รบกวนถาม..ใครทราบประวัติของผีตาแฮกบ้างค่ะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย นันท์นภัส, 15 มกราคม 2006.

  1. นันท์นภัส

    นันท์นภัส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    คือทราบเพียงนิดหน่อยว่าเป็นผีวิญญาณที่คอยดูแลข้าวในนา แต่อยากทราบที่มาหน่อยค่ะ รบกวนทุกท่านที่พอจะทราบที่มาที่ไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    สมัยเด็กผมอยู่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ที่เขาชอบเล่นทายอะไรเอ่ยกันว่า..จังหวัดอะไรเอ่ยเกินร้อย ก็ 101 ที่เรียกว่าร้อยเอ็ดนี่ไงครับ

    มีหลักฐานทางโบราณคดีว่า บ้านผมเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ แถมยังเป็นดินแดนที่เคยถูกพวกขอมยึดครอง เพราะมีการค้นพบวัตถุโบราณเป็นเครื่องยืนยันมากมาย

    นอกจากนั้นยังมีบึงพลาญชัยอุดมสมบูรณ์ กับทุ่งกุลาร้องไห้ที่ร่ำลือกันนักว่ากันดารสุดๆ มีแต่ดินทรายแห้งแล้ง แตกระแหงเพราะขาดน้ำ ไม่มีทางเพาะปลูกพืชผักไว้เลี้ยงชีวิตคนและสัตว์ได้ ขนาดพวกกุลา - ที่ถือว่าเป็นเผ่าทรหดอดทนที่สุด ไม่เคยย่อท้อต่อความลำบากมากน้อยแค่ไหนก็เถอะเอ้า!

    แต่เมื่อมาเจอทุ่งมหากาฬ แห้งแล้งยิ่งกว่าทะเลทรายเกือบตลอดปีตลอดชาติ พวกกุลาที่ว่าอึดๆ ยังน้ำตาไหลเลยครับ ถึงได้เรียกว่าทุ่งกุลาร้องไห้แต่นั้นมา

    เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่าเจริญขึ้นมากแล้วนะครับ แถมยังลือกันว่ามีน้ำมันอยู่ใต้ดินบ้าง ทางการจะเปิดกาสิโนให้คนเข้าไปเที่ยวที่นั่นมากๆ บ้าง ทุ่งกุลาร้องไห้จะได้เปลี่ยนชื่อเป็นทุ่งกุลาหัวเราะกันเสียที

    เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมขอเล่าเรื่องผีเสียเลย

    เมื่อเด็กๆ ผมชื่อน้อย พวกผู้ใหญ่ชอบเรียกว่าบักน้อย หรือไอ้น้อยนั่นละ แต่บางคนเรียกบักหำน้อย ไม่ต้องแปลก็คงเข้าใจนะครับ ตอนนี้คิดแล้วก็ฟังน่ารักน่าเอ็นดูดีเหมือนกันนะ

    สมัยก่อนบ้านผมยังกันดาร ชาวบ้านยังเชื่อถือการทรงเจ้าเข้าผี กราบไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ต้นไม้ แม่น้ำลำธาร จอมปลวกยันภูเขา เพราะเชื่อว่าทุกๆ แห่งมีภูตผีสิงสู่..แต่มาถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังได้ข่าวว่าผู้คนกราบไหว้ต้นไม้แปลกๆ บ้าง ศพลูกวัวแปดขา หมาสองหัวบ้าง..ส่วนมากจะขอเลขเด็ดไปแทงหวยกันทั้งนั้นแหละ

    จะทำนาก็ต้องตั้งศาลผีตาแฮก บวงสรวงด้วยไก่ย่าง ไข่ต้ม ส้มสูกลูกไม้ โดยเชื่อว่าผีตาแฮกจะช่วยบันดาลให้ได้ข้าวกล้าอุดมสมบูรณ์ คิดแล้วอิจฉาผีที่กินดีกว่าเรา

    เวลามีคนตายก็ต้องเผาผีกันตามระเบียบ

    บ้านผมไม่นิยมเก็บศพไว้นาน อย่างมากสวดสามวันแล้วเผา คนยากจนบางทีตายวันนี้เผาพรุ่งนี้ก็มี แต่อย่างน้อยก็ต้องนิมนต์พระท่านมาสวดศพ เชื่อว่าจะช่วยส่งวิญญาณผู้ตายไปสู่สุคติ

    วันหนึ่งมีคนโดนงูเห่ากัดตายชื่อเฒ่าสอน เมื่อหนุ่มๆ เคยเป็นนายฮ้อยต้อนวัวควายไปขาย นิสัยนักเลงเต็มตัว แต่พอแก่ลงก็มาทำไร่ทำนากับเมียชื่อยายใส ลูกเต้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ค่อยๆ หายจ้อยไปทีละคนจนหมดบ้าน เหลืออยู่ลำพังตายายแค่สองคน ฐานะก็ยากจนแร้นแค้นน่าเวทนา

