เรื่องเด่น พระเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย งูๆปลาๆ, 25 ตุลาคม 2017.

  1. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ครั้งหนึ่ง พระบรมศาสดาได้เสด็จดำเนินอยู่ในพระราชอุทยานอัมพวัน สวนมะม่วงของพระเจ้ามฆเทวราช โดยมีพระอานนทเถระ และเหล่าภิกษุติดตามเป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงระลึกถึงเรื่องราวในอดีตของสถานที่แห่งนั้นจึงทรงแย้มพระโอษฐ์ ทำให้เกิดแสงสว่างวาบขึ้น

    พระอานนทเถระ ตามเสด็จมาเบื้องหลังได้รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์ ด้วยแสงสว่างนั้น จึงกราบทูลถามถึงสาเหตุ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงมีพระพุทธดำรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ เราเคยอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ เพื่อเจริญฌานในสมัยที่เราเกิดเป็นพระเจ้ามฆเทวราช”

    จากนั้นจึงได้ตรัสเล่าเรื่องในอดีตว่า ณ สถานที่เดียวกันนี้ ในกาลนั้นพระองค์ทรงเกิดเป็นพระเจ้ามฆเทวราช มหากษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา ในยุคนั้นมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย ๔ แสนปี ได้ทรงเป็นพระราชกุมารอยู่ ๘๔,๐๐๐ปี ครองราชย์อยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี และเป็นพระมหาราชอีก ๘๔,๐๐๐ ปี

    วันหนึ่ง พระเจ้ามฆเทวราชทรงเห็นเส้นพระเกศาของพระองค์หงอกเพียงเส้นเดียว ก็ทรงมีดำริที่จะออกบวช จึงได้ตรัสบอกพระโอรสว่า “ความเป็นหนุ่มของพ่อสิ้นไปแล้ว บัดนี้เป็นคราวที่พ่อจะออกบวช” แล้วก็ทรงอภิเษกพระราชโอรสพระองค์โตไว้ในราชสมบัติ พร้อมทั้งพระราชทานโอวาทว่า เมื่อผมบนศีรษะของลูกเริ่มหงอกเมื่อไร ลูกก็จงบวชเหมือนกับพ่อนี้

    จากนั้น พระองค์ก็ได้อธิษฐานจิตมั่นว่า “ขอให้วงศ์กษัตริย์ของเราสืบต่อเชื้อสายแห่งวงศ์บรรพชิตเช่นนี้ตลอดไป” แล้วจึงเสด็จออกจากพระนครทรงผนวชเป็นฤษี เจริญพรหมวิหาร ๔ ตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี

    ทรงได้บรรลุฌาน และอภิญญาสมาบัติ ละจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก

    แม้พระราชโอรสองค์โต ผู้ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระเจ้ามฆเทวราช ก็ได้ดำเนินตามมรรคาของพระองค์ โดยถือนิมิตผมหงอกเป็นจุดนำทางให้จำต้องสละราชบัลลังก์ ออกบวชเป็นฤษี แล้วก็มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

    วงศ์กษัตริย์ของพระเจ้ามฆเทวราชได้สืบลำดับต่อเนื่องกันมาโดยทำนองนี้นับได้ประมาณ ๘๔,๐๐๐ พระองค์

    ครั้งหนึ่ง ท้าวมฆเทวราชผู้บังเกิดและดำรงอยู่ในพรหมโลกก่อนกว่ากษัตริย์ทั้งหมด ทรงตรวจดูพระวงศ์ของพระองค์ ทุกพระองค์ยังคงรักษาประเพณีอันดีงามกันดีอยู่หรือไม่

    เมื่อตรวจตราไปก็ได้เห็นว่า วงศ์กษัตริย์ของพระองค์ได้สืบต่อการออกบวชเรื่อยมาไม่ขาดสายเลย เป็นจำนวนกษัตริย์ถึง ๘๔,๐๐๐ พระองค์แล้ว ก็ยิ่งมีปีติล้นทับทวี

