผู้แปลภาษารัสเซีย นักเรียนไทยผู้หญิงเก่งมากเลย แปลอย่างละเอียด-ลออ ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่าคนไทยของเราเก่ง เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้แปลอย่างลึกซึ้งให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทราบกันว่าภาษารัสเซียยาก แต่เพราะแค่ ด๊าคำเดียว ข้าพเจ้ายังพูดผิดพูดถูก ผิดจังหวะไปหน่อย แต่เขาก็ดี ก็น่ารัก ก็ฮากัน ไม่ตั้งใจหัวเราะเยาะ แต่อดขำไม่ได้ ฮาผิด ด๊าผิดจังหวะ
     
  14. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม ข้าพเจ้าจึงได้อำลาประเทศรัสเซีย มีการส่งเสด็จอย่างงดงาม มีการสวนสนามอย่างเดิม ซึ่งข้าพเจ้าชื่นชมมากเลย นายทหารรัสเซียที่สวนสนาม สง่ามาก วิธีที่เขาเชิดหน้าขึ้นไปแล้วก็เดินนี่ โอ้โห แต่ว่าที่เขาเชิดหน้าขึ้นไป แต่ตาเค้ามองข้าพเจ้า ทุกคนเหลือบตามอง แล้ววันจันทร์ข้าพเจ้าก็ลาเพื่อนๆ รัสเซีย ออกเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน อันนี้ข้าพเจ้าได้ขอ พระราชทานอนุญาตแล้ว ขอร้องไว้แล้วกับด็อกเตอร์จิรายุว่า ขอไปพักที่ซัลบวร์กก่อนที่จะไปเยอรมัน ข้าพเจ้าไปที่ออสเตรียก่อน ที่ซัลบวร์ก ไม่ว่าไปที่ไหน คนไทยจะมารับมากมายก่ายกอง อย่างที่ซัลบวร์ก คนไทย ผู้หญิงไทยมารับแล้วแสดงความจงรักภักดี ลงหมอบกราบและถวายดอกไม้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ข้าพเจ้าก็กระซิบเขา แต่กระซิบมานานแล้วตั้งแต่ข้าพเจ้าไปเนเธอร์แลนด์ ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้หญิงไทยที่แต่งกับชาวเนเธอร์แลนด์ลงกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับข้าพเจ้าและร้องไห้ ข้าพเจ้าบอกว่าอย่าลงกราบ เดี๋ยวฝรั่งเขาว่าเอา ผู้หญิงไทยนั้นก็พูดว่าฝรั่งมันจะว่าอะไรก็ช่างหัวมัน สำเนียงเด็ดขาดมากเลย
    นี่ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าบอกอย่าลงกราบ เขาก็บอกช่างหัวมันปะไร ขอกราบที เขาร้องไห้ เขาบอกว่าเห็นหน้าท่านก็คิดถึงบ้าน คิดถึงบ้านเมืองของตัวมากเชียว ข้าพเจ้าเองไม่เคยคิดว่ามีผู้หญิงไทยแต่งงานไปกับคนเยอรมันมากเช่นนี้ และมาแสดงความรักกันเต็ม เอาดอกไม้มาให้ ฝรั่งตกตะลึงตาค้าง ที่เห็นคนไทยมาแสดงความรักความชื่นชม นับเป็นบุญของข้าพเจ้า เพราะบางครั้งคนของประเทศนั้นๆมาโห่ร้องประมุขประเทศของเขาเองเช่นกันแต่ของข้าพเจ้านี่มาแสดงความรัก มาจูบมือ มากอด ข้าพเจ้าไปพักที่ซัลบวร์ก ที่กรุงออสเตรียได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง ธรรมชาติที่นั้นสวยเหลือเกิน ข้าพเจ้าขอร้องว่าขอไปที่นั้นเพราะว่า 15 ปี แล้วไม่ได้โผล่ไปเลยและข้าพเจ้าก็ถือโอกาสไปช็อปปิ้งเอง แต่ตอนนี้สนุกเลย ประเดี๋ยวเดียว ที่โรงขายกระเป๋า ที่ร้านขายกระเป๋าหนังต่างๆ มีคนออสเตรียมามุงแน่นเลย ขี่คอกันเองก็มี และเขาพูดกัน เขามาคอยดูข้าพเจ้า เขาบอกต้องมาคอยดูสิริกิติ์หน่อย ไม่ได้เห็นมาตั้งนานแล้ว เขาเถียงกันเองว่าสิริกิติ์ป่านนี้จะอายุเท่าไหร่ เขานับกันไปใหญ่แล้วก็ตัดสินว่าอ้อ 60 ข้าพเจ้าได้กำไรอีกตั้งเยอะ ออกมา เขาก็แสดงความรัก โบกมือให้ ให้ดอกไม้อะไรต่ออะไร แสดงความรักมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าเองไม่ได้โผล่ไป 15 ปี ไม่ได้พบเขาเลย แต่ยังอุตส่าห์จำได้ ยังฝังใจชื่อนี้อยู่ แต่เขานับกันเองว่า 60 แล้ว
