นิพพานไม่มีขันธ์ ไม่มีแดน สัมผัสไม่ได้.....ของลวง

<HR style="COLOR: #cccffc" SIZE=1> <!-- / icon and title --><!-- message -->

"โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"
ก็ขันธ์ 5 ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ดับแล้ว คือ พระนิพพาน
แล้วจะเอาขันธ์ที่ไหน มาปรากฏอีกเล่า ถ้ายังมีขันธ์ ก็ยังไม่ได้นิพพาน ถ้า มีแดนเกิด ก็ยังไม่ใช่นิพพาน เป็นเพียง ภพใดภพหนึ่ง...
หลวงพ่อ ท่านก็สอนผิด....คนก็จำกันผิดๆ......หูตาสว่างกันสักที
วิญญานขันธ์ กับ จิต ก็ ความหมายเดียวกัน วิญญานขันธิ์ดับ ก็ จิตดับนั่นแหละ...นี่แสดงว่า ไม่ได้ศึกษา พระอภิธรรม อย่างท่องแท้..
มนุษย์ทั้งหลาย จงศึกษา พระไตรปิฏกให้มากๆ ให้กว้างขวาง จะเข้าใจพระนิพพานได้ดี อย่าได้เชื่อ หรือศรัทธา โดยขาดปัญญา ฟังเอาเพียงท่านเดียว หรือผู้เดียว ....มีครูอาจารย์หลายท่านที่ยังสอน เรื่องนิพพานผิดๆอีกมาก .....ท่านจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไป.....
อย่าได้เชื่อข้าพเจ้า แต่จงศึกษาให้กระจ่าง ทั้งปฏิบัติและปริยัติ..
เมื่อท่านฝึกสมาธิ...จิตเป็นสมาธิ...ท่านจะเห็นเปรต เทวดา พรหม อาไรก็แล้วแต่ หรือ หลวงปู่ใดๆ ขอจงระลึกเถิดว่า ท่านเห็นได้จริงไหม และที่ท่านเห็นนั่น เป็นของจริงไหม...
ของจริงมี ของลวงมี อย่าเชื่อโดยขาดปัญญา .. แม้แต่พระพุทธองค์ยังมิให้เชื่อพระองค์เองเลย ให้ปฏิบัติก่อนแล้วจึงควรเชื่อ..

พระสุตตันปิฏก ขุททกนิกาย อุทาน ปาฏลิคามิวรรค<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

ทรงเปล่งอุทาน ปรารภพระนิพพาน<o></o>

 

จิต..ไม่มีวันตาย.... เป็นอมตะ....

.... แม้แต่หลวงปู่มั่นพระอรหันต์องค์สำคัญแห่งยุคกึ่งพุทธกาล ... ท่านยังบอกเลยว่า... ตอนที่ท่านบรรลุอรหันต์ใหม่ๆนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์ต่างๆ มาแวะเยี่ยมเยียนท่าน มาสนทนาธรรมด้วย.... หลวงตาบัวได้บันทึกข้อมูลไว้ใน หนังสือ ประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต...ทดสอบดูพระธาตุท่านได้ แสดงอภินิหารบ่อยๆ ... แม้แต่พระอรหันต์องค์อื่นยังเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นตั้งเยอะตั้งแยะ.... ถ้าเขาเข้าใจผิดๆ ... ก็ขอจงรู้ว่าคุณปฏิบัติถึงท่านหลวงปู่มั่นหรือยัง... ที่พูดนี้ก็เพื่อแสดงความคิดเห็น ...อย่ากล่าวอะไรที่เป็นการออกแนวปรามาสเพราะเท่าที่สังเกตคือ คุณเป็นนักปริยัติ คุณไม่ใช่นักปฏิบัติ... ถ้าจะเอาจริงๆ ก็ลองอธิษฐานดูนะว่า.. ... ผมยังเสียวๆเลยว่า คุณศาสนาอื่นหรือเปล่า .. เพราะมีความรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้

 

