พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(โดยท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 ธันวาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23,116
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +70,589
    ?temp_hash=85127775d4d8348c338e9d0b02deabc4.jpg





    #เรื่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    #ท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ
    #ในบรรดาพระโพธิสัตว์องค์สำคัญๆ ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ปรากฏว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีผู้เคารพเลื่อมใสมากที่สุด พระปฏิมาของพระองค์ ย่อมประดิษฐานแพร่หลายทั่วทุกบ้านเรือนของพุทธศาสนิกชน จีน ธิเบต มองโกเลีย ญวน ญี่ปุ่น เกาหลี
    #พระนามว่าอวโลกิเตศวร หมายความว่า #ผู้เป็นใหญ่ในการทัศนาโลก คือ พระองค์ทรงไว้ ซึ่งความกรุณาอันไพศาล ไม่มีขอบเขต ทรงคอยสอดส่องดูแลปลดเปลื้องทุกข์ของสรรพสัตว์เสมอ จีนเรียกพระองค์ว่า “กวงซีอิมพู่สัก” ญวนเรียกว่า “กวางตือต่ายโบ่ด๊าก” และชาวญี่ปุ่นเรียกว่า "กวันนอนโบสัตสุ"
    ในกรุณาปุณฑริกสูดร (ปุยฮั่วเก็ง) กล่าวว่าพระอวโลกิเตศวร #เป็นพระธรรมกายโพธิสัตว์ สูงกว่าพระโพธิสัตว์ชั้นสามัญอื่นๆ เป็นผู้เอกชาติ ปฏิพัทธะเกี่ยวข้องกับความเกิดอีกเพียงชาติเดียว และจะเป็นผู้ตรัสรู้สัมโพธิญาณ หลังจากกาลแห่งปรินิพพานของพระอมิตาภะพุทธเจ้ารับสืบสนองเป็นองค์พระพุทธเจ้า ณ สุขาวดี พุทธเกษตรต่อจากพระอมิตาภะ พระองค์เป็นผู้มีพระคุณธรรมเกือบเต็มบริบูรณ์ เท่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั่วทศทิศ ในพระสูตรอื่นบางแห่งกล่าวว่า พระอวโลกิเตศวร แท้จริงคือพระสัมมาธรรมวิทยาพุทธะ (เจียหวบเม้งยู่ไล้) แบ่งภาคมาเพื่อโปรดสัตว์ หมายความว่าทรงบรรลุโพธิญาณแล้วแต่อดีตกาล ก่อนพระศากยมุนีพุทธเจ้าของเรานานไกล แต่หากด้วยพระกรุณา จึงทรงอวตาร แบ่งภาคเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มาโปรดสัตว์ สูตรอื่นอีกบางแห่งกล่าวว่าแท้จริงพระองค์เป็นภาคหนึ่งของ พระอมิตาภะ ต่างหากถ้าจะมีปัญหาถามว่า ที่ประทับของพระองค์อยู่ ณ หนใด ก็ตอบได้ว่า ทรงปรากฏพระกาย ได้ทั่วทุกหนทุกแห่งที่มีสัตว์ตกอยู่ในห้วงทุกข์ แต่ในอมิตายุรธยานสูตร (กวงบ้อเสียงสิ่วเก็ง) แสดงว่าพระองค์ประทับอยู่ ณ สุขาวดีโลกธาตุ ดำรงตำแหน่งดุจปลัดขวาของพระอมิตาภะพุทธะคอยช่วยเหลือพระอมิตาภะพุทธะในการโปรดสัตว์ ในพุทธาวตํสกมหาไวปุลยสูตรเล่าว่า ที่ประทับของพระองค์อยู่ ณ เกาะกลางทะเล ทางทิศใต้ของอินเดีย เรียกว่าภูเขาโลตละ เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ มีสงฆ์ชาวญี่ปุ่นรูปหนึ่ง