วิญญาณพยาบาท

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 23 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    ณ หมู่บ้านตำบลหนึ่ง อันตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ ในท้องที่อำเภอสทิงพระ จ.สงขลา เมื่อประมาณ ๔๕ ปีล่วงมาแล้ว ได้มีเหตุการณ์ซึ่งไม่น่าคาดฝันบังเกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง ณ หมู่บ้านแห่งนี้
    เรื่องมีอยู่ว่า นายขวัญแก้ว สุบินรัตน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว วันหนึ่งได้ล้มป่วยลง และได้ป่วยมาหลายวันมีอาการค่อนค้างน่าวิตก มีแต่ลูกเท่านั้นคอยพยาบาลอยู่ เพราะเมียของนายขวัญแก้ว คือ นางสั้นเนี่ยว ไปอยู่ ณ ที่อื่น ดังนั้นลูกจึงไห้จดหมายไปถึงแม่ เพื่อมาช่วยพยาบาลพ่อ แต่นางสั้นเนี่ยงก็หามาไม่ คงมีเรื่องไม่พอใจกับสามีอยู่จึงไม่ยอมมา จนในที่สุด เมื่อนายขวัญแก้วป่วยหนักถึงแก่กรรมลง แม้กระนั้นนางสั้นเนี่ยวก็ไม่ยอมมาในงานศพ แม้แต่วันเผาก็ไม่มา แต่เมื่อถึงวันทำบุญตักบาตร นางสั้นเนี่ยวจึงมาในงาน
    ในวันทำบุญตักบาตร ซึ่งจัดทำบุญกันขึ้นที่บ้านของผู้ตายนั่นเอง เมื่อพระสงฆ์ที่นิมนต์มาในงานกำลังสวดมนต์ถึงบทพาหุง ญาติพี่น้องและชาวบ้านซึ่งมาร่วมทำบุญในงาน ก็กำลังเตรียมตัวใส่บาตรตามธรรมเนียมที่นิยมกันว่า เมื่อพระสวดถึงบทพาหุงก็ให้เจ้าภาพหรือผู้มาร่วมในงานใส่บาตร แต่ในวันนั้น ทุกคนต่างก็รอให้นางสั้นเนี่ยวซึ่งเป็นเจ้าภาพใส่บาตรก่อน ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์อันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นางลัดเนี่ยว ซึ่งเป็นลูกสาวของนายขวัญแก้วและนางสั้นเนี่ยว ได้ลุกขึ้นทำผ้านุ่งถกเขมรหยักรั้งเข้ามา ทำท่าทางเหมือนผู้ชาย แล้วร้องขึ้นว่า "อี่สั้นเนี่ยว มึงอย่าใส่บาตรให้กู กูไม่กินของมึง มึงอย่าใส่ อย่าใส่" แต่คนที่มาในงานซึ่งไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็บอกว่าใส่เถิด ครั้รนางสั้นเนี่ยวตรงเข้าจะใส่บาตรอีก นางลัดเนี่ยวก็ตรงเข้าไปหานางสั้นเนี่ยวเงื้อมือจะตบ พร้อมร้องสำทับขึ้นว่า "อี่สั้นเนี่ยว มึงอย่าใส่บาตร ถ้าใส่กูตบ" นางสั้นเนี่ยวจึงชะงักมือยืนงง
    ในขณะนั้น นางดวม พานิช ซึ่งเป็นญาติของผู้ตาย เห็นเหตุการณ์ผิดปกตอเช่นนั้น คิดว่า คงเป็นวิญญาณของผู้ตายมาสิง จึงร้องปลอบไปว่า "อย่าทำอย่างนั้นเลยพี่ อายคนเขา" " เออ อี่สั้นเนี่ยวกูไม่ให้ใส่บาตร กูไม่กินของมัน ยังขืนใส่ กูตบจริง กูเสียใจ น้องดวม" นางลัดเนี่ยวซึ่งถูกวิญญาณของพ่อมาสิง พูดพลางร้องให้พรางเพราะความน้อยใจ
