ประสบการณ์เรื่องเล่า วัตถุมงคล พระผู้สำเร็จปรอท หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน

"หลวงปู่ ละมัย ฐิตมโน " ผมได้ยินเรื่องราวของหลวงปู่แบบ ผ่านๆ เมื่อตอนที่ เริ่มสะสม วัตถุมงคล ของ"หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล" และก็พอจะทราบว่าสมัย
ที่หลวงปู่หมุนท่าน ทำพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลของท่า น หลวงปู่จะให้นิมนต์ หลวงปู่ ละมัยด้วยทุกครั้ง ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ได้เข้าไปกราบท่านเลยสักครั้ง
จนวันนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปหลายปี พึ่งได้มีโอกาสเข้าไปกราบท่าน ณ สวนป่า
สมุนไพร แต่ว่าตอนนี้ หลวงปู่ท่านได้ละสังขารไปแล้ว และก็เหลือแต่สังขารธรรม
ที่ท่านทิ้งไว้ ให้ดูเป็นคติ ณ สวนป่าสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์
มองย้อนหลังกลับไป ผมก็พึ่งจะคิดได้ว่า ตัวเองนี่โง่นัก เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน ว่าท่านไม่ค่อยจะสุงสิง กับใคร ตำปรอท หาสมุนไพร ทำวัตถุมงคล
แปลกๆ ที่ทำด้วยปรอท อย่างเช่น ปิรามิด เนื้อปรอท เป็นต้น และก็ทราบเพียงคร่าวๆ ว่าท่านดุมาก ไม่ค่อยมีใครเข้าท่านได้
มาถึงตอนนี้ นอกจากจะเช่าหา วัตถุมงคลที่ท่านสร้างแล้ว ผมยังอยากที่จะ
ใช้กระทู้นี้ เป็นที่พูดคุย แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ คติธรรมต่างๆ เผื่อยังมีใครเคยเข้าไปกราบนมัสการท่านจะได้นำมาบอกเล่าบ้าง
เพราะหลวงปู่ท่านมักสอนเป็นปริศนาธรรม ไม่เว้นแม้แต่วัตถุมงคลของท่าน ก็แฝงไว้ด้วยคติธรรมอันแยบยล
ซึ่งถ้าไม่มีใครบอกเล่า ตำนานของพระเหนือโลกองค์หนึ่ง อาจจะเลือนหายไป
ในขณะที่คนข้างหลัง อาจจะเพียงแค่รู้จักท่าน เพียงแต่ชื่อที่ปรากฎก็เป็นได้ครับ

​

 

อัตชีวประวัติ " หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน"

ประวัติของหลวงปู่ ยังเป็นปริศนาเพราะท่านไม่เคยเล่า รายละเอียดให้ใครฟัง เพียงแต่บอกเล่าประวัติของท่านคร่าวๆให้ลูกศิษย์ลูกหาฟัง ซึ่งพอจะนำมาประติดประต่อรวบรวมพอสังเขป
หลวงปู่ท่านมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ นาลอง จ.บุรีรัมย์ พออายุได้ ๔ ขวบโยมพ่อก็ได้พาท่านไปอยู่ที่กัมพูชา เมื่ออายุ ๑๒ ปี ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งนุ่งห่มจีวรสีเข้มเดินมาจากใหนไม่รู้ ถามท่านว่ามาจากใหนท่านก็บอกว่ามาจากลังกาป่าหิมพานต์ ท่านเรียกพระธุดงค์องค์นั้นว่า " หลวงปู่ผมยาว "
หลวงปู่ผมยาวถามท่านว่า อยากบวชเณรไหม..ท่านจึงบอกว่าอยากบวช หลวงปู่ผมยาวบอกให้่ท่านไปขออนุญาตพ่อแม่ก่อน ซึ่งพ่อแม่ของท่านนั้นก็ไม่ขัดข้อง จากนั้นหลวงปู่ผมยาวก็บวชให้ท่านเป็นสามเณร พอเสร็จพิธีหลวงปู่ผมยาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นหลวงปู่ก็เริ่มปฏิบัติธรรมภาวนา จิตใจดื่มด่ำอยู่ในองค์ภาวนา ตี๔ตี๕ ตื่นขึ้นมาทำวัตรสวดมนต์ กวาดลานวัด สวดมนต์เย็นทำสมาธิพอถึง ๔ ทุ่ม ก็เข้าจำวัด จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี วันเวลาผ่านไปแล้ว 12 ปี อายุของท่าน ๒๔ ปีท่านจึงมีความคิดที่จะบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อปฏิบัติธรรมให้รุดหน้ายิ่งๆขึ้น
ในขณะนั้นท่านได้มาพักปฏิบัติธรรมอยู่ในดินแดนเขมรอยู่หลายปี จนท่านสามารถอ่านและเขียนภาษาเขมรได้ เมื่อมีความต้องการบรรพชาอุปสมบท ณ วัดแห่งหนึ่งในเมืองพนมเปญ
เมื่อได้ฤกษ์บวชพระกรรมวาจาจารย์ พระคู่สวด และพระอันดับมาพร้อมเพียงกันในพระอุโบสถ ขาดแต่พระอุปัชฌาย์ซึ่งท่านกำลังเดินทางมา อยู่ๆหลวงพ่อผมยาวที่เคยบวชให้ท่านเมื่อ ๑๐ ปีก่อนก็ปรากฎกายขึ้นที่อาสนะของพระอุปัชฌาย์พร้อมสั่งให้ท่านเริ่มพิธีขอบรรพชาทันที จนพิธีอุปสมบทนั้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์โดยท่าน ได้รับฉายาว่า "ฐิตมโน " จากนั้นท่านจึงคลานเข้าไปหาพระอุปัชฌาเพื่อขอนิสัย ซึ่งพระอุปัชฌาหรือหลวงปู่ผมยาว ได้ให้โอวาทกับพระบวชใหม่ แล้วท่านก็แสดงปาฏิหารต่อหน้าพระภิกษุในโบสถ์ รา่งของท่านลอยขึ้น เหนืออาสนะประมาณศอกครึ่ง แล้วท่านก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาพระทุกรูปในอุโบสถ

ที่มา : หนังสือ "รวยทันตา " หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน พระเหนือโลกลึกลับผู้อยู่เหนือกาลเวลา เขียนโดย คุณ ภักดีภูริ

 

https://www.facebook.com/photo.php?v=288969821263616

#พระโพธิสัตว์ทิจ #กวาง #ดิ๊ก
ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของเวียดนาม รัฐบาลของ โง ดินห์ เดียม ได้เริ่มกีดกันไม่ให้ความเท่าเทียมกันทางศาสนา ด้วยนายโง ดินห์ เดียม ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์พยายามให้ประชาชนเวียดนามส่วนใหญ่นับถือพุทธนิกายมหายานเปลี่ยนมาให้นับถือศาสนาคริสต์ ด้วยวิธีการกดขี่ เข่นฆ่าอย่างทารุณโหดเหี้ยมไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ แม่ชีและศาสนิกชนทั่วไป
พระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก อายุ ๗๓ ปี จากวัดเทียนมู่ เมืองเว้ ได้ประกาศอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพุทธศาสนาโดยประกาศเผาตัวเองเพื่อทำการประท้วงรับบาลแต่รัฐบาลของ นายโง ดินห์ เดียม หาสนใจไม่ แล้ววันที่โลกตะลึงก็มาถึง
๑๑ มิถุนายน ๒๕๐๖ กลางสี่แยกของกรุงไซ่ง่อนพระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก ก็ได้นั่งลงกลางสี่แยกไฟแดงท่ามกลางสายตาของพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี และศาสนิกชนหลายพันคน ท่านนั่งประนมมือทำสมาธิสั่งให้ลูกศิษยืนำน้ำมันเบนซินจากถังประมาณ ๕ ลิตร ราดลงไปบนตัวของท่าน จนชุ่มโชกไปด้วยน้ำมัน จกนั้นก็จุดไฟ
ท่ามกลางกองเพลิงที่ลุกโชนเปรวไฟอันร้อนแรงแผ่ความร้อนมาถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตลึง ร่างของท่านนั่งนิ่งสงบไม่ไหวติงไม่มีอาการทุรนทุราย พระภิกษุ แม่ชี และเหล่าสาสนิกชนต่างก้มลงกราบท่านด้วยความเคารพและศรัทรา สักพักร่างของท่านจึงล้มลงกับพื้นถนน
หลวงปู่ละมัยซึ่งได้ธุดงค์ไปถึงเวียดนามในขณะนั้นท่านก็อยู่ในเหตุการณ์การสละชีพเพื่อเป็นพุทธบูชาของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดิ๊ก ก็กำหนดจิตดูก็รู้ว่า "ท่านได้เข้าฌานสมาบัติแยกจิตออกจากกาย" ตั่งแต่ที่เริ่มลาดน้ำมันที่ตัวท่านแล้ว ดังนั้นร่างของท่านจึงไม่รับรู้เวทนาจากเปลวเพลิงที่ร้อนแรง จิตที่สละชีวิตเพื่อพุทธศาสนาเพื่อเป็นพุทธบูชาอันเป็นภูมิธรรมของ "พระโพธิสัตว์"
หลังจากเปลวไฟสงบลง หลวงปู่ละมัยได้เข้าไปกราบนมัสการสังขารที่ไหม้เกรียมเป็นตอตะโกของท่าน จากนั้นร่างของท่านก็ถูกนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ณ วัดเทียนมู่ และสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น "หัวใจ" ของท่านมิได้ไหม้ไฟไปกับพิธีฌาปนกิจ เหมือนเป็นการยืนยันว่า หัวใจของท่านเป็นหัวใจของ "พระโพธิสัตว์" แท้จริง ปัจจุบันหังใจของพระโพธิสัตว์ถูกเก็บรักษาไว้ในสถูปทองคำที่วัด จากนั้นหลวงปู่ละมัยก็เดินธุดงค์ต่อไปในดินแดนเวียดนามอีกหลายพรรษา