    จึงทรงพิจารณาต่อไปว่า ต่อจากนี้ไป วงศ์กษัตริย์ของเราจะสามารถสืบต่อประเพณีนี้ไปได้อีกหรือไม่ ก็ทรงเห็นด้วยฌานสมาบัติว่า กษัตริย์พระองค์ต่อไปจะไม่สามารถรักษาประเพณีอันดีนี้ไว้ได้

    จึงมีพระดำริว่า เราเองนี่แหละ จักสืบต่อพระวงศ์ของเราเอง จึงอธิษฐานจิตจุติจากพรหมโลกลงมาถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระอัครมเหสีของพระราชาในกรุงมิถิลา

    ครบ ๑๐ เดือน ก็ได้ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา ในวันขนานพระนาม พระราชาตรัสเรียกพราหมณ์มาทำนายลักษณะ

    พราหมณ์เมื่อตรวจดูพระลักษณะแล้วก็กราบทูลว่า พระราชกุมารพระองค์นี้เป็นผู้ที่จะมาสืบต่อพระวงศ์ของพระองค์ เพราะพระวงศ์ของพระองค์เป็นวงศ์บรรพชิต

    หลังจากพระราชกุมารพระองค์นี้ไป ก็จักไม่มีพระราชาพระองค์ใดได้เสด็จออกผนวชอีกเลย

    พระราชาสดับดังนั้น ทรงมีปีติเป็นยิ่งนัก จึงทรงดำริว่า ลูกเรามาเกิดเพื่อสืบต่อวงศ์ของเราโดยแท้ เปรียบเหมือนล้อรถที่หมุนตามกันมา ฉะนั้น

    เหตุนี้เองพระองค์จึงทรงขนานพระนามของพระราชโอรสว่า เนมิราชกุมาร ซึ่งแปลว่า กุมารผู้เป็นเหมือนล้อรถ ที่หมุนเวียนมาเพื่อตามรักษาประเพณีอันดีงามของวงศ์ตระกูลให้สืบต่อไป

    เนมิราชกุมารนั้น รักในการบำเพ็ญบุญกุศล ให้ทาน รักษาศีล ๕ และอุโบสถศีล ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

    เมื่อทรงเจริญวัยวัฒนา พระองค์ก็มิได้ทรงยินดีในเบญจกามคุณที่รายล้อมอยู่รอบพระวรกาย

    ถึงกาลที่พระราชาผู้เป็นพระชนกดำรงอยู่ในราชสมบัติได้ ๘๔,๐๐๐ ปี พระชนกของพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก ทรงเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความตายได้คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ

    ทรงรำพึงว่า สังขารไม่เที่ยงหนอ วัยของเราแก่หง่อมแล้วหนอ ถึงเวลาแล้วที่เราจะประพฤติธรรม ออกผนวชเป็นดาบสตามพระวงศ์ที่ได้ประพฤติรักษาประเพณีอันดีงามสืบต่อกันมา

    จากนั้น ก็ได้พระราชทานบ้านส่วยแก่นายภูษามาลา แล้วทรงมอบราชสมบัติแก่พระเนมิกุมารผู้เป็นราชโอรส

    แล้วพระองค์เองออกผนวชในพระราชอุทยานอัมพวันนั่นเอง และทรงเจริญภาวนาตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี

    เมื่อทรงละโลกไปแล้วก็มีพรหมโลกเป็นที่ไป เหมือนกษัตริย์องค์ก่อนๆ

    การที่กษัตริย์แต่ละพระองค์ได้ทรงออกบวชตามๆ กันทุกพระองค์เช่นนี้ ก็ด้วยการอธิษฐานจิตของพระเจ้ามฆเทวราช ผู้เป็นองค์ต้นแห่งกษัตริย์วงศ์นี้ และวาสนาบารมีที่แต่ละพระองค์ได้สั่งสมมาในทางเดียวกัน วงศ์ของพระเจ้ามฆเทวราชนี้จึงได้ชื่อว่า “วงศ์บรรพชิต” ตามที่กล่าวแล้ว