จาริกมาประเทศจีนเพื่อศึกษาธรรม ครั้นขากลับได้เชิญปฏิมาพระอวโลกิเตศวรไปด้วย ระหว่างทางประสบคลื่นอย่างรุนแรง จนต้องขึ้นไปพักอยู่ ณ เกาะเกาะหนึ่ง ชื่อเกาะบ้วนงิ้ม อันเป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะจิวซัวคุ่งเต้าของจีน สร้างอาศรมประดิษฐานปฏิมาโพธิสัตว์บูชา จำเนียรกาลล่วงมา ผู้คนพากันแตกตื่นมาสักการะมากขึ้น โดยลำดับ จนในที่สุด เกาะเล็ก ๆ นี้ถูกเปลี่ยนชื่อว่าโปตละกลายเป็นปูชนียสถานสำคัญของพุทธศาสนิกชนจีน เชื่อกันว่า เกาะนี้ไค้เคยเป็นที่ประทับของพระอวโลกิเตศวรจริง ๆ ชาวจีนเรียกว่าโพท้อซัว บนเกาะอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มีเขาเล็ก ๆซึ่งมีถ้ำอันงดงามและมีวิหารเจดีย์ ดงไผ่ กับธรรมชาติอื่นๆ อีก สวยงามมาก ปูชนียสถานสำคัญเหล่านี้ จัดเป็นหนึ่งในสี่จตุรอัครปูชนียสถานของพระพุทธศาสนา ในประเทศจีน จตุรอัครปูชนียสถานทั้ง ๔ จีนเรียกว่า “สี้ไต๋เมี่ยซัว” แปลว่า ภูเขาอันทรงเกียรติ์นามใหญ่ ๆ ๔ แห่ง ได้แก่
    1. #ภูเขาโหงวไท้ ในมณฑลซันซี สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์
    ๒. #ภูเขาง่อไบ๊ ในมณฑลเสฉวน สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์
    ๓. #ภูเขาโพวท้อ ในมณฑลจิกกัง สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    ๔. #ภูเขากิมเล้ง ในมณฑลอันฮุย สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระกษิติครรภโพธิสัตว์
    ปัญหาอีกข้อหนึ่ง มักจะเป็นที่สงสัยกัน คือว่า พระอวโลกิเตศวรนี้เป็นชายหรือหญิง ทั้งนี้ถ้าท่านผู้อ่านผู้สนใจในเรื่องลัทธิมหายานบ้างแล้ว คงจะอดคิดกังขาไม่ได้เพราะชาวจีนทั่วไปบูชาปฏิมาของพระโพธิสัตว์องค์นี้ เป็นสตรีเกือบทั้งหมด และเรียกว่า “กวงซีอิมเนี้ย ๆ” ซึ่งคำว่า “เนี้ย” ก็บ่งชัดว่า เป็นสตรีเพศ หาใช่บุรุษเพศไม่ อันที่จริงพระโพธิสัตว์ #ถึงขั้นอวโลกิเตศวรแล้วย่อมเป็นบุรุษเพศทั้งนั้น ปฏิมาของพระองค์ในประเทศจีนสมัยก่อนสมัยราชวงศ์ถัง คือก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ขึ้นไปล้วนสร้างเป็นรูปมหาบุรุษ ประดับด้วยอลังการวิภูษิตาภรณ์อย่างกษัตริย์อินเดียโบราณทั้งสิ้น แม้รูปปฏิมาที่สร้างขึ้นในอินเดียเอง ก็เป็นรูปมหาบุรุษ แต่ภายหลังเกิดการนิยมสร้างเป็นรูปสตรีนั้น เข้าใจว่า เพราะปณิธานของพระอวโลกิเตศวรต้องการจะโปรดสัตว์ ทุกภพทุกภูมิ และทรงเสด็จมาโปรดสัตว์เหล่านั้น ตามสภาวรูปแห่งสัตว์นั้นๆ ด้วย เช่น ถ้ามีสตรีตกทุกข์ พระองค์ก็แบ่งภาคมาในรูปสตรีมาโปรดนี้ ดังปรากฏในสัทธรรมปุณฑริกสูตร อีกประการหนึ่ง เห็นจะเป็นด้วยสตรีเพศอันเป็นเพศมารดาเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาปราณี ซาบซึ้งยิ่งกว่าบุรุษเพศเช่น ความรักของมารดาที่แสดงต่อบุตรธิดา ย่อมประณีตกว่า เห็นได้ชัดกว่าความรักของบิดา ด้วยบิดาเป็นชาย ย่อมต้องธำรงไว้ ซึ่งความเข้มแข็งองอาจ ข้อนี้จึงเป็นเหตุให้คนทั้งหลายนิยมสร้างปฏิมาพระอวโลกิเตศวรเป็นหญิง อีกประการหนึ่ง ด้วยพระองค์ก็ทรงมีพระกรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้นในสรรพสัตว์ ดุจมารดาเมตตารักถนอมในบุตรธิดาของตนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปฏิมาของพระอวโลกิเตศวร ถ้าจะสร้างให้ถูกคุณลักษณะแล้ว ช่างผู้สร้างต้องสามารถสร้าง จนกระทั่งสามารถดึงดูดบันดาลใจผู้บูชาให้เห็นพระปัญญาคุณ พระสันติคุณ และพระกรุณาธิคุณทั้ง ๓ ประการนี้ ในพระเนตรและพระพักตร์ของรูปปฏิมาจึงจัดว่าถูกต้องด้วยคุณลักษณะของพระโพธิสัตว์โดยแท้
    ในสัทธรรมปุณฑริกสูตร (เมี่ยวหวบเน่ยฮั่วเก็งสมันตมุขปริวรรต (โพมิ้งปิ้ง) เล่าเป็นทำนองพระพุทธบรรยายแก่พระอักษยมติโพธิสัตว์ ดังจะแปลเก็บเอาใจความมาพอสังเขป
    “ก็โดยสมัยนั้นแล พระอักษยมติโพธิสัตว์ (บ้อจิ้งสัก) ได้ลุกขึ้นจากอาสนะ ทำจีวรเฉวียงบ่า คุกเข่าขวาลง แล้วประคองอัญชลีมายังพระผู้มีพระภาค ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีเหตุปัจจัยอย่างไรหนอพระเจ้าข้า จึงมีพระเนมิตกนามว่า อวโลกิเตศวร ?” จึงพระผู้เป็นนาถะแห่งโลก ตรัสว่า “ดูก่อนกุลบุตร ! ถ้ามีสรรพสัตว์ นับด้วยอสงไขยโกฏิอันไม่มีประมาณ ได้รับความทรมานจากทุกข์ทั้งหลายอยู่ และได้สดับพระคุณนาม แห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีเอกจิตเปล่งนมัสการ ถึงพระนามของพระองค์ไซร้ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จักทรงสดับดูแลซึ่งเสียงนั้นในทันที และสรรพทุกข์ของเขา ก็จะปลดหลุดพ้นไป ถ้ามีผู้สวดภาวนาถึงพระนามแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อยู่ เขาผู้นั้นจะเข้าไปในท่ามกลางมหาอัคคี อัคคีก็มิอาจจะเผาไหม้เขาผู้นั้น ด้วยเดชแห่งพระโพธิสัตว์พระองค์นั้น ถ้าแม้มีผู้ประสพอุทกภัย ตกไปในมหาสาครอันล้ำลึก หากสวดภาวนาถึงพระคุณนามนั้นแล้ว ก็จะบรรลุถึงสถานที่ตื้นในทันที ถ้ามีสรรพสัตว์ทั้งหลายนับด้วยอสงไขยโกฏิ ด้วยความต้องการแสวงหา สุวรรณ หิรัญ ไพฑูรย์ บุษราคัม เพทาย เพชร นิล จินดามณีรัตน์เป็นอาทิ ได้พากันออกแสวงหาเดินทางไปในมหาสมุทร แลมีมหากาฬวายุภัยบังเกิดขึ้น จะพัดพาเรือให้ไปตกอยู่ยังประเทศของเหล่าอสูรปีศาจร้าย ในจำนวนคนทั้งหลายเหล่านั้น หากจักมีบุคคลแม้สักคนหนึ่ง สวดภาวนาถึงพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไซร้ ผู้คนทั้งหลายเหล่านั้นก็จะรอดพ้นจากอสูรภัยไค้ ด้วยเหตุปัจจัยประการฉะนี้แล พระโพธิสัตว์พระองค์นั้นจึงทรงพระนามว่า อวโลกิเตศวร.
