วีดีโอ วิธีเจริญสติเพื่อให้รู้ทันจิต

เจริญสติ เพื่อ ๑.ให้รู้เท่าทันความคิดที่เกิดจากจิต(คือความคิดที่เปลี่ยนแปลง
ได้ตามใจเรา)
และ ๒. รู้เท่าทันความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งมักเป็นความคิดในอดีต หรือ ที่เรียกว่า ขันธ์ ๕ ฝ่ายนามธรรม
ซึ่งเป็นฝ่ายอารมย์ เป็นนามธรรม

เพื่อให้จิต ค่อยๆ คลาย ค่อยละ ความคิดเหล่านั้น
จนกระทั่งจิต เข้าสู่สภาวะเป็นกลาง
คือ ไม่มีทั้ง ๑ และ ๒ เข้ามาปรุ่งร่วม
ก็จะสามารถเดินปัญญาได้.....

ถ้าเห็น ๑ ได้ ตั้งแต่ตอนที่มันจะผุดจากจิต
มันจะดีดตัวเองออกจากจิตทันที
และต่อมาจะเห็น ๒ ได้ ซึ่งมันไม่ได้เกิดที่ตัวจิตนะครับ
เพราะถ้ากำลังสติไม่มากพอ จะเข้าใจว่า มัน
เป็นตัวเดียวกันกับจิตของเรา ตรงนี้ต้องระวังให้มากๆและ
ถ้าเห็นได้ จิตจากที่คว่ำจะหงายทันที
หรือที่เรียกว่า แยกรูปแยกนาม นั่นหละครับ...
ถ้าแยกรูปแยกนามได้ ความเห็นชอบจะเปิดทางให้
แล้วเราก็จะเดินปัญญาต่อได้
ที่ได้ผลจริง เกิดผลจริงกับตัวจิต ที่ไม่ใช่เป็น วิปัสสนึกครับ

ที่ปฏิบัติกันมา เข้าใจว่าตนเดินปัญญาได้แล้ว
บ้างก็หลงตัวเองว่า บรรลุแล้วนั้น
หรือฝึกกันมา ๑๐ ยี่สิบปี แต่ใช้จิตอะไรไม่ได้เลย
แล้วกลับพบว่า กิเลสก็ไม่ลดลง
ยิ่งในบุคคลที่มีสัมผัส ก็พบว่า
ความเข้าใจทางด้านนามธรรมไม่ดีขึ้นเลย(คือไม่เข้าใจ
กิริยาทางนามธรรมทุกอย่างด้วยตัวเอง
บางเรื่อง ๑๐ ปียังไม่รู้ว่า สื่ออะไร วัตถุประสงค์อะไร)
และบางท่านฝึกกรรมฐานอะไรก็ไม่เคยสำเร็จ..
ไม่เคยถึงระดับใช้งานได้จริงแม้แต่กองเดียว

เป็นผลมาจากใจร้อน รีบเกินไป มองข้าม
การเจริญสติให้ต่อเนื่อง จึงทำให้
ไม่เห็น ๑ และ ๒ และแยกไม่ได้
เป็นเหตุให้เดินปัญญาหรือวิปัสสนา
ซึ่งจะมาหนุนสิ่งต่างๆ ความเข้าใจต่างๆ
และผลสำเร็จของกรรมฐานต่างๆที่กล่าวมานั้น
ขาดไปอย่างคาดไม่ถึงครับ
อย่าลืมว่า กิริยา ความคิด อารมย์ ต่างๆ
ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม
ดังนั้น อย่ามองข้ามการเจริญสติ
ด้วยเห็นว่า มันไม่หล่อ ไม่เท่ห์
พูดแล้วดูไม่เหมือนผู้วิเศษ
สาวๆ หนุ่ม ไม่กรีดกร๊าด
จะทำให้ ปฏิบัติไปก็เสียเวลาทิ้งไป
เฉยๆได้นะครับ
ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง