บุญที่มนุษย์สามารถทําให้ได้ผลสูงสุด

<b><big><big>บุญที่มนุษย์สามารถทําให้ได้ผลสูงสุด </big></big></b> พระพุทธเจ้าตรัสว่า...
ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับคนไม่มีศีลแม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานกับคนไม่มีศีล 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับผู้มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าให้ทานผู้มีศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานผู้มีศีล 10 แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานผู้มีศีล 10 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแด่สมมุติสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่สมมติสงฆ์ 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระโสดาบันแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่พระโสดาบัน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระสกิทาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานพระอานาคามีแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระอนาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานให้พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแด่พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายเพียงครั้งเดียว
ถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทานครั้งเดียว
ถวายวิหารทาน 100 หลัง ยังได้บุญน้อยกว่าให้ธรรมทานครั้งเดียว
ให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานครั้งเดียว
อภัยทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าถือศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 10 ครั้งเดียว ( ถือศีล 10 คือบวชเป็นสามเณร)
บวชเป็นสามเณร รักษาศีลไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญยังน้อยกว่าผู้อุปสมบทเป็นพระ แม้บวชเพียงวันเดียว

พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า

 

จะทำบุญอย่างไหนดีหละทีนี้ ก็อย่าให้พระท่านอดเพราะกระทู้นี้แล้วกันเด้อ

 

จริงด้วย ครับทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง แต่ก่อนเที่ยงต้องกินข้าว ไม่งั้นกระเพาะไม่เที่ยง

 

จะมาเลือกทำเฉพาะข้อที่บุญมากไม่ได้ เพราะบุญแต่ละอย่างจะมีอนิสงค์ที่แตกต่างกัน

จะมาเลือกทำเฉพาะข้อที่บุญมากที่สุดไม่ได้ เพราะบุญแต่ละอย่างจะมีอนิสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น

*ขอยกตัวอย่างเพียงเบื้องต้นพอสังเขปเพียง 5 ข้อ
1.ทานมัย อนิสงค์ ทำให้ผู้นั้นร่ำรวย
2.สีลมัย อนิสงค์ ทำให้ผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตา สวยงาม สง่างาม
3.ภาวนามัย อนิสงค์ ทำให้ผู้นั้นมีสติปัญญาทางธรรมสูง
4.อปจายนมัย อนิสงค์ ทำให้ผู้นั้นเกิดในตระกูลสูง
5.ไวยยาวัจจมัย อนิสงค์ ทำให้ผู้นั้นมักทำสิ่งใดก็สำเร็จผล

*ถ้าเราเลือกทำบุญเพียงข้อเดียว เราก็จะได้อนิสงค์เพียงประการเดียว...และบุญข้ออื่นๆที่เราไม่ทำ เราก็ไม่ได้รับอนิสงค์นั้น

ยกตัวอย่างคือ สมมุติว่า นาย ก. ชอบเจริญภาวนา แต่ไม่เคยบริจาคทานเลย...ผลคือนาย ก. จะต้องเกิดมายากจน แต่มีสติปัญญาทางธรรมสูง

เราชาวพุทธต้องทำบุญให้ครบ "บุญกิริยาวัตถุ 10" เพื่อเวลาที่เราต้องกลับมาเกิดในมนุษย์ภูมินี้อีก เราจะได้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน

มนุษย์ที่เราพบเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ บางคนจน เพราะในอดีตชาติไม่เคยให้ทาน บางคนรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ เพราะในอดีตชาติศีลบกพร่อง บางคนเกิดในตระกูลต่ำ เพราะในอดีตชาติเป็นคนแข็งกระด้างไม่อ่อนน้อม

คำกล่าวที่ว่า "ผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มาจากการปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิต ได้บุญมากที่สุด" นั้นหมายถึง มีอนิสงค์มากในแง่ของการที่จิตของผู้นั้น สามารถบรรลุธรรมได้ง่าย มีจิตที่น้อมไปที่จะเข้ากระแสแห่งมรรคผลนิพพาน และใกล้มรรคผลนิพพานกว่าปุถุชนคนทั่วๆไป ไม่ได้หมายความว่าให้ทำบุญข้อนี้ข้อเดียว ข้ออื่นไม่ต้องทำ

