ฝรั่งตายแล้วเป็นเทวดา

<TABLE style="BORDER-RIGHT: #000000 1px solid; BORDER-TOP: #000000 1px solid; MARGIN-TOP: 30px; MARGIN-BOTTOM: 30px; BORDER-LEFT: #000000 1px solid; BORDER-BOTTOM: #000000 1px solid; BACKGROUND-COLOR: #000000" cellSpacing=2 cellPadding=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​

คนชาติฝรั่งตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดารักษาพื้นที่ที่ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา


"..เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๓๒ อาตมาไปสอนพระกรรมฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ไปฉันเพลที่บ้าน คุณสมคิด อยู่ที่ชิคาโก เป็นบ้านปลูกใหม่ใหญ่โต หรูหรา เยือกเย็นเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ เวลาที่เขาถวายภัตตาหารเพลตอนถวายข้าวพระ ตามที่หลวงพ่อปานสั่งไว้ว่า เวลาก่อนฉัน ก่อนนอนและตื่นใหม่ๆ จะต้องนึกถึงพระ เป็นการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ก่อน แต่เวลานั้นไม่ใช่เวลาเจริญพระกรรมฐาน ไม่ใช่เวลาเจริญฌาน ใช้กำลังใจนิดหน่อยควบคุมกำลังใจนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระอริยสงฆ์ เพราะท่านเป็นผู้มีคุณ เราห่มผ้ากาสาวพัสตร์ได้ก็เพราะอาศัยท่าน จิตก็สงบมีอารมณ์วูบเผลอ ก็ปรากฏเห็นคนๆ หนึ่งยืนหน้าโต๊ะเป็นฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ มีเนื้อเต็ม ท่าทางสุภาพมาก เข้ามาถึงแล้วก็ยกมือไหว้ จึงถามว่า "คุณเป็นใคร"


เธอตอบว่า "ผมเป็นหัวหน้าใหญ่รักษาพื้นที่อยู่ที่นี่ครับ เวลานี้คุณสมคิดกำลังเจริญรุ่งเรือง ผมช่วยทุกอย่างตามความสามารถ" จึงถามว่า "คุณสมคิดกำลังจะทำอะไรอีกอย่างหนึ่ง คุณจะช่วยได้ไหม" เธอตอบว่า "ผมช่วยเต็มที่ครับ ถ้าสิ่งใดไม่เกินความสามารถ ขอให้คุณสมคิดบอกผมก็แล้วกัน ผมจะช่วย แต่ผมชอบอาหารอย่างนี้" ถามว่า "ชอบอะไร" เธอก็ทำภาพให้ดู เป็นหมูหั่นสีเหลี่ยมชิ้นเล็กๆ อยู่ในจาน แล้วบอกว่า "อันนี้เป็นอาหารที่ผมชอบมากครับ" ก็เลยบอกว่า "ขอบคุณ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราเป็นคนไทยมาเยี่ยมคนไทยด้วยกัน ท่านเป็นฝรั่งท่านก็ยังมีเมตตากับคนที่เป็นคนไทย ช่วยทุกอย่างตามกำลังที่จะพึงช่วยได้ ก็ขอให้เมตตาช่วยต่อไปก็แล้วกัน"


เธอก็บอกว่า "ไม่เป็นไรครับ "วันทโก ปฏิวันทนัง" ผู้ไหว้ย่อมได้ไหว้ตอบ "ปูชโก ลภเต ปูชัง" ผู้ได้บูชาแล้วย่อมได้รับการบูชาตอบ ถ้าต้องการให้ผมช่วย ขอให้คุณสมคิดช่วยผมด้วย คือจัดอาหารแบบนี้ให้ก็แล้วกัน" ถามว่า "ท่านทำบุญอะไรไว้จึงมีบุญวาสนาบารมีมากอย่างนี้ และก็มีเมตตาสงเคราะห์ไม่เลือกว่าคนไทยคนฝรั่ง" เธอก็บอกว่า "ผมเป็นนักทานบารมีครับ ให้ทานให้การสงเคราะห์คน

เพราะอาศัยการสงเคราะห์คนอย่างนี้ เมื่อตายแล้วผมจึงมีความสุข" ถามว่า "ผลของการให้ทานพอใจหรือยัง" เธอตอบว่า "ยังครับ ผมให้ทานเบาไปนิด ความจริงผมให้ทานมากทำบุญมากแต่ว่าคนรับทานไม่ค่อยจะทรงธรรม ไม่ค่อยจะทรงศีล มีจริยาไม่ค่อยจะดีนัก" พูดจบแล้วฝรั่งคนนั้นก็หายไป


