พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ แขวน”สมเด็จบางขุนพรหม”

“การแขวนพระเครื่องนั้นเป็นการเตือน สติให้กระทำแต่ความดี ประพฤติดี ละเว้นการทำความชั่วหรือการกระทำที่ผิดศีลธรรม และเชื่อว่าการกระทำความดีนั้นไม่มี ที่สิ้นสุดทำได้ตลอดเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่” เป็นคติความเชื่อของ “พล.ต.พลภัทร วรรณ ภักตร์” เลขานุการกองทัพบก นักเรียนเตรียม ทหาร 16 (ตท.16)

พล.ต.พลภัทรเป็นอีกผู้หนึ่งที่ชื่นชอบสะสมวัตถุมงคลพระ เครื่อง เชื่อว่าการมีพระเครื่องกับตัวเสมือนเป็นองค์แทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เรารำลึกนึกถึงการทำสิ่งที่ดีงาม การปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรม
พล.ต.พล ภัทรบอกเล่าถึงการสะสมวัตถุมงคลว่า ย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก ครอบครัว คือคุณพ่อและคุณแม่มักพาเข้าไปทำบุญที่วัดเป็นประจำ ได้มีโอกาสเข้าไปกราบพระเถระชั้นผู้ใหญ่และตามวัดมักจะมีตู้ไว้ให้เช่าบูชา วัตถุมงคล ทำให้ได้มีโอกาสไปยืนดูข้างตู้พระเครื่อง ได้ลองสอบถามข้อมูลและเก็บสะสมพระเครื่องไว้บูชา ด้วยถือว่าได้พระมาห้อยคล้องคอก็มีความสุข
“การสะสมพระเครื่องของผม นั้น ส่วนใหญ่ผมไม่ได้ไปหาเช่าบูชาที่ไหนเลย มีแต่ผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือมอบให้มาทั้งสิ้น ซึ่งผมคิดว่าผู้ที่ให้พระมานั้น คือ ผู้ที่รักและปรารถนาดีกับตัวเรา มีความตั้งใจที่ดี เมื่อได้รับมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เป็นสิริมงคลกับตัวมาตลอด”
พล.ต.พลภัทรเปิดเผยว่า สำหรับพระที่ได้มาจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ส่วนใหญ่จะเป็นพระสมเด็จ ซึ่งได้นำมาแขวนติดตัวมาหลาย 10 ปี คือ พระสมเด็จบางขุนพรหม ปกติตนก็ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของพระเครื่องเท่าใดนัก แต่เมื่อได้รับมา ก็คิดว่าเราน่าที่จะศึกษาถึงองค์พระที่ได้ มาว่าประวัติความเป็นมาอย่างไร พระเกจิอาจารย์ ท่านที่จัดสร้างเป็นใคร ถือว่าสิ่งที่เรามีอยู่ควรที่จะศึกษาไว้เพื่อเป็นความรู้ส่วนตัว
“ผม คิดอยู่เสมอว่าพระทุกองค์ที่คล้องอยู่ในคอ ก่อนเดินทางออกจากบ้าน พระทุกองค์ท่านมีพุทธคุณที่ดี ก็จะอาราธนาท่านเพื่อให้คุ้มครองในการเดินทางให้แคล้วคลาด ปลอดภัย ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจ และมั่นใจในการทำงาน”
ความเชื่อส่วนตัวของ พล.ต.พลภัทรนั้น เชื่อว่าพระเครื่องทุกองค์มีพุทธคุณที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมวลสารที่ผสมอยู่ในองค์พระ ที่เป็นมวลสารสิริมงคล ประกอบกับการจัดทำพิธีพุทธาภิเษก ที่มีการสวดบทวิชาคาถาที่เป็นสิริมงคลทั้งสิ้น พระที่มาร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิต ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หรือเป็นพระสุปฏิปันโนอยู่แล้ว
“ทหารเป็นรั้วของชาติ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดนปกป้องอธิปไตย ต้องตื่นตัวและมีความเสี่ยงอยู่ทุกขณะ ทำให้ต้องไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ซึ่งใจชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในช่วงของชีวิตนั้น เมื่อทราบว่าที่ใดมีพระอาจารย์หรือเกจิอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติดี ก็จะไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์หรือขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลจากท่าน”
สำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบและเป็นนักสะสมพระเครื่องนั้น พล.ต.พลภัทรฝากทิ้งท้ายไว้ว่า การที่มีพระอยู่กับตัวเรานั้น จริงๆ แล้วพระเครื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาในสมัยพุทธกาล แต่เกิดขึ้นมาภายหลัง เพื่อให้ชาวพุทธได้มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้รำลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงนั้นเป็นหลักมากกว่า
ส่วนในเรื่องของการที่จะนำไปเช่าบูชา คงเป็นค่านิยม-ความเชื่อส่วนบุคคล แต่เนื้อแท้แล้วคิดว่าการมีพระเครื่องติดตัว เพื่อให้คนได้ยึดเหนี่ยวทำความดี ให้ปกปักรักษาคุ้มครองตัวเราตลอดไป
ข้อมูลจาก ข่าวสด