    ชาวบ้านช่วยกันทำปะรำตั้งศพ นิมนต์พระมาสวดคืนเดียว ไม่มีวี่แววของลูกเต้าแกเลยเพราะคงไม่รู้ข่าวกัน ยายใสก็นั่งฟังสวดนิ่งๆ หน้าตาเหี่ยวย่นดำเกรียมดูสงบเหมือนจะปลงใจได้ บางคนได้ยินแกพพึมพำว่า..พ้นทุกข์ไปที ตาสอนเอ๊ย!

    รุ่งขึ้นตอนบ่ายๆ ก็ช่วยกันแบกโลงไปป่าช้า มีพระถือสายสิญจน์นำหน้า พวกผมเด็กๆ ก็วิ่งตามดูเพราะนานๆ ถึงจะมีคนตายที

    เขาว่าผีตายโหงนี่ดุชะมัด ทั้งกลัวทั้งอยากรู้ว่าจะดุร้ายแค่ไหน?

    เมื่อถึงป่าช้า ไม่มีหลุมศพเกลื่อนกลาด ไม่มีเมรุเผาผี แต่ใช้ก่อฟืนตั้งโลงเผา รุ่งขึ้นญาติก็ไปเก็บกระดูกส่วนใหญ่ใส่หม้อฝังดิน ยกเว้นกระดูกส่วนหัวเรือหน้าผากที่ค่อนข้างแข็ง จะเก็บใส่โกศ 2 - 3 ชิ้นไปเก็บที่บ้าน ไร้ญาติขาดมิตรจริงๆ ก็กวาดเถ้ากับกองกระดูกฝังดินหมด

    มีปัญหาว่าจะเผาศพตรงไหน?

    เคยได้ยินว่าบางแห่งใช้โยนเหรียญเสี่ยงทาย ถ้าเหรียญตกตรงไหนก็เชื่อว่าผู้ตายต้องการให้เผาตรงนั้น แต่บ้านผมใช้ไข่ดิบๆ นี่แหละครับโยนเอา

    ไข่ตกลงมาแตกที่ไหนก็เผาผีที่นั่น บางคนอาจบอกว่าโยนไข่ดิบเปลือกบางลงที่ไหนก็แตกทั้งนั้น แต่ผมเคยเห็นว่าโยนลงมาแล้วไข่ไม่แตก น่าอัศจรรย์ไหมล่ะ? เพราะผู้ตายไม่ชอบ (บ้านผมเรียก ผีบ่มัก หรือผีไม่ชอบ) ก็ต้องเปลี่ยนที่โยนไข่ไปเรื่อยๆ จนกว่าไข่จะแตก..ได้การ ผีชอบที่นี่!

    คราวนี้ก็เช่นกัน โยนไข่หลายทีตกลงมาก็ไม่แตก เมฆชักหนา ฟ้าชักมืด..ลมพัดฮือๆ จนหลายคนชักมองหน้ากันล่อกแล่ก ยอดไม้ซู่ซ่า อากาศสลัวราวใกล้ค่ำ

    ลมแรงขึ้นทุกที ฟ้าร้องครืนๆ ใกล้เข้ามา ไข่เจ้ากรรมโดนโยนสูงๆ ตกลงมาก็ไม่ยอมแตกซักที ฝนชักพรำ ลมกระโชกปั่นป่วน..ใครคนหนึ่งร้องว่ารีบก่อฟืนเถอะรอไม่ได้แล้ว ทุกคนก็เห็นพ้องด้วยแต่สีหน้าไม่ค่อยจะสบายไปตามๆ กัน

    ในที่สุดก็ก่อฟื้นเสร็จ พระสวดบังสุกุล ยกโลงขึ้นไปตั้ง ราดน้ำมัน จุดไฟ ลุกพึ่บ..ทันใดนั้น ฟ้าลั่นเปรี้ยง เสียงคนหวีดร้อง กองฟืนทลาย โลกศพหล่นโครมลงมาแตกกระจาย เสียงหวีดร้องดังระงม ผู้หญิงหลายคนเป็นลมไปตามๆ กัน

    ศพเฒ่าสอนนอนขาวโพลนน่าสยอง ผมกับเพื่อนๆ เผ่นกลับบ้านไม่คิดชีวิต..มารู้ทีหลังว่าต้องโยนไข่จนแตก ถึงได้ก่อฟืนเผาผีตาสอนได้สำเร็จครับ นึกถึงป่าช้าอาถรรพณ์แล้วขนหัวลุกทุกที
     

แชร์หน้านี้

Loading...