    อนึ่ง ถ้ามีบุคคลจะได้รับความประทุษร้าย หากเขาเปล่งเสียง ภาวนาถึงพระนามของพระอวโลกิเตศวรไซร้ อาวุธผู้ที่ประทุษร้ายกระทำร้าย ก็จักภินทนาการหักลงเป็นท่อน ๆ และบุคคลผู้ถูกทำโทษก็หลุดพ้นไปได้ และหากมีเหล่าอสูรยักษ์ร้าย ทั่วมหาตรีสหัสสโลกธาตุ จักประทุษร้ายมนุษย์ เพียงแต่ได้ยินเสียงสวดสรรเสริญถึงพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เท่านั้น แม้ดวงจักษุอันดุร้ายของเหล่าอสูรยักษ์ ก็ยังมิกล้าจะแลดูมายังมนุษย์อย่าว่าแต่จักมาประทุษร้ายเลย.
    อนึ่ง หากมีบุคคลผู้มีโทษจริงแล้วก็ตาม ไม่มีโทษจริงก็ตาม มีกายอันถูกจองจำในเครื่องพันธนาการอยู่ มาตรว่าเขาจะเปล่งพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไซร้ เครื่องจองจำพันธนาการเหล่านั้น จักภินทนาการลงแล เขาคนนั้นก็ใต้รับความอิสระ.
    อนึ่ง หากปรากฏทั่วทั้งมหาตรีสหัสสโลกธาตุอุดมด้วยเหล่าโจรภัย มีนายพาณิชผู้หนึ่ง พาขบวนวานิชนำสินค้ารัตนะอันมีราคา ต้องผ่านทางอันตราย ในหมู่พาณิชหากมีบุคคลสักผู้หนึ่งกล่าวว่า ดูก่อนกุลบุตร พวกท่านทั้งหลาย อย่าได้กลัวเลย ท่านทั้งหลายจงมีเอกจิตภาวนาถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เถิด พระมหาสัตว์พระองค์นั้นทรงมีพระมหากรุณาแก่สรรพสัตว์ อาจปลดเปลื้องความหวาดกลัวต่าง ๆ ได้ มาตรว่า ท่านทั้งหลายภาวนาถึงพระองค์ไซร้ จักรอดพ้นจากโจรภัยได้ เหล่าพาณิชเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ต่างก็เปล่งเสียงขึ้นพร้อมกันว่า “นโม อารยาวโลกิเตศวราย โพธิสตฺตวาย” เพราะเหตุที่เปล่งพระนามดั่งนี้จึงหลุดพ้นภัยไปได้.
    “ดูก่อนอักษยมติ ! พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มหาสัตว์มีพระเดชานุภาพอันพิลึกโอฬารอย่างนี้แล.
    ดูก่อน อักษยมติ ! หากมีสรรพสัตว์ใด มักมากในกามราคะ ถ้าหมั่นรำลึกภาวนาบูชาในพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เสมอ ก็สามรถห่างไกลจากกามราคะได้ หากมีสรรพสัตว์ใดมักมากด้วยโทสะ ถ้าหมั่นรำลึกภาวนาบูชาเคารพในพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เสมอ ก็สามารถห่างไกลจากโทสะได้ หากมีสรรพสัตว์มักมากด้วยโมหะ ถ้าหมั่นรำลึกภาวนาบูชาในพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เสมอ ก็สามารถห่างไกลจากโมหะได้
    ดูก่อน อักษยมติ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ทรงไว้ซึ่งมหาเดชานุภาพอย่างนี้ ทรงประทานหิตานุหิตประโยชน์อันมากมายฉะนั้น สมควรแล้วที่สรรพสัตว์จักมีจิตรำลึกถึงพระองค์เสมอ ๆ หากมีสตรีใดปรารถนาจะได้บุตรชาย เธอพึงบูชานอบน้อมพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็จักได้บุตรชายอันสมบูรณ์ด้วยบุญญาธิการและปัญญา หากปรารถนาจักได้บุตรหญิง ก็จักได้เกิดเป็นหญิงที่ทรงลักษณะสิริโสภาคย์มีบุญอันกระทำไว้แล้ว เป็นที่รักบูชาของคนทั้งหลาย