เราชาวพุทธผู้มีปัญญา ไม่ใช่มาเลือกทำบุญเฉพาะข้อใดข้อหนึ่ง ต้องทำบุญให้ครบ "บุญกิริยาวัตถุ 10" หรือจะสรุปย่อๆคือ ทาน-ศีล-ภาวนา ต้องครบบริบูรณ์

พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสไว้ว่า ควรงดเว้นจากบาปทั้งปวง แล้วหมั่นให้ทาน-รักษาศีล เมื่อทุกอย่างบริบูรณ์แล้วจึงมาเจริญภาวนา จึงจะสำเร็จผล เพราะการผิดศีลข้อใดข้อหนึ่งมันจะเป็นเครื่องขวางกั้นไม่ให้บรระลุธรรมชั้นสูงๆได้

คนที่ไม่ให้ทานมีความตระหนี่ และศีลบกพร่อง ถึงไปเจริญภาวนา เจริญสติยังไง มรรคผลก็ไม่เกิด

*หมายเหตุ การที่จะได้มาซึ่ง "ญาณปัญญาแห่งรูปนาม ขึ้นกับกฏพระไตรลักษณ์" หรือ "ญาณ ๑๖" นั้น จะต้องได้มาในขณะเจริญสติในแบบ "สติปัฏฐาน ๔" เท่านั้น ไม่ใช่มานั่งอ่านนั่งท่องเอา แล้วมาสำคัญตนเองผิดคิดว่าตนเองเป็น "พระโสดาบัน" นะครับ

**สรุปปิดท้ายคือ เราชาวพุทธต้องทำบุญให้ครบ "บุญกิริยาวัตถุ 10" เพื่อเวลาที่เราต้องกลับมาเกิดในมนุษย์ภูมินี้อีก เราจะได้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และเมื่อบุญทุกอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ดีแล้ว ก็ง่ายกับการเจริญภาวนาเพื่อบรรลุมรรคผลด้วย....สาธุ สาธุ สาธุ
--------------------------------------------------------
บุญกิริยาวัตถุ 10
1.ทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการบริจากทาน
2.สีลมัย บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล
3.ภาวนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
4.อปจายนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงตนเป็นคนอ่อนน้อม
5.ไวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จด้วยการขวานขวายช่วยในกิจการที่ชอบ
6.ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
7.ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
8.ธัมมสวนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการฟังพระสัทธรรม
9.ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงพระธรรมเทศนา
10.ทิฏฐุชุกรรม การกระทำความรู้ความเห็นแห่งตนให้ตรง (เชื่อว่า บาป-บุญมี ,นรก-สวรรค์มี ,ชาตินี้-ชาติหน้ามี , เชื่อหลักไตรลักษณ์ อนิจจัง-ทุกข์ขัง-อนัตตา)
----------------------------------------------------

 

อนุโมทนากับคุณ rinnn กับคุณ Sittirat ครับที่ให้ความรู้ ขอบคุณครับ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ทำทานไม่เคยเลือก
เหมือนเก็บ เศษงา สักวันคงได้เต็มช้อน
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อ

 

http://palungjit.org/showthread.php?t=150712

 

อนุโมทนา สาธุ

ผมทำบุญไม่ได้คิดว่าจะไปสวรรค์ แต่คิดว่าทำแล้วมีความสุขครับ

 

ขอบคุณค่ะ

 

ผมเองก็เกิดจิตเมตตา ทุกครั้งที่แผ่เมตตาครับ

 

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

--------------------------------------
<!-- / message -->
<!-- / message -->รักษาศีลให้ได้ มีสุคติเป็นที่ไปแน่นอน
รักษาศีลให้ได้ มีโภคทรัพย์แน่นอน
รักษาศีลให้ได้ มีนิพพานเป็นที่ไป และเข้าถึงแน่นอน
;aa13<!-- / message -->
<!-- / message -->
<!-- / message -->