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2550 ข้าพเจ้าอยู่ที่เยอรมัน อยู่ที่เมืองมิวนิก แต่ว่า ประธานาธิบดี ภรรยาประธานาธิบดีเยอรมัน มิสซิสเอวาลูอิดเซอร์เทอร์เลอร์ ขอร้องให้ข้าพเจ้าแวะไปที่เบอร์ลิน อยากจะเชิญไปเลี้ยงน้ำชา และมีข้อข้องใจสงสัยอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับการทำงานของข้าพเจ้า เธอพูดน่ารัก เธอบอกข้าพเจ้าได้ทำงานในฐานะสตรีหมายเลข 1 ของประเทศไทยมาเป็นเวลานานโดยที่ยังมีคนชื่นชม ก็อยากจะทราบว่าทรงงานอย่างไรบ้าง แล้วที่ไปที่นั่น เธอสนใจซักถามเกี่ยวกับงานที่ข้าพเจ้าทำว่า ช่วยเหลือราษฎรนี่ช่วยเหลืออย่างไร ในเรื่องความเป็นอยู่ให้เขาอยู่ดีกินดีขึ้น มีอาชีพทำ และช่วยเหลือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บรึเปล่า ข้าพเจ้าภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องพอที่จะอธิบายเช่นนั้น เลยขอให้ด็อกเตอร์จิรายุ แปลงานของข้าพเจ้า นานกว่าชั่วโมงเพราะเธออยากทราบว่าช่วยเหลือราษฎรอย่างไรบ้าง วิธีไหนบ้าง จะเข้าไปพบราษฎรอย่างไร และงานศิลปาชีพสร้างขึ้นมาอย่างไร ข้าพเจ้าบอกด็อกเตอร์จิรายุ ความจริงข้าพเจ้าบังเอิญไปเห็นราษฎรที่มาเฝ้าแสนยากจน ที่อีสานยากจนเหลือเกิน เห็นผ้าซิ่นที่เขาใส่ แลบออกมาจากซิ่นตัวใหม่หน่อยที่เขาใส่มารับข้าพเจ้า เห็นผ้าซิ่นข้างในนั้น สวยเหลือเกิน เป็นลายเก่าโบราณ ข้าพเจ้าเลยขอเขา ให้เรียกเขามากระซิบตัวต่อตัวว่า ลายนี้อย่างที่แม่ใส่อยู่นี่ ข้างในนี่ทอให้พระราชินีได้มั้ย เขาตอบว่าเอาไปทำไมกัน ถ้าฉันทอ ทอให้ได้ แต่เอาไปทำไม เพราะไอ้ผ้าอย่างนี้ คนใช้ในกรุงเทพฯเท่านั้นที่ใส่กัน ไม่มีใครใส่หรอก ข้าพเจ้าก็บอก ฉันสัญญาว่า ถ้าแม่ทั้งหลายทอให้ฉัน ฉันจะใส่ไปงานไปการให้เป็นที่ประจักษ์ว่า มัดหมี่ของชาวอีสาน นี่สวยสุดขีดยังไง เขาก็บอกว่า เอางั้นตกลง ถ้าท่านยอมว่า จะซื้อของเขาเขาตกลง เขาบอกไม่งั้น เขาทอ ปู่ยาตายายสอนเขามา เขาทอแล้วไปขายในท้องตลาด โดนเถ้าแก่กดราคาเสียจนพูดแล้วก็ร้องไห้ จนกระทั่งไม่ทราบจะนั่งทอ อดหลับอดนอนตลอดคืนไปทำไม เขาเลยตั้งใจว่าทิ้งเลยศิลปะนี้และข้าพเจ้าบอกรับรอง ถ้าเผื่อทอให้พระราชินี พระราชินีใส่ ข้าพเจ้าได้ทำตามคำมั่นสัญญาแล้ว ไปที่ประเทศต่างๆในโลกก็ใส่มัดหมี่ตลอดเวลา มีช่างมีชื่อเสียงของฝรั่งเศส ของอิตาลี เป็นผู้ที่ออกแบบ เพราะให้ข้าพเจ้าออกแบบเอง คงออกแบบไม่ทราบว่าใจคอของคนต่างประเทศจะคิดชื่นชม หรืออยากซื้อใช้ได้อย่างไร เลยให้ ช่างฝรั่งเศส ช่างอิตาลี มาออกแบบและใส่ไปต่างประเทศ ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าไปได้เห็นด้วยตาตนเอง เดี๋ยวนี้มีผ้ามัดหมี่ตั้งวางที่ตู้กระจกที่ปารีส เพื่อโฆษณาถึงผ้ามัดหมี่นี่