    แต่ตลอดกาลที่ผ่านไปเนิ่นนานเห็นปานนี้ ก็มิได้มีกษัตริย์พระองค์ใดได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สดับพระธรรมเทศนา และได้ทรงออกผนวชในพระพุทธศาสนาแม้เพียงพระองค์เดียว ได้แต่เพียงทรงออกผนวชเป็นดาบสเจริญฌานสมาบัติ แล้วไปเกิดในพรหมโลกวนเวียนอยู่เช่นนี้

    จะเห็นว่า ระยะกาลที่พระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สั้นนัก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัทธรรม เปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งฟ้าแลบขึ้นแปลบเดียวตลอดคืนอันมืดมิด
     
  2. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    พระราชาแห่งเมืองมิถิลา ทรงมีพระโอรสนามว่า เนมิกุมาร ผู้จะทรงสืบสมบัติในกรุงมิถิลาต่อไป พระเนมิกุมาร ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการบำเพ็ญทานมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ทรงรักษาศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด

    เมื่อพระบิดาทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก ก็ทรงรำพึงว่า บัดนี้ถึงเวลาที่จะมอบราชสมบัติให้แก่โอรสแล้ว พระองค์เองก็จะได้เสด็จออกบำเพ็ญเพียรในทางธรรมต่อไป จึงทรงมอบราชสมบัติเมืองมิถิลาให้แก่พระเนมิราชกุมาร ขึ้นครองเป็นพระเจ้าเนมิราช ส่วนพระองค์เองก็เสด็จออกบวช รักษาศีลตราบจนสวรรคต

    เมื่อพระเจ้าเนมิราชครองราชสมบัติ โปรดให้สร้างโรงทาน ริมประตูเมือง 4 แห่ง โรงทานกลางพระนคร 1 แห่ง ทรงบริจาคทานแก่ประชาชนอยู่เป็นนิตย์ ทรงรักษาศีล และสั่งสอนประชาชนของพระองค์ให้ตั้ง มั่นอยู่ในศีลในธรรม


    ครั้งนั้นปรากฏว่าประชาชนทั้งหลายล้วนแต่เป็นผู้มีศีลมีสัตย์ ไม่มีการเบียดเบียนทำบาปหยาบช้า บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข ผู้คนพากันสรรเสริญพระคุณของพระเจ้าเนมิราชอยู่ทั่วไป

    พระเจ้าเนมิราช เมื่อทรงปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ทรงสงสัยว่า การให้ทานกับการประพฤติพรหมจารย์ คือ การรักษาความบริสุทธิ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวโลกนั้น อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน

    พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความกังขาในพระทัยของพระเจ้าเนมิราช จึงเสด็จจากดาวดึงส์ลงมาปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ พระราชา ตรัสกับพระราชาว่า
    "หม่อมฉันมาเพื่อแก้ข้อสงสัย ที่ทรงมีพระประสงค์จะทราบว่าระหว่างทานกับการประพฤติ พรหมจรรย์ สิ่งใดจะเป็นกุศลยิ่งกว่ากัน หม่อมฉันขอทูลให้ ทราบว่า บุคคลได้เกิดในตระกูลกษัตริย์นั้นก็เพราะประพฤติ พรหมจรรย์ในขั้นต่ำ บุคคลได้เกิดในเทวโลก เพราะได้ประพฤติ พรหมจรรย์ขั้นกลาง บุคคลจะถึงความบริสุทธิ์ ก็เพราะประพฤติ พรหมจรรย์ขั้นสูงสุด การเป็นพรหมนั้น เป็นได้ยากลำบากยิ่ง ผู้จะประพฤติพรหมจรรย์ จะต้องเว้นจากวิถีชีวิตอย่างมนุษย์ ปุถุชน ต้องไม่มีเหย้าเรือน ต้องบำเพ็ญธรรมสม่ำเสมอ ดังนั้นการประพฤติพรหมจรรย์จึงทำได้ยากยิ่งกว่าการบริจาคทาน และได้กุศลมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก บรรดากษัตริย์ทั้งหลาย มักบริจาคทานกันเป็นการใหญ่แต่ก็ไม่สามารถจะล่วงพ้น จากกิเลสไปได้ แม้จะได้ไปเกิดในที่อันมีแต่ความสนุก ความบันเทิงรื่นรมย์ แต่ก็เปรียบไม่ได้กับความสุขอันเกิดจาก ความสงบอันวิเวก อันจะได้มาก็ด้วยการประพฤติ พรหมจรรย์เท่านั้น"