Cr.ข้อมูลจากหนังสือหลวงปู่ละมัย ฐิตมโน รวยทันตา พระโบราณลึกลับผู้อยู่เหนือกาลเวลา สวนป่าสมุนไพร เพชรบูรณ์: เขียนโดย คุณภักดีภูริ

 

เรื่องเล่าจากกระทู้เดิม คุณ "บอยโคราช"

ก่อนอื่นขอเล่านิดนึงครับว่าผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่ละมัยมาก่อนครับ ผมก็เก็บพระแต่ไม่ค่อยมากครับ ส่วนมากเก็บแต่สายอีสานครับ (ผมอยู่โคราชครับ)

เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อประมาณ 3-4 วันที่แล้ว ผมฝันไปว่าได้พบเห็นพระรูปหนึ่งในฝัน ยังหนุ่มอยู่ รูปร่างสูงใหญ่ อยู่ในพิธี มีแขกหลายคนมาก พระรูปนั้นได้มาหาผมในพิธีและทำพิธีแก้ดวงชะตาให้ผม และบอกผมว่าให้เอาราหูกะลาตาเดียว (ในฝันองค์ไม่ใหญ่ครับ) ไปบูชา และบอกผมว่า จะรอจนอายุ 136 ปี (ผมยังคิดเลยว่ามีเหรอ พระอะไรอายุตั้ง 135-136 ปี เคยรู้แต่หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินที่อายุมากๆ)

ผมตื่นขึ้นมาก็งงมาก

วันต่อมาเลยสอบถามเพื่อนฝูง คุยๆ ไปเรื่อยๆ พอผมพูดถึงว่าพระจะรอผมจนถึงอายุ 136 ปี เพื่อนผมขนลุกชัน จึงเล่าหลวงปู่ละมัยให้ฟัง (ซึ่งผมไม่รู้จักมาก่อน) แต่เพื่อนผมบอกว่าหลวงปู่ละมัยไม่ได้สร้างราหู

ตกดึกผมจึงมาค้นข้อมูลจากกูเกิลดู ผมขนลุกทั้งร่าง เพราะพระรูปนั้น คือ หลวงปู่ละมัย (แต่ที่ผมเห็นในฝันเป็นหนุ่ม) บรรยากาศในศาลาพิธีที่มีคนมาโพสต์ไว้ ที่สำคัญหลวงปู่อายุ 135 ปี ตะลึงเลยครับ นั่นแหละทำผมขนหัวตั้งเลย...

วันรุ่งขึ้นเพื่อนผมบอกว่า ถ้าเป็นจริงให้หาโอกาสไปกราบให้ได้...

วันนี้ ผมเปิดกระทู้ดู (กระทู้ของคุณเพชรฉลูกรรณ) แทบไม่น่าเชื่อว่าผมจะพบราหูกะลาตาเดียวอันสีดำๆ ตามในฝัน (เพราะผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่ละมัยและเพื่อนก็บอกหลวงปู่ไม่สร้างราหู ผมเลยเฉยๆ คิดว่าคงฝันไปเอง) ตอนที่ผมพิมพ์นี้ผมกำลังขนลุกอยู่เลยครับท่าน... อยากจะร้องไห้ตามไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ครับ

ขอบคุณคุณ เพชรฉลูกรรณ ที่ติดต่อกลับหาผมครับ...