    ภรรยาท่านประธานาธิบดีเยอรมันน่ารักมาก และพูดภาษาอังกฤษเก่ง ข้าพเจ้าเวลานั่งรถผ่านไปและกลับไปนอนที่โฮเต็ลที่เบอร์ลิน ผ่านไปเพื่อจะไปที่ทำเนียบของประธานาธิบดี เห็นโอ้โฮ ตลอดทางถนน เขารักษาป่าเหลือเกิน รัสเซียเหมือนกัน ข้าพเจ้าดูแล้วบอก เอ๊ะ ทำไมคนไทยถึงชอบตัดต้นไม้นัก ทั้งๆ ที่ถูกแล้วเวลานี้ เรามีน้ำใช้ น้ำกิน แต่ทำไมคนไทยถึงชอบตัดต้นไม้นัก ซึ่งข้าพเจ้าสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ จนแก่ จนบัดนี้ก็ยังไม่สำเร็จเลย พยายามพูดรัฐบาลทุกรัฐบาลเลยว่า ถ้านี่ต่อไป อันนี้เพิ่งอ่านพบว่า ถ้าป่าเสื่อมสูญไป น้ำจืดที่เราจะมีกิน มีใช้ก็จะน้อยมาก ทางองค์การโลกได้พยากรณ์ ไว้ว่า อีกประมาณ 20 ปี น้ำจืดจะขาดแคลนอย่างมาก จะเป็นของที่หายากมาก คือหนังสือที่ลงนี่ เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงของโลก ข้าพเจ้าก็จึงเชื่อว่าเป็นความจริง
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    อยากจะมาพูดให้ท่านนายกฯ และทุกๆ คนฟังว่า เพื่อลูกหลานของเราเอง ชีวิตลูกหลานเราเอง เพื่ออนาคตของประเทศไทย ให้มีมาตรการรักษาป่าไว้ให้ได้ ถึงแม้ จะลำบากหน่อย เพราะป่าของไทยเป็นป่าสัก ไม้มะค่า ไม้ตะเคียน ล้วนแต่ขายได้แพงลิบ แต่น่าจะพยายาม พยายามที่จะรักษาป่าไม้ของไทยเอาไว้ เช่น บริเวณหัวหิน ปลูกสน ก็ปลูกไป อย่างน้อยเวลาที่ฝนตกลงมามากๆ ต้นไม้เหล่านี้จะดูดน้ำไว้ใต้ราก ที่รากของเขาใต้ ต้นจะรักษาน้ำในแผ่นดินเอาไว้ให้เราได้ใช้ และประเทศ ไทยไม่ได้มีแหล่งน้ำเหมือนกับประเทศพม่า ประเทศพม่ามีแหล่งน้ำ น่าอุ่นใจมาก ประเทศไทยเราไม่มีแหล่งน้ำอะไรเลย ต่อไปเราอาจจะต้องซื้อน้ำจากต่างประเทศ ซึ่งก็จะเป็นที่น่าสงสารคนไทยที่ยากจนมาก

    ข้าพเจ้าเคยพูดเช่นนั้น ข้าราชการที่ข้าพเจ้าจำชื่อและตำแหน่งของเขาไม่ได้แล้วที่ทางภาคอีสาน เขาบอกข้าพเจ้า ท่านอย่าวิตกไปมากไปเลยเรื่องน้ำนี่ เรานี่มีแม่โขงทั้งแม่โขงอยู่จังหวัดต่างๆ เราก็ทดแม่โขงของเรามาก็สิ้นเรื่อง เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าใจหายว่า เขาผิดถนัดเพราะว่าได้เห็นหน้าปกของนิตยสาร ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นไทม์ และข้อความในนิวสวีคว่า แม่โขงเดี๋ยวนี้แห้ง ปลาบึกก็อยู่ไม่ได้แล้ว แห้งเกือบผาก คนไทยที่มีอาชีพจับปลารับประทาน หน้าแห้งตามๆกัน เพราะว่าต้นน้ำของแม่โขงอยู่ที่ประเทศจีน ผืนแผ่นดินใหญ่ แน่นอนว่าจีนผืนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีประชากรมากมาย เขาก็ต้องดูแลประชาชนของเขาทั่วถึง เขาเพียงกักเก็บแม่โขงที่อยู่ในผืนแผ่นดินเอาไว้ ผลคือแม่โขงแห้งผาก

    ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสไปพูดกับข้าราชการทางอีสานคนนั้น ที่ว่าท่านอย่ามาวิตกเสียงเขารำคาญข้าพเจ้า ท่านอย่ามาวิตกให้มากเรื่องน้ำ ปรากฏว่าข้าพเจ้าถูก เพราะว่าเวลานี้ ทางองค์การโลกขอร้องให้ทุกคนช่วยกันเก็บน้ำจืดไว้ให้ดี ซึ่งข้าพเจ้าอยากจะขอร้องทุกท่านให้ช่วยประเทศไทย ให้ช่วยราษฎรไทยต่อไปลูกหลานท่านเองในอนาคต