เป็นอันว่าผลของการให้ทานกับคนที่ไม่ทรงศีลทรงธรรม ก็มีอานิสงส์ด้อยไปหน่อย วันต่อมาเมื่อคุณสมคิดมาหาอาตมาที่บ้านคุณหมอสุภรณ์ จึงถามว่า "พบฝรั่งคนนั้นแล้วหรือยัง" (คุณสมคิดฝึกมโนมยิทธิได้ดีมาก) คุณสมคิดตอบว่า "พบแล้วครับ" ถามว่า "เขาว่าอย่างไร" คุณ สมคิดก็ตอบว่า ฝรั่งคนนั้นบอกว่า ถ้าต้องการให้ช่วย ให้ถวายหมูอย่างนั้นวันละจานทุกวัน จะช่วยเหลือทุกอย่าง.."



หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ

 

เทวดา ใยรับเนื้อสัตว์เล่าทั้งที่เป็นการเบียดเบียนสรรพสัตว์ ใครเป็นผู้รู้เรื่องนี้รบกวนตอบด้วยครับ

 

ขอตอบคุณ pimsai ครับ

เทวดาก็ยังเป็นผู้ติดใจในรส โดยเฉพาะในภูมิต่ำๆ ที่อยู่ใกล้มนุษย์เช่นนี้ ย่อมมีนิสัยเหมือนเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เคยชอบอย่างไร ก็ยังชอบเช่นนั้นอยู่ ในเมื่อเขายังติดใจในรสชาติของเนื้อหมู เขาก็ขอเมื่อมีโอกาส แต่เขาก็รู้ว่าคนที่จะหามาให้ไม่ได้ไปฆ่าหมู แต่ไปหาซื้อมา

เทวดาดื่มเหล้าก็มีเยอะ

 

เคยได้ยิน ได้ฟังไหมค่ะ
อันเชิญ เทวดา มาโลกมนุษย์
แล้วไม่ได้เชิญท่านกลับ สวรรค์
เทวดา ตกสวรรค์
ศาลภมู ร้าง
เทวดา หลงไปตก นรก
เคยฟังไหมค่ะ
ดังนั่น เชิญเทวดา มา ได้โปรด เชิญกลับด้วย สาธุ

 

หลวงพ่อเคยบอกว่า ที่เทวดาท่านกินของต่างๆนั้น ท่านกินรูปของนาม ไม่ใช่กินตัวนามครับ จึงไม่ได้กินหมูจริงๆ
และคนที่ถวายเนื้อสัตว์แก่พระภิกษุหรือผู้ใดก็ตาม หากซื้อจากที่เขาทำแล้ว ไม่ถือว่าเป็นการเบียดเบียนสัตว์ครับ เพียงแต่เนื้อสัตว์5ชนิดที่พระห้ามฉัน ห้ามถวาย และเนื้อสัตว์ที่ถวายต้องไม่เจาะจงในการฆ่าเพื่อนำมาถวายครับ

สวัสดีที่มีเนื้อสัตว์กิน
จากคนที่ยังไม่เต็มบาท

 

((ว่าอยู่ท่าน))

เป็นเทวดาแล้วยังเบี้ยดเบียนสัตว์ถูกต้องแล้วเหรอครับ[b-wai]

 

[b-wai] น่าจะเป็นภูมิเทวดา คืออยู่บนพื้นดินยังคงติดอยู่ในรูปรสกลิ่นเสียง อาจจะเกิดจากการทำทานเพียงอย่างเดียวไม่เคยได้ฝึกสมาธิ

 

-เทวดามีหลายชั้นครับ อย่างที่ทุกท่านข้างบนว่าแหละครับ แล้ว
อีกอย่างเค้าฝรั่งนะครับ ศาสนาเค้าไม่ได้ห้ามกินเนื้อสัตว์นะครับ

-เทวดาที่เห็นน่าจะเป็นพระภูมิเจ้าที่นะครับ คนที่เป็นพระภูมิเจ้าที่
เท่าที่เคยฟังมาชาติก่อนเป็นคนใจบุญชอบทำทานครับ แต่ผิดพลาด
ไปหน่อยตรงที่คนที่ให้ทานถือศีลไม่ครบบ้าง เป็นคนไม่ค่อยดีบ้าง
ครับ บุญที่ได้เลยน้อยแต่ก็ยังเป็นบุญ ผลของบุญก็เลยทำให้ไปเกิด
เป็นเทวดาเจ้าที่ครับ อยู่บนโลกนี่แหละ[b-wai]

