ปาฏิหาริย์แห่งกระสุนคดหลวงพ่อเอียดเกจิฯดังเขาอ้อ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 19 ตุลาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    ปาฏิหาริย์แห่ง'กระสุนคด''หลวงพ่อเอียด'เกจิฯดังเขาอ้อ

    ปาฏิหาริย์แห่ง"กระสุนคด"(1) "หลวงพ่อเอียด"เกจิฯดังเขาอ้อ

    คอลัมน์ มุมพระเก่า

    สรพล โศภิตกุล



    [​IMG]


    "เขาอ้อ" ตักกสิลาแห่งวิชาพุทธาคมที่พระเกจิอาจารย์ดังทั่วแดนทักษิณต่างมุ่งเข้ามาศึกษา อีกทั้งยังเป็นสำนักเรียนทางแพทย์แผนโบราณอันเก่าแก่แห่งหนึ่ง

    "การอาบน้ำว่าน แช่น้ำยา" นับเป็นสุดยอดวิชาของสำนักเขาอ้อ

    กล่าวกันว่า ผู้ใดที่ได้ลงไปนอนแช่น้ำยา อาบน้ำว่าน และผ่านการปลุกเสกตามหลักวิชาไสยศาสตร์ของพระอาจารย์ผู้มีกฤติยาคม แกร่งกล้าของวัดเขาอ้อแล้ว หากคนนั้นได้ประพฤติตนปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ผู้ทำพิธีให้แล้ว คนๆ นั้นจะอยู่ยงคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้าอย่างแน่นอน

    เจ้าอาวาสวัดในพื้นที่จังหวัดพัทลุง อาจกล่าวได้ว่าล้วนเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น วัดดอนศาลา วัดบ้านสวน วัดประดู่เรียง ซึ่งอยู่ในอำเภอควนขนุน ตลอดจนวัดปากสระ และวัดยาง ที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง ซึ่งเป็นสำนักที่โดดเด่น <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    และ "หนึ่ง" ในพระเกจิอาจารย์ที่ "เด่น" อีกรูปหนึ่งของสายสำนักเขาอ้อ คือพระครูสิทธิยาภิรัตน์ (เอียด ปทุมสโร) หรือที่ชาวบ้านเรียกขานอย่างคุ้นปากว่า "พระอาจารย์เอียด"

    พระอาจารย์เอียดนั้น ยังได้ทันศึกษาวิชาจากพระอาจารย์ทองเฒ่า หรือพ่อท่านทอง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "พ่อท่านเขาอ้อ" เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน มีความรู้ความสามารถในทางวิทยาคม และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป ตรงศีรษะของท่านมีเส้นผมสีขาว ไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้

    ในสมัยที่พระอาจารย์ทองเฒ่ายังมีชีวิตอยู่ สานุศิษย์ของท่านนิยมทำพิธีแช่ว่านยา กินเหนียว กินมัน กันมาก <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    การแช่ว่านยาของสำนักเขาอ้อ น่าสนใจทีเดียว

    วัดเขาอ้อ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีหลักฐานว่าสร้างมาแต่ครั้งพุทธศตวรรษที่ 22 และเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ.2275-2301)

    พิธีกรรมอันสำคัญยิ่งของสำนักเขาอ้อ ที่เป็นที่กล่าวขานมาโดยตลอด คือ

    พิธีแช่ว่านยาให้มีความขลังอยู่ยงคงกระพัน พิธีนี้จะทำกันในเดือน 5 และเดือน 10 โดยผู้ที่ทำการแช่ว่านยาจะลงนอนแช่ในรางว่านยา แต่ก่อนที่จะลงแช่ว่านยานั้น ต้องหาฤกษ์ที่จะลงในพิธีกรรม ว่านยาที่ใช้จะต้องนำมาลงอักขระเลขยันต์ปลุกเสกตามกรรมพิธี ครั้นได้ฤกษ์แล้วก็แต่งเครื่องบูชามาไหว้ครู จากนั้นจึงทำพิธีเกิดใหม่หรือบริสุทธิ์ให้กับผู้ที่จะลงรางแช่ว่านยา

