ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 16 กันยายน 2009.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


    เรื่อง พระเจ้าปเสนทิโกศล

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเจ้าปเสนทิโกศล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง (อโรคฺยาปรมา ลาภา) เป็นต้น.

    พระราชาเสวยพระกระยาหารจุ

    ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง พระราชาเสวยพระกระยาหารตั้งทะนานแห่งข้าวสาร ด้วยสูปะและพยัญชนะอันสมควรแก่พระกระยาหารนั้น. วันหนึ่ง ท้าวเธอเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว ยังไม่บรรเทาความเมาเพราะภัตเลย เสด็จไปสู่สำนักของพระศาสดา มีพระวรกายอึดอัดทรงพลิกกลับไปมาข้างโน้นข้างนี้อยู่ แม้ถูกความหลับครอบงำ เมื่อไม่สามารถจะทรงผทมตรงได้ จึงประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะท้าวเธอว่า "มหาบพิตร พระองค์ยังไม่ทันพักผ่อนเลย เสด็จมาแล้วหรือ?"

    พระราชา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ตั้งแต่เวลาบริโภคแล้วหม่อมฉัน มีทุกข์มาก. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะท้าวเธอว่า "มหาบพิตร การบริโภคมากเกินไป เป็นทุกข์อย่างนี้" ดังนี้แล้ว ตรัสสอนด้วยพระคาถานี้ว่า
    "ในกาลใด บุคคลเป็นผู้กินจจุ มักง่วง และมักนอนหลับ กระสับกระส่าย เป็นดุจสุกรใหญ่ที่เขาเลี้ยงด้วยอาหาร ในกาลนั้น เขาเป็นคนมึนซึม ย่อมเข้าห้องบ่อยๆ"
    แล้วตรัสว่า "มหาบพิตร การบริโภคโภชนะแต่พอประมาณ จึงควรเพราะผู้บริโภคพอประมาณ ย่อมมีความสุข" เมื่อจะทรงโอวาทให้ยิ่ง จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
    "คนมีสติทุกเมื่อ รู้ประมาณในโภชนะที่ได้แล้ว มีเวทนาเบาบาง(อาหารที่บริโภคแล้ว) เลี้ยงอายุอยู่ ค่อยๆ ย่อยไป." *
    [-แปลกันมาอย่างนี้. คือ เดิม ภุตตาหาโร เป็นประธาน แต่น่าจะหมายความว่า ...มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย เขาแก่ช้าอายุยืน.]
    พระราชาไม่อาจจะทรงเรียนพระคาถาได้ แต่ตรัสกะเจ้าหลานชื่อสุทัศนะ ซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้ว่า "พ่อ เธอจงเรียนคาถานี้." สุทัสนะนั้นทรงเรียนคาถานั้นแล้ว ทูลถามพระศาสดาว่า "ข้าแต่พระองค์จะกระทำอย่างไร พระเจ้าข้า" ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า "เมื่อพระราชาเสวยอยู่ ท่านพึงกล่าวคาถานี้ในกาลเสวยก้อนที่สุด พระราชาทรงกำหนดเนื้อความได้แล้ว จักทรงทิ้งก้อนข้าวนั้น ในการหุงภัตเพื่อพระราชา เธอพึงใให้ลดข้าสารมีประมาณเท่านั้น ด้วยอันนับเมล็ดข้าวในก้อนข้าวนั้น." สุทัสนะนั้นทูลรับว่า "ดีละ พระเจ้าข้า เมื่อพระราชาเสวยเวลาเช้าก็ตาม เวลาเย็นก็ตาม ก็กล่าวคาถานั้นขึ้น ในการเสวยก้อนสุดท้าย แล้วให้ลดข้าวสาร ด้วยอันนับเมล็ดในก้อนข้าวที่พระราชานั้นทรงทิ้ง. แม้พระราชทรงสดับคาถาของสุทัสนะนั้นแล้ว รับสั่งให้พระราชทานทรัพย์ครั้งละพัน

    พระราชาลดพระกระยาหารได้แล้ว

    โดยสมัยอื่นอีก พระราชานั้นทรงตั้งอยู่ในความเป็นผู้มีพระกระยาหารแห่งข้าวสารทะนานหนึ่ง เป็นอย่างยิ่ง ทรงถึงความสุขแล้ว ได้มีพระสรีระอันเบา.