    อย่างข้าพเจ้าขอร้องเรื่องการตัดป่า ได้ขอร้องท่าน นายกฯท่านไปแล้วว่า มีกฎหมายใด มีวิธีใดที่จะรักษาป่า เพราะว่าไม้แต่ละต้นนี่ ถ้าเป็นพันธุ์ไม้ใหญ่ จะเก็บน้ำจืด ไว้จำนวนมากมาย และปล่อยออกมาเป็นลำธาร และตลอด จนถึงเป็นแม่น้ำ และอีกอย่างที่ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องพวกท่าน เพราะข้าพเจ้านี่เป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ 17 กว่าๆ ก่อน 18 ไม่กี่เดือน จนถึง 75 ยังขอร้องอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่มีผลอะไรเลย เรื่องต้นไม้ เต้นอยู่ตลอดก็ไม่มีผลสำเร็จ แอบตัด ทางการก็ไม่มีกฎหมายอะไร หรือมาตรการที่จะดูแล รักษาป่าเพื่อเก็บน้ำจืดไว้ แล้วภรรยาท่านประธานาธิบดีแห่งลาว เมื่อตอนมาเยือนประเทศไทย พูดกับข้าพเจ้า บอก ว่า เอ๊ะคนไทยนี่ทำไมชอบตัดป่านัก ตัดป่าของตนเองเหี้ยน เตียนหมด อีกหน่อยเถอะระวังจะไม่มีน้ำกิน ยังก้าวร้าวเข้าไปตัดป่าเมืองลาวอีก ลาวไม่ยอมเด็ดขาด ไล่เปิดไปหมด
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    การฟังประมุขของประเทศเขาว่าให้อย่างนี้ ข้าพเจ้า บอกถูกของท่าน การตัดป่าไม้ของเราเองโดยเราไม่มีแหล่ง น้ำที่ดีนี่ เป็นการที่โง่เขลามาก และยังที่เวลานี้หนังสือพิมพ์ ลงพอฝนตกหนัก ที่มีภูเขาสูงต่างๆคนก็เต้นตกใจ กลัว ดินถล่มลงมาทับบ้าน กระท่อม บ้านช่องของตัวเองตาย อันนั้นไม่ใช่เพราะปล่อยให้คนที่มักมากไปตัดป่า หรือ ธรรมชาติเขาสูงนี้เต็มไปด้วยป่า ซึ่งเวลาฝนตกมากเท่าไร ต้นไม้เหล่านี้จะโดยอัตโนมัติ สูบน้ำลงไปใต้ดินหมด ส่วน น้อยเท่านั้นที่จะลงมา แต่ดินนั้นไม่มีวันถล่มลงมา ที่มี ต้นไม้และพืชต่างๆ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านสอนข้าพเจ้าอย่างนี้ บอกว่า เป็นอย่างนี้ และพูดเท่าไรไม่ฟัง ก็ต้องตาย เสียก่อนถึงจะเชื่อฟัง เพราะว่ามันก็ต้องถล่มแน่ เพราะพื้นที่ มันเป็นที่สูงอย่างนี้ มันเป็นป่า พอฝนแรงมากตกลงมา ดินต้องถล่มลงมาทับตัวเองนั่นแหละ แล้วไม้ที่ตัวเองเพิ่ง ไปตัดต่างๆก็ถล่มลงมากับน้ำด้วย มาทับหมดเลย ข้าพเจ้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง มาทับตาย มาทำลายหมู่บ้านต่างๆ เป็นจำนวนมากด้วยเหตุนี้
    ทีนี้ หน้าที่ของรัฐพวกเราคือว่า จะต้องกระจายข่าว ไปว่า อันนี้ที่จะตายไม่ตายแหล่ก็เรื่องที่ปล่อยให้คนที่ เห็นแก่ตัวไปเที่ยวตัดถล่มป่าไม้ไม่ดูภูมิประเทศ ไม่ดูถึง อันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่คนยากคนจนที่อยู่ชายเขา ริมเขานี่ เพราะฉะนั้น ก็หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านว่าตั้งต้นเสียทีเถอะ และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าหนักใจอย่าง ยิ่ง ก็จะเล่าไปถึงเมื่อตอนข้าพเจ้าเล็กๆ หมายถึงอายุ 9 ขวบ 10 ขวบ อะไรที่จำความได้ดี จะเห็นในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าบ้านข้าพเจ้า บ้านข้าพเจ้าอยู่ที่เทเวศร์นี่เอง ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเห็นประชาชนเขามาลงแหทอดแห และเห็นเขา ดึงปลา และปู และกุ้งก็เยอะแยะเลยขึ้นมา เป็นคนยากจนจริงๆ คุณแม่ของข้าพเจ้าบอก แหมน่าจะขอซื้อปลาปูกุ้ง อะไรของเขาที่เขามาทอดแหนี่ ซึ่งตกลงซื้อเขามากำลังสดมากเลยตอนนั้น สมัยต้นสงครามโลก แต่คนไทยยังมี อาหารรับประทาน ยังมีอาชีพเรียกว่า