ลางวิปริต

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 10 เมษายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    คอลัมน์ ขนหัวลุก

    โดย ใบหนาด

    "นภิสา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเรื่องลางมรณะ

    ไม่ว่าใครๆ ต่างก็เชื่อเรื่องโชคลางกันทั้งนั้นแหละค่ะ จนมีสำนวนว่า "เชื่อโชค-ถือลาง" ไปทั้งโลก ต่อให้เป็นประเทศที่เจริญทางวัตถุมากมายเพียงไรก็ตาม

    ในอเมริกานั้นเป็นที่รู้ๆ กันดีว่า พ่อบ้านหยิบหนังสือพิมพ์เช้าขึ้นมาจะต้องเปิดหน้าคอลัมน์หมอดูก่อนอื่น ก็ตามประสาชนชาติที่ถือกันว่าเจริญก้าวหน้าสุดขีดทางด้านวิชาการนะคะ

    นั่นคือดูว่าคนในราศีตนควรจะเล่นหุ้นหรือไม่? เหมาะที่จะซื้อ-ขายหุ้นประเภทใด?

    ที่ประเทศเกาหลีก็เช่นกันค่ะ!

    วันประกาศผลเอ็นทรานซ์ทั่วประเทศ การจราจรจะติดขัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่จะแห่แหนออกจากบ้าน เพื่อไปบนบานที่ศาลเจ้าให้ลูกเต้าของตนเอ็นฯ ติดบ้าง ไปฟังผลบ้าง..ว่าการบนบานศาลกล่าวในวันก่อนๆ นั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่

    คนที่บอกว่าไม่เชื่อโชค-ถือลาง เวลาจะปลูกบ้าน จัดงานมงคลต่างๆ ก็เห็นวิ่งหาฤกษ์กันทั้งนั้นแหละค่ะ หลายๆ คนอ้อมแอ้มว่า..คนอื่นเขาเชื่อถือกันก็ไม่อยากขัดศรัทธา!

    ความฝันถือว่าเป็นลางบอกเหตุชนิดหนึ่ง ที่มีคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นนิมิตบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ว่าจะดี-ร้ายประการใด?

    ดิฉันเคยประสบกับเรื่องแปลกประหลาด ของคนที่เชื่อถือโชคลางมากๆ แต่ก็ต้องเกิดเรื่องน่าขนหัวลุกตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น..แม้ว่าจะเกิดขึ้นหลายปีแล้ว แต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม

    นั่นคือโชคลางที่เกิดจากความฝันนั่นเอง!

    ต้องบอกว่าเป็นลางบอกเหตุ หรือลางร้าย เป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้วโดยสิ่งที่เรามองไม่เห็น นิยมเรียกกันว่า "พรหมลิขิต"

    น้าชาญกับน้าพิมพ์และลูกสาวคนเดียวชื่อน้องก้อย คือเหยื่อของลางร้ายค่ะ

    สามีภรรยาคู่นี้เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ และเป็นเพื่อนบ้านของเราที่เสนานิเวศน์ตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ จนมีลูกสาวน่ารักชื่อน้องก้อย ครอบครัวพวกเราสนิทสนมกันมาก วันว่างก็เดินไปมาหาสู่ มีกับข้าวและขนมเผื่อแผ่กันเป็นประจำ

    น้าชาญเป็นคนร่างสูงใหญ่ ระยะหลังค่อนข้างอ้วนจนพุงยื่น ส่วนน้าพิมพ์รักษาหุ้นผอมเพรียวในวัยสี่สิบเศษไว้อย่างดี ข้างน้องก้อยอายุราว 14-15 เริ่มแตกเนื้อสาวหน้าตาสะสวยคล้ายๆ แม่

    ครอบครัวนี้ฐานะดี มีรถยนต์หรูๆ สองคัน เสาร์อาทิตย์มักจะออกไปเดินห้าง ดูหนัง ช็อปปิ้ง หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ่อยๆ

    จนกระทั่งวันเกิดเหตุสยองขวัญ!

