ผีวัดสะพาน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 24 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    คอลัมน์ ขนหัวลุก

    ใบหนาด

    "พี่ใหญ่" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อไปนั่งกินเหล้ากลางป่าช้า

    สมัยผมหนุ่มๆ พวกเราเป็นนักเที่ยวตัวยงกันทุกคน ล้วนแต่ดังๆ ทั้งนั้นแหละครับ เอ่ยชื่อเป็นร้องอ๋อ...เช่น สุรสิทธิ์, ตุ้มทอง, คำรณ ขอบอกเลาๆ ว่าเป็นดารา, นักร้อง ส่วนผมเป็นนักดนตรี

    พวกเราชอบสนุกครับ เสร็จงานกินเหล้า เที่ยวเตร่เฮฮา ยังหนุ่มฉกรรจ์อายุราว 30 ต้นๆ ไม่กลัวอะไรหมด ไม่ว่าคนหรือผี

    ตอนผมเล่นดนตรีอยู่พัฒนากร มีนักเลงมานั่งแถวหน้า 4-5 คน ส่งเสียงแซวเย้ๆๆ เฮ้วๆๆ ผมกำลังยืนเล่นเบสต้องหยุดเล่นไว้ก่อน กระโจนลงทางบันได วิ่งไล่ชกพวกนักเลงวิ่งกระเจิงไปตามๆ กัน เสร็จสรรพกลับขึ้นมาดีดเบสต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนดูฮือฮาตอนแรกๆ แล้วนั่งดูต่อไปเป็นปกติ

    เกิดเรื่องขนหัวลุกเพราะความเมาจนเกิดอุตริแท้ๆ

    คืนนั้นไปกินกันที่ประตูน้ำสระปทุม เชิงสะพานเฉลิมโลก แหม! ตอนนั้นก็ว่าไกลกรุงแล้วเชียว ซัดกันไปหลายฉาดแต่ตุ้มทองคงจะเมาได้การ บอกว่าเฮ้ย...เขาลือกันว่าผีวัดสะพานดุนักเราไปลองดูกันมั้ยวะ?

    วัดสะพาน หรือภาษาปากเรียกว่า "วัดตะพาน" คือวัดทัศนารุณสุนทริการาม ทุ่งมักกะสัน ไกลกว่า "ทุ่งพญาไท" ซะด้วยซ้ำไป!

    สุรสิทธิ์น่ะปกติไม่กลัวคน แต่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ คืนนั้นไม่ทราบของขึ้นหรือไง บอกว่าไปไหนเป็นไปกัน...ผีก็ผีวะ! กูไม่กลัว...ผมคนขัดเพื่อนไม่ได้นี่ครับ ถึงได้มีเพื่อนฝูงเยอะแยะ...อยากไปพิสูจน์ผีหรือเพื่อน? ได้เลย! ไปไหนเป็นไปกัน

    ราวสองทุ่มได้ เราเดินข้ามทางรถไฟ ตัดหมู่บ้านเข้าทางป่าช้าวัดสะพานไม่ช้าที...แหม! ไอ้พวกหมาเจ้ากรรมก็หอนได้หอนดี ไม่รู้ว่าหอนหาสามง่ามอะไรของมัน

    พวกเราหิ้วขวดเหล้าบุกบั่นไปถึงป่าช้าจนได้ แหม! มันเปล่าเปลี่ยวน่าวังเวงใจจริงๆ สมัยนั้นยังไม่มีตึกสูงๆ ให้เห็นหรอกครับ นอกจากต้นไม้ใหญ่ๆ มืดครึ้มแทบรอบด้าน อาศัยว่าพระจันทร์ข้างขึ้นส่องแสงขาวนวล อย่างที่ชอบพูดกันว่า...สว่างจนแทบจะจับมดได้แน่ะ!

    นั่งล้อมวงโจ้เหล้ากันกลางป่าช้านั่นแหละครับ สมัยนี้ต้องบอกว่าเอาให้สะใจโก๋ไปเลย

    ป่าช้าวัดสะพานตอนนั้นมีทั้งเมรุเผาผี กับหลุมศพเรียงรายระเกะระกะ มีไม้ปักบอกชื่อคนตายคล้ายๆ ไม้กางเขนนั่นแหละ แต่ใช้ตอกตะปูมั่ง ผูกเชือกไว้มั่งแบบขอไปที...ป้ายที่ว่าน่ะโย้เย้ตามยถากรรม ที่หลุดลงมาบนดินเหนือหลุมศพก็มี

    คิดดูเถอะว่าบรรยากาศมันเหลือกินแค่ไหน? ทั้งเสียงแมลงกลางคืนร้องระงม นกฮูกครางฮือๆ สายลมพัดใส่ยอดไม้เสียงซู่ซ่า ฟังเหมือนเสียงคนสะอึกสะอื้นคร่ำครวญ บางครั้งก็คล้ายเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากผู้ไม่มีร่างกาย...

    อ้าว? คิดอีกทีก็มีซีครับ คือพวกคนตายที่นอนอยู่ใต้ดินหลายสิบหลุมรอบตัวเรานี่ไง! ทั้งเหลือแต่ซากก็มี กำลังเน่าเปื่อยก็มาก ที่กำลังขึ้นอืดอึ่ดทึ่ดเพราะเพิ่งโดนฝังเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีไม่น้อย จริงไหมครับ?

