ภพนี้-ภพหน้า

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 25 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    "พิมพ์มาดา" เล่าเรื่องผีในแง่มุมของไสยศาสตร์กับวิทยาศาสตร์เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินข่าวน่าตื่นเต้น ทำนองว่า "วิญญาณปรากฏในภาพถ่าย" หรือ "ผีมาถ่ายรูปกับคน" ไม่ว่าในป่า ในเมือง หรือในงานศพก็ตาม

    การบันทึกภาพผีหรือวิญญาณ (โดยบังเอิญ) ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหว เช่น ภาพยนตร์และวิดีโอ เคยปรากฏมานมนานแล้ว ทั้งในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ รวมทั้งในทีวีนับครั้งไม่ถ้วน

    ส่วนมากจะผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วว่า เป็นภาพถ่ายปกติไม่ได้แก้ไขตบแต่งฟิล์มแต่อย่างใด การที่มีภาพลึกลับแปลกประหลาดปรากฏอยู่ด้วยนั้น จะมีสาเหตุจากอะไรยังเป็นสิ่งลึกลับ ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ จึงต้องเชื่อว่าเป็นภาพผีๆ สางๆ เอาไว้ก่อน

    แต่มีภาพถ่ายหลายภาพเช่นกันที่ใช้เทคนิคสร้างภาพผีขึ้นมา ทั้งเพื่อตบตาผู้คนก็มี เพื่อเปิดเผยถึงการหลอกลวงของมิจฉาชีพก็มี

    ถ้าเป็นภาพจริง แสดงว่าผีมีอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าจึงถูกบันทึกภาพได้ อย่าว่าแต่ถ่ายรูปเลย การมีพลังเช่นนี้อาจจะทำได้ถึงขนาดออกแรงเปิด-ปิดประตูหน้าต่าง หรือทำให้วัตถุเคลื่อนที่ แม้แต่การส่งเสียง ส่งกลิ่น ก็ต้องใช้พลังในกรณีนี้เช่นกัน

    ถามว่า ฟิสิกส์ของผีคืออะไรกันแน่?

    นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งทฤษฎีไว้หลายอย่าง เช่น ข้อแรกเขาว่า เหตุการณ์บางอย่างที่เราคิดว่าเป็นผี แท้จริงคือพลังจากสิ่งของ หรือผู้คนที่กระจายผ่านทะลุมิติแห่งกาลเวลา ในระยะเวลาพิเศษเป็นช่วงสั้นๆ

    ภาพที่เห็นอาจจะมาได้ทั้งจากอดีตและอนาคต!

    ทฤษฎีที่สอง เขาว่าสิ่งที่เราเห็นและคิดว่าผี คือ อำนาจของพลังแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอยู่เป็นปกติในสิ่งของและคนเรา บางครั้งพลังดังกล่าวก็ถูกบันทึกไว้ในบรรยากาศแล้วปรากฏเป็นภาพเมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสม เหมือนกับการบันทึกเทปเพลงหรือวิดีโอ

    เช่น เรายังฟังเสียงเพลงของสุนทราภรณ์ หรือบุปผา สายชลได้ แม้เขาและเธอจะล่วงลับไปแล้วก็ตาม

    เมื่อเปิดเทปฟัง หรือดูพวกเขาในจอหนังจอทีวี ก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังถูกผีหลอก แต่เรากำลังดูอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าของเขาที่ถูกบันทึกไว้นั่นเอง

    ทฤษฎีที่สาม เขาเชื่อว่าวิญญาณมีจริง และล่องลอยอยู่ระหว่าง "ชีวิตในภพนี้และชีวิตในภพหน้า" พวกเขากำลังรอการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้ง..และอีกครั้งอย่างไม่รู้จบสิ้น

    การปรากฏของผี อาจมีสาเหตุจูงใจมาจากความเป็นห่วง หวงสมบัติ ความรัก อาลัยอาวรณ์ ความอาฆาตพยาบาท หรือแม้แต่ พยายามจะกลับมาเพื่อแก้ปัญหาแก้ความข้องขับใจที่ยังค้างคาอยู่

    แม้แต่การที่ไม่ยอมรับ และไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ตายไปแล้ว ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผีปรากฏตัวได้

    อย่างไรก็ตาม เขามีทฤษฎีที่สี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมากคือ วิทยาศาสตร์สอนว่า วัตถุต่างๆ ในโลกไม่มีวันสูญหาย หรือสาบสูญไปไหน ถ้าเช่นนั้นคนเราเมื่อตายไป ร่างกาย และลมหายใจ เลือดเนื้อทั้งมวลก็กลับคืนสู่สภาวะ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    ร่างกายอาจจะดูเหมือนถูกทำลายโดยสิ้นเชิง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย

    ในขณะที่กระแสแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเคยทำให้คนเราคิดได้ พูดได้ สัมผัสได้ เมื่อครั้งยังมีชีวิต ก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าเราจะเรียกกระแสนั้นว่าอะไรก็ตามแต่...จะเป็นดวงจิต ผี จิตภูต หรือวิญญาณ

    ทฤษฎีสุดท้ายนั้นน่าสนใจไม่ใช่น้อยๆ

    เมื่อใดก็ตามที่วิทยาศาสตร์ยอมรับ หรือพิสูจน์ได้ว่า เรื่องผีที่จริงแล้วเป็นเรื่องซึ่งอธิบายได้ และมีความเกี่ยวข้องเป็นปกติ อันเป็นวงจรของชีวิต เมื่อนั้นก็เท่ากับว่าวิทยาศาสตร์ได้ไขความลับที่อยู่คู่โลกมาตั้งแต่พื้นพิภพนี้มีมนุษย์

    หากคนเรายอมรับเรื่องวิญญาณ การเวียนว่ายตายเกิด และผลแห่งพลังของความดี-ความชั่ว โลกเราและการดำเนินชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไปถึง

    เมื่อวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์กลับมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใครจะรู้...สิ่งนี้อาจเป็นก้าวแรกของวิทยาการชั้นสูง ที่จะนำมนุษย์ออกไปสู่จักรวาลอันยิ่งใหญ่ไพศาลเป็นผลสำเร็จก็ได้

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...