ทอดแหตกปลา มีอาชีพ ซึ่งจะนำอาหารไปให้ครอบครัวลูกเล็กๆรับประทานได้ แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่ทราบ รู้สึกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาเกรงว่าจะถูกทำลายมากแล้ว โดยต้องขอให้ทุกท่าน โดย เฉพาะทางราชการมีมาตรการพิเศษ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพันธุ์ ปลาหลายชนิดคงจะสาปสูญหายไปเลย หายไปเลยไม่มีอีกแล้ว เพราะว่าโดนไม่ว่าอะไรต่ออะไรทิ้งลงไปในแม่น้ำ เจ้าพระยา แม้แต่โรงงานต่างๆ ทิ้งเคมี น้ำที่ปนด้วยเคมีต่างๆลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เราทำได้ยังไงกับประเทศชาติ เราอย่างนี้ ทำได้อย่างไร ในเมื่อรู้ว่าประเทศชาติ แผ่นดินนี้ เลี้ยงผู้เลี้ยงคนมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว มีอยู่ มีกิน มีอะไรพอ แม่น้ำเจ้าพระยาเต็มไปด้วยปลา กุ้ง ปู หอย พระเจ้าอยู่หัวทรงอ่อนพระทัย รับสั่งให้ข้าพเจ้าฟัง บอกนี่นะเดี๋ยวนี้ฉันก็พยายามที่สุดใจไม่ให้คนมาทำลายป่า ชายเลน ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทรงหวงป่าชายเลนมาก รับสั่งว่ารู้มั้ยสิริ ป่าชายเลนนี่คืออนุบาล เท่ากับว่า ปู ปลา กุ้ง อะไรต่างๆเขาใช้เป็นที่ ที่ตอนเขาเกิดมาเล็กๆ ยังสู้กับโลกไม่ไหว เขาใช้เป็นที่พักพิงแล้วก็โตวันโตคืน ขึ้นมาเพื่อมาให้เราจับกิน เดี๋ยวนี้ป่าชายเลนจะโดนคนที่ ไม่มีความคิดจองจับจอง และทำลายทุกอย่าง จับจองเองทุกอย่าง อันนี้เป็นมานานแล้ว ตลอดเวลาทรงเห็น ทรง พยายามสู้ ทรงพยายามขอซื้อกับชาวบ้านด้วยซื้อป่าชายเลน และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯก็ได้เห็น และได้ต่อสู้กับองค์เองเหมือนกัน
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ขอทุกท่าน ถ้าไม่อยากให้ลูกหลานอดยาก ขอให้ ช่วยกันสู้ รักษาสมบัติของบรรพบุรุษไทยให้คงอยู่เพื่อเลี้ยงคนไทยต่อไป พอข้าพเจ้าไปกรุงเวนิส เห็นแม่น้ำแหมกว้าง ก็ถามชาวอิตาเลียนว่า แม่น้ำนี้มีปลาอะไรบ้าง มีชนิดไหนบ้าง มีมากไหม เขาบอกว่าไม่มีสักตัว เขาบอกปลามันอยู่ไม่ได้หรอก เพราะมีอะไรต่ออะไรสารพัดที่ทิ้งลงไป เคมีอะไรต่าง ด็อกเตอร์เดินออกเกลื่อนกลาด แต่ทำไมไม่รู้จักว่าป่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเก็บน้ำในดินให้กับประเทศ ก็เป็นด็อกเตอร์ อุ้ย เดินไปเดินมาว่าอย่างนี้กับข้าพเจ้า ระหว่างนั่งในรถจากดอนเมืองมากว่าจะถึงกรุงเทพมหานคร ก็เสียงนี่ปลงคนไทย ปลงอนิจจัง ว่าเป็นด็อกเตอร์ซะเปล่าๆ ทำอะไรอย่างนี้ได้อย่างไร ถึงจะบอกให้ฟังว่าตลอดทางที่ไปรัสเซียเนี่ย เห็นมากเชียวว่า รัฐบาลรัสเซียและคนรัสเซียเขาปลูกป่าเต็มพรืดไปหมด แล้วมาที่เยอรมันก็เช่นเดียวกัน ไปเมืองนิวนิกกับเบอร์ลิน เห็นเขาที่ปลูกป่า เบอร์ลินเพิ่งกำลังปลูก ปลูกป่ามากเลย ถ้าไม่มีประโยชน์แล้ว ใครเขาจะปลูก แต่ของเรามีป่าที่มีค่ามาก ซึ่งบรรพบุรุษตายซ้ำตายซาก เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ให้กับเรา แต่พวกเรานี้ ไม่เคยมีความคิดที่จะรักษาแผ่นดินนี้ต่อไปให้กับลูกและหลาน