ขอเรียนดังนี้สำหรับการตอบกระทู้นี้นะครับ
1.มิได้มีเจตนาก่อให้เกิดความร้าวฉานในพุทธศาสนิกชนแต่อย่างใดจะจำไว้ว่าอันนี้เป็นข้อคิดเห็น(ซึ่งย่อมมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห้นด้วย)จงอย่าถือเป็นเป็นหลัก
2.ถ้ามีส่วนที่ผิดไปทั้งพระบาลีและ/หรือความเป็นจริงโดยปรมัตถธรรมแล้วก็ขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพ พรอริยเจ้า พระสุปัฏฏิปันโน และองค์สาวกของพระศาสดาทั้งหลาย รวมถึง พรหม เทวดา และผุ้มีศีล และความมีสัมมาทิฐฐิ ทั้งหลายทั้งปวงจงโปรดละ และอโหสิกรรมแด่กระผมผู้มีเจตนาดี ที่จะทำนุบำรุงพระศาสนาโดยมิมีเจตานาอื่นแอบแฝงเลยอย่างแท้จริง
3.ขออนุญาตหยิบเอาข้อมูลของคุณ naritมาชี้แจงว่าสิ่งใดถูก(ซึ่งหมายถึงตรงกับความเห็นของผมไม่ได้แปลว่าถูกเสมอไป)และสิ่งใดผิด(คือไม่ตรงกับความเห็นของผมแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป)
ดังนี้
1.นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"
ก็ขันธ์ 5 ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ดับแล้ว คือ พระนิพพาน
แล้วจะเอาขันธ์ที่ไหน มาปรากฏอีกเล่า ถ้ายังมีขันธ์ ก็ยังไม่ได้นิพพาน ถ้า มีแดนเกิด ก็ยังไม่ใช่นิพพาน เป็นเพียง ภพใดภพหนึ่ง... อันนี้ถูกทุกประการโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
2หลวงพ่อ ท่านก็สอนผิด....คนก็จำกันผิดๆ......หูตาสว่างกันสักที
วิญญานขันธ์ กับ จิต ก็ ความหมายเดียวกัน วิญญานขันธิ์ดับ ก็ จิตดับนั่นแหละ...นี่แสดงว่า ไม่ได้ศึกษา พระอภิธรรม อย่างท่องแท้.. อันนี้ถ้าหมายถึงหลวงพ่ฤาษี และ/หรือหลวงปู่สด ผิดอย่างใหญ่หลวง และมหาศาล ขอจงศึกษาวิธีการปฏิบัติของทั้ง 2 แนวอย่างท่องแท้เสียก่อนที่จะกล่าว วิจารณืและพาดพิงถึง ผู้ทรงศีลและคุณธรรมเหนือกว่า อย่างน้อยก็มากกว่าศีล 5 อย่างสามัญชน
แต่ในกรณีที่ว่า จิตดับนั้นถูกต้อง จิตดับแน่ๆ เพราะจิตคือ วิญาณขันธ์ คือสภาวะรับรู้อารมณ์ คุณคงเข้าใจว่าหลวงพ่อท่านว่าเอาจิตขึ้นไปพระนิพพาน อันนี้ไม่ใช่นะครับไปศึกษาให้กระจ่างสักนิดจะเข้าใจ...........แม้ในอรรถก็เข้าใจได้ถ้ามีบุญมากพอ
3.จิตเป็นสมาธิ...ท่านจะเห็นเปรต เทวดา พรหม อาไรก็แล้วแต่ หรือ หลวงปู่ใดๆ ขอจงระลึกเถิดว่า ท่านเห็นได้จริงไหม และที่ท่านเห็นนั่น เป็นของจริงไหม... อันนี้ก็ถูกครับแต่ต้องใช้ความคิดให้ลึกซึ้งนะครับ คุณอาจจะยกหยิบเอาคำพูดของพระอริยะเจ้าบางท่านมาให้เราอ่านกันแต่ท่านต้องตีความจริงๆโดยใช้ปัญญานะครับ(ถ้าให้ดีต้องเป็นวิปัสนาปัญญา ไม่ใช่วิปัสนึกเอาเองนะครับ= คือไม่ได้เอามาจาก สัญญาขันธ์ จากการสั่งสมเก่าๆ ในชาติไหนๆๆต่อไหนๆๆหรือชาตินี้มานะครับ)
ประโยคที่ว่า "เค้าเห็น อินทร์ พรหม ยมยักษ์ หนะเค้าเห็นกันจริงๆ แต่ สิ่งที่เค้าเห็นนั้นมันไม่จริง คำว่าไม่จริงของจริง ซึ่งตีความได้ 2 แบบคือ 1. ไม่ใช่ของที่เป็นจริงในสมาธิ คือเป็นนิมิต หรือภวังคจิต 2. ไม่ใช่ของที่เป็นจริง ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ " ซึ่งในความเป็นจริงแล้วท่านได้ริที่จะปฏิบัติหรือยังครับ ถ้ายังก็ลองทำดูจะได้รู้ว่าที่เป็นไม่จริงหนะ คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ยังไม่ที่สุดครับ คือยังครองขันธ์ 5 อยู่ ยังมี จิต เจตสิก รูปอยู่
ครับผมส่วนคุณน้องkoamon หนะน่ารักมากๆๆ ที่ มีความคิดปกป้องพระศาสนาอย่างจริงจัง อนุโมธนาครับ แต่ไม่อยากให้กล่าวว่าคุณ narit เพราะผมเชื่อว่าคุณเค้าก็มีความคิดที่จะปกป้องและรักษาไว้ซึ่งรากฐานของพระศาสนาของเราครับ ....เพราะคุณเค้าก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าการคิดปรามาศพระ หรือผู้มีศีลเหนือกว่าแม้เพียงผุ้มีศีล 5 ครบอันบริสุทธิ์นั้นจุดจบจะเป็นอย่างไร....แม้แค่คิดนะครับ...........ทุกขติ ปาฐิกํขา

