เรื่องเด่น วีดีโอ ยืนยันจากตัวจริง! "แอนนาเบลล์" น่ากลัวที่สุดในพิพิธภัณฑ์เก็บของอาถรรพ์วอร์เรน

ยืนยันจากตัวจริง! "แอนนาเบลล์" น่ากลัวที่สุดในพิพิธภัณฑ์เก็บของอาถรรพ์วอร์เรน





ถือเป็น 4 คลิปที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด! เพราะนี่คือคลิปสัมภาษณ์สุดพิเศษจากภาพยนตร์ "Annabelle Comes Home" ที่นอกจากผู้กำกับและนักแสดงนำในเรื่องแล้ว ยังมีลูกสาวตัวจริงของ เอ็ด-ลอร์เรน วอร์เรน อย่าง จูดี้ สเปียร่า รวมถึง โทนี่ สเปียร่า ลูกบุญธรรม และยังเป็นผู้ที่ดูแลพิภิธภัณฑ์เก็บของอาถรรพ์วอร์เรนอีกด้วย

โทนี่ สเปียร่า ได้เผยว่า 'แอนนาเบลล์' น่ากลัวที่สุดในพิพิธภัณฑ์เก็บของอาถรรพ์ของวอร์เรน มันออกมาจากปากของเอ็ดเลย เพราะเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับทุกคน" ด้าน จูดี้ สเปียร่า ได้เล่าถึงเรื่องราวในวัยเด็กว่า "ตอนเด็กไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ทำงานอะไร ตอนเช้าพ่อจะตื่นและลงไปที่ออฟฟิต และอ่านพวกเรื่องลึกลับ หาข้อมูลบางอย่างและออกไปสืบสวน หรือเวลามีคนโทรมาพ่อแม่ก็จะออกไปจัดการคดีนั้น ทุกคนชอบยกของผีสิงพวกนี้ให้ พ่อกับแม่ก็เก็บเอาไว้ที่ห้องเก็บของชั้นล่าง พ่อเคยบอกไว้ว่า "ห้ามเปิดห้องนั้นเด็ดขาด' ฉันกลัวที่จะต้องเข้าไปที่นั่น"

"ของพวกนี้มีอยู่จริงค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่าง พวกภูติผีปีศาจ ผู้คนล้วงถูกผีสิง สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง" จูดี้ สเปียร่า กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.majorcineplex.com/news/real-annabelle-doll

 

เรื่องสยองของตุ๊กตาแอนนาเบลล์ตัวจริง!

ตุ๊กตาผีสิงสุดหลอนชื่อ 'แอนนาเบลล์' ซึ่งกลายเป็นตัวละครผีที่ถูกพูดถึงในหนังสยองขวัญเรื่อง The Conjuring ก่อนจะแตกหน่อกลายเป็นตัวละครเอกในหนังภาคแยก (Spin-off) ที่มีสองภาคคือ Annabelle ในปี 2014 และภาคต่อแบบ Prequel (เหตุการณ์ก่อนหน้าภาคแรก) Annabelle: Creation ซึ่งกำลังเข้าโรงโกยเงินอยู่ในตอนนี้หลายคนคงสงสัยว่าแอนนาเบลล์ตัวจริงมีที่มาที่ไปยังไง


แอนนาเบลล์ตัวจริง (ซ้าย) กับแอนนาเบลล์ในหนัง (ขวา)

ตุ๊กตาแอนนาเบลล์จริงๆ ไม่ได้ดูน่ากลัวแบบในหนังแต่เป็นตุ๊กตาหน้าตาบ๊องแบ๊วชื่อ Raggedy Ann ซึ่งเป็นตุ๊กตาผ้าดาษๆ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Rag Doll มีผมสีแดงทำจากไหมพรมจมูกสามเหลี่ยมสีแดงสวมชุดสีขาวและถุงเท้าลาย โดยจากคำบอกเล่าของ เอ็ดและ ลอร์เรน วอร์เรน คู่ผัวเมียนักไล่ผีตัวจริง (ที่เป็นตัวละครเอกในหนัง The Conjuring) นั้นไม่ได้เหมือนกับในหนังที่เราดูเลยสักนิด ไม่มีตัวละครชื่อ จอห์น และเมียตั้งท้องชื่อ มีอาเหมือนใน Annabelle ภาคแรก