    ดูก่อนอักษยมติ ! พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ทรงอานุภาพด้วยประการฉะนี้
    อนึ่ง หากมีสรรพสัตว์ เคารพสักการบูชา พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จักมีบุญสมภารอันจะประมาณมิได้ ด้วยประการฉะนี้ สรรพสัตว์จึงควรสวดภาวนาถึงพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ดูก่อนอักษยมติ ! หากมี บุคคลสวดภาวนาพระนามของพระโพธิสัตว์เท่าเมล็ดทรายในจำนวน ๖๒ โกฎิคงคานที อนึ่ง ยังได้บูชาถวายสิ่งอุปโภคบริโภค มีภัตตาหาร เสนาสนะ เภสัช แด่พระโพธิสัตว์เหล่านั้น เธอมีความคิดเป็นไฉน ? กุลบุตรหรือกุลธิดานั้นมีกุศลมากหรือหนอแล ?” พระอักษยมติทูลสนองว่า มากมายยิ่งนัก พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่าหากมีบุกคลสวดภาวนาถึงพระนามของ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัเว์ แลได้บูชาสักการะ แม้ชั่วระยะกาลหนึ่ง ในบุคคลทั้งสองนั้น ย่อมมีบุญญสมภารเท่าเทียมเสมอกัน ไม่ผิดแปลกกันตลอดอสงไขยโกฏิกัลป ไม่มีสิ้นสุด อักษยมติ การสวดภาวนาถึงพระนามแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ประโยชน์ คือ กุศลผลบุญอันนับมิได้ ประมาณมิได้ด้วยประการฉะนี้แล พระอักษยมติทูลว่า ข้าแต่พระมีพระภาคเจ้า ! พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ทรงท่องเที่ยวโปรดสัตว์ ในมหาตรีสหัสสโลกธาตุนี้อย่างไร ? ทรงมีอุปายพละด้วยประการไฉนหนอพระเจ้าข้า ?”
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบพระอักษยมติว่า “ดูก่อนกุลบุตร ! หากมีสรรพสัตว์ในโลกธาตุ สมควรจะได้รับการโปรดด้วยพระพุทธกายแล้ว พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็จะทรงอวตารปรากฏเป็นรูปพระพุทธกายมาแสดงธรรมโปรด หากมีสัตว์ผู้สมควรรับการโปรดด้วยรูปกายลักษณะพระสาวก ....... รูปกายลักษณะอินทระ ....... รูปกายลักษณะมเหศวร ....... รูปกายลักษณะเทวเสนาบดี ....... รูปกายลักษณะมหาราชา ....... รูปกายลักษณะจุลราซา ฯลๆ รูปกายลักษณะพราหมณ์ ....... รูปกายลักษณะภิกษุ ....... ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ....... รูปกายลักษณะพราหมณี คหปตินีอำมาติยาณี รูปกายลักษณะกุมาร กุมารี รูปกายลักษณะนาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ มโหรค (นาคหรืองูใหญ่) หากมีสัตว์ผู้สมควรรับการโปรดด้วยรูปกายลักษณะวัชรธรเทพ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็จักทรงอวตารปรากฏภาคเป็นรูปลักษณะดังกล่าวนั้น ๆ และรูปกายวัชรธรเทพมาแสดงธรรมโปรด”.
    “ดูก่อนอักษยมติ ! พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงคุณธรรมให้สำเร็จสมบูรณ์ ด้วยประการเช่นนี้ ทรงแบ่งภาคออก เป็นลักษณะต่าง ๆ ท่องเที่ยวโปรดสัตว์ทั่วไปในโลกธาตุทั้งหลาย ฉะนั้น จึงเป็นการสมควรที่พวกเธอทั้งหลายจักมี เอกจิตบูชาสักการะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ฯลฯ ....... ฯลฯ”