    จู่ๆ คำรณก็คำรามขึ้นว่า...เฮ้ย! ไม่ลุกขึ้นมากินเหล้าหน่อยเรอะ?

    ตุ้มทองตบเข่าฉาด...นั่นซีวะ! ไม่เปรี้ยวปากมั่งรึเพื่อนฝูง อ๋าย...ไม่ต้องเหนียมหรอกน่า ลุกมากินเหล้ากันเถอะเพื่อน!

    สุรสิทธิ์คนกลัวผีแท้ๆ พอเมาดีเข้าก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก...ใจเย็นๆ โว้ย เพื่อนฝูงเขากำลังลุกโงนเงนขึ้นมาแล้ว! ฟังซี่...พวกหมามันเห่าหอนกันยกใหญ่ โบราณเขาว่ามันเห็นผีใช่มั้ย?

    ในที่สุด เหล้าหมด ถึงจะไม่โดนผีหลอกแต่ก็กลัวหมาน่าดู ไอ้พวกเล็บงามตะละตัวนี่ดุวายวอดทั้งนั้น แยกเขี้ยวขาวโง้งจนพวกเราเสียวน่องไปตามๆ กัน

    ...ขากลับต้องดึงไม้กางเขนจากหลุมศพคนละอัน เพื่อกันฝูงหมามาราวี...พอมันโฮ่งเข้าใส่เราเงื้อไม้ มันก็ถอยออกไปคำรามแฮ่ๆ จนเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงโยนไม้กันหมาทิ้งไว้แถวหน้าบ้านผู้คนแถวนั้นแหละครับ

    ได้ข่าวว่าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านแถววัดสะพานโจษขานกันเซ็งแซ่ ว่าพวกผีพากันออกมาเที่ยว แล้วลืมไม้กางเขนทิ้งไว้หน้าบ้าน เล่นเอาขนลุกขนพองทุกคนไป ต้องเอาไม้นั่นไปปักหลุมผีตามเดิม จำได้ว่าหลุมใครก็มี มั่วเอาก็มี

    ราวอาทิตย์ต่อมา เราไปกินเหล้าที่ร้านไก่ย่างชื่อดัง ใกล้ๆ ทางรถไฟมักกะสัน เกือบจะมีเรื่องกับพวกนักเลงประตูน้ำ แต่พวกนั้นจำสุรสิทธิ์กับคำรณได้ เลยไม่ต้องเดือดร้อนให้เปลืองแรง...ไปกินเหล้าที่ป่าช้าวัดสะพานกันดีกว่าน่า

    วันนั้นตุ้มทองไม่ได้มา มีนักเลงสองคนนึกครึ้มอยากลองดีผีวัดสะพานดูมั่ง...พวกเราก็ยกโขยงกันนั่งขัดสมาธิโจ้เหล้ากันกลางป่าช้าตามเดิม

    พระจันทร์กำลังเต็มดวงเชียว กำลังเมาๆ ก็เรียกเพื่อนฝูงในหลุมขึ้นมาซัดเหล้ากันซักฉาดสองฉาด หัวเราะเฮฮากันสนุก...พอดีได้ยินเสียงอะไรผิดหูดังครืดๆ คราดๆ รอบตัว หันไปมองก็สะบัดหน้า...เราเมาจนตาลาย เห็นดินบนหลุมศพเขยื้อนได้เอง

    เอ๊ะ! ไหงมีซากเละๆ โผล่หัวกับลำตัวขึ้นมาด้วยล่ะ ไอ้บ้างก็ดันฝาโลงหลุดผลัวะ กลิ่นเหม็นสาบสางคละคลุ้ง ร่างในผ้าตราสังรุ่ยร่ายกำลังโผล่จากหลุมขึ้นมาทีละร่างสองร่าง เดินโย่งเย่งเข้ามาหาเราที่ผงะหงายร้องเฮ้ยๆ ฮ้าย ไปตามๆ กัน

    เผ่นพรวดขึ้นมาได้ ตะเกียกตะกายร้องช่วยด้วยๆ ก็มี คลานหนีเพราะกลัวจนวิ่งไม่ไหวก็มี เผ่นอ้าวชนิดปอดอ้าไม่เหลียวหลังก็มี หมูหมาไม่กลัวทั้งนั้น วิ่งตะโพงผ่านหมู่บ้านออกมาได้ก็เหนื่อยแทบขาดใจไปตามๆ กัน

    ได้ข่าวว่าชาวบ้านแถวนั้นอาการหนักกว่าพวกเรา เพราะบอกว่าเห็นผีกลุ่มใหญ่วิ่งออกมาจากป่าช้าน่าสยดสยองสิ้นดี สงสัยแต่ว่าทำไมไม่เอาไม้กางเขนมาทิ้งไว้เหมือนคืนก่อน...เป็นงั้นไป!
     
  2. ka.tay

    ka.tay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +199
    มันเรื่องสยองขวัญหรือเรื่องตลกกันแน่แต่เราว่ามันออกจะแนวตลอกมากกว่าน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...