    นางดวมผู้เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตายก็สลดใจไปด้วย จึงพูดขึ้นว่า "ไม่กินของพี่สาวก็กินของลูกหลานเสีย"
    เออ ของลูกหลานกูกิน แต่ของอี่สั้นเนี่ยว อย่าใส่บาตรนะ กูไม่กินของมัน" นางลัดเนี่ยวตอบ
    เมื่อนางสั้นเนี่ยวงดใส่บาตร เหตุการณ์ก็สงบ ทั้งชาวบ้านและพระสงฆ์ต่างก็งงงันในเหตุการณ์นั้นไปตามๆ กัน
    ต่อมา หลังจากวันเกิดเหตุการณ์แปลกนั้นมาราว ๒ ปี นางสั้นเนี่ยวก็ล้มป่วยลงด้วยโรคอย่างหนึ่ง อาการก็ทรุดหนักลงๆ และเหตุการณ์ซึ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก คือนางลัดเนี่ยว ซึ่งกำลังพยาบาลแม่อยู่กลับหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความเย้ยหยันว่า "เป็นไร อี่สั้นเนี่ยว มึงตายเหมือนกัน ไม่ใช่ตายแต่กู มึงก็ต้องตาย สมกับที่มึงละทิ้งกู มึงต้องตาย ต้องตาย อี่สั้นเนี่ยว กูยังเจ็บใจมึงอยู่ไม่หาย" และนอกจากนี้แล้ว ก็ยังพูดจาถากถางต่างๆ นานา ใครจะพูดจาขอร้องอย่างไรก็ไม่ฟังเสียง จนกระทั่งมีคนไปตามนางดวมผู้เป็นญาติสนิทมาพูดจาขอร้อง เหตุการณ์จึงสงบลง
    เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงที่โยมบิดาของผู้เขียนเล่าให้ฟัง โดยบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ เพราะผู้ตายก็เป็นญาติกับโยมบิดาของผู้เขียน และเป็นเรื่องค่อนข้างสะเทือนใจ แม้จะเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ๔๕ ปีมาแล้วก็ตาม และผู้เขียนยังได้ไปถามนางดวมซึ่งเป็นอาของผู้เขียนเพิ่มเติม ก็ได้รับยืนยันตรงกับที่โยมบิดาของผู้เขียนได้เล่าให้ทราบ
    คนเราทุกคน เมื่อตายแล้วก็ต้องเกิดในทันทีทันใด เหมือนหลับแล้วตื่น แต่จะไปเกิดอยู่ในภูมิใด ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของตนที่ทำเอาไว้ อย่างในกรณีของนายขวัญแก้วนี้ สันนิษฐานว่า อาจจะไปเกิดในภูมิของเทวดา หรือภูมิของอสุรกาย (ผี) ภูมิใดภูมิหนึ่ง ซึ่งเป็นภูมิที่เป็นอทิสสมานกาย คือกายไม่ปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาธรรมดา และเป็นผู้ที่สามารถเข้าสิงในร่างกายของมนุษย์ได้
    อนึ่ง เรื่องนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ตายไปแล้ว ย่อมสามารถรู้เห็นและสามารถรับกุศลผลทานที่ญาติทำและอุทิศให้จากโลกนี้ และข้อที่ที่เราจะพึงสังวรอีกประการหนึ่ง เกี่ยวกับคนที่เจ็บใกล้จะตายก็คือ อย่าทำสิ่งใดให้เป็นที่ขัดใจของผู้นั้น เพราะจะทำให้วิญญาณของผู้นั้นเกิดความไม่พอใจ และผูกพยาบาทขึ้นได้ แม้จะไปเกิดในภพใหม่แล้วก็ตาม
     

แชร์หน้านี้

Loading...