ศุกร์ที่ 13

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 10 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    ใบหนาด

    "พร้อมพงศ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคลองประปา

    บ้านผมอยู่แถวคลองประปา บางซื่อนี่เอง ริมถนนสองฝั่งคลองมีต้นไม้ใหญ่ๆ เรียงรายร่มครึ้ม ตอนกลางวันดูร่มรื่นดี แต่พอเลยค่ำไปแล้วมักจะเปล่าเปลี่ยว ชวนให้วังเวงใจชอบกล

    ไม่ใช่ว่ามืดทึบหรือขาดรถรานะครับ ไฟฟ้ายังสว่าง รถยนต์ก็พอมีแต่มันเหลือน้อย แถมวิ่งเร็วอีกต่างหาก แว้บหายๆ เห็นแต่ไฟท้ายรถ

    บางคืนก็มีคนเป็นกลุ่มปักหลักรอรถเมล์ แต่บางคืนก็ว่างเปล่าน่าใจหาย...ถ้าไม่ติดงานด่วน หรือมีธุระจำเป็นจริงๆ ผมจะรีบขับรถกลับบ้านก่อนค่ำ พอเข้าซอยไปไม่ลึกนักก็มีบ้านช่องเรียงราย ล้วนแต่ชอบพอกันทั้งนั้น

    ผมอยู่มาหลายปีแล้วนี่ครับ ย่อมรู้จักคนในละแวกใกล้เคียงมากขึ้น พอถึงวันศุกร์วันเสาร์ก็ตั้งวงกันตามบ้านนั้นมั่งบ้านนี้มั่ง แต่บางอาทิตย์ไม่สะดวกกันก็ยกยอดไปอาทิตย์หน้า...ไร้ปัญหาใดๆ

    แต่ปัญหาใหญ่ในขณะนั้น รวมทั้งที่ซอยของเราก็คือ วัยรุ่นตีกัน!

    เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้วละครับ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นปัญหามาตลอด ไม่ยกโขยงไปซิ่งรถกัน ตำรวจตามจับไม่หวาดไม่ไหว เหมือนจับปูใส่กระด้งยังไงยังงั้น...ก็ยกพวกตีกันกระเจิง แค่บาดเจ็บก็มี สาหัสก็มาก หนักหน่วงจนล้มตายไปเลยก็ไม่ใช่น้อย

    พวกผมส่วนมากมีลูกเต้ายังเล็กๆ อายุราว 10 ขวบเศษ ยกเว้นพี่ประชาคนเดียวที่มีลูกวัยรุ่นทั้งชายและหญิง อายุราว 17-18 ปี ชื่อตาตุ๋ยกับยายต้อง ดูเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารักทั้งคู่ แต่ไม่วายสร้างปัญหาให้พ่อแม่จนได้

    ค่ำวันหนึ่ง ผมเพิ่งรดน้ำต้นไม้ที่ข้างรั้วเสร็จ ว่าจะเข้าบ้านกินข้าวก็พอดีได้ยินเสียงตะโกนเอะอะ ดังลั่นมาจากทางปากซอย

    "ช่วยด้วย! ช่วยด้วยโว้ย...อาพงศ์ช่วยด้วย!"

    หันขวับไปมองก็เห็นตาตุ๋ยวิ่งหน้าตั้งมาอย่างไม่คิดชีวิต มีพวกวัยรุ่นราว 2-3 คนวิ่งไล่กวดมา แน่ใจว่าคงจะเป็นคู่อริของลูกชายพี่ประชาแน่ๆ เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วแล้วตะโกนเรียกชื่อ ตาตุ๋ยรีบเผ่นเข้ามา ผมก็รีบปิดประตูทันที

    วัยรุ่นกลุ่มนั้นเข้ามาหยุดหอบฮั่กๆ นัยน์ตาขุ่นขวาง เห็นถือมีดถือไม้กันครบมือทุกคน...พอดีเพื่อนบ้านกับวัยรุ่นในซอยโผล่ออกมา คู่อริของตาตุ๋ยเห็นท่าไม่ดีจึงพากันล่าถอยไป

    ตาตุ๋ยยกมือไหว้ผม เล่าว่าเคยมีเรื่องกับพวกเตาปูนวันก่อน คนมากกว่าเลยเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่วันนี้ปรปักษ์มาดักซุ่มเพื่อจะเอาคืน

    "ถ้าไม่ได้อาพงศ์เปิดประตูช่วย กว่าจะถึงบ้าน ผมคงโดนพวกมันยำเละแน่ๆ ขอบคุณมากเลยครับ"

    คืนนั้น พี่ประชามาขอบอกขอบใจผมอีกครั้งที่ช่วยลูกชายไว้ ผมออกตัวว่าถ้าเป็นเขาก็คงทำแบบเดียวกัน...ชวนดื่มเหล้าปลอบใจ พี่ประชาเพิ่งจะปรับทุกข์ให้ฟังเรื่องลูกเต้าเป็นครั้งแรก บอกว่าตาตุ๋ยมีเรื่องนอกบ้านบ่อยๆ เพราะติดเพื่อน เฮไหนเฮนั่นจนเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา

    เรียกว่าเสียเพราะเพื่อน! ผมไม่อยากจะพูดให้พี่เขาสะเทือนใจว่า พ่อแม่ของเด็กคนอื่นก็คงหาว่าลูกเขาเสียเพราะเพื่อน หรือลูกพี่ประชาเหมือนกัน!

    "คิดอีกทีก็อยากจะให้มันกลับเป็นเด็กเล็กๆ เหมือนเดิม ไม่ต้องปวดหัว"

    ยอมรับตรงๆ ว่าผมนึกขำ...กว่าจะได้กับตัวเองก็อีกหลายปีต่อมา เมื่อลูกเต้าเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ถึงได้เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรุ่นพี่คนนั้นได้ดี...จนนึกถึงสุภาษิต หรือคติสอนใจที่ว่า

    "ชายมีโคได้รับทุกข์เพราะโคฉันใด ชายมีบุตรก็ย่อมได้รับทุกข์เพราะบุตรฉันนั้น"

    น่าเศร้าสะเทือนใจแทนพี่ประชา เพราะได้รับความทุกข์รุนแรงสุดขีด...สาเหตุมาจากลูกชายถูกคู่อริดักแทงตาย ใกล้ๆ กับป้ายรถเมล์ตอนกลับบ้าน ส่วนมือมีดก็โดดซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนบึ่งหนีไป ยังจับตัวไม่ได้มาจนทุกวันนี้

    ความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่ตาตุ๋ยนั้น มากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ถูกต้อง ภาพของสองคนผัวเมียร้องไห้วันเผาศพลูกชาย ยังติดหูติดตาผมไม่มีวันลืมเลือน

    ตาตุ๋ยตายไปราวเดือนเศษก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นในซอยเรา!

    ตอนเย็นๆ กลับถึงบ้าน ผมก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมารดน้ำต้นไม้เป็นประจำ

    บางวันได้ยินเสียงยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่า มีเสียงร้องโหยหวนคล้ายล่องลอยมาตามสายลมว่า...ช่วยด้วย! อาพงศ์ช่วยด้วย...จนผมแทบทิ้งสายยางหลุดจากมือ ต้องสะบัดหัวมึนงง คิดว่าตัวเองคงหูแว่วไปเอง แต่รู้สึกขนลุกขนพองยังไงชอบกล

    คืนเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ที่ 13 ฝรั่งถือว่าเป็นวันอัปมงคล คนไทยเราส่วนหนึ่งก็พลอยเชื่อเหมือนกัน เพราะอิทธิพลฝรั่งแพร่หลาย เช่นเริ่มนิยมวันวาเลนไทน์ ถือว่าเป็นวันแห่งความรัก หนุ่มๆ สาวๆ ก็พลอยแห่ตาม

    คืนนั้นตั้งวงกันที่สนามริมรั้วบ้านผม พวกพ้องหิ้วเหล้าหิ้วกับมาตามธรรมเนียม หน้าหนาวค่ำเร็ว ราวสามทุ่มก็ดูว่าจะดึกแล้ว รถรากับผู้คนบางตาลง และแล้ว...

    "อาพงศ์ช่วยด้วย..." เสียงที่มากระทบหูทำให้ผมหันขวับ จำได้ว่าเป็นเสียงตาตุ๋ยแต่ก็ไม่เห็นใครเลย เพื่อนๆ ถามกันว่าเป็นอะไร? ผมก็บอกปัด เสไปพูดเรื่องอื่นจนกระทั่งครู่ใหญ่ต่อมาก็ได้ยินเสียง...พ่อชา! กลับบ้าน...

    คราวนี้สะดุ้งโหยงกันทั้งวง พี่ประชาถึงกับลุกพรวดขึ้นยืน หลุดปากออกมาว่า...โธ่! ตุ๋ยลูกพ่อ...ทุกคนเห็นน้ำตาแกคลอเบ้า ก่อนจะขอตัวกลับบ้านทันที

    คนอื่นๆ ก็อยู่ไม่ไหวเหมือนกัน วงเราแตกกระเจิงตั้งแต่คืนนั้น พี่ประชาก็ไม่กล้าไปหาใครตอนค่ำคืน เพราะกลัวตาตุ๋ยจะตามไปเรียก...ทุกวันนี้นึกถึงเสียงที่ดังมาจากโลกวิญญาณยังขนหัวลุกเลยครับ!
     

แชร์หน้านี้

Loading...