    อันนี้เป็นความจริง อาจจะเป็นเพราะความไม่รู้ แต่อะไรกัน คนพูดภาษาอังกฤษน่าจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้ว่า ป่านี้สำคัญอย่างไรในการเก็บน้ำจืด แล้วถ้าไม่ตั้งต้นรักษาป่าซะตอนนี้ ต่อไปตั้งหน้าตั้งตาซื้อน้ำจากต่างประเทศไปเถอะ แต่สงสารว่าคนจนจะแย่ ไปที่ข้าพเจ้าขอไปที่มิวนิกอีกแห่งหนึ่ง ไปของตัวเอง ไปด้วยตัวเอง ก็มีกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครมิวนิกของไทยคือ คุณหญิงบาบาร่า สไตเลอร์ เป็นคนมารับแล้วก็มีทหารกองเกียรติยศแห่งรัฐบาวาเรียเพราะข้าพเจ้าไปอยู่ที่รัฐบาวาเรีย มาตั้งแถวสองข้างทางเดินจากบันไดเครื่องบิน และมีวงดนตรีของรัฐบาวาเรียมาบรรเลงเพลงต้อนรับ และตอนกลางคืนนายกรัฐมนตรีของรัฐบาวาเรียและภรรยาอุตส่าห์รับเสด็จ ข้าพเจ้าได้นำนิทรรศการศิลปาชีพไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์โฟเคอร์คุณเดอร์ ผลงานที่นำไปแสดงมีบุษบกมาลา สวยเหลือประมาณ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนไทยทั้งชาตินี่เก่งกันหมด ข้าพเจ้าไม่ได้คัดเลือกจากมหาวิทยาลัยศิลปากรเลยสักคนเดียว มีบุษบกมาลา มีเรือสำเภาทองคำ ทองคำแท้หมดเลย สวยเหลือประมาณ และบนเรือสำเภาแสดงฝีมือการทำทองหลายอย่างของไทย ตั้งแต่เป็นไทยมา การรู้จักทำทองอย่างไรบ้างบนเรือเนี้ย มีขันถมทองใบใหญ่ มีย่านลิเภา มีการแสดงคร่ำที่แกะสลักไปบนเหล็ก วิธีทำคร่ำ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์บอกเอาทองคำฝังไปในเหล็กแท้ๆ ซึ่งยากมากเลย เป็นศิลปะของไทยแท้ ไม่มีที่ประเทศไหนอย่างถมทอง ไม่มีที่ประเทศไหน เป็นของไทยแท้แกะสลักอย่างว่า เรามีแกะสลักกันหลายประเทศ ย่านลิเภา คร่ำ ผ้าปัก ผ้าไหม ผ้าไหมชนิดต่างๆ ซึ่งทางอีสานมีนี่ ผ้ามัดหมี่ชนิดต่างๆมากมาย 16 ชนิด ซึ่งข้าพเจ้าได้มาแค่ 3-4 ชนิด เท่านั้นเอง เพราะ 16 ชนิดนี่เจ้าของเขาหวงเขา เขายังเจรจาการพูดเท่าไรเขายังไม่ยอมให้มาก๊อบปี้ นิทรรศการที่แสดงอยู่ที่มิวนิกนั้นจะแสดงอยู่ 2 เดือน ที่มิวนิก กลับไปที่นั้นอีกแล้ว ปัดโธ่... ถึงเดือนตุลาฯ 2550 ได้ทราบจากนักเรียนไทยว่ามีคนสนใจไปชมมากเชียว เข้าแถวกันเข้าไปชม
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    และวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาฯ ดยุคฟรานซ์ฟอน บาเยิน เชิญข้าพเจ้าไปเลี้ยงน้ำชาที่พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก ซึ่งเป็นพระราชวังของพระราชวงศ์นี้ ใหญ่โต สง่าสวยงามมาก ใหญ่โตเหลือประมาณ รัฐบาลอุตส่าห์ยอมให้ท่านไปเลี้ยงน้ำชาข้าพเจ้าที่พระราชวังนี้ เวลาค่ำนายกรัฐมนตรีบาวาเรีย มิสเตอร์เอ็ดมันด์ สตรอยเบอร์ และภรรยาเลี้ยงอาหารค่ำที่ที่อยู่ของเขา เรสซิเด้นท์เมนเซนท์ เป็นห้องเลี้ยงที่ใหญ่มาก โต๊ะที่เลี้ยงเป็นโต๊ะยาวนั่งได้พร้อมกันได้ 86 คน ทั้งหมด และข้าพเจ้าได้พบปะคนไทย และนักเรียนไทยในเยอรมันนับพันคน ซึ่งหลายๆ คนอุตส่าห์ ใช้เวลาเดินทางมาพบหลายชั่วโมง และมีความยินดีที่ได้พบนี่อย่างแท้จริง คำแรกที่เขาถามว่าในหลวงสบายดีหรือเปล่า ก็สบายดีแข็งแรงขึ้นทุกวันแล้วหลังจากผ่าตัด ส่วนมากจะห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว [​IMG]และก็ห่วงใยบ้านเมือง แล้วข้าพเจ้าได้พบปะกับนักเรียนไทย ประมาณ 4 พันคน เขาได้ถามอะไรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าจะถูกถามเรื่องพระพุทธศาสนากับรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้าพเจ้าไม่คิดเลยที่จะโดนถามอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็อธิบายไม่ได้มีกระดาษอะไรเลย ต้องอธิบายว่า ข้าพเจ้าคิดเองว่าพระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดสูงส่งแล้ว และได้รับการสนับสนุนมาตลอด ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากคนไทยทั้งชาติ พระบวรพุทธศาสนาเป็นของที่สะอาดสูงสุด ทุกคนคิดว่าไม่อยากให้เข้าไปพัวพันกับคำว่าการเมือง ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นต่อหน้านักเรียนไทย 4 พันคน ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้าว่า เป็นแสงสว่างในหัวใจของคนไทยทั้งหลาย

    การเมืองบางครั้งก็มีความผิดพลาด บางครั้งก็มัวหมองได้หลายเรื่อง เพราะฉะนั้นไม่ควรเอาพระบวร พุทธศาสนาไปไว้กับกฎหมายสูงสุดแห่งประเทศไทย คือ รัฐธรรมนูญ ควรจะทิ้งบวรพระพุทธศาสนาไว้เช่นนี้ ที่ถูกเทิดทูนโดยประชาชนทั้งชาติ พอข้าพเจ้าพูดจบ เล่าเหตุผลจบ ข้าพเจ้าได้รับการปรบมือดังสนั่นลั่นไปหมดเลยนาน ในเมืองไทย ข้าพเจ้าได้ทราบว่าพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่คนนับถือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คงจะไม่ให้ใครมาแตะได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การเมืองบางครั้งมีอะไรหลายอย่าง ไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก เพราะฉะนั้นดีแล้วที่พระบวรพระพุทธศาสนาแยกไปเสียให้พ้นจากการเมืองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่นี้เห็นอย่างเดียว กับข้าพเจ้าหรือเปล่า อันนี้ข้าพเจ้าถามนักเรียนไทย ขอบคุณมากค่ะ


    ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆของสุโขทัย เวลาจะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่า จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ก็เช่นกัน ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลายถือว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่มีวันยอมให้สลาย หรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่าเชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆได้รับการช่วยชีวิตได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงกับชีวิตตนเอง แล้วก็ป้อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย

    ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากที่จะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่า บรรพบุรุษของไทยเรา แม้แต่ ในที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ไม่กี่ปีนี้ 50 ปีอะไรก็ตาม ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชม และนับถือประเทศไทย แล้วน้ำใจของคนไทย ที่มีความเมตตากรุณา และมีความกล้าหาญที่จะแสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้า บอกที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกินเพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่าอัศจรรย์ โบสถ์พุทธ โบสถ์พราหมณ์ โบสถ์คริสต์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิด หรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิ เสรีภาพ ในการที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน นี่แหละ ฝรั่งเขาบอกคือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาที่กรุงเทพฯ ถึงเวลาสวดของใคร ใครก็ไป ถึงเวลาใครทำพิธีของใครก็ไป โดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศเขาบอกยอดสุดๆ คนไทยนี่
    ข้าพเจ้าคิดพูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นจะต้องถือเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตูมลั่นเชียว เพราะว่าเขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระ ไม่ให้ออกบิณฑบาตอะไร ไม่เหมือนกับคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใคร ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการที่จะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้ามากเกินไปก็ต้องคอยเตือนคอยดูแลคอยสำทับ แต่ก็น่าเศร้าใจ
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันเสาร์ที่ 21 ข้าพเจ้าไปเที่ยวสวนป่าเทกันเซ่ ที่มิวนิก นั่งรถไปชั่วโมงกว่า อันนี้กงสุลกิตติมศักดิ์เห็นว่าข้าพเจ้าคงจะเหนื่อยมา ก็อยากให้ได้ไปเห็นนอกเมืองของมิวนิก ไปเห็นป่าซึ่งสวยงามมากได้ไปเห็นแม่น้ำ มีคณะนักเรียนมาร้องเพลง และเล่นดนตรีต้อนรับ มีนั่งรถม้าชมป่า เป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก
    วันอาทิตย์ที่ 22 ข้าพเจ้าจึงเดินทางกลับประเทศไทย ที่โรงแรมก็มีคนไทย และครอบครัวมาส่งมากมายเช่นเดิม และสนามบินมีวงดนตรีของรัฐบาวาเรียมาบรรเลง มีทหารตั้งแถวส่งถึงบันไดเครื่องบินเลย ข้าพเจ้าได้พบคนไทยที่ไปทำมาหากิน ไปเรียนหนังสือที่รัสเซีย ไปเรียนหนังสือที่ออสเตรีย แล้วแต่งงานกับคนออสเตรีย คนเยอรมัน ทุกคนมีความสุขหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใจ ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นชาติที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นเลย เคยเป็นชาติไทยอย่างไรอยู่อย่างนั้น มีศักดิ์ศรีของชาติ มีความเป็นไทย อันนี้สำคัญมาก แล้วทุกคนแน่ใจว่า เรามีบ้านเมืองของเราที่พร้อมจะให้ กลับมาให้พักพิง เมื่อไปต่างประเทศคนต่างประเทศก็ไม่สามารถดูถูกเราได้ เพราะเราไม่ได้ไปอาศัยบ้านเมืองเขา เรามีประเทศชาติของเราที่คนไทยเรากลับมาพักพิงได้เพราะบางประเทศข้าพเจ้าได้ข่าวว่าคนที่ไปอยู่บางประเทศ จะโดนรังแก บางครั้งถึงโดนฆ่า เพราะเขาถือว่าไปแย่งอาชีพของเขา แต่ว่าเมืองไทยเรานี่ไม่มีใครโดนรังแก เพราะมีเมืองไทยนี่ อยู่อย่างนี้ รอรับทุกคนเป็นคนไทย มีบ้านเมืองของตนเองอยู่ จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ อันนี้เป็นความสำคัญมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...