คำพูดของผลวงปู่ในฝันยังก้องอยู่ในหัวผม "จะรอจนถึงอายุ 136 ปี"...

 

อายุของหลวงปู่ละมัยเป็นอจินไตยไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ บ้างก็ว่าท่านอายุ 141ปี บ้างก็ว่า สามร้อยกว่าปี ซึ่งผู้เขียนเองไม่กล้าสรุปได้แน่ชัด แต่ได้ค้นคว้าพอได้ใจความคือ ปีพ.ศ.2545 หลวงปู่บุญมา ถาวโร อายุขณะนั้น108 ปี ท่านต้องการที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ก็เกรงว่าจะไม่สำเร็จ หลวงปู่บุญมา ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า หลวงปู่ละมัยเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน เคยพบกับหลวงปู่ละมัยท่านตอนธุดงค์ ตอนนั้นหลวงปู่บุญมาอายุ 15 ปีได้ หลวงปู่ละมัยท่านจะเป็นผู้ที่สร้างพระธาตุสำเร็จ เพราะท่านมีบารมีมาก หลวงปู่บุญมาท่านได้ปรึกษากับเหล่าศิษยานุศิษย์ และได้ทราบว่า หลวงปู่ละมัยยังดำรงขันธ์อยู่ ท่านจึงให้คณะศิษย์ ไปกราบอาราธนานิมนต์หลวงปู่ละมัย ซึ่งท่านก็รับนิมนต์จนการก่อสร้างสำเร็จ และยกฉัตรไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2552 ซึ่งก็คือ พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี วัดแดนคงคาวนาราม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ นั่นเอง จากข้อมูลนี้ ปี2545 หลวงปู่บุญมา อายุ108ปี ท่านเคยพบหลวงปู่ละมัยตอนอายุ15ปีหรือผ่านมา 93ปี พอจะสรุปได้คร่าวๆว่าหลวงปู่ละมัยท่านต้องอายุร้อยกว่าปีขึ้นไปแน่นอน อย่างที่ผู้เขียนได้แจ้งไว้ก่อนหน้า อายุของหลวงปู่ละมัยเป็นอจินไตย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

​

ที่มา : คุณ ปุ๊ร้อยเอ็ด ผู้เขียนและเรียบเรีบงหนังสือ รวมวัตถุมงคล หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน

 

พอดีเมื่อกี้เห็นภาพ หลวงปู่กับหลวงปู่ละมัยครับ
ครูบาอาจารย์ท่าน สนิทสนม และยกย่องซึ่งกันและกัน
หลวงปู่หมุน ท่านจะเรียก หลวงปู่ละมัยว่า ท่านใหญ่
ซึ่งภาพนี้น่าจะใน ราว ปี ๒๕๔๒ - ๒๕๔๓ ประมาณนั้น

​

 

อีกหนึ่งคำ ที่ทรงคุณค่า บารมีท่านใหญ่ ทำให้ได้คิด หลวงปู่หมุนเกิด 2437

หลวงปู่หมุนเรียกหลวงปู่ลมัย ว่า ''ท่านใหญ่''

​

 

บารมีหลวงปู่หมุน หลวงปู่ลมัย สายอภิญญาเหนือโลก

หลวงปู่หมุน มีพระเหล็กน้ำพี้

หลวงปู่ลมัย มีพระปรอท ยอดในแผ่นดิน

พระเครื่องทรงคุณค่าที่ฝากไว้ในแผ่นดิน


​

 

กราบหลวงปู่ครับ

 

ประสบการณ์ พี่ท่านหนึ่ง เล่าเมื่อครั้งที่เคยเข้าไปกราบหลวงปู่
ขออนุญาตเผยแผ่เป็นธรรมทานครับ

หากใครไปกราบท่านครั้งแรกๆจะตกใจและกลัวมาก เพราะท่านจะพูดแบบภาษาไทยดั้งเดิม และพูดตรงแบบไม่มีเกรงใจใคร เจอครั้งแรกๆโดนท่านดุหน้าหงายกันแทบทุกราย