    ต่อมาเป็นการนิมนต์พระอาจารย์พร้อมพระสงฆ์อย่างน้อย 5 รูป มาสวดปลุกเสก

    ถึงเวลาจะลงรางแช่ว่านยา ผู้ทำพิธีจะหาทิศทางวันที่เป็นเดช แล้วจึงนำผู้ที่จะแช่ว่านยาไปในทิศทางนั้น แล้วให้ยื่นเท้าเหยียบเหล็กกล้า หนังเสือ หนังหมี ไว้บนศีรษะ ลงอักขระเลขยันต์ที่มือ เท้า หน้าอก หลัง ลงกระหม่อมให้แล้วพาลงทางทิศที่หาไว้

    เมื่อแช่ว่านยาตามกำหนดแล้ว ผู้ที่ทำพิธีจะทำพิธีพาขึ้นจากรางว่านยา แล้วป้อนน้ำมันงา ข้าวเหนียวดำ จากนั้นทำพิธีผูกครอบให้เรียบร้อย ทำพิธีบูชาครู หรือไหว้ครูอีกครั้งเป็นการเสร็จพิธีแช่ว่านยา


    Ref.
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud09191049&day=2006/10/19
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    ปาฏิหาริย์แห่ง"กระสุนคด"(2) "หลวงพ่อเอียด"เกจิฯดังเขาอ้อ

    คอลัมน์ มุมพระเก่า

    สรพล โศภิตกุล



    พิธีหุงข้าวเหนียว เป็นพิธีที่ทำขึ้นในเดือน 5 และเดือน 10 หรือในงานวันทำบุญไหว้ครูประจำปีที่วัดดอนศาลา คือ วันเพ็ญกลางเดือน 5 หรือเดือนเมษายน และในเดือน 10 หรือเดือนกันยายนของทุกปี

    พิธีการกินข้าวเหนียวดำนั้น มีความเชื่อว่า ทำให้คงกระพันชาตรี ผิวพรรณดี เป็นอายุวัฒนะ กันและแก้คุณไสย ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยมไปในตัว

    การหุงข้าวเหนียว มีกรรมวิธีการ คือนำว่านต่างๆ มาต้ม เพื่อนำน้ำว่านที่ได้มาใช้ในการหุงข้าวเหนียวดำ อันมีกรรมวิธีเป็นขั้นตอน เมื่อแรกที่ได้ว่านมาแล้ว ผู้ทำพิธีจะเอาดินสอพองมาคั่วในกระทะให้โทนสีออกแดง เอาผงที่ตำละเอียดแล้วมาผสมน้ำให้เข้ากัน เอาผ้าขาวกรองน้ำออก ให้ได้แต่เนื้อดินมาปั้นเป็นแท่งดินสอ นำไปตากแดด

    จากนี้จึงหาฤกษ์ที่เป็นทางมหาอำนาจ เช่น เพชรฤกษ์ แล้วนำกระดานชนวนมา แต่งเครื่องบูชาครูบาอาจารย์ บูชาพระรัตนตรัย แล้วสวดมนต์ ตั้งธาตุให้ครบบริบูรณ์ แล้วเอาดินสอพองกับกระดานชนวนมาลงผงต่างๆ ตามตำรา มีผงพระนอโมสำเร็จ ผงคาบสำเร็จ ผงพระปิติ ผงพระทรหด ผงพระเจ้า 16 พระองค์ เมื่อได้ผงตามต้องการแล้ว นำผงเหล่านั้นมาปลุกเสกซ้ำแล้วเก็บไว้

    ในวันที่จะหุงข้าวเหนียวให้เตรียมไม้ฟืน และก้อนเส้ามาเตรียมไว้ให้พร้อม แล้วแต่งเครื่องบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ครูบาอาจารย์ เสร็จแล้วปลุกเสกข้าวสารและน้ำว่านที่จะใช้ผสมข้าวสาร เอาไม้ฟืนที่จะใช้หุงข้าวเหนียวดำมาลงยันต์ ไม้ฟืนที่ใช้นั้นเป็นไม้ซับพลา ไม้กวนข้าวเหนียวเป็นไม้ชัยพฤกษ์ ไม้ทั้งสองต้องลงยันต์กำกับไว้ด้วย

    ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่หุงข้าวเหนียว ต้องลงยันต์ที่ฝ่าเท้า หน้าอก สะดือ และกระหม่อม

    นอกจากนั้น จะต้องลงยันต์ที่แผ่นดินที่จะทำพิธี ลงยันต์ที่ก้อนเส้าทั้งสามแล้วเอาไม้ 3 อัน มาทำจางหยางวนสายสิญจน์จากพระประธานมายังบริเวณที่จะหุงข้าวเหนียวดำ