    พระอินทร์ได้ทรงเล่าถึงเรื่องราวของพระองค์เองที่ได้ประกอบทานอันยิ่งใหญ่ เมื่อชาติที่เกิดเป็นพระราชาแห่งพาราณสี ได้ทรงถวายอาหารแก่นักพรตที่อยู่บริเวณแม่น้ำสีทาเป็นจำนวนหมื่นรูปได้รับกุศลยิ่งใหญ่ แต่ก็เพียงแต่ได้เกิดในเทวโลกเท่านั้น ส่วนบรรดานักพรตที่ประพฤติพรหมจรรย์เหล่านั้น ล้วนได้ไปเกิดในพรหมโลก อันเป็นแดนที่สูงกว่าและมีความสุขสงบอันบริบูรณ์กว่า แต่แม้ว่าพรหมจรรย์จะประเสริฐกว่าทาน พระอินทร์ก็ได้ ทรงเตือนให้พระเจ้าเนมิราชทรงรักษาธรรมทั้งสองคู่กันคือ บริจาค ทานและรักษาศีล


    ครั้นเมื่อพระอินทร์เสด็จกลับไปเทวโลกแล้วเหล่าเทวดา ซึ่งครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์นั้นได้เคยรับทานและฟังธรรมจาก พระเจ้าเนมิราช จนได้มาบังเกิดในเทวโลกต่างพากันไปเฝ้าพระอินทร์และทูลว่า
    "พระเจ้าเนมิราชทรงเป็นอาจารย์ของเหล่าข้าพระบาทมาแต่ก่อน ข้าพระบาททั้งหลายรำลึกถึงพระคุณพระเจ้าเนมิราช ใคร่จะได้พบพระองค์ขอได้โปรดเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชมายังเทวโลกนี้ด้วยเถิด"

    พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้มาตุลี เทพสารถีนำเวชยันตราชรถไปเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชจากกรุงมิถิลาขึ้นมายังเทวโลก มาตุลีเทวบุตรรับโองการแล้วก็นำราชรถไปยังมนุษยโลกในคืนวันเพ็ญ ขณะพระเจ้าเนมิราชกำลังประทับอยู่กับ เหล่าเสนาอำมาตย์ มาตุลีทูลเชิญพระราชาว่า เทพบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์รำลึกถึงพระคุณของพระองค์ ปรารถนาจะได้พบ พระองค์ จึงนำราชรถมาเชิญเสด็จไปยังเทวโลก


    พระเจ้าเนมิราชทรงรำพึงว่า พระองค์ยังมิเคยเห็นเทวโลก ปรารถนาจะเสด็จไปตามคำเชิญของเหล่าเทพ จึงเสด็จประทับ บนเวชยันตราชรถ มาตุลีจึงทูลว่า สถานที่ที่จะเชิญเสด็จไปนั้น มี 2 ทาง คือ ไปทางที่ อยู่ของเหล่าผู้ทำบาปหนึ่ง และไปทางสถานที่ อยู่ของผู้ทำบุญหนึ่ง พระราชาประสงค์จะเสด็จไปที่ใดก่อนก็ได้

    พระราชาตรัสว่า พระองค์ประสงค์จะไปยังสถานที่ของเหล่าผู้ทำบาปก่อน แล้วจึงไปยังที่แห่งผู้ทำบุญ มาตุลีก็นำเสด็จ ไปยังเมืองนรก ผ่านแม่น้ำเวตรณี อันเป็นที่ทรมาณสัตว์นรก แม่น้ำเต็มไปด้วยเถาวัลย์ หนามโตเท่าหอก มีเพลิงลุกโชติช่วง มีหลาวเหล็กเสียบสัตว์นรกไว้เหมือนอย่างปลา เมื่อสัตว์นรกตก ลงไปในน้ำก็ถูกของแหลมคมใต้น้ำสับขาดเป็นท่อนๆ บางที นายนิรยบาลก็เอาเบ็ดเหล็กเกี่ยวสัตว์นรก ขึ้นมาจากน้ำ เอามา นอนหงายอยู่บนเปลวไฟบ้าง เอาก้อนเหล็กมีไฟลุกแดงอุดเข้าไป ในปากบ้าง สัตว์นรกล้วนต้องทนทุกขเวทนาด้วยอาการต่างๆ