ตอนผมเจอท่านครั้งแรกๆ พอกราบท่านปุ๊บ ท่านทำเหมือนไม่เห็นผม เดินไปที่อื่นเฉยๆเลย ไอ้เราก็อดทน เดินตามไป ไปคุกเข่ากราบท่านอีก ท่านก็ไม่สนใจมองไปทางอื่น ถามอะไรท่านก็ไม่ตอบ ผมเลยงัดไม้ตายถามท่านเรื่องธรรมะ (จากประสบการณ์ในการไปกราบพระบ่อยๆ ถ้าเป็นพระปฏิบัติแล้วเราถามเรื่องธรรมะการปฏิบัติท่านจะคุยด้วยดี)

พอถามเสร็จ ท่านนหันมามองทันที พร้อมบอกว่า "ที่นี่ไม่มีธรรมะ อยากได้ธรรมะมึงไปสำนักอื่นนู่น" ผมก็หน้าหงายเลย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ นั่งคุกเข่าอยู่กับท่านอย่านั้นไม่ไปไหน สักพักผมก็ถามท่านว่า

ผม - หลวงปู่ครับ พระหลวงปู่เอาไปใช้ภาวนายังไงครับ

หลวงปู่ - (หันไปทำนู่นนี่เหมือนไม่สนใจ แต่ซักพักใหญ่ๆก็หันกลับมาหา) แล้วมึงเคยภาวนามั๊ย!?

ผม - เอ่อ... เคยบ้างครับ

หลวง ปู่ - (หันไปคุยกับคนอื่นเรื่องนู้นเรื่องนี้พักใหญ่ แล้วก็หันกลับมาหาผม) มึงจะเอาโลกียะหรือโลกุตตระ!?

ผม - เอ่อ...โลกุตตระครับ (ไม่รู้จะตอบยังไงดี กลัวตอบว่าโลกียะแล้วท่านจะดุเอาว่า แล้วจะมาภาวนาทำไม)

หลวงปู่ - ... ส้น...ีน!!! (คงเดาไม่ยากนะครับว่า ได้รับพรว่าอะไร) คนเดี๋ยวนี้มันดีแต่พูด มันทำกันได้ที่ไหน แค่ธรรมดายังไม่ได้. นู่นไอ้แก้ว (หมูของหลวงปู่) นู่นมันภาวนาเป็น...(มีพรต่ออีกมากครับ แต่ออกอากาศไม่ได้)

ผม - (ยิ้มสู้อย่างเดียวครับ)

หลวงปู่ - (ดุอยู่พักใหญ่ แล้วหันไปคุยกับคนอื่น แต่คงเห็นผมเป็นพวกดุก็ไม่หนี เลยหันกลับมาสอน) มันมีแค่ นิจจัง กับ อนิจจัง เท่านั้น โลกุตตระมันมีแค่นี้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้็มันสอนอะไรกัน...(ดุต่ออีกชุดครับ)

(ลองพิจารณานะครับ ธรรมะท่านลึกซึ้งมาก ธรรมะทั้งปวงมีแค่ นิจจังคือคามเที่ยง และ อนิจจังคือความไม่เที่ยง นั่นก์คือทุกสิ่งในโลกนี้มีแค่ เกิด กับ ดับ เท่านั้น)

หลังจากท่านดุอยู่พักใหญ่ แล้วเห็นผมยังคงคุกเข่าเฉยอยู่ด้วยความเคารพ ยิ้มไปเรื่อย ไม่แสดงท่าทีไม่พอใจ ท่านก็เปลี่ยนเป็นคนละคน หันมายิ้มแย้มสอนธรรมะและเล่าเรื่องราวมหัศจรรย์ต่างๆให้ฟังมากมาย แล้วท่านก็มอบพระองค์นี้ให้ พร้อมเป่าหัวให้ด้วยรอยยิ้มที่เมตตามากๆ

หลวงปู่ละมัย นับเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาเหนือโลก และสำเร็จวิชาปรอทและการเล่นธาตุต่างๆอย่างยากที่จะหาใครเทียมได้ในยุคปัจจุบัน แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว ผมก็ยังคงระลึกถึงท่านด้วยความเคารพยิ่งเสมอ

Cr : คุณ Robtis Waiyasusri

 

สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่นั้น ท่านจะแฝงไว้ด้วยคติธรรม ตามแบบฉบับของท่าน
หนึ่งในนั้น คือปิรามิด ที่ท่านเทด้วยปรอท ใครที่ทราบกิตติศัพท์ กิตติคุณ ต่างต้องการ
ที่จะมีไว้ครอบครอง เพราะปรอทที่ท่านทำนั้นมี คุณเป็นอนันต์ คือใช้ได้หลากหลายด้านมาก ส่วนถ้าใครจะมองในเชิงพุทธศาสตร์ก็จะได้อะไรมากมาย จากปิรามิดของท่าน
มีคนเคยถามผมเหมือนกัน ว่าปิรามิดของท่าน มีอุปเท่ห์ มีความหมายอย่างไร
ซึ่งผมก็คิดเอาตามสติกำลัง ลูบคลำไปตามประสา