    น้องก้อยมาเล่าว่าวันศุกร์นี้จะไปเที่ยวหัวหินกัน จองห้องพักไว้แล้วโดยมีญาติๆ จะไปพบกันที่นั่น..ถามว่าอยากได้อะไรเป็นของฝากบ้าง? ดิฉันเลยล้อว่าขอหอยเสียบดองน้ำปลาสักขวดก็พอ! แล้วเราก็หัวเราะกันเพราะรู้ว่าที่นั่นไม่มีหอยเสียบขายเหมือนสมัยก่อนหรอกค่ะ

    สรุปว่าน้องก้อยจะซื้อขนมอร่อยๆ ที่เขาย้อยมาฝาก ดิฉันก็บอกว่าขอให้เที่ยวสนุกมากๆ นะ เที่ยวเผื่อพี่ด้วย

    ครั้นถึงวันเสาร์ตอนบ่ายแก่ๆ ดิฉันก็เห็นร่างสูงใหญ่พุงยื่นของน้าชาญเดินเข้ามาหาพ่อที่นั่งดื่มเหล้าอยู่กับอาหยัด-เพื่อนบ้านอีกคนที่ม้าหินใต้ร่มมะม่วงทวาย ได้ยินเสียงทักว่า อ้าว..ไม่ได้ไปหัวหินหรอกหรือ?

    ดิฉันถือจานหมูแผ่นกับถั่วทอดไปให้พ่อพอดี น้าชาญหน้าตาดำคล้ำเศร้าหมองผิดปกติ บอกว่าเมื่อวานเกิดหน้ามืดเวียนหัวชอบกล สงสัยว่าความดันสูงจะทำพิษเลยขอตัวนอนพักอยู่กับบ้าน

    "ให้แม่กับลูกเขาไปกันสองคน ไหนๆ ก็นัดญาติไว้ทางโน้นแล้ว ไม่ไปก็น่าเกลียด..กลัวไอ้ก้อยมันผิดหวังด้วย"

    พ่อกับอาหยัดพยักหน้ารับรู้ พูดให้สบายใจว่าน้าพิมพ์ขับรถเก่งอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว..แต่น้าชาญดื่มเหล้าอึกใหญ่ ถอนหายใจยืดยาวผิดปกติ

    "ไม่ห่วงได้ไง" เขาโพล่งขึ้น "เมื่อคืนผมฝันร้าย..เห็นรถเกิดอุบัติเหตุโดนชนเละเทะ พิมพ์กับก้อยกองอยู่ข้างถนน ผมวิ่งเข้าไปหาก็เห็นหายวับไปทั้งคู่!"

    ดิฉันคอแห้งผากทันที พ่อกับอาหยัดมองตากัน น้าชาญถอนใจเฮือกใหญ่ผสมเหล้าหนาเตอะดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งแก้ว จุดบุหรี่สูบด้วยมือสั่นระริก..พ่อคงนึกขึ้นได้ถามว่าโทรศัพท์ไปถามข่าวหรือยัง?

    น้าชาญพนักหน้าเศร้าๆ ตอบว่ารีบโทร.ไปแต่เช้า น้าพิมพ์เป็นคนรับสายบอกว่ามาถึงเรียบร้อยแล้ว ลูกสาวก็ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ นี่เอง

    พวกเราถอนใจอย่างโล่งอก แต่น้าชาญกลับส่ายหน้า พึมพำว่า..เป็นห่วงตอนขากลับ กำชับว่าให้ระวังมากๆ ไม่ต้องรีบร้อน ทางที่ดีควรออกแต่เช้าเพราะตอนสายๆ จะมีรถกลับกรุงเทพฯ กันมาก อาจจะไม่ปลอดภัยได้

    "ผมไม่กล้าเล่าว่าฝันร้ายยังไง..แต่มันติดหูติดตาจริงๆ ผมวิ่งเข้าไปหาแต่ทั้งแม่ทั้งลูกหายไปหมด สักพักก็เห็นเขายืนกอดกันร้องไห้อยู่ตรงหน้าผมนี่เอง! โธ่.."

    พ่อกับอาหยัดช่วยกันปลอบจนน้าชาญหน้าตาผ่องใสขึ้น..ตกค่ำก็ใช้มือถือโทร.ไปถามข่าวอีก สองแม่ลูกสบายดี น้าชาญไม่วายกำชับว่าให้ขับรถกลับแต่เช้า อย่าลืมว่าทางนี้เป็นห่วงมาก

    ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น พวกเราเกือบลืมเรื่องนั้นไปแล้ว พอดีได้ยินเสียงร้องไห้โฮ..ปรากฏว่าน้าพิมพ์กับน้องก้อยยืนกอดกันร้องไห้อยู่หน้าบ้านนั่นเอง เพราะกลับมาก็รู้ข่าวจากแม่บ้านว่าน้าชาญเส้นเลือดในสมองแตกตายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ!
     

แชร์หน้านี้

Loading...