    พระราชาตรัสถามถึงโทษของเหล่าสัตว์นรกเหล่านี้ ว่าได้ประกอบกรรมชั่วอะไรไว้จึงต้องมารับโทษดังนี้ มาตุลีก็ตอบบรรยายถึงโทษกรรมที่สัตว์นรกเหล่านี้ ประกอบไว้ เมื่อครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์

    จากนั้น มาตุลีก็พาพระราชาไปทอดพระเนตรขุมนรกต่างๆ ที่มีบรรดาสัตว์นรกถูกจองจำและลงโทษ อยู่ด้วยความทรมาณ แสนสาหัส น่าทุเรศเวทนาต่างๆ เป็นที่น่าสะพรึงกลังอย่างยิ่ง

    พระราชาตรัสถามถึง โทษของสัตว์นรกแต่ละประเภท มาตุลีก็ตอบ โดยละเอียด เช่น
    ผู้ที่เคยทรมาณไล่จับไล่ยิงนกขว้างนก จะถูกนายนิรยบาลเอาเหล็กพืดรัดคอ กดหัว แล้วดึงเหล็กนั้นจนคอขาด

    ผู้ที่เคยเป็นพ่อค้าแม่ค้า แล้วไม่ซื่อต่อคนซื้อ เอาของเลวมาหลอกว่าเป็นของดี หรือเอาของเลวมาปนของดี ก็จะถูกลงโทษให้เกิด ความกระหายน้ำ ครั้นเมื่อไปถึงน้ำ น้ำนั้นก็กลายเป็นแกลบเพลิง ลุกเป็นไฟ ก็จำต้องกินแกลบนั้นต่างน้ำ เมื่อกินเข้าไปแกลบน้ำ ก็แผดเผาร่างกายได้รับทุกขเวทนาสาหัส

    ผู้ที่เคยทำความเดือดร้อนให้มิตรสหายอยู่เป็นนิตย์ รบกวน เบียดเบียนมิตรสหายด้วยประการต่างๆ เมื่อ ตายไปเกิดใน ขุมนรกก็จะรู้สึกหิวกระหายปรารถนาจะกินอาหาร แต่อาหารที่ได้พบ ก็คืออุจจาระปัสสาวะ สัตว์นรกเหล่านี้จำต้องดื่มกินต่างอาหาร

    ผู้ที่ฆ่าบิดามารดา ฆ่าผู้มีพระคุณ ฆ่าผู้มีศีลธรรม จะถูกไฟนรกแผดเผาให้กระหายต้องดื่มเลือดดื่มหนอง แทนอาหาร

    ความทุกข์ทรมาณอันสาหัสในขุมนรกต่างๆ มีอยู่มากมาย เป็นที่น่าทุเรศเวทนา ทำให้พระราชารู้สึกสยดสยอง ต่อผลแห่งกรรมชั่วร้าย ของมนุษย์ใจบาปหยาบช้าทั้งหลายยิ่งนัก

    พระราชาทอดพระเนตรเห็นวิมารแก้วของนางเทพธิดาวารุณี ประดับด้วยแก้วแพรวพรายมีสระน้ำ มีสวนอันงดงาม ด้วยดอกไม้นานาพรรณ จึงตรัสถามมาตุลีว่า นางเทพธิดา วารุณีประกอบกรรมดีอย่างใดไว้ จึงได้มีวิมานที่งดงามวิจิตรเช่นนี้

    มาตุลีตอบว่า นางเทพธิดาองค์นี้ เมื่อเป็นมนุษย์ เป็นสาวใช้ของ พราหมณ์ มีหน้าที่จัดอาสนะสำหรับภิกษุ และจักสลากภัตถวายภิกษุ อยู่เนืองๆ นางบริจาคทาน และ รักษาศีลตลอดเวลา ผลแห่งกรรมดีของนางจึงได้บังเกิดวิมานแก้วงามเรืองรอง