    ท่านผู้อ่านคงจะนึกว่า พระอวโลกิเตศวรช่างทรงมหิทธานุภาพ พิสดารอะไรอย่างนั้น ดูจะเป็นลัทธิศาสนาพราหมณ์ไม่ผิดเลย ขนาดคนมีโทษยังทรงช่วยให้หลุดพ้นอีก แต่ข้าพเจ้าขอชี้แจงว่า คติการสอนศาสนาของลัทธิมหายานนิยมการอธิบายธรรมะในรูปบุคคลาธิษฐาน การอธิบายคุณลักษณะของพระอวโลกิเตศวรอย่างนี้ เป็นเพียงอุบายโกศลวิธี ชักจูงคนให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธามั่นคงในพระโพธิสัตว์ ไม่น้อยหน้าศาสนาพราหมณ์ชั้นหนึ่งก่อน ภายหลังจึงอธิบายธรรมาธิษฐานให้ฟังว่าแท้จริงคุณลักษณะของพระอวโลกิเตศวร คือพระปัญญาคุณ พระสันติคุณ และพระกรุณาคุณ ผู้ใดสามารถอัญเชิญพระอวโลกิเตศวรให้เข้ามาประทับอยู่ในดวงจิตได้ ด้วยการหมั่นนึกภาวนารำลึกถึงเสมอ ก็ต้องปรับปรุงกายวาจาใจของตนให้ประกอบด้วยปัญญาคุณ สันติคุณ กรุณาคุณ ดุจองค์พระโพธิสัตว์ เมื่อเป็นดังนี้ ภัยต่าง ๆ ดังพรรณนามาในพระสูตรที่กล่าวแล้ว จักบังเกิดแก่ผู้นั้น ย่อมไม่มีทางจะเป็นไปได้ หรือแม้ว่า จักเกิดมีขึ้นก็หาทำให้ผู้นั้นต้องหวั่นไหวเดือดร้อนไม่ เพราะดวงจิตผู้นั้น ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระอวโลกิเตศวรแล้วนั้นเอง ฉะนั้นผู้ที่เคารพบูชาพระโพธิสัตว์องค์นี้ ย่อมสุดแล้วแต่วุฒิปัญญาและฐานะของผู้นั้น จะบูชาพระองค์ในฐานะเป็นพระเจ้า คอยประทานอะไรต่อมิอะไรให้ ตามคำอ้อนวอนขอร้องของเราหรือจะบูชา ด้วยการเข้าถึงแก่นแห่งธรรมะในพระองค์ ทำนองเดียวกับพุทธมามกะชาวไทยบางคนไปบนบานพระพุทธรูปขอหวยเลขท้ายบ้าง ขอให้มีบุตรชายบ้าง บุตรหญิงบ้าง ฯลฯ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
    ในลัทธิมหายานนิกายพุทธตันตระ หรือมนตรยาน ซึ่งเป็นลัทธิมหายานรุ่นหลัง เอาคติทางลัทธิฮินดูตันตระมาแทรก จำแนกปางอวตารต่าง ๆ ของพระอวโลกิเตศวรออก ๓๓ ปาง ปางที่สำคัญที่สุดมีอยู่อีก ๖ ปาง คือ
    ๑. #สหัสสหัตถสหัสสเนตร อวโลกิเตศวร (โชยชิ้วโชยงั้งกวนอิม) ปางนี้พระโพธิสัตว์ สำแดงอภินิหารให้ปรากฏเป็นพระหัตถ์ ๑,๐๐๐ หัตถ์ ในใจกลางพระหัตถ์ ปรากฏมีดวงพระเนตรประดิษฐานอยู่หัตถ์ละดวงซึ่งถอดเป็นธรรมาธิษฐาน ก็หมายความว่า ดวงเนตร๑,๐๐๐ ดวง หมายเอาปัญญาคุณ ซึ่งสอดส่องทะลุปรุโปร่งไปทั่ว พระหัตถ์ ๑,๐๐๐ หัตถ์ หมายถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ ที่จะฉุดช่วยสัตว์ ให้พ้นห่วงแห่งทุกข์ในคัมภีร์สหัสสหัตถกรสูตร แสดงว่าปางนี้ พระอวโลกิเตศวรมีพระเศียร ๒๗ เศียร สีพระกายเป็นสีทองชมพูนุท ในปางนี้ทรงประทานมนต์ หรือเรียกกันในนิกายพุทธตันตระว่า
    #ธารณี#สำหรับสวดสาธยายเพื่อความสวัสดิมงคลและเพื่อขอความคุ้มครองจากพระองค์ บรรดาธารณีบทเหล่านี้ มีอยู่บทหนึ่งมีข้อความไม่ยาวนัก จึงขอเชิญมาแสดงไว้ ณ ที่นี้พอเป็นนิทัศนะอุทาหรณ์ ดังนี้
    สหัสสหัตถสหัสสเนตรอวโลกิเตศวรมูธารณี
    นโม รตฺนตฺรยาย นโม รฺยาวโลกิเตศฺวราย
    โพธิสตฺวาย มหาสตฺตวาย มหากรุณิกาย มหาวร
    ราย สหสฺรากฺษาย สหสฺรศิรฺษาย สหสฺรปาทาย
    มหสฺรชิหฺวาย สหสฺรภุชาย เอหิ ภควาน อวโลกิ
    เตศุวร อุคฺรา ทฺยุคร มหาอุคฺร มหานาท กิลิ
    กิลิ กลิ กิลิ มิลิ มิลิ มิลิ มิลิ จิลิ จิลิ จิลิ จิลิ
    นฏฺ นฏฺ นฏฺ นฏฺ กุรุ กุรุ กุรุ กุรุ เอหฺ
    เยหิ มหาวีร มลนทฺทท วีรฺยนฺทฺทท สฺรวกามํ เม
    ปฺรยจฺถา สีฆรฺ วศเม ราษฺฏํ สรชกํ กุรุ สหสฺร
    ภูชา สฺราวีรโลเกศฺวร สาธย สทาสิทฺธึ เม ภว
    วรโท ภว อฆฺโร ภวมิ โอมฺ นโม สฺเต ภควํ
    อารยาวโลกิเตศฺวรปรฺพุธฺย ปรสิทมํ วรโท มม
    ภวากิ สฺวาหา
    ๒. #อารยววโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เสี่ยกวนจือจ๋ายพู่สัก) มีรูปอย่างมนุษย์สามัญธรรมดา ทรงเครื่องอลังการวิภูษิต
    ๓. #หัยครีวอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เบ๊เท้ากวนอิม) ในปางนี้ทรงอวตารแบ่งภาคมาเพื่อโปรดสัตว์ในภูมิดิรัจฉาน มีรูปลักษณะในปางโกรธจัด พระพักตร์ดุร้าย บนพระเศียรเทริดหัวม้า มีความว่าทรงกำลังดุจม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรคิ สามารถวิ่งไปทั่วจตุทิศเหยียบย่ำกำราบมาร และหมายถึงมหาวีรยภาพ มี ๖ กร อาจกำจัดอวิชชาให้หมดสิ้นไป
    #เอกทศมุขีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ( จับอิดมิ่งกวนอิม) ปางนี้ทรงมี ๑๑ พักตร์ พักตร์หน้า ๓ พักตร์ อยู่ในลักษณะสงบเย็น พักตร์ด้านขวา ๓ พักตร์ อยู่ในลักษณะโกรธ พักตร์ด้านซ้าย ๓ พักตร์ อยู่ในลักษณะดุจมีเขี้ยวงอกจากพระโอษฐ์ เบื้องหลัง ๑ พักตร์ อยู่ในลักษณะยิ้มอย่างดุส่อเดชพล เบื้องบนทั้ง ๑๐ มีอีกหนึ่งพักตร์ เป็นพุทธพักตร์ ทั้ง ๑๑ พักตร์ ประคับด้วยมาลัยมงกุฎเทริด รูปพระอมิตาภพุทธะ มี ๔ กร พระกรขวาบนทรงรูปประคำ พระกรขวาล่างอยู่ในท่าอภัยมุทระ พระกรซ้ายบนทรงดอกอุบล พระกรซ้ายล่างทรงหม้อน้ำอมฤต
    ๕. #จัณฑิอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (จุนที้กวนอิม) ปางนี้มีลักษณะอย่างพระมหาบุรุษ มีเศียรเดียว ๑๘ กรเทพศัสตราต่าง ๆ มีวชิระ สังข์ กระบี่ ธง กงจักร บ่วงบาศ ลูกประคำ ตรีศูล คนโท ฯลฯ เป็นอาทิ
    ๖. #จินดามณีจักรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ยู่อี่ป๋อลุ้งกวนอิม) ปางนี้ทรงอยู่ในลักษณะท้าวมหาพรหมสีพระกายเป็นสีทอง ประคับมงกุฎ มีเทริดรูปพระอมิตาภพุทธะ ๖ กร พระกรขวาบนอยู่ในท่าวิตรรกมุทระ พระกรขวากลางทรงจินดามณี พระกรขวาล่างทรงลูกประคำ พระกรซ้ายบนอยู่ในท่าประทับสุวรรณประภาคีรี พระกรซ้ายกลางทรงดอกบัว พระกรซ้ายล่างทรงกงจักร.

    ศุภมสฺตุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...