ภัยธรรมชาติรุนแรงทั่วโลก สัญญาณผลกระทบโลกร้อน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ เตือนภัย, 16 สิงหาคม 2021.

  1. โพธิสัตว์ เตือนภัย

    โพธิสัตว์ เตือนภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,565
    กระทู้เรื่องเด่น:
    441
    ค่าพลัง:
    +655
    • สภาพอากาศโลกแปรปรวนขึ้นเรื่อยๆ กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นเดือนที่โลกมีอุณหภูมิทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวทั้งบนบกและผิวน้ำทะเลอยู่ที่ 16.73 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในศตวรรษที่ 20 ไปถึง 0.93 องศาเซลเซียส
    • เกิดไฟป่ารุนแรงแบบเกินรับมือในหลายประเทศทั่วโลกทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย กรีซ อิตาลี แอลจีเรีย ตุรกี และแคนาดา แม้ปกติแล้วจะเกิดไฟป่าทุกปี แต่ปีนี้สถานการณ์เลวร้าย โดยมีผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนเป็นชนวนความรุนแรง เฉพาะที่สหรัฐฯ ปีนี้มีพื้นที่ป่าถูกเผาไหม้แล้วกว่า 8.8 ล้านไร่
    • ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกยังทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ เกิดน้ำท่วมฉับพลันรุนแรงในหลายประเทศแถบตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 100 ศพ สูญหายอีกนับพันคน หลายประเทศแถบเอเชียก็เจอน้ำท่วมครั้งใหญ่อย่างที่จีนและญี่ปุ่น

    หากติดตามข่าวต่างประเทศช่วงนี้จะพบว่านอกจากข่าวสถานการณ์โควิดที่กลับมาแพร่ระบาดรุนแรงในหลายประเทศแล้ว ยังมีแต่ข่าวภัยพิบัติธรรมชาติเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ดูแล้วไม่ต่างจากวันสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าตามที่ต่างๆ ที่โหมรุนแรงลามเข้าเขตชุมชน น้ำท่วม ดินถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และข่าวการเผชิญคลื่นความร้อนในหลายประเทศแถบยุโรป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างชี้ว่า เป็นผลมาจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ภัยธรรมชาติเกิดบ่อยขึ้นและส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น

    e0b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982.jpg

    อุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงขึ้น

    <![CDATA[

    ]]>

    <![CDATA[

    ]]>


    เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การบริหารด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration-NOAA) เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่า เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเดือนที่โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติมา วัดจากพื้นผิวดินและผิวน้ำแล้วคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยออกมาได้สูงกว่าตัวเลขอุณหภูมิเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 ไปถึงเกือบ 1 องศาเซลเซียส โดยร้อนกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 0.01 องศาเซลเซียส และเรียกได้ว่าเป็นเดือนที่โลกร้อนที่สุดในรอบ 142 ปี

    จากข้อมูลระบุว่า หากดูเฉพาะบริเวณซีกโลกเหนือ อุณหภูมิพื้นผิวสูงขึ้นถึง 1.54 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกัน เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยังเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของเอเชียด้วย และร้อนที่สุดของยุโรป รองจากเดือน ก.ค. ในปี 2561 โดยสภาพอากาศแปรปรวนยังทำให้เกิดการก่อตัวอย่างผิดปกติของพายุไซโคลนโซนร้อนในปีนี้

    ขณะที่ก่อนหน้านี้ องค์การสหประชาชาติออกมารายงานเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน ถือเป็นสัญญาณอันตรายร้ายแรงต่อมนุษยชาติ โดยนายอันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวว่า หากเป็นเมื่อก่อนเรายังหลีกเลี่ยงที่จะไม่แก้ปัญหาโลกร้อนได้ เพราะผลกระทบต่างๆ ยังไม่รุนแรง แต่ตอนนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้เราไม่มีเวลาเหลือที่จะเพิกเฉยต่อปัญหานี้แล้ว

    รายงานของยูเอ็นระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2513 ที่ผ่านมา อุณหภูมิพื้นผิวโดยเฉลี่ยรอบ 50 ปีของโลกเราเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในตลอดช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศแถบยุโรป อุณหภูมิร้อนทะลุ 40 องศาเซลเซียส โดยอากาศในเมืองซิซิลีของอิตาลี ร้อนทำสถิติสูงสุดที่ 48.8 องศาเซลเซียส ส่วนที่หมู่บ้านลิทตั้น ในรัฐบริติช โคลัมเบีย ของแคนาดา อุณหภูมิทะลุ 49.6 องศาเซลเซียส

    b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982-1.jpg

    ไฟป่าทำทั่วโลกลุกเป็นไฟ


    ตอนนี้มีหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญไฟป่า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ รัสเซีย กรีซ อิตาลี แอลจีเรีย ตุรกี และแคนาดา โดยที่กรีซแม้จะเกิดไฟป่าเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้เปลวไฟลุกลามไปทั่วประเทศ และอากาศที่ร้อนจัดก็เป็นอุปสรรคสำคัญต่อภารกิจในการดับไฟป่า