    พระราชาเสด็จผ่านวิมานต่างๆ อันงดงามโอฬารและได้ตรัสถามเทวสารถี ถึงผลบุญที่เหล่าเทพบุตร เทพธิดาเจ้าของ วิมานเหล่านั้น ได้เคยประกอบไว้ เมื่อครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์ มาตุลีก็ทูลให้ทราบโดยละเอียด ความงามและความรื่นรมย์ ในเทวโลกเป็นที่จับตาจับใจของพระราชาเนมิราชยิ่งนัก

    ในที่สุด มาตุลีก็นำเสด็จพระราชาไปถึงวิมานที่ประทับ ของพระอินทร์ เหล่าเทพยดาทั้งหลายมีความ โสมนัสยินดีที่ได้พบ พระราชาผู้เคยทรงมีพระคุณต่อเทพยดาเหล่านั้น ตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก เหล่าเทพได้ทูลเชิญให้พระราชา ประทับอยู่ ในวิมานของตน เพื่อเสวยทิพย์สมบัติอันรื่นรมย์ในดาวดึงส์ พระราชาตรัสตอบว่า
    "สิ่งที่ได้มาเพราะผู้อื่น ไม่เป็นสิทธิขาดแก่ตน หม่อมฉันปรารถนาจะประกอบกรรมดี เพื่อให้ได้รับผลบุญตามสิทธิ อันควรแก่ตนเอง หม่อมฉันจะตั้งหน้าบริจาคทาน รักษา ศีล สำรวม กาย วาจา ใจ เพื่อให้ได้รับผลแห่งกรรมดี เป็นสิทธิของหม่อมฉันโดยแท้จริง"

    พระราชาประทับอยู่ในดาวดึงส์ชั่วเวลาหนึ่ง แล้วจึงเสด็จกลับ เมืองมิถิลา ได้ตรัสเล่าสิ่งที่ได้พบเห็นมา แก่ปวงราษฎร ทั้งสิ่งที่ได้เห็นในนรกและสวรรค์ แล้วตรัสชักชวนให้ประชาชนทั้งหลาย ตั้งใจมั่น ประกอบกรรมดี บริจาคทาน รักษาศีล เพื่อให้ได้ไปเกิด ในเทวโลก ได้รับความสุขสบายรื่นรมย์ในทิพยวิมาน

    พระราชาเนมิราชทรงครองแผ่นดินสืบต่อมาด้วยความเป็นธรรม ทรงตั้งพระทัยรักษาศีลและบริจาค ทานโดยสม่ำเสมอมิได้ขาด

    วันหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอกขาวก็สลดพระทัยใน สังขาร ทรงดำริที่จะออกบวชเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ จึงตรัสเรียก พระโอรสมาเฝ้าและทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส

    หลังจากนั้น พระราชาเนมิราชก็ออกผนวช เจริญพรหมวิหาร ได้สำเร็จบรรลุธรรม

    ครั้นเมื่อสวรรคตก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอันรื่นรมย์ กุศลกรรมที่พระราชาทรงประกอบ อันส่งผลให้พระองค์ได้ไปสู่เทวโลกนั้นคือ การพิจารณาเห็นโทษ ของความชั่ว และความสยดสยองต่อผลแห่งกรรมชั่วนั้น และ อานิสงส์ของกรรมดีที่ส่งผลให้บุคคลได้เสวยสุขในทิพยสมบัติ อานิสงส์อันประเสริฐที่สุด คือ อานิสงส์แห่งการประพฤติ พรหมจรรย์คือการบวชเมื่อถึงกาลอันสมควร
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขออนุโมทนาสาธุกับท่านผู้นำมาเผยแพร่ ขอให้บุญกุศลจากการบำเพ็ญทานศีลภาวนาของข้าพเจ้า ส่งผลให้ท่านทั้งหลายมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทรัพย์ภายนอกและทรัพย์ภายใน สาธุ
     
  4. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
     

แชร์หน้านี้

Loading...