    ภายหลังวันหนึ่ง ท้าวเธอเสด็จไปสำนักพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูล "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ความสุขเกิดแก่หม่อมฉนแล้ว หม่อมฉันเป็นผู้สามารถ จะติดตามจับเนื้อก้ได้ ม้าก็ได้ เมื่อก่อนหม่อมฉันมีการยุทธ์กับหลาน บัดนี้ หม่อมฉันให้ธิดาชื่อว่า วชิรกมารีแก่หลานแล้ว ในบ้านนั้นทำให้เป็นค่าน้ำอาบของธิดานั้นนั่นแล ความทะเลาะกับหลานนั้นสงบแล้ว สุขแท้เกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน เพราะเหตุดังนี้ แม้แก้วมณีของพระเจ้ากุสะ ซึ่งหายไปแล้วในเรือนของหม่อมฉันในวันก่อน บัดนี้แก้วมณีแม้นั้นมาสู่เงื้อมมือแล้ว ความสุขแท้เกิดแล้วแก่หม่อมฉันเพราะเหตุแม้นี้ หม่อมฉันปรารถนาความคุ้นเคยกับเหล่าสาวกของพระองค์ จึงทำแม่ธิดาแห่งญาติของพระองค์ใว้ในเรือน ความสุขแท้เกิดแล้วแก่หม่อมฉันเพราะเหตุแม้นี้." พระศาสดาตรัสว่า "มหาบพิตร ชื่อว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง ทรัพย์แม้เช่นกับความเป็นผู้สันโดษด้วยวัตถุตามที่ตนได้แล้วไม่มี ชื่อว่า ญาติเช่นกับด้วยผู้คุ้นเคยกันไม่มี ชื่อว่าความสุขอย่างยิ่ง เช่นกับด้วยพระนิพพานไม่มี" จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
    "ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ทรัพย์มีความสันโดษเป็นอย่างยิ่ง ญาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    บรรดาคำเหล่านั้น คำว่า มีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง (อาโรคฺย ปรมา) ความว่า มีความเป็นผู้ไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง. จริงอยู่ ลาภทั้งหลายแม้มีอยู่แ่ก่คนมีโรค ไม่จัดเป็นลาภแท้ เพราะฉะนั้น ลาภทั้งปวงจึงมาถึงแก่คนไม่มีโรคเท่านั้น เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "อาโรคฺยปรมา ลาภา." คำว่า ทรัพย์มีความสันโดษเป็นอย่างยิ่ง (สนฺตุฏฐํปรมํ ธนํ) ความว่า ภาวะคืออันยินดีด้วยวัตถุที่ตนได้แล้วซึ่งเป็นของมีอยู่แห่งตนของคฤหัสถ์หหรือบรรพชิตนั่นแล ชื่อว่า สันโดษ สันโดษนั้นเป็นทรัพย์อันยิ่งกว่าทรัพย์ที่เหลือ. ข้อว่า ญาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง (วิสฺสสปรมาญาตี) *(บาลีเป็นญาติ.) ความว่า มารดาก็ตาม บิดาก็ตามจงยกไว้ ไม่มีความคุ้นเคยกับคนใด คนนั้นไม่ใช่ญาติแท้ แต่มีความคุ้นเคยกับคนใด. คนนั้นแม้ไม่เนื่องกัน ก็ชื่อว่าเป็นญาติอย่างยิ่งคืออย่างสูง เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ญาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง.

    อนึ่ง ชื่อว่าความสุข เหมือนพระนิพพาน ไม่มี เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง.

    ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

    เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล จบ



    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล
    พระสุตตันตปิฎก
    ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
    เล่ม ๓

    หน้า ๓๒๐-๓๒๓

    ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย

    เล่ม ๔๒




     

แชร์หน้านี้

Loading...