 

โอว.............ประเสริฐแท้ สาธุ สาธุ สาธุ

พระพุทธศาสนา ไม่เคยห้ามให้คนที่ไม่นับถือ พระพุทธองค์ ขึ้นสู่สวรรค์
นี่แหละหนา พุทธะ คือ ธรรมะ คือสังฆะ คือ ธรรมชาติ
หาได้มีอคติ ลำเอียงใด ๆ ให้ปรากฏ ในข้ออรรถ ข้อธรรม ไม่

เหตุผลที่ไม่เคยห้ามคนนอกศาสนา เป็นเทวดา เป็นพรหม
ทำให้ท่านเหล่านั้น เป็น สัมมาทิฎฐิ ก็เยอะ มิจฉาทิฎฐิ ก็เยอะ พอ ๆ กัน
ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อท่านเหล่านี้ มีอำนาจญาณ สูง กว่าภพชาติของความเป็นมนุษย์
ท่านจะได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์ แก่ความเป็นไปในภพอันพึงจะมีในเบื้องหน้า
เพื่อไขว่คว้าให้ได้มา เพื่อความสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปแห่งดวงจิต
ยิ่งคิด ก็ยิ่งน่า และควรค่าแก่การอนุโมทนา

การกินเนื้อ หรือไม่กินเนื้อ
พุทธศาสนา สายเถรวาท ไม่ได้ห้ามไว้อย่างชัดแจ้ง
ยกเว้น ก็แต่เพียงในเพศบรรพชิตที่มีข้อห้ามไว้
เป็น ๒ คือ
๑. สัตว์ ๑๐ชนิด เมื่อรับรู้ รับทราบ สงกะสัย ก็ห้ามฉัน อันได้แก่ มนุษย์ ช้าง ม้า หมา งู หมี ราชสีห์ เสือดาว เสือเหลือง เสือโคร่ง ห้ามโดยเด็ด...ขาด แต่ถ้าพลาดไม่รู้ ไม่ว่า

๒. เนื้อสัตว์ ที่ภิกษุ ได้เห็น ได้ยิน ได้สงกะสัย ว่าเขาปลิดชีวิตมันไป เพื่อมาเป็นอาหารของเรา พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่า อย่า..............ฉัน

จะฉัน จะกิน ก็พินิจพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน ล่ะนะจ๊ะ...........

อตฺถกิลมถานุโยคฺ อย่าหยิ่งทระนง เพราะตนทนลำบาก
กามสุขลฺลิกานุโยคฺ อย่าหลงใหลติดไปกับความสบายที่มี

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ฝรั่งเป็นเทวดาไม่น่าเชื่อ

เทวดากับวิญญาณคนละแบบกัน

เทวดาขอเนื้อสัตว์ยิ่งไม่ใช่ใหญ่

เพราะฉะนั้นไม่ใช่เทวดาหรอก

สัตว์ก็มีชีวิตจิตใจ

การฆ่าสัตว์เพื่อบริโภคก็ผิด

คนบริโภคไม่ได้ฆ่า

แต่ว่าอาหารที่กินเป็นซากสัตว์

กินลงไปได้ยังไง

 

ฝรั่งเป็นเทวดานั้นมีครับ ท่านคิดว่าศาสนาคริสต์ กับ ศาสนาพุทธ ใครใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่ากัน ครับ ศาสนาพุทธ มีวิธีการบำเพ็ญ ศาสนาคริสต์ก็มีการบำเพ็เช่นเดียวกันครับ ถ้าท่านไม่เคยเห็น ท่านก็ดู ฝรั่งที่ปั่นจักรยานออกสอนศาสนาแถวบ้านท่าน เขาทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ของศาสนาคริสต์นั่นคือ เผยแพร่ศาสนา เราชาวพุทธ ยังทำได้น้อยกว่าเขาเลย แล่วจะไปว่าเค้าเป็นเทวดาไม่ได้ได้อย่าไรกันครับ ที่ผมบอกว่าศาสนาคริสต์ใกล้ชิดกับพระเจ้าเพราะคนของศาสาคริสต์ต้องไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ทำพิธีล้างบาปครับ มีไบเบิล ที่เขียนไว้น่าอ่านมาก ป.ล.ผมศาสนาพุทธน่ะ แต่ศึกษาคัมภีร์ของหลายศาสนา ท่านว่าเหตุใดเทวดาถึงอยากกินหมูหัน เพราะ สววรรค์ ก็แบ่งชนชั้น ใครบำเพ็ญได้ถึงไหนก็ไปอยู่ชั้นนั้น ยิ่งได้อยู่ชั้นใกล้เท่าไหร่ยิ่งใกล้เคียงมนุษย์เท่านั้น และเทวดาบางองค์ยังหลงใน รูป รส กลิ่นเสียง เพราะเทวดา ไม่นิพพานครับ ถ้านิพพานคงเป็นอริยเจ้าต้องมีกิเลสเป็นธรรมดา