เรื่องจริงมีอยู่ว่า มีนักเรียนพยาบาลหญิงคนหนึ่งชื่อ ดอนน่า ได้รับตุ๊กตา Raggedy Ann เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 28 ปีจากแม่ของเธอ โดยแม่ของเธอซื้อตุ๊กตาเก่าแก่ (ตุ๊กตามือสอง) ตัวนี้มาจากร้านขายของเล่นแห่งหนึ่งในปี 1970 (ใกล้เคียงกับเวลาในหนังAnnabelle ภาคแรกซึ่งเกิดขึ้นในปี 1968 ซึ่งตอนนั้นตุ๊กตาถูกปีศาจสิงแล้ว ขณะที่เหตุการณ์ในหนังภาค Creation เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นในปี 1955)

ส่วนเหตุการณ์หลอนที่เกิดขึ้นจริงนั้น เริ่มต้นจากการที่ตุ๊กตาเริ่มเคลื่อนที่เองได้ ดอนน่า เจ้าของตุ๊กตาที่แชร์หอพักเล็กๆ กับเพื่อนนักเรียนพยาบาลของเธอที่ชื่อ แองจี้ พบว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้อยู่ไม่เป็นสุข เดี๋ยวอยู่นั่นเดี๋ยวอยู่นี่ ทีแรกก็ขยับเปลี่ยนตำแหน่งอยู่แค่บนเตียงของดอนน่า แต่หลังจากนั้นเริ่มเปลี่ยนที่ไปอยู่อีกห้องหนึ่งได้เอง หรือกลับมาอยู่ในห้องนอนของดอนน่าที่ประตูปิดไว้ได้เอง บางครั้งก็พบว่าเจ้าตุ๊กตายังอยู่ในท่ากอดอกและขัดสมาธิ ไม่ก็ยืนสองขาพิงเก้าอี้ในห้องครัว

เปิดดูไฟล์ 4978068
ลอร์เรน วอร์เรน ตัวจริงกับตุ๊กตาแอนนาเบลล์

จากนั้นก็เริ่มเฮี้ยนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเศษกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนด้วยดินสอเป็นลายมือเด็กวางทิ้งไว้ในหอพักของพวกเธอ คำส่วนใหญ่ที่เห็นบ่อยๆ คือ “Help us” และ “Help Lou” ลู คือ แฟนหนุ่มของแองจี้ที่อาศัยอยู่ในหอพักกับพวกเธอด้วย เหตุการณ์เริ่มน่ากลัวขึ้น เมื่อวันหนึ่งดอนน่ากลับมาพบตุ๊กตาอยู่บนเตียง และ ‘มีรอยเลือด’ อยู่บนมือทั้งสองข้างของตุ๊กตา เมื่อเจอแบบนั้นพวกเธอเลยต้องเชิญคนทรงผีมาช่วยดูว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้มีผีสิงอยู่หรือไม่

คนทรงคนแรกที่นั่งอยู่กับดอนน่า แองจี้ และตุ๊กตา บอกว่าที่ตั้งของหอพักเธอตรงนี้เดิมทีเป็นทุ่งหญ้าโล่ง และมีเด็กสาววัย 7 ขวบชื่อว่า ‘แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์’ (ซึ่งตรงกับชื่อตัวละครในภาคแรก) เสียชีวิตอยู่ตรงนี้มานาน แล้วเมื่อตุ๊กตาตัวนี้เข้ามาที่หอพัก วิญญาณของแอนนาเบลล์เลยเข้าสิงเนื่องจากเธอเป็นเด็กที่ชื่นชอบตุ๊กตามาก

ที่น่าประหลาดใจไม่แพ้ในหนัง คือ ทั้งที่รู้เช่นนี้แต่ ‘ดอนน่าและแองจี้’ รู้สึกรักผูกพันและสงสารวิญญาณของแอนนาเบลล์มาก เลยเก็บตุ๊กตาไว้ในหอพักต่อไป ไม่อยากนำมันไปทิ้งที่อื่น (เฮ้อ)