    นายกรัฐมนตรีของกรีซ แถลงทางโทรทัศน์ว่า กรีซกำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากเกิดไฟป่าถึง 586 จุดในทั่วทุกมุมของประเทศ เผาผลาญบ้านเรือนไปหลายร้อยหลังคาเรือน ทำให้ต้องอพยพประชาชนถึง 63 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเกาะเอเวีย ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับสองของกรีซ ได้ถูกไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ของเกาะไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง

    b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982-2.jpg

    ส่วนที่สหรัฐฯ ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ปะทุขึ้นมานานนับเดือนก็ยังคงลุกลามอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบททางตอนเหนือ ของเขตเทือกเขาเซียร์รา เนวาดา เผาบ้านเรือนวอดไปกว่า 550 หลัง และยังขยายวงกว้างเผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 2,000 ตารางกิโลเมตร จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงควบคุมไฟป่าไปได้เพียง 31% เท่านั้น

    ขณะที่สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งในรัฐแคลิฟอร์เนียได้ทำให้ไฟป่าลุกลามรวดเร็ว และส่งผลให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 เท่า นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ทำให้พื้นที่ทางตะวันตกของสหรัฐฯ ร้อนและแห้งแล้งมากที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง รวมถึงไฟป่าเพิ่มมากขึ้น

    b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982-3.jpg

    น้ำท่วมใหญ่หลายประเทศทั่วยุโรป

    สองสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำท่วมรุนแรงส่งผลกระทบในหลายประเทศของยุโรปตะวันตก มีภาพข่าวกระแสน้ำทะลักลงไปท่วมถึงในรถไฟใต้ดิน มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 120 ศพ มีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน ทั้งในเยอรมนีและเบลเยียม หลังฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง โดยเยอรมนีนับเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมเป็นวงกว้าง และมียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดกว่า 100 ศพ ส่งผลให้ประธานาธิบดี แฟรงค์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ ถึงกับออกปากว่า เขาตกตะลึงกับความเสียหายที่เกิดขึ้น หลังจากได้ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง และเห็นใจประชาชนที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมาทั้งชีวิต

    นอกจากนี้ยังมีฝนตกหนักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ ทำให้นายกรัฐมนตรี มาร์ก รูทท์ ของเนเธอร์แลนด์ ต้องประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินในจังหวัดทางตอนใต้ 1 จังหวัด

    b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982-4.jpg

    ที่เบลเยียม มีการประเมินความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ศพ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศ

    ส่วนที่ สวิตเซอร์แลนด์ ทะเลสาบและแม่น้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นหลังฝนตกหนัก จนน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งในกรุงเบิร์น และในเมืองลูเซิร์น จนทางการต้องสั่งให้ประชาชนอยู่ห่างจากแม่น้ำในช่วงนี้เพื่อความปลอดภัย

    บรรดาผู้นำชาติยุโรปต่างกล่าวโทษว่า สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงเป็นผลมาจากสภาพอากาศเปลี่ยนและภาวะโลกร้อน เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า ภาวะโลกร้อนทำให้มีฝนตกหนักมากผิดปกติ โดยอุณหภูมิของโลกอุ่นขึ้นราว 1.2 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้น

    ตุรกีอ่วมสุดเจอน้ำท่วมใหญ่ซ้ำเติมไฟป่า

    ขณะที่ตุรกี เป็นหนึ่งในประเทศที่เจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มีภัยธรรมชาติกระหน่ำสองด้าน อุณหภูมิสูงทะลุ 49.1 องศาเซลเซียส เกิดไฟป่ากว่า 500 แนว บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนใต้ของประเทศ เปลวไฟเผาพื้นที่ป่าของตุรกีไปกว่า 1,600 ตารางกิโลเมตร นับเป็นฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ศพ บาดเจ็บเกือบ 1,000 ราย ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เมืองรีสอร์ตริมทะเลต้องอพยพหนีไฟป่าที่ลามเข้าประชิด ผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์ถึงเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้เป็นส่วนใหญ่

    b8a1e0b88ae0b8b2e0b895e0b8b4e0b8a3e0b8b8e0b899e0b981e0b8a3e0b887e0b897e0b8b1e0b988e0b8a7e0b982-5.jpg

    ในขณะที่ไฟป่ายังดับไม่หมด ก็ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่บริเวณจังหวัดชายฝั่งทะเลดำทางตอนเหนือของประเทศ อย่างจังหวัดบาร์ติน คาสตาโมนู ไซนอป และแซมซัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 60 ศพ มีประชาชนกว่า 2,000 คนต้องอพยพหนีออกจากบ้านเรือน ภัยธรรมชาติรุนแรงทำให้ประธานาธิบดีของตุรกีต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติในพื้นที่แถบทะเลดำ

    ผู้เชี่ยวชาญของตุรกีบอกว่า จากการทำแบบจำลองสภาพอากาศทำให้พบว่า มีโอกาสที่พอถึงปลายศตวรรษนี้ตุรกีจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 3.5-6.5 องศาเซลเซียส ในขณะที่จะเกิดฝนตกหนักครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น แม้จะตกไม่ยาวนาน แต่จะตกบ่อยมากขึ้น ในขณะที่ฤดูแล้งจะขยายเวลาออกไปประมาณ 30% เนื่องมาจากภาวะสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้ว.

    ผู้เขียน : เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์

    ข้อมูล : BBC People Politico.eu


    ขอบคุณที่มา
    https://www.thairath.co.th/news/foreign/2166666
     

แชร์หน้านี้

Loading...