วอนขอความเมตตาช่วยเด็กพิการหัวโต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้ไปดูการขายสินค้าที่ข้างตลาดรถไฟที่ชาวบ้านเรียกกันว่าตลาดคลองถม ถนนสุวรรณศร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งมีการจำหน่ายสินค้าทั้งเก่าและใหม่ไปจนถึงเสื้อผ้า

<DD>ของกินของใช้เหมือนกับตลาดคลองถมใน กทม.
<DD>ขณะที่กำลังเดินดูสินค้าก็พบเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ในรถเข็น เพราะมีสภาพหัวที่โตผิดปกติไม่สามารถจะลุกขึ้นนั่งได้ กำลังหัวเราะอยู่กับคนที่ดูแล โดยข้างๆ รถมีถังพลาสติกสีแดงผูกติดกับรถเข็น ภายในถังมีเหรียญ 10 บาท 5 บาท และ 1 บาท รวมแล้วประมาณ 30 บาท
<DD>จากการสอบถามทราบว่าเด็กชายคนดังกล่าวชื่อรุ่งโรจน์ ทุ อายุ 1 ขวบ กับอีก 8 เดือน ส่วนคนที่ดูแลคือ นางรีน ทุ อายุ 21 ปี ผู้เป็นมารดา โดยเปิดเผยว่า ด.ช.รุ่งโรจน์เป็นลูกคนแรก ซึ่งหลังจากตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน ได้ไปทำคลอดที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ แต่เนื่องจากเด็กหัวโตไม่สามารถคลอดได้ แพทย์จึงทำการผ่าตัดให้ ซึ่งสภาพเด็กก็แข็งแรง แต่แพทย์บอกว่าหัวกะโหลกไม่ติดกัน แต่เป็นชิ้นห่างๆ เรียงกัน
<DD>นางรีนเล่าว่า พอเลี้ยงลูกไปได้ 2 เดือน ก็พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ แล้วมีการทำหนังสือส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว แต่ได้รับแจ้งว่าไม่มีแพทย์เฉพาะทางโรคหัวโต ให้กลับมาที่โรงพยาบาลอรัญประเทศ แล้วให้ทางโรงพยาบาลทำหนังสือส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าถ้าจะไปก็ต้องจ้างรถไปเอง ขณะที่เงินไม่มี เพราะตกงานและสามีก็ทอดทิ้งไปตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ได้ 4 เดือน
<DD>นางรีนเล่าว่า ได้พาลูกไปพบแพทย์ที่กาชาด 6 อรัญประเทศ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่าคงรักษาไม่หาย ให้เลี้ยงดูไปก็แล้วกัน โดยทางกาชาดช่วยเหลือนมผงให้เดือนละ 2 กระป๋อง หลังจากคลอดลูกคนที่ 2 ซึ่งเป็นหญิงแล้วและเลี้ยงมาจนอายุได้ 5 เดือน ก็ไม่กล้าไปขอนมจากกาชาดอีก เพราะนมที่ได้ต้องเลี้ยงถึง 2 คน ขณะที่ ด.ช.รุ่งโรจน์กินเก่งและกินจุด้วย ระยะหลังต้องต้มข้าวให้กิน เพราะไม่มีเงินซื้อนม
<DD>นางรีนกล่าวว่า ทุกวันนี้เช่าบ้านอยู่ปากซอยร่วมใจพัฒนา ในเขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นห้องเช่าแบบไม่มีเลขที่ ค่าเช่าเดือนละ 600 บาท ค่าน้ำค่าไฟอีกเดือนละ 300 บาท รวมเป็น 900 บาท จะไปหารับจ้างทำงานก็ไม่มีใครเลี้ยงดูลูก จึงจำเป็นต้องนำ ด.ช.รุ่งโรจน์ใส่รถเข็นมานอนที่ตลาดคลองถมทุกวันเสาร์ ประชาชนที่มาหาซื้อสินค้าพบเข้าก็สงสารบริจาคเงินใส่ถังให้คนละ 5 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง ซึ่งก็พอเป็นค่านมให้บ้างแม้จะไม่เพียงพอก็ตาม และจะพยายามเลี้ยงดูลูกต่อไปไม่ว่าจะยากจนสักเพียงใด หากผู้ใจบุญจะช่วยสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือบ้างก็ขอบพระคุณอย่างสูง. </DD>