 

ฝรั่งเป็นเทวดานั้นมีครับ ท่านคิดว่าศาสนาคริสต์ กับ ศาสนาพุทธ ใครใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่ากัน ครับ ศาสนาพุทธ มีวิธีการบำเพ็ญ ศาสนาคริสต์ก็มีการบำเพ็เช่นเดียวกันครับ ถ้าท่านไม่เคยเห็น ท่านก็ดู ฝรั่งที่ปั่นจักรยานออกสอนศาสนาแถวบ้านท่าน เขาทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ของศาสนาคริสต์นั่นคือ เผยแพร่ศาสนา เราชาวพุทธ ยังทำได้น้อยกว่าเขาเลย แล่วจะไปว่าเค้าเป็นเทวดาไม่ได้ได้อย่าไรกันครับ ที่ผมบอกว่าศาสนาคริสต์ใกล้ชิดกับพระเจ้าเพราะคนของศาสาคริสต์ต้องไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ทำพิธีล้างบาปครับ มีไบเบิล ที่เขียนไว้น่าอ่านมาก ป.ล.ผมศาสนาพุทธน่ะ แต่ศึกษาคัมภีร์ของหลายศาสนา ท่านว่าเหตุใดเทวดาถึงอยากกินหมูหัน เพราะ สววรรค์ ก็แบ่งชนชั้น ใครบำเพ็ญได้ถึงไหนก็ไปอยู่ชั้นนั้น ยิ่งได้อยู่ชั้นใกล้เท่าไหร่ยิ่งใกล้เคียงมนุษย์เท่านั้น และเทวดาบางองค์ยังหลงใน รูป รส กลิ่นเสียง เพราะเทวดา ไม่นิพพานครับ ถ้านิพพานคงเป็นอริยเจ้าต้องมีกิเลสเป็นธรรมดา

 

ในเวปคนเมืองบัวก็มีรูปเทวดาฝรั่งปรากฎให้เห็น เมื่อตอนที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำที่โปรดญาติโยมที่ไหนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่อเมริการึเปล่านะครับ ใครอยากดูก็เข้าเวปคนเมืองบัว หัวข้อ "รวมภาพอภินิหาร" นะครับ

 

เทวดานี่นะเป็นกันได้ทุกชาติแหละ

ตามหัวข้อกระทู้นี้เนื้อเรื่องข้างบนนี้ต่างหาก

ที่เป็นวิญญาณฝรั่งไม่ใช่เทวดาฝรั่ง

การเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นเรื่อง

เทวดาของแท้เขาไม่ขออะไรเป็นสิ่งตอบแทนหรอก

เทวดามีของทิพย์อยู่แล้ว

การขอเนื้อหมูเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งไม่ใช่วิสัยของเทวดาใหญ่

 

บุคคลใดผู้ประพฤติดีทำดีในชีวิต

ผลบุญของตนนั้นจะช่วยด้วยแรงบุญของตนเอง

ไม่ต้องมีสิ่งใดมาเซ่นไหว้เทวดาหรอก

การเข้าใจผิดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง

เพราะเป็นการเข้าใจเทวดาในทางที่ผิด

เดี๋ยวจะหาว่าเทวดาเห็นแก่ได้

เทวดาไม่เคยอยากกินหมูหัน

มนุษย์อยากกินหมูหันเองก็เลยอ้างเทวดา

เพราะว่าจะได้ฆ่าหมู

อันนี้stefaขอชี้แจงแทนเทวดาทั้งหลายด้วย

 

ผู้ปฎิบัติย่อมรู้เห็นได้ด้วยตนเอง

 

เทวดามีหลายชั้นนะครับ ความละเอียดของความเป็นทิพย์ก็ต่างกันตามกำลังบุญวาสนา ไม่ได้เท่าเทียมกันหรอกครับ อ่านในพระไตรปิฏกดูก็จะรู้