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1>เราปฏิบัติเพื่อความดับ.....ถ้ายังปราถนา จะไปสถิตย์ที่ใด ก็ยังไม่ดับได้หรอกครับ ยังปราถนาที่จะมีภพภูมิอยู่นี่ ยังปราถนา อมตะอยู่นี่ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่มีที่ใดอมตะ
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2> -----อันนี้นะครับ อยากให้ท่านไปศึกษาคำว่า ธรรมะฉันทะ นะครับท่านจะกระจ่าง</TD><TD class=alt1 align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ของอย่างนี้ ผมว่านะ ถ้าอยากรู้ต้องปฎิบัติเอง มัวแต่ฟังคนนู้นทีคนนี้ที จนลังเลทำให้เกิดความสับสนสงสัยมาโดยตลอด ดีไม่ดีเผลอไปปรามาสเอาโดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีที่สุดนะผมว่า ควรปฎิบัติตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ดำรัสไว้ว่า " ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา " ก็คือถ้าอยากรู้ว่าพระนิพพานเป็นอย่างไร ก็ควรที่จะปฎิบัติเอง รู้ด้วยตัวเอง นั้นแหละ ถึงจะถูกต้องที่สุด

 

คุณพฤติจิตตอบได้กระจ่างดีนะครับ

ยังไงคุณ narit ก็ต้องลองปฏิบัติด้วยตัวเองดีกว่านะครับ

จริง ๆ การที่เราไม่ได้เชื่ออะไรโดยง่ายเนี่ย มันก็เป็นข้อดี

แต่ก็ต้องหาทางพิสูจน์ข้อสมมตินั้น ๆ ด้วย

ก็จะดีที่สุดครับ

ผมว่านะ

 