ฐานของปิรามิด..จะเป็นรูปสีเหลี่ยม เอาความหมายอันสูงสุด คงหนีไม่พ้นธรรมทั้ง หลายย่อมรวมลงใน "อริยสัจ" ซึ่งไม่ว่าจะเรียกยอดแห่งธรรม หรือจะว่าธรรมอันเป็นพื้นฐาน หรือ ธรรมทั้งหลายย่อมแตกออกจาก " อริยสัจ " ทั้งสิ้น

"ยอดของปิระมิด...หากกล่าวถึงสิ่งอันเป็นหนึ่ง ในพุทธศาสน์แล้ว คงแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจาก พระนิพพาน

ด้านทั้งสี่...ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ หากจะขึ้นยอดเขา ไม่ว่าเราจะขึ้นฝั่งใหน เมื่อถึงยอดเขาแล้ว ก็จะรู้ชัดว่าอยู่ยอดเขาแล้ว ไม่ว่าจะขึ้นมาทางด้านไดก็จะถึงที่หมายด้วยกันทั้งสิ้น ทางดำเนินทั้งสี่ทางนี้ จะหมายเอาเป็น "สติปัฐฐานทั้งสี่"ก็ไม่ผิด

แต่ละด้านเป็นรูปสามเหลี่ยม...องค์ประกอบของสามเหลี่ยมที่จะก้าวขึ้นไปถึงยอด คงหนีไม่พ้น ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งทั้งองค์ประกอบทั้งสามอย่างนี้ ก็เพื่อจะรู้แจ้ง ในความจริงทั้งสามอย่างคือพระไตรลักษณ์ ( อนิจัง ทุกขัง อนัตตา )

ผมคิดตามแบบของคนไม่ได้ร่ำเรียนครับ ไม่บังอาจจะไปรู้เท่าทันครูบาอาจารย์ ผิดถูก ก็คงไม่เป็นโทษเป็นภัย จุดประสงค์แค่ต้องการบอกเล่าเท่านั้นครับ

​

 

กราบนมัสการหลวงปู่

ตะกรุด สอง พระอภิญญาเหนือโลก หลวงปู่หมุน หลวงปู่ลมัย หนังเสือเสกตั้งแต่ รวยทันใจ เปลี่ยนเป็นตะกรุด เมื่อรวยทันตา ทรงคุณค่าหายากพลิกแผ่นดิน


​

 

ในนี้เชื่อได้ว่าใครเจอแบบนี้ ...ต้องมีสั่น

​

 

หลวงปู่สอนธรมอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ใน ปฏิทินครับ
ผมเลยตัดใส่กรอบแขวนไว้ที่ร้านเรียบร้อย

​

 

สาธุ กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ครับ

 

สาธุ ครับ

 

พระเครื่องในนามหลวงปู่ อีกชุดหนึ่งที่เป็นพิมพ์ที่สอนธรรมได้เป็นอย่างดี
คือพระปิดตา เนื้อปรอท พิมพ์ตาทิพย์ หูทิพย์ และปากทิพย์ครับ

หมายถึงการสำรวมใน "อายตนะ" ซึ่งเป็นการสอนธรรมได้อย่างดีเยี่ยม
ผู้ใคร่ในธรรม ควรน้อมเข้าใส่ตน
[/SIZE][/COLOR][/I]

​

 

ภาพนี้หลวงปู่ท่านเมตตาโยนมาให้ผมปึ๊งนึงแล้วท่านบอกให้เอาไปแจกต่อๆกัน

ผมเก็บภาพนี้ไว้ใส่กระเป๋าสตางค์ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ครับ

กราบระลึกในความเมตตาของหลวงปู่ครับ

 

ใครมีวัตถุมงคลหลวงปู่ มีประสบการณ์ด้านต่างๆ อยากบอกเล่าปฏิปทา ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน เต็มที่ในกระทู้นี้เลยครับ
สำหรับผมตอนนี้ นิมนต์องค์นี้เป็นองค์ประธานประจำกายครับ
เหรียญหล่อพระพุทธ ชินบัญชรเพชรกลับ รศ.๒๒๘

​