เปิดดูไฟล์ 4978069

จากนั้นก็เริ่มมีเหตุการณ์ที่เชื่อว่าวิญญาณของแอนนาเบลล์ออกอาละวาด ซึ่งไม่ได้เกิดกับดอนน่าและแองจี้ แต่เกิดกับลู แฟนหนุ่มของแองจี้ (แอนนาเบลล์อาจจะไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่) อย่างเช่นคืนหนึ่งที่ลูตื่นขึ้นมากลางดึกและพบว่าเขาขยับตัวไม่ได้ เขาเห็นเจ้าตุ๊กตาแอนนาเบลล์อยู่ที่ปลายเท้าเขาและค่อยๆ คลานขึ้นมาที่ขา ไล่ขึ้นมาจนถึงหน้าอก เขาเริ่มหายใจไม่ออก อึดอัดจนหน้ามืดและสลบไป เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ ระหว่างที่ลูและแองจี้อยู่ในหอพักกันสองคนก็ได้ยินเสียงกุกกักมาจากห้องนอนของดอนน่า (ซึ่งเธอไม่อยู่) ลูรอให้เสียงเงียบลงและเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นตุ๊กตาแอนนาเบลล์นอนอยู่บนพื้น เขาเดินข้ามมันไปและรู้สึกว่ามีใครอยู่ข้างหลังเขา เขาหันหลังดู พบว่าไม่มีใคร แต่ทันใดนั้นตัวเขาก็งอลงและเกิดเลือดไหลที่หน้าอก พบว่ามีรอยข่วนบนหน้าอกเขาถึง 7 รอย แต่รอยเหล่านั้นก็หายไปภายในสองวัน

เจอแบบนี้เข้าไป ดอนน่าต้องตามผัวเมียปราบผีวอร์เรนเข้ามาช่วย ซึ่งพวกเขาพบว่า แอนนาเบลล์เป็นปีศาจร้าย จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของมันคือการเข้าสิงดอนน่าหรือยึดวิญญาณของเธอไป พร้อมอธิบายว่าปกติปีศาจจะไม่เข้าสิงสิ่งของหรือตุ๊กตา แต่จะสิงร่างของคน เมื่อได้ยินแบบนั้นดอนน่าจึงจัดการให้บาทหลวงมาทำพิธีที่หอพักและให้ผัวเมียวอร์เรนนำตุ๊กตาแอนนาเบลล์ไปจากพวกเธอ

เรื่องเฮี้ยนยังไม่จบราวกับในหนัง ระหว่างที่ผัวเมียวอร์เรนนำตุ๊กตาแอนนาเบลล์ขึ้นรถและขับกลับบ้าน ก็เกิดรถเสียตลอดทาง เบรคไม่หยุดบ้าง เครื่องยนต์หน่วงบ้าง พวงมาลัยใช้งานไม่ได้บ้าง จนถึงขั้นต้องหยุดพรมน้ำมนต์ใส่ตุ๊กตาไปตลอดทาง โชคดีที่พวกเขารู้ทันตั้งแต่แรก เลยขับรถกลับบนถนนเส้นนอกเมือง ไม่ใช่บนถนนไฮเวย์สายหลัก ไม่เช่นนั้นแอนนาเบลล์คงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

เมื่อไปถึงบ้าน เอ็ดวางตุ๊กตาไว้บนโต๊ะ แอนนาเบลล์ก็เริ่มแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นแบบไม่ปิดบัง อย่างเช่นลอยตัวขึ้นในอากาศเป็นครั้งคราว ไม่นานนักเหตุการณ์ก็ค่อยๆ ลดลงจนหยุด ซึ่งพวกวอร์เรนเชื่อว่าปีศาจร้ายเริ่มสงบ แต่เปล่ายังไม่จบ ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ย้ายตำแหน่งไปมาในบ้านจนพวกเขาต้องเชิญบาทหลวงมาช่วยจัดการ ซึ่งเมื่อเสร็จกิจ บาทหลวงเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำระหว่างทางกลับบ้าน โชคดีที่เขารอดชีวิต แต่จุดนี้เองที่ทำให้เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนไม่ย่ามใจในฤทธิ์เดชของตุ๊กตาร้ายตัวนี้ พวกเขานำมันใส่ตู้กระจกที่ล็อกกุญแจไว้ มีไม้กางเขนติดอยู่ด้านบนและติดป้ายห้ามเปิด

ทุกวันนี้ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ยังถูกเก็บไว้ที่ Occult Museum ของเอ็ดและลอร์เรนวอร์เรนในคอนเน็กติคัต ซึ่งนานๆ จะเปิดให้เยี่ยมเข้าชมทีเมื่อมีการจัดอีเวนท์เล็กๆ ชื่อ Warrenology

ภาพ: Occult Museum

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก Vogue Thailand : https://www.vogue.co.th/beauty/annabelle