ขอแย้งคุณ Narit ครับ

1. อุทกกดาบส อาฬาลดาบส ท่านยินดี ท่านยึดมั่นอยู่ใน อารมณ์ของเนวสัญญาฯ สิ่งนี้แม้ทรงอารมณ์ขณะมีชีวิตก็ไม่มีใครติดต่อด้วยได้ ทั้งตนเองก็ไม่ใยดีกับการรับรู้อะไรทั้งนั้น เมื่อท่านทั้งสองยินดีเข้าอรูปภพนี้เป็นอันจบ จนกว่าจะออกจากภพนี้แล้วมาพูดกันใหม่ พระพุทธเจ้าท่านไม่สอนแก่อภัพพสัตว์ อภัพพสัตว์คือผู้ที่ปิดกั้นหนทางสู่ความเจริญของตัวเอง ท่านเลือกสอนนะครับ พระธรรมที่ท่านตรัสรู้ไม่ใช่สินค้าราคาถูก ไม่เคยมี Midyear Sales
2. ผมนี่แหละเคยเห็นพระที่ดับขันธ์แล้วกลางวันแสกๆด้วยตามนุษย์นี่แหละไม่ได้เข้าฌานอะไร ทั้งสุขภาพร่างกายตอนนั้นก็ปกติดี ดังนั้นจะว่าภาพลวงภาพหลงก็คงฟังลำบาก จะเอาผมไปฆ่าไปแกงที่ไหนผมก็ยังคงยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าพระที่ท่านดับขันธ์แล้วท่านไปอยู่ที่เดียว ที่นั้นสูญจากกิเลส ( นอกนั้นว่าตามที่คุณลอกตำรามาเขียนกระทู้นี้ ) และมาให้เราเห็นเป็นบุญตาก็ยังได้ " เราเปิดเครื่องรับท่านหรือเปล่า ? "
3. คุณจะใกล้ความเป็นชาวพุทธมากขึ้นนะครับถ้าลองฝึกสมาธิอะไรก็ได้สักอย่างสองอย่างเป็นปฏิบัติบูชาเพื่อสนองคุณท่านเจ้าของพระศาสนา ดูแต่ฝรั่งเขาอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนาเรียนสูงถึงปริญญาเอกและเป็นนักวิทยาศาสตร์เขายังมีความชื่นชมฝึกกรรมฐานและก้าวหน้าเสียด้วย
4. คุณ Narit จะมีความเห็นอย่างไรเป็นสิทธิของคุณนะครับ เพราะความเห็นของพุทธศานิกชนมีหลายแนวมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมีคุณที่คิดออกในลักษณะนี้

 

โลกนี้วุ่นวายหนอ

 

เถียงกันไปก็เปล่าประโยชน์ครับ ทำใจให้สงบ ทำนิพพานให้แจ้งด้วยตนเองดีกว่าครับ ดีกว่าไปถกเถียงกัน ในเรื่องเหล่านี้ว่ามีไม่มียังไง เมื่อถึงก็รู้เองแหละครับ ตามคำที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคตเจ้า

 

ขอเรียนดังนี้สำหรับการตอบกระทู้นี้นะครับ
1.มิได้มีเจตนาก่อให้เกิดความร้าวฉานในพุทธศาสนิกชนแต่อย่างใดจะจำไว้ว่าอันนี้เป็นข้อคิดเห็น(ซึ่งย่อมมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห้นด้วย)จงอย่าถือเป็นเป็นหลัก
2.ถ้ามีส่วนที่ผิดไปทั้งพระบาลีและ/หรือความเป็นจริงโดยปรมัตถธรรมแล้วก็ขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ขีณาสพ พรอริยเจ้า พระสุปัฏฏิปันโน และองค์สาวกของพระศาสดาทั้งหลาย รวมถึง พรหม เทวดา และผุ้มีศีล และความมีสัมมาทิฐฐิ ทั้งหลายทั้งปวงจงโปรดละ และอโหสิกรรมแด่กระผมผู้มีเจตนาดี ที่จะทำนุบำรุงพระศาสนาโดยมิมีเจตานาอื่นแอบแฝงเลยอย่างแท้จริง
3.ขออนุญาตหยิบเอาข้อมูลของคุณ naritมาชี้แจงว่าสิ่งใดถูก(ซึ่งหมายถึงตรงกับความเห็นของผมไม่ได้แปลว่าถูกเสมอไป)และสิ่งใดผิด(คือไม่ตรงกับความเห็นของผมแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป)
ไม่ได้เถียงนะครับ....ย้ำ

 

อืม
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่า ดับขันข์แล้วก็ยังติดต่อได้ ก็คือ พระโมคคัลลาน์ ไงล่ะครับ พระโมคคัลลาน์ท่านเป็นพระอรหันต์ถูกโจรทุบตาย เพราะเศษกรรมที่เคยถูกยุยงให้ฆ่าพ่อแม่ เมื่อขันท์ท่านแตกดับแล้ว ท่ายังใช้ฤทธิ์ รวบรวมสร้างกายขึ้นมาใหม่ แล้วเหาะไปลาพระพุทธเจ้าได้เลยครับ ขนาดพระอรหันต์ยัทำได้ขนาดนี้ ผมย่อมไม่สงสัยในพุทธวิสัยขอพระพุทธเจ้าครับ

 

ตาบอดคลำช้าง...

 

ดีชั่วย่อมรู้กันในที่สุด โต้เถียงกันทำไม