    เมื่อถึงเวลาหุงแล้ว ผู้ทำพิธีจะต้องนั่งบริกรรมปลุกเสกไปจนข้าวเหนียวสุกดีแล้ว หลังจากนั้นจึงเอาข้าวเหนียวไปตั้งบนเหล็กกล้า หนังเสือ หนังหมี แล้วปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะป้อนให้กิน

    ผู้ที่จะกินข้าวเหนียวดำ ผู้ทำพิธีจะทำน้ำมนต์ไว้สำหรับพรมให้ผู้จะกิน เพื่อทำความบริสุทธิ์ตัวให้กับผู้ที่จะกินข้าวเหนียวดำ ตอนเข้าไปกินผู้ที่จะกินต้องหาดอกไม้ ธูปเทียน หมากพลู ไปถวายให้กับผู้ทำพิธี เป็นการบูชาครู

    ถึงขั้นตอนที่กิน เมื่อทำตัวบริสุทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ทำพิธีจะให้นั่งบนหนังเสือ เท้าทั้งสองเหยียบบนเหล็กกล้า บนศีรษะตั้งหนังหมีไว้ แล้วป้อนให้กิน ตอนกินผู้ทำพิธีจะกำกับคาถาอาคมไปจนเสร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็จะผูกด้วยคาถาอาคมอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนพิธีกรรมกินข้าวเหนียวดำของสำนักเขาอ้อ

    พิธีเสกน้ำมันงา เป็นพิธีที่ไม่มีขั้นตอนมากมายนัก เพียงมีหมาก 9 คำ ดอกไม้ 9 ดอก เทียน 1 เล่ม ธูป 3 เล่ม หนังเสือ หนังหมี เหล็กกล้า วางอยู่หน้าเครื่องบูชา มีเพดานสายสิญจน์ ผู้เสกแขวนลูกประคำ เอาน้ำมันงาใส่ถ้วยใบเล็กๆ มาเสกคาถาอาคมจนครบ 108 คาบ น้ำมันงานั้นจะแข็ง หากน้ำมันงายังไม่แข็งต้องเสกคาถาใหม่จนแข็ง

    ครั้นถึงเวลาจะกินน้ำมันงา ของที่จะขาดเสียไม่ได้เลย คือ หนังหมี 1 ชิ้น ปิดหัวหนังเสือ 1 แผ่น เหล็กกล้ายาวเท่าฝ่าเท้าวางบนหนังเสือ ผู้ที่จะกินน้ำมันงาต้องนั่งบนพื้น เท้าทั้งสองเหยียบบนแผ่นเหล็กกล้า




    Ref.
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud09211049&day=2006/10/21
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    ปาฏิหาริย์แห่ง"กระสุนคด"(จบ) "หลวงพ่อเอียด"เกจิฯดังเขาอ้อ

    คอลัมน์ มุมพระเก่า

    สรพล โศภิตกุล



    [​IMG]



    ทว่าก่อนกินน้ำมันงานั้น ผู้ทำพิธีจะถามผู้ที่เข้ากินน้ำมันงาว่า เคยผิดศีลข้อ 3 มาบ้างหรือไม่ หากเคยผู้ทำพิธีจะทำพิธีเกิดใหม่ให้ แล้วจึงป้อนน้ำมันงาให้ เมื่อป้อนไปแล้วห้ามกระทำผิดศีลข้อ 3 อีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นน้ำมันงาที่กินเข้าไปจะออกจากร่างกายทางรูขุมขนจนหมดสิ้น ถึงจะมากินใหม่อีกครั้งก็ไม่มีผลแล้ว

    ในการกินน้ำมันงาบางครั้งมีผู้เข้าร่วมหลายคน ผู้ทำพิธีจะเอาน้ำมันงาใส่ภาชนะขนาดใหญ่ แล้วใช้ไม้พายอันเล็กๆ ขีดแบ่งเป็นตาราง แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนว่า ส่วนไหนเป็นของผู้ใด แล้วจึงถามผู้กินน้ำมันงาว่า ใครเคยผิดศีลข้อ 3 มาบ้าง มีบางคนยอมรับก็ทำพิธีเกิดใหม่ให้ ส่วนบางคนปฏิเสธ ผู้ทำพิธีจะเสกน้ำมันงาจนแข็งตัว ส่วนใครที่เคยผิดศีลข้อ 3 มา แต่ปฏิเสธไม่ยอมรับจะพบว่า ส่วนที่เป็นของตนเองนั้น น้ำมันงายังเหลวอยู่ ทั้งที่อยู่ในภาชนะเดียวกัน <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ถึงตอนนั้นให้รีบวิ่งหนีไปเสียโดยเร็ว

    ผู้ที่เคยกินข้าวเหนียวดำ กินน้ำมันงา และอาบแช่น้ำว่านของสำนักเขาอ้อ ต้องพึงปฏิบัติให้อยู่ในศีลอย่างเสมอมา

    ที่กล่าวมานั้นเป็นตำรับวิชาสำนักเขาอ้อ สำนักเรียนอันเกริกไกรของภาคใต้ แต่อีกสำนักหนึ่งที่เป็นเครือข่ายของสำนักเขาอ้อ คือวัดดอนศาลา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดดอนศาลานี้ล้วนเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อที่ส่งไปครองวัดดอนศาลาทั้งสิ้น

    ทั้ง 2 วัดนี้ผลัดเปลี่ยนกันรุ่งโรจน์และโรยรา ยามที่วัดเขาอ้อเด่น วัดดอนศาลาจะโรย

    ที่วัดดอนศาลา อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปหนึ่งคือ พระครูสิทธิยาภิรัตน์ (เอียด ปทุมสโร) อัตโนประวัติว่า เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2425 เป็นบุตรของนายรอด ทองโอ่ และนางพัด ทองโอ่ <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ครั้นเมื่อเติบโตได้ร่ำเรียนวิชาในสำนักพระอาจารย์ทองเฒ่า หรือพระครูสังฆวิจารณฉัตรทันต์บรรพต เจ้าสำนักวัดเขาอ้อ และได้อุปสมบท เมื่อพ.ศ. 2447

    เมื่อพระอาจารย์เกลี้ยง แก้วจันทร์ เจ้าอาวาสวัดดอนศาลาถึงแก่มรณภาพนั้น ชาวบ้านได้มานิมนต์พระอาจารย์เอียดจากพระอาจารย์ทองเฒ่าไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดอนศาลา

    ทว่าเดิมทีพระอาจารย์ทองเฒ่าตั้งใจจะให้พระอาจารย์เอียดเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อสืบต่อจากท่าน แต่เมื่อชาวบ้านมีศรัทธาต่อพระอาจารย์เอียดเช่นนั้น จึงไม่อาจขัดศรัทธา จึงมอบให้พระอาจารย์เอียดไปครองวัดดอนศาลา

    พระอาจารย์ทองเฒ่าได้เรียกพระอาจารย์เอียดมามอบลูกประคำประจำตัวท่านให้ไป เสมือนเป็นการบอกกล่าวว่าพระอาจารย์เอียดจะเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อสืบแทนต่อจากท่าน

    กิตติศัพท์ของพระอาจารย์เอียดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่เลื่องลือมากคือ ความสามารถในการยิงกระสุนคดอย่างแม่นยำ หากก็ยังมีผู้คนไม่ค่อยเชื่อกันอยากพิสูจน์

    โดยได้ไปยังวัดดอนศาลา ตรงทางทิศเหนือของกุฏิพระอาจารย์เอียดมีสระน้ำอยู่ ทั้งหลายได้หมายตาดอกบัวดอกหนึ่งที่อยู่ในสระ จากนั้นพระอาจารย์เอียดจะยิงกระสุนคดจากกุฏิของท่าน โดยยิงไปทางทิศตะวันออก คนละทิศกับสระน้ำนั้น

    ทว่ากระสุนคดที่ท่านยิงไปนั้น ก็ยังสามารถที่จะวิ่งไปตัดก้านดอกบัวดอกที่ผู้คนเหล่านั้นได้หมายตาเอาไว้

    ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายอย่างน่าอัศจรรย์นัก



    Ref.
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud05221049&day=2006/10/22
     
  4. เตมินทร์

    เตมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมนับถือพ่อท่านทุกองค์ เลยครับ ทั้ง พ่อท่านเอียด พ่อท่านปาล พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์
     

